"หลายคนอาจจะเคยได้ยินเกี่ยวกับดอกเบี้ยทวีคูณหรือดอกเบี้ยทบต้น ซึ่งเห็นว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือมหัศจรรย์ เมื่อนักลงทุนได้รับผลตอบแทนแล้วนำกลับไปลงทุนซ้ำอีกครั้ง (Reinvest) ยิ่งสะสมการลงทุนในระยะยาว ดอกเบี้ยทบต้นก็จะยิ่งให้ผลตอบแทนแบบทวีคูณ ดังนั้น เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณ เรามารู้จักดอกเบี้ยทบต้นคืออะไรกันก่อนดีกว่าค่ะ"
ดอกเบี้ยทบต้น คืออะไร?
ดอกเบี้ยทบต้น คือ ดอกเบี้ยที่ถูกคำนวณจากเงินต้นรวมกับดอกเบี้ยในงวดก่อนหน้า หลังจากนั้น ยอดรวมนี้จะถูกคำนวณกับดอกเบี้ยในงวดถัดไป ส่งผลให้ยอดเงินต้นและดอกเบี้ยสะสมจะเพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลายคนอาจจะคิดว่า ดอกเบี้ยทบต้นมีเฉพาะกับการฝากเงินเท่านั้น แต่ขอบอกว่าแท้จริงแล้ว ดอกเบี้ยทบต้นยังหมายถึงการลงทุนได้เช่นกัน เพราะเป็นการนำผลตอบแทนที่ได้เป็นเงินสดกลับไปลงทุนต่อค่ะ
ดอกเบี้ยทบต้นแตกต่างจากดอกเบี้ยไม่ทบต้นอย่างไร?
ดอกเบี้ยทบต้นจะแตกต่างจากดอกเบี้ยไม่ทบต้น ก็คือ ดอกเบี้ยที่ได้รับจะสะสมไปเรื่อย ๆ เพราะถูกทบเข้าไปกับเงินต้นในทุกงวด ทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ในขณะที่ดอกเบี้ยไม่ทบต้น จะได้รับดอกเบี้ยคงที่ ทำให้ผลตอบแทนเท่ากันในทุกงวดค่ะ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าผลตอบแทนของดอกเบี้ยทบต้นมักจะสูงกว่าผลตอบแทนของดอกเบี้ยไม่ทบต้น
สูตรการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น คำนวณยังไง?
สูตรการคำนวณดอกเบี้ยทบต้นขั้นต้นสำหรับมือใหม่ มีวิธีการคำนวณขั้นพื้นฐาน ดังนี้
เงินต้นรวมของดอกเบี้ยในงวดสุดท้าย = เงินต้น x (1 + อัตราดอกเบี้ยเป็น%) ^ยกกำลังจำนวนงวด
ยกตัวอย่างการคำนวณดอกเบี้ยทบต้น
หากคุณน้าฝากเงินกับธนาคาร A+ เป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ย 3% ต่อปี ในระยะเวลา 5 ปี ดังนั้นแล้ว คุณน้าจะมีเงินออมทั้งหมด 23,185.48 บาท และได้รับดอกเบี้ยสะสมรวม 5 ปี ทั้งหมด 3,185 บาท ซึ่งมีวิธีคิด ดังนี้
เงินต้นรวมของดอกเบี้ยในงวดสุดท้าย = เงินต้น x (1 + อัตราดอกเบี้ยเป็น%*) ^ยกกำลังจำนวนงวด
= 20,000 x (1 + 0.03) ^5
= 20,000 x 1.159274
= 23,185.48 บาท
ดังนั้น ดอกเบี้ยสะสมรวม 5 ปี = 23,185.48 – 20,000 เท่ากับดอกเบี้ย 3,185.48 บาท
ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ดอกเบี้ยทบต้นเป็นความมหัศจรรย์ที่จะช่วยให้เราสามารถสร้างผลตอบแทนที่เพิ่มพูนขึ้นในอนาคต
พลังดอกเบี้ยทบต้น ลงทุนในสินทรัพย์ไหนคุ้มค่าที่สุด?
1. กองทุนรวม
กองทุนรวมเป็นการกระจายความเสี่ยงในการลงทุนได้ดี เพราะสามารถกระจายการลงทุนไปยังหลายสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นหุ้น, ตราสารหนี้ หรือแม้แต่ ETF เป็นต้น อีกทั้งยังมีผู้จัดการมืออาชีพในการเข้ามาดูแลกองทุนของเราอีกด้วย
สำหรับผลตอบแทนของกองทุนรวมจะขึ้นอยู่กับประเภทของกองทุน ยกตัวอย่างเช่น กองทุนรวมตราสารหนี้จะให้ผลตอบแทนไม่เกิน 3.5% ต่อปี ส่วนกองทุนรวมผสมจะให้ผลตอบแทนประมาณ 4-6% ต่อปี ซึ่งกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงสูง มักจะให้ผลตอบแทนที่สูงตามไปด้วย (High Risk-High Return)
2. พันธบัตรและหุ้นกู้
พันธบัตรและหุ้นกู้ คือ นักลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าหนี้ของรัฐบาลหรือบริษัทเอกชนที่กู้ยืมเงิน สำหรับการขยายกิจการปรับปรุงโครงการใหม่ ๆ ทำให้รัฐบาลหรือบริษัทเอกชนมีสถานะเป็นลูกหนี้นั่นเองค่ะ ซึ่งผลตอบแทนของพันธบัตรและหุ้นกู้จะมาในรูปแบบของดอกเบี้ย
3. หุ้น
หุ้น คือ การลงทุนในลักษณะที่บริษัทจะเปิดระดมทุนหาผู้ถือหุ้น เพื่อระดมเงินทุนสำหรับการดำเนินกิจการ ทำให้นักลงทุนมีสถานะเป็นเจ้าของกิจการตามสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่ สำหรับผลตอบแทนของการลงทุนลักษณะนี้ จะมาในรูปแบบเงินปันผลและกำไรจากการขายหุ้น
สรุปดอกเบี้ยทบต้นมีข้อจำกัดหรือไม่?
อย่างไรก็ดี พลังของดอกเบี้ยทบต้นก็มีข้อจำกัดเช่นเดียวกันนะคะ กล่าวคือ ดอกเบี้ยทบต้นจะเห็นผลชัดเจนเมื่อใช้ระยะเวลาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากเงินต้นค่อนข้างน้อยก็จะได้รับผลตอบแทนน้อยไปด้วย และที่สำคัญ ก็คือ ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรค่ะ หรือในบางครั้ง อัตราผลตอบแทนอาจไม่สามารถชนะเงินเฟ้อในอนาคตได้ หากอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบในระยะยาวได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น ก่อนจากกันวันนี้ อยากให้ทุกคนแชร์สินทรัพย์ที่จะให้ผลตอบแทนงอกเงยมาแลกเปลี่ยนความรู้กันค่ะ
สอนคำนวณ ดอกเบี้ยทบต้น เพื่อสร้างผลตอบแทนที่งอกเงย!
อย่างไรก็ดี พลังของดอกเบี้ยทบต้นก็มีข้อจำกัดเช่นเดียวกันนะคะ กล่าวคือ ดอกเบี้ยทบต้นจะเห็นผลชัดเจนเมื่อใช้ระยะเวลาการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหากเงินต้นค่อนข้างน้อยก็จะได้รับผลตอบแทนน้อยไปด้วย และที่สำคัญ ก็คือ ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรค่ะ หรือในบางครั้ง อัตราผลตอบแทนอาจไม่สามารถชนะเงินเฟ้อในอนาคตได้ หากอัตราดอกเบี้ยใกล้เคียงกับอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งอาจส่งผลกระทบให้ผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบในระยะยาวได้เช่นเดียวกัน