G.K.Line
2.
บ้านเดี่ยวสองชั้นบนพื้นที่ห้าสิบตารางวา ภายนอกเขียวขจีไปด้วยพื้นหญ้า สวนต้นไม้เล็กๆ แซมด้วยไม้ดอกหลากสีถูกจัดไว้ที่มุมหนึ่ง หากมองจากหน้าต่างห้องรับแขกออกมาจะเห็นสวนนี้ได้อย่างพอดี
ภายในตัวบ้าน ชั้นล่างถูกแบ่งเป็นส่วนรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำและห้องเอนกประสงค์ ส่วนชั้นบนแบ่งเป็นสามห้องนอนและหนึ่งห้องน้ำ
การจัดผังพื้นที่ใช้สอย ห้องต่างๆ การวางตำแหน่งบันได และการเล่นระดับพื้นสูงต่ำในบางจุด ทั้งหมดสอดคล้องลงตัวทำให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ เห็นได้ชัดว่าผู้ออกแบบมีการวางแผน มีรสนิยม และรู้หลักฮวงจุ้ยเป็นอย่างดี
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ภายในโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่ แม้จะเป็นหมู่บ้านที่ปลูกโดยไม่ได้เน้นความใหญ่โตโอ่โถงของตัวบ้าน แต่ผู้มาเยือนต่างก็รู้สึกได้ถึงความหรูหรามีระดับ
บรรพตเป็นหนึ่งในผู้อยู่อาศัยของโครงการ เขาหลงเสน่ห์และตัดสินใจซื้อบ้านของโครงการทันทีที่ได้เข้าชม บ้านสวยและดูเป็นมิตร ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปสำหรับผู้อยู่อาศัยสองคน พื้นที่สีเขียวและต้นไม้สูงครึ้มตามรายทางรอบหมู่บ้าน สวนสาธารณะส่วนกลางมีสระน้ำพุรูปวงกลมโดดเด่นสะดุดตา
บริเวณท้ายหมู่บ้านมีคลับเฮาส์ที่พร้อมสรรพไปด้วยสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องเซาน่า ห้องอาหาร และห้องเพื่อความบันเทิงอื่นๆ ครบครัน เรียกได้ว่าถึงจะเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ แต่ก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิง
บรรพตกับยุพาผู้เป็นภรรยาซื้อบ้านหลังนี้ไว้หวังว่าเมื่อถึงวัยเกษียณ หลังปลดภาระหน้าที่การงานทุกอย่างออกจากบ่าแล้ว ทั้งสองจะมีเวลาเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ได้อย่างที่ใจคิด แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันอย่างสงบ เหมือนกับชื่อโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่
ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่วาดฝันไว้ ยุพาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่มีเค้าลางใดๆ แจ้งเตือน ไม่รอให้ใครได้ทันตั้งตัว รวดเร็วจนไม่อาจแม้จะเอ่ยคำลาสักคำ อุบัติเหตุทางรถยนต์คร่าชีวิตของเธอไป แต่ที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือ ผู้ที่ขับรถมรณะคันนั้นให้เธอนั่งก็คือตัวบรรพตเอง
ตอนนั้นบรรพตและยุพากำลังอยู่ในระหว่างการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ มันเป็นค่ำคืนที่บรรยากาศดูขมุกขมัว เมฆฝนแผ่ขยายปกคลุมท้องฟ้าทั่วทั้งผืนจนเป็นสีแดงคล้ายสีเลือด
ประกายแสงพร้อมด้วยเสียงคำรามปรากฏขึ้นตรงนั้นทีตรงนี้ทีเป็นระยะ ลมพัดกรรโชกจนต้นไม้ที่ปลูกไว้ตามรายทางเอนสะบัดรุนแรง ละอองฝนที่เคยโปรยปรายมาตั้งแต่ช่วงแสงสุดท้ายเริ่มหมดลงกลับหนาเม็ดขึ้น จนในที่สุดก็กลายเป็นพายุฝน
ทัศนวิสัยอันเลวร้ายและกำแพงฝนทำให้ไฟหน้าและไฟตัดหมอกไม่สามารถส่องไปได้ไกลเกินระยะยี่สิบเมตร แสงสะท้อนจากน้ำที่ขังอยู่บนผิวจราจรยิ่งทำให้การสังเกตเส้นทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ถนนสีดำทอดยาวเข้าไปในม่านน้ำราวไร้ที่สิ้นสุด คล้ายกับว่าเขากำลังขับรถเข้าไปสู่เงื้อมมือของอสูรกายที่สุดปลายขอบฟ้า
บนถนนมีรถเขาเพียงคันเดียว อาจเป็นเพราะเวลานี้ดึกเกินกว่าที่คนแถวนี้จะออกมาขับรถเที่ยวกัน หรืออาจเป็นเพราะสภาพอากาศซึ่งไม่เอื้ออำนวยให้ออกนอกบ้านเท่าไหร่
อากาศภายในรถเย็นเฉียบ ยุพาซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มที่เบาะข้างคนขับ จังหวะหายใจสม่ำเสมอ เปลือกตาปิดสนิท เธอเผลอหลับเพราะความเหนื่อยอ่อน บรรพตเหลือบมองใบหน้าภรรยา ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เอื้อมมือลูบศีรษะคู่ชีวิตเบา ๆ อย่างรักใคร่
เพียงชั่วครู่ที่ละสายตาออกจากถนน ชั่วเสี้ยววินาทีที่ไม่ได้จดจ่ออยู่กับสภาพอากาศอันเลวร้ายที่กำลังปกคุลมอยู่ เขาเห็นอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาในระยะสายตา โดยไม่ทันคาดคิด เขาหักพวงมาลัยและเหยียบเบรกจนสุดแรง แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป
หลายสัปดาห์ที่เขานอนสลบไสลอยู่บนเตียงภายในโรงพยาบาลโดยมีเครื่องช่วยชีวิตและสายระโยงระยางอยู่เต็มตัว หลังจากได้สติแล้วก็ยังต้องใช้เวลารักษาตัวจนหายดีอีกนานหลายเดือน
บรรพตได้ฟังคำบอกเล่าจากผู้พบเห็นเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ที่เกิดเหตุปรากฏรอยล้อรถซึ่งเกิดจากการเบรกเป็นทางยาว จากสภาพความเสียหายของตัวรถ คาดว่าน่าจะพลิกคว่ำไปหลายตลบ ภรรยาและตัวของเขาถูกแรงเหวี่ยงจนกระเด็นออกนอกตัวรถมาไกลหลายเมตร โชคร้ายที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
แต่เขากลับโชคร้ายกว่าที่ยังมีชีวิตอยู่
นอกจากภาพใบหน้าที่กำลังหลับปุ๋ยของยุพาแล้ว บรรพตพบว่าตัวเองจำอะไรเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนั้นไม่ได้เลย บางทีอาจเป็นเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจนความทรงจำในตอนนั้นขาดหายไป หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาทนรับไม่ได้กับการสูญเสียที่เกิดขึ้น สมองจึงลบความทรงจำช่วงนั้นออกหมดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเจ็บปวดทางใจ
บรรพตเป็นศัลยแพทย์ฝีมือดี หรืออย่างน้อยก่อนหน้านี้ก็เคยเป็น หลังจากเสียยุพาไป เขาใช้เวลาทั้งหมดจมอยู่กับความทุกข์ในใจ เฝ้าโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุ รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต เสื่อมศรัทธาในตัวเองที่เคยช่วยชีวิตคนมามากมาย แต่กลับทำให้คนที่รักที่สุดต้องตาย
เขาไม่สามารถหยิบมีดผ่าตัดและใช้มันได้อย่างชำนาญเหมือนเก่า ทนไม่ได้กับบรรยากาศเดิมๆ ที่ต้องเจอทุกเมื่อเชื่อวัน สุดท้ายจึงยื่นใบลาออก ประกาศขายบ้านหลังเก่าที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมากับภรรยาสุดที่รัก และย้ายมายังโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่เร็วกว่ากำหนด โดยหวังว่าความรู้สึกและอะไรๆ ต่อจากนั้นจะดีขึ้น
บ้านของบรรพตอยู่หลังหัวมุม ด้านซ้ายติดกับถนนที่เป็นทางแยกออกจากทางหลัก ด้านขวาติดกับบ้านอีกหลังหนึ่ง ก่อนย้ายมาเขานึกกังวลว่าจะต้องเผชิญกับเพื่อนบ้านประเภทไหน อย่างที่ใครๆ ว่ามีบ้านดียังไม่สู้มีเพื่อนบ้านดี แต่โชคดีที่บ้านหลังนั้นยังไม่มีคนย้ายเข้ามาอยู่
มีบ้างบางครั้งที่เพื่อนบ้านแวะเวียนมาพบปะพูดคุย ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาบ้านใกล้เรือนเคียง บางคนก็มาขอคำแนะนำเรื่องสุขภาพเพราะรู้ว่าเขาเคยเป็นหมอ แต่สุดท้าย บรรพตก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอยู่กับตัวเอง
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ทำเหมือนเป็นการทำร้ายตัวเอง ราวกับกำลังตอกตะปูที่ปักอยู่กลางใจลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ยินดีที่จะให้มันเป็นอย่างนั้น
ในหมู่บ้านที่สงบเงียบและแทบไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ สองปีของบรรพตสำหรับการใช้ชีวิตเพียงลำพังที่นี่ก็ไม่แตกต่างกัน มันเป็นสองปีที่จืดชืดและซ้ำซาก เขายังไม่ยอมเปิดใจรับใครอื่นให้เข้ามาในชีวิตแทนยุพาและยังคงเลือกที่จะเก็บตัวอยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งในวันหนึ่ง เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงก็เดินทางมาถึง โดยที่ไม่ได้รับรู้ล่วงหน้ามาก่อนเลยว่า การปรากฏตัวของคนสองคนจะทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
แสงแรกของวันส่องผ่านม่านสีฟ้าบางเบา เสียงจิ๊บๆ ของนกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ปลุกให้เขาตื่นจากห้วงนิทรา ในเช้าวันนั้นบรรพตตื่นขึ้นมาพบว่า บ้านหลังข้างๆ ที่เคยว่างเปล่ามาตลอด ขณะนี้กลับมีคนย้ายเข้ามาพักพิงเรียบร้อยแล้ว
ช่างน่าแปลก เมื่อคืนเขานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อพิมพ์หนังสือทางวิชาการจนเกือบเที่ยงคืนจึงเข้านอน จำได้ว่าตอนนั้นข้างบ้านยังปิดตัวเงียบ เหตุใดเพื่อนบ้านใหม่จึงย้ายเข้าดึกดื่นขนาดนั้น อีกทั้งยังเงียบเชียบและรวดเร็วจนแม้แต่เขาซึ่งเป็นคนตื่นง่ายยังไม่รู้ตัว
ผู้มาอยู่ใหม่เป็นชายสูงอายุ ผมสีดอกเลาเสมอกันทั่วทั้งศีรษะ ใบหน้าตกกระและปรากฏริ้วรอยแห่งวัย คะเนจากสายตาแล้วน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบปี รูปร่างสูงเพรียวไม่ผอมจนเกินไป ไหล่กว้าง หลังตรง จังหวะก้าวมั่นคง แสดงว่าสุขภาพของชายชรายังแข็งแรงดี การแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย
โดยรวมแล้วชายชราผู้นี้คงเป็นประเภทใช้หัวสมองในการทำงานมากกว่าที่จะใช้แรงกาย ฐานะทางการเงินน่าจะอยู่ในระดับมีอันจะกินไปจนถึงร่ำรวย หรืออย่างน้อยก็คงไม่มีเรื่องเงินๆ ทองๆ มาทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ
แม้จะไม่อยากสุงสิงกับใครจนเกินไป แต่บรรพตก็รู้จักเรื่องมารยาททางสังคมดี
“สวัสดีครับ”
เขาเอ่ยคำทักทายในขณะที่ชายชรากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนม้านั่งยาวบริเวณสวนหน้าบ้าน ชายสูงวัยละสายตาจากตัวหนังสือเหลือบมองหน้าผู้ทักทาย ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แล้วหันกลับไปให้ความสนใจหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง ทำเอาบรรพตถึงกับอึ้ง ไม่รู้จะไปต่อยังไง การสนทนาที่เพิ่งเริ่มต้นจึงยุติลงเพียงเท่านี้
หลายวันที่บรรพตสังเกตเห็น ชายชรามักทำกิจกรรมซ้ำๆ ในเวลาเดิมเสมอ ทุกเช้าและช่วงเย็น เขาจะเห็นเพื่อนบ้านสูงวัยผู้นี้นั่งอยู่บนม้านั่งยาว อ่านข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่วางกองอยู่ข้างตัว
บุรุษสูงอายุมักถอนหายใจสลับกับเหม่อมองไปเบื้องหน้าอยู่เป็นระยะ สีหน้าที่แสดงออกนั้นคาดเดาอารมณ์ได้ยากเต็มที บางครั้งก็ดูเหมือนกำลังโล่งใจ แต่บางครั้งกลับดูเหมือนหวาดระแวงและกังวลอะไรบางอย่าง
ถึงจะดูแปลกกว่าปกติแต่บรรพตกลับยินดีที่จะได้เพื่อนบ้านที่ไม่ยุ่งวุ่นวายแบบนี้ แม้ความเป็นส่วนตัวอาจลดลงไปบ้าง แต่ความสงบสุขของเขาก็ยังไม่หายไปไหน
รหัสลับรัตติกาล ตอนที่ 2
2.
บ้านเดี่ยวสองชั้นบนพื้นที่ห้าสิบตารางวา ภายนอกเขียวขจีไปด้วยพื้นหญ้า สวนต้นไม้เล็กๆ แซมด้วยไม้ดอกหลากสีถูกจัดไว้ที่มุมหนึ่ง หากมองจากหน้าต่างห้องรับแขกออกมาจะเห็นสวนนี้ได้อย่างพอดี
ภายในตัวบ้าน ชั้นล่างถูกแบ่งเป็นส่วนรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำและห้องเอนกประสงค์ ส่วนชั้นบนแบ่งเป็นสามห้องนอนและหนึ่งห้องน้ำ
การจัดผังพื้นที่ใช้สอย ห้องต่างๆ การวางตำแหน่งบันได และการเล่นระดับพื้นสูงต่ำในบางจุด ทั้งหมดสอดคล้องลงตัวทำให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ตามวัตถุประสงค์ เห็นได้ชัดว่าผู้ออกแบบมีการวางแผน มีรสนิยม และรู้หลักฮวงจุ้ยเป็นอย่างดี
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ภายในโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่ แม้จะเป็นหมู่บ้านที่ปลูกโดยไม่ได้เน้นความใหญ่โตโอ่โถงของตัวบ้าน แต่ผู้มาเยือนต่างก็รู้สึกได้ถึงความหรูหรามีระดับ
บรรพตเป็นหนึ่งในผู้อยู่อาศัยของโครงการ เขาหลงเสน่ห์และตัดสินใจซื้อบ้านของโครงการทันทีที่ได้เข้าชม บ้านสวยและดูเป็นมิตร ไม่เล็กไม่ใหญ่เกินไปสำหรับผู้อยู่อาศัยสองคน พื้นที่สีเขียวและต้นไม้สูงครึ้มตามรายทางรอบหมู่บ้าน สวนสาธารณะส่วนกลางมีสระน้ำพุรูปวงกลมโดดเด่นสะดุดตา
บริเวณท้ายหมู่บ้านมีคลับเฮาส์ที่พร้อมสรรพไปด้วยสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องเซาน่า ห้องอาหาร และห้องเพื่อความบันเทิงอื่นๆ ครบครัน เรียกได้ว่าถึงจะเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ แต่ก็ไม่ได้ขาดตกบกพร่องเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกและความบันเทิง
บรรพตกับยุพาผู้เป็นภรรยาซื้อบ้านหลังนี้ไว้หวังว่าเมื่อถึงวัยเกษียณ หลังปลดภาระหน้าที่การงานทุกอย่างออกจากบ่าแล้ว ทั้งสองจะมีเวลาเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ได้อย่างที่ใจคิด แล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ด้วยกันอย่างสงบ เหมือนกับชื่อโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่
ทว่าทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่วาดฝันไว้ ยุพาด่วนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ไม่มีเค้าลางใดๆ แจ้งเตือน ไม่รอให้ใครได้ทันตั้งตัว รวดเร็วจนไม่อาจแม้จะเอ่ยคำลาสักคำ อุบัติเหตุทางรถยนต์คร่าชีวิตของเธอไป แต่ที่ยิ่งแย่ไปกว่านั้นคือ ผู้ที่ขับรถมรณะคันนั้นให้เธอนั่งก็คือตัวบรรพตเอง
ตอนนั้นบรรพตและยุพากำลังอยู่ในระหว่างการท่องเที่ยวทางภาคเหนือ มันเป็นค่ำคืนที่บรรยากาศดูขมุกขมัว เมฆฝนแผ่ขยายปกคลุมท้องฟ้าทั่วทั้งผืนจนเป็นสีแดงคล้ายสีเลือด
ประกายแสงพร้อมด้วยเสียงคำรามปรากฏขึ้นตรงนั้นทีตรงนี้ทีเป็นระยะ ลมพัดกรรโชกจนต้นไม้ที่ปลูกไว้ตามรายทางเอนสะบัดรุนแรง ละอองฝนที่เคยโปรยปรายมาตั้งแต่ช่วงแสงสุดท้ายเริ่มหมดลงกลับหนาเม็ดขึ้น จนในที่สุดก็กลายเป็นพายุฝน
ทัศนวิสัยอันเลวร้ายและกำแพงฝนทำให้ไฟหน้าและไฟตัดหมอกไม่สามารถส่องไปได้ไกลเกินระยะยี่สิบเมตร แสงสะท้อนจากน้ำที่ขังอยู่บนผิวจราจรยิ่งทำให้การสังเกตเส้นทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ถนนสีดำทอดยาวเข้าไปในม่านน้ำราวไร้ที่สิ้นสุด คล้ายกับว่าเขากำลังขับรถเข้าไปสู่เงื้อมมือของอสูรกายที่สุดปลายขอบฟ้า
บนถนนมีรถเขาเพียงคันเดียว อาจเป็นเพราะเวลานี้ดึกเกินกว่าที่คนแถวนี้จะออกมาขับรถเที่ยวกัน หรืออาจเป็นเพราะสภาพอากาศซึ่งไม่เอื้ออำนวยให้ออกนอกบ้านเท่าไหร่
อากาศภายในรถเย็นเฉียบ ยุพาซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มที่เบาะข้างคนขับ จังหวะหายใจสม่ำเสมอ เปลือกตาปิดสนิท เธอเผลอหลับเพราะความเหนื่อยอ่อน บรรพตเหลือบมองใบหน้าภรรยา ยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู เอื้อมมือลูบศีรษะคู่ชีวิตเบา ๆ อย่างรักใคร่
เพียงชั่วครู่ที่ละสายตาออกจากถนน ชั่วเสี้ยววินาทีที่ไม่ได้จดจ่ออยู่กับสภาพอากาศอันเลวร้ายที่กำลังปกคุลมอยู่ เขาเห็นอะไรบางอย่างพุ่งเข้ามาในระยะสายตา โดยไม่ทันคาดคิด เขาหักพวงมาลัยและเหยียบเบรกจนสุดแรง แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป
หลายสัปดาห์ที่เขานอนสลบไสลอยู่บนเตียงภายในโรงพยาบาลโดยมีเครื่องช่วยชีวิตและสายระโยงระยางอยู่เต็มตัว หลังจากได้สติแล้วก็ยังต้องใช้เวลารักษาตัวจนหายดีอีกนานหลายเดือน
บรรพตได้ฟังคำบอกเล่าจากผู้พบเห็นเหตุการณ์ในวันนั้นว่า ที่เกิดเหตุปรากฏรอยล้อรถซึ่งเกิดจากการเบรกเป็นทางยาว จากสภาพความเสียหายของตัวรถ คาดว่าน่าจะพลิกคว่ำไปหลายตลบ ภรรยาและตัวของเขาถูกแรงเหวี่ยงจนกระเด็นออกนอกตัวรถมาไกลหลายเมตร โชคร้ายที่ภรรยาของเขาเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ
แต่เขากลับโชคร้ายกว่าที่ยังมีชีวิตอยู่
นอกจากภาพใบหน้าที่กำลังหลับปุ๋ยของยุพาแล้ว บรรพตพบว่าตัวเองจำอะไรเกี่ยวกับอุบัติเหตุในครั้งนั้นไม่ได้เลย บางทีอาจเป็นเพราะสมองได้รับความกระทบกระเทือนจนความทรงจำในตอนนั้นขาดหายไป หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะเขาทนรับไม่ได้กับการสูญเสียที่เกิดขึ้น สมองจึงลบความทรงจำช่วงนั้นออกหมดโดยอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเจ็บปวดทางใจ
บรรพตเป็นศัลยแพทย์ฝีมือดี หรืออย่างน้อยก่อนหน้านี้ก็เคยเป็น หลังจากเสียยุพาไป เขาใช้เวลาทั้งหมดจมอยู่กับความทุกข์ในใจ เฝ้าโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุ รู้สึกเบื่อหน่ายชีวิต เสื่อมศรัทธาในตัวเองที่เคยช่วยชีวิตคนมามากมาย แต่กลับทำให้คนที่รักที่สุดต้องตาย
เขาไม่สามารถหยิบมีดผ่าตัดและใช้มันได้อย่างชำนาญเหมือนเก่า ทนไม่ได้กับบรรยากาศเดิมๆ ที่ต้องเจอทุกเมื่อเชื่อวัน สุดท้ายจึงยื่นใบลาออก ประกาศขายบ้านหลังเก่าที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันมากับภรรยาสุดที่รัก และย้ายมายังโครงการหมู่บ้านฟ้าใหม่เร็วกว่ากำหนด โดยหวังว่าความรู้สึกและอะไรๆ ต่อจากนั้นจะดีขึ้น
บ้านของบรรพตอยู่หลังหัวมุม ด้านซ้ายติดกับถนนที่เป็นทางแยกออกจากทางหลัก ด้านขวาติดกับบ้านอีกหลังหนึ่ง ก่อนย้ายมาเขานึกกังวลว่าจะต้องเผชิญกับเพื่อนบ้านประเภทไหน อย่างที่ใครๆ ว่ามีบ้านดียังไม่สู้มีเพื่อนบ้านดี แต่โชคดีที่บ้านหลังนั้นยังไม่มีคนย้ายเข้ามาอยู่
มีบ้างบางครั้งที่เพื่อนบ้านแวะเวียนมาพบปะพูดคุย ไต่ถามสารทุกข์สุขดิบกันตามประสาบ้านใกล้เรือนเคียง บางคนก็มาขอคำแนะนำเรื่องสุขภาพเพราะรู้ว่าเขาเคยเป็นหมอ แต่สุดท้าย บรรพตก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอยู่กับตัวเอง
แม้จะรู้ว่าสิ่งที่ทำเหมือนเป็นการทำร้ายตัวเอง ราวกับกำลังตอกตะปูที่ปักอยู่กลางใจลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เขาก็ยินดีที่จะให้มันเป็นอย่างนั้น
ในหมู่บ้านที่สงบเงียบและแทบไร้การเปลี่ยนแปลงใดๆ สองปีของบรรพตสำหรับการใช้ชีวิตเพียงลำพังที่นี่ก็ไม่แตกต่างกัน มันเป็นสองปีที่จืดชืดและซ้ำซาก เขายังไม่ยอมเปิดใจรับใครอื่นให้เข้ามาในชีวิตแทนยุพาและยังคงเลือกที่จะเก็บตัวอยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งในวันหนึ่ง เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงก็เดินทางมาถึง โดยที่ไม่ได้รับรู้ล่วงหน้ามาก่อนเลยว่า การปรากฏตัวของคนสองคนจะทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
แสงแรกของวันส่องผ่านม่านสีฟ้าบางเบา เสียงจิ๊บๆ ของนกที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ปลุกให้เขาตื่นจากห้วงนิทรา ในเช้าวันนั้นบรรพตตื่นขึ้นมาพบว่า บ้านหลังข้างๆ ที่เคยว่างเปล่ามาตลอด ขณะนี้กลับมีคนย้ายเข้ามาพักพิงเรียบร้อยแล้ว
ช่างน่าแปลก เมื่อคืนเขานั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อพิมพ์หนังสือทางวิชาการจนเกือบเที่ยงคืนจึงเข้านอน จำได้ว่าตอนนั้นข้างบ้านยังปิดตัวเงียบ เหตุใดเพื่อนบ้านใหม่จึงย้ายเข้าดึกดื่นขนาดนั้น อีกทั้งยังเงียบเชียบและรวดเร็วจนแม้แต่เขาซึ่งเป็นคนตื่นง่ายยังไม่รู้ตัว
ผู้มาอยู่ใหม่เป็นชายสูงอายุ ผมสีดอกเลาเสมอกันทั่วทั้งศีรษะ ใบหน้าตกกระและปรากฏริ้วรอยแห่งวัย คะเนจากสายตาแล้วน่าจะมีอายุไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบปี รูปร่างสูงเพรียวไม่ผอมจนเกินไป ไหล่กว้าง หลังตรง จังหวะก้าวมั่นคง แสดงว่าสุขภาพของชายชรายังแข็งแรงดี การแต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย
โดยรวมแล้วชายชราผู้นี้คงเป็นประเภทใช้หัวสมองในการทำงานมากกว่าที่จะใช้แรงกาย ฐานะทางการเงินน่าจะอยู่ในระดับมีอันจะกินไปจนถึงร่ำรวย หรืออย่างน้อยก็คงไม่มีเรื่องเงินๆ ทองๆ มาทำให้เดือดเนื้อร้อนใจ
แม้จะไม่อยากสุงสิงกับใครจนเกินไป แต่บรรพตก็รู้จักเรื่องมารยาททางสังคมดี
“สวัสดีครับ”
เขาเอ่ยคำทักทายในขณะที่ชายชรากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนม้านั่งยาวบริเวณสวนหน้าบ้าน ชายสูงวัยละสายตาจากตัวหนังสือเหลือบมองหน้าผู้ทักทาย ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แล้วหันกลับไปให้ความสนใจหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง ทำเอาบรรพตถึงกับอึ้ง ไม่รู้จะไปต่อยังไง การสนทนาที่เพิ่งเริ่มต้นจึงยุติลงเพียงเท่านี้
หลายวันที่บรรพตสังเกตเห็น ชายชรามักทำกิจกรรมซ้ำๆ ในเวลาเดิมเสมอ ทุกเช้าและช่วงเย็น เขาจะเห็นเพื่อนบ้านสูงวัยผู้นี้นั่งอยู่บนม้านั่งยาว อ่านข่าวจากหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่วางกองอยู่ข้างตัว
บุรุษสูงอายุมักถอนหายใจสลับกับเหม่อมองไปเบื้องหน้าอยู่เป็นระยะ สีหน้าที่แสดงออกนั้นคาดเดาอารมณ์ได้ยากเต็มที บางครั้งก็ดูเหมือนกำลังโล่งใจ แต่บางครั้งกลับดูเหมือนหวาดระแวงและกังวลอะไรบางอย่าง
ถึงจะดูแปลกกว่าปกติแต่บรรพตกลับยินดีที่จะได้เพื่อนบ้านที่ไม่ยุ่งวุ่นวายแบบนี้ แม้ความเป็นส่วนตัวอาจลดลงไปบ้าง แต่ความสงบสุขของเขาก็ยังไม่หายไปไหน