ถุงมือเรื่องสั้น สัปดาห์ที่ 14 เรื่องที่ 6 สุดท้ายสำหรับสัปดาห์นี้ครับ และเป็นวีคที่มีเรื่องสั้นมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา เช่นเดียวกับฝั่งกวี ^^
เรื่องราวของครั้งหนึ่งในชีวิตวัยเรียนมัธยมของนักเรียนชายคนหนึ่ง ขณะกำลังเรียนอย่างคร่ำเคร่ง ก็มีกิจกรรมออกค่ายเข้ามาแทรก ไม่อยากไปแต่ก็จำต้องไปหลีกเลี่ยงไม่ได้ พอไปแล้ว ก็ได้ประสบกับเหตุการณ์ที่แปลกๆ และน่าเศร้าเกี่ยวกับเพื่อนคนหนึ่ง...
เหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร ตามไปดูด้วยกันครับ ^^

สิ้นเสียงกริ่งสุดท้ายของช่วงบ่ายแก่ๆ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าภาระหน้าที่การเรียนที่แบกรับมาตลอดทั้งวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว ชาติชาย ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชีวิตวัยเด็กต้องมาสูญเสียไปกับการทุ่มเทเรียน ทั้งเรียนในห้องและเรียนพิเศษ เวลาส่วนตัวหรือจะทำกิจกรรมชื่นชอบแทบไม่มีเลย ตั้งแต่เปิดเรียนหลังโควิด เขาไม่เคยทำการบ้านเสร็จก่อนเที่ยงคืน
เหนื่อยและเมื่อยล้าทั้งกายและใจ เรียนหนักขนาดนี้ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงกิจกรรมของทางโรงเรียนได้ เสาร์อาทิตย์นี้ต้องไปออกค่าย เขาไม่อยากไปเลย
กิจกรรมกลางแจ้งทุกอย่างเป็นเรื่องที่ชาติชายไม่ถนัด อีกอย่างเขาไม่อยากขาดเรียนพิเศษ เรียนในห้องการบ้านเยอะ แต่เรียนพิเศษก็เป็นเรื่องขาดไม่ได้ เป้าหมายคือการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยคณะคาดหวังได้สำเร็จนั้น ดูจะเป็นเงื่อนไขหลักประกันความมั่นคงอนาคตของชีวิตในวันข้างหน้าดีที่สุด แม้สมัยนี้การเรียนพิเศษจะสะดวกมาก มีเทปทบทวนบทเรียนให้สามารถดูย้อนหลังได้ แต่เรื่องก็วนกลับมาตรงปัญหาเดิมๆ ...เขาจะหาเวลาเพิ่มเติมไปดูเทปการสอนย้อนหลังได้อย่างไร....
"เฮ้ย..ทำไมทำท่าซังกะตายอย่างนั้นวะชาย" เสียงทักอย่างสนิทสนมคุ้นเคย แม้ไม่เห็นหน้า ชาติชายก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นเกียรติศักดิ์แน่ๆ เสียงแปร่งๆเริ่มจะแตกเพราะเข้าสู่วัยหนุ่มฟังดูคล้ายเป็ดอย่างเป็นเอกลักษณ์ ทั้งเขาและเจ้าตัวไม่มีใครชอบการเปลี่ยนแปลงของร่างกายโดยควบคุมไม่ได้ ในแบบนี้เลย มันทำให้พวกเขารู้สึกเป็นตัวประหลาดในสายตาของเพื่อน คนรู้จัก และครอบครัว บางครั้งเขาเองยังสงสัยว่าเสียงที่เปล่งออกมาคือเสียงของตัวเองแน่หรือ
“ก็มันเหนื่อย เซ็งด้วย บอกตามตรงกูไม่อยากไปค่ายเลยว่ะ” ชาติชายพูดอย่างเนือยๆ ใจครุ่นคิดถึงวิธีหลบเลี่ยงการไปค่าย แกล้งป่วยดีไหมนะ ไม่เอาดีกว่า ดูเป็นวิธีการของเด็กน้อยใช้กัน เขาโตแล้วคงไม่ทำเรื่องน่าอายแบบนั้น
“มืงยังดี กลุ่มกูมีแต่คนง่อยๆงอมืองอเท้า กูคิดสภาพตอนทำกิจกรรมร่วมกันไม่ออกเลยว่ะ มีแต่คุณชายลูกคุณหนู จะกางเต็นท์ ทำกับข้าวกันยังไงวะ คิดแล้วเพลีย ” เกียรติศักดิ์บ่นยาว นั่นสินะ กิจกรรมที่ต้องทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มแบบนี้ หากได้สมาชิกเหยาะแหยะ รังแต่จะทำให้กลุ่มแย่ ทำงานช้า จะขยับทำอะไรตรงไหน ก็ดูลำบากไปเสียทั้งหมด
“ แต่ยังไงก็คงต้องไป กูยังไม่อยากติด มผ.ว่ะ” นั่นคือข้อสรุปของสองหนุ่มที่ต้องยอมจำนนอย่างไม่มีข้อแม้
และแล้วเช้าวันเดินทางก็มาถึง นักเรียนใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียน ไม่ลืมสวมหน้ากากอนามัยกันอย่างเช่นเคยทำมา ต่อจากนั้นต่างทยอยกันรายงานตัวกับคุณครู แล้วแยกย้ายกันขึ้นรถบัสเดินทางซึ่งจอดเรียงรายอยู่สามคัน
โชคดีหน่อย เกียรติศักดิ์และชาติชายอยู่กลุ่มใกล้กัน เลยได้ขึ้นรถบัสคันเดียวกัน ขณะแยกย้ายกันเข้าประจำที่นั่ง เกียรติศักดิ์ถึงกับลุกขึ้นยืนชะเง้อมองหาตำแหน่งที่นั่งของชาติชายเพื่อนสนิท ด้วยท่าทีกระสับกระส่าย เหมือนมีเรื่องบางอย่างอยากบอกเพื่อน
“ยืนชะเง้อชะแง้อะไรอยู่นั่นแหละเกียรติศักดิ์ เพื่อนเธอคนอื่นๆเขานั่งประจำที่กันหมดแล้วนะ” เสียงเข้มของครูสายสมร ครูผู้ดูแลประจำรถบัสคันที่สอง ทำให้เขาถึงกับตัวลีบ นั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม พยายามทำตัวให้กลมกลืนไปกับคนอื่นๆเพื่อจะได้ไม่ถูกดุอีก ฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่เริ่มออกเดินทางเลย เกียรติศักดิ์อดคิดไม่ได้
รถทั้งสองคันค่อยๆเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปตำบลอ่างศิลา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของค่ายในครั้งนี้
คณะเดินทางไปถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ค่ายอยู่ใกล้ทะเล มีลมทะเลพัดโชยอ่อนๆเรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ไม่รอช้า แต่ละกลุ่มแยกย้ายกันเข้าประจำตำแหน่งเพื่อกางเต็นท์และทำอาหารมื้อแรกรับประทาน ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น แต่เกียรติศักดิ์ยังไม่มีโอกาสแว้บไปหาชาติชายเลย ไว้คืนนี้ก่อนเถอะน่า เขาหมายมั่นในใจ มีบางเรื่องที่เขาอยากจะคุยกับเพื่อนอย่างเร่งด่วน
เมื่อค่ำคืนมาถึง กิจกรรมเปิดค่ายอย่างเป็นทางการก็เริ่มขึ้น หลังจากนั้นคุณครูให้นักเรียนแยกย้ายกันเข้าเต็นท์ที่พักนอนออมแรงสำหรับกิจกรรมวันพรุ่งนี้
ตกกลางคืนเงียบสงัด เต็นท์ผ้าใบหลังใหญ่ที่ตั้งห่างกันเป็นระยะๆ หลังคาเต็นท์ถูกลมตีพัดสะบัดดังพึ่บพั่บ หลายคนเริ่มผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน มีเสียงกรน เสียงกัดฟันกรอดๆดังให้ได้ยินเป็นระยะ แต่เกียรติศักดิ์ยังไม่นอน เขายังลืมตาโพลง สมองคิดวุ่นวายถึงบางเรื่อง
อนุสรณ์ เพื่อนกลุ่มเดียวกันของทั้งเกียรติศักดิ์และชาติชายสมัยประถม ตายแล้ว...อนุสรณ์เป็นคนเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม และสามารถสอบเข้าโครงการพิเศษนักวิทยาศาสตร์ช้างเผือก ได้รับทุนในการเรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอก เพื่อนย้ายไปเรียนที่กรุงเทพ ทุกอย่างดูสวยหรูสำหรับเส้นทางชีวิต เกียรติศักดิ์ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงแบบนี้ พ่อของเขาเป็นคนแจ้งข่าวร้ายตอนเช้าก่อนมาค่าย ยอมรับว่าตกใจมาก เนื้อตัวสั่นไปหมด เมื่อนึกถึงเพื่อนผู้จากไป
ชาติชายคงยังไม่รู้เรื่องนี้แน่ แต่มีข่าวมาเป็นระยะแล้วว่าอนุสรณ์ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเรียนอันเข้มหนักหน่วงที่กรุงเทพฯได้ คะแนนสอบของอนุสรณ์ออกมาไม่ดีนัก จนหลายฝ่ายเป็นกังวล อนุสรณ์เป็นเด็กทุนด้วย หากเขาเรียนไม่ไหวลาออกกลางคัน นั่นหมายความว่าต้องชดใช้ทุนคืน พ่อแม่ของอนุสรณ์ฐานะไม่ดีนัก การที่อนุสรณ์มาตายจากไปอย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะส่งผลดีหรือผลร้ายต่อผู้ปกครองของเพื่อนผู้ตายกันแน่ เกียรติศักดิ์ครุ่นคิด
เสียงขยับตัวดังแครกครากของคนนอนอยู่ใกล้ๆกันทำให้เกียรติศักดิ์ต้องหันมามอง เพื่อนร่วมเต็นท์สลัดผ้าห่มเตรียมลุกขึ้น เกียรติศักดิ์อดถามไม่ได้
“ จะไปไหนเหรอ”
“ จะไปเข้าห้องน้ำน่ะ ปวดท้องยังไงไม่รู้”
“ ไปด้วยคน”
เกือบตีสาม มีคุณครูลุกมาตรวจความเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังปกติ ก็เตรียมผลัดเปลี่ยนเวรยาม
เช้าวันต่อมา กิจกรรมเดินทางไกลได้เริ่มต้นขึ้น นักเรียนแต่กลุ่มอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม สักพักใหญ่ๆเสียงนกหวีดเป็นสัญญาณเริ่มออกเดินทางก็ดังขึ้น เกียรติศักดิ์มีใบหน้าสะโหลสะเหลเนื่องจากนอนไม่เต็มอิ่มเดินเซื่องๆหงอยๆตลอดทาง
จนกระทั่งถึงเวลาเย็น กลับเข้าเตนท์ที่พัก คุณครูให้โอกาสนักเรียนได้ผ่อนคลาย ทำอะไรก็ได้ตามอิสระ ก่อนที่กิจกรรมรอบกองไฟจะเริ่มต้นขึ้นสองทุ่ม หลายคนใช้โอกาสนี้วุ่นวายอยู่กับเตรียมการแสดงรอบกองไฟ แต่เกียรติศักดิ์ไม่มีหน้าที่อะไรต้องรับผิดชอบเป็นพิเศษ จึงออกมาเดินเล่นชายทะเล ชาติชายก็เช่นกัน ความเบื่อหน่ายในกิจกรรมค่าย ทำให้เขารอคอยเวลานี้มาตลอด เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่การเข้าค่ายถึงจะจบลงเสียที นั่นคือสิ่งที่เขาคิดซ้ำไปซ้ำมา
ชายหาดยามเย็น คลื่นซัดกระทบฝั่งเบาๆ ลมทะเลพัดใบมะพร้าวไหวระริกเป็นจังหวะ บรรยากาศดีเช่นนี้ ช่วงสร้างความผ่อนคลายให้กับบรรดาชาวค่ายหลายคนที่กำลังเดินเล่นพักผ่อนอยู่บนหายทรายได้เป็นอย่างดี ชาติชายถึงกับงุนงง เมื่อพบเพื่อนรักในสภาพไม่ค่อยดีนัก สีหน้าซีด ขอบตาดำคล้ำ
“ทำไมมืงเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืนวะ หน้าตาดูไม่ได้เลย หรือเดินทางไกลเหนื่อยมาก ถ้าไม่สบายก็รีบบอกนะ หากล้มป่วยมันจะไม่ดี” ชาติชายคุยกับเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“มืงรู้ข่าวหรือยัง”
“ข่าวอะไร”
“อนุสรณ์ตายแล้ว”
“เฮ้ย! เป็นไปไม่ได้ ข่าวมั่วหรือเปล่า
เมื่อไม่กี่วันกูยังไลน์คุยกันอยู่เลย เห็นบ่นๆว่าเครียด เรียนตามเพื่อนไม่ทัน การบ้านเยอะมาก และยิ่งเรียนเท่าไหร่ก็เริ่มรู้ตัวว่าสายวิทยาศาตร์ไม่ใช่ เรียนแบบไม่มีความสุข ไอ้ครั้นจะลาออก ก็ติดเรื่องต้องใช้ทุนคืน และก็กลัวพ่อแม่ลำบากเรื่องเงินด้วย...แล้วมืงรู้ไหมวะว่าอนุสรณ์ตายเพราะอะไร”
“ฆ่าตัวตาย...สงสัยมันจะทนความกดดันไม่ไหวว่ะ” เกียรติศักดิ์ตอบเสียงซึมๆ
ชาติชายนิ่งงันไปพักใหญ่ เขาไม่คิดว่าเพื่อนเคยเล่นหัวด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจะจากไปเร็วขนาดนี้ ใช่...เขาเองก็เครียดมากกับภาระการเรียน แต่ถ้าหากต้องการอนาคตดี นักเรียนผลการเรียนปานกลางอย่างเขามีทางเลือกอื่นด้วยหรือ...ระบบการเรียนและการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบแพ้คัดออก คือคำตอบดีที่สุดในการสร้างทรัพยากรบุคคลของประเทศชาติแล้วใช่หรือไม่ ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ และก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตการศึกษาของเมืองไทยจะเดินไปทางไหน
----------/// จบ ///----------
รายชื่อให้เลือกตอบ
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน
🌟👧🏻📝 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#51 Week#14, 28 กย. - 2 ตค. "ชีวิตนักเรียน" - ถุงมือ อนาคตของชาติ 📝👦🏼🌟
เรื่องราวของครั้งหนึ่งในชีวิตวัยเรียนมัธยมของนักเรียนชายคนหนึ่ง ขณะกำลังเรียนอย่างคร่ำเคร่ง ก็มีกิจกรรมออกค่ายเข้ามาแทรก ไม่อยากไปแต่ก็จำต้องไปหลีกเลี่ยงไม่ได้ พอไปแล้ว ก็ได้ประสบกับเหตุการณ์ที่แปลกๆ และน่าเศร้าเกี่ยวกับเพื่อนคนหนึ่ง...
เหตุการณ์นั้นเป็นอย่างไร ตามไปดูด้วยกันครับ ^^
เหนื่อยและเมื่อยล้าทั้งกายและใจ เรียนหนักขนาดนี้ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงกิจกรรมของทางโรงเรียนได้ เสาร์อาทิตย์นี้ต้องไปออกค่าย เขาไม่อยากไปเลย
กิจกรรมกลางแจ้งทุกอย่างเป็นเรื่องที่ชาติชายไม่ถนัด อีกอย่างเขาไม่อยากขาดเรียนพิเศษ เรียนในห้องการบ้านเยอะ แต่เรียนพิเศษก็เป็นเรื่องขาดไม่ได้ เป้าหมายคือการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยคณะคาดหวังได้สำเร็จนั้น ดูจะเป็นเงื่อนไขหลักประกันความมั่นคงอนาคตของชีวิตในวันข้างหน้าดีที่สุด แม้สมัยนี้การเรียนพิเศษจะสะดวกมาก มีเทปทบทวนบทเรียนให้สามารถดูย้อนหลังได้ แต่เรื่องก็วนกลับมาตรงปัญหาเดิมๆ ...เขาจะหาเวลาเพิ่มเติมไปดูเทปการสอนย้อนหลังได้อย่างไร....
"เฮ้ย..ทำไมทำท่าซังกะตายอย่างนั้นวะชาย" เสียงทักอย่างสนิทสนมคุ้นเคย แม้ไม่เห็นหน้า ชาติชายก็รู้ทันทีว่าต้องเป็นเกียรติศักดิ์แน่ๆ เสียงแปร่งๆเริ่มจะแตกเพราะเข้าสู่วัยหนุ่มฟังดูคล้ายเป็ดอย่างเป็นเอกลักษณ์ ทั้งเขาและเจ้าตัวไม่มีใครชอบการเปลี่ยนแปลงของร่างกายโดยควบคุมไม่ได้ ในแบบนี้เลย มันทำให้พวกเขารู้สึกเป็นตัวประหลาดในสายตาของเพื่อน คนรู้จัก และครอบครัว บางครั้งเขาเองยังสงสัยว่าเสียงที่เปล่งออกมาคือเสียงของตัวเองแน่หรือ
“ก็มันเหนื่อย เซ็งด้วย บอกตามตรงกูไม่อยากไปค่ายเลยว่ะ” ชาติชายพูดอย่างเนือยๆ ใจครุ่นคิดถึงวิธีหลบเลี่ยงการไปค่าย แกล้งป่วยดีไหมนะ ไม่เอาดีกว่า ดูเป็นวิธีการของเด็กน้อยใช้กัน เขาโตแล้วคงไม่ทำเรื่องน่าอายแบบนั้น
“มืงยังดี กลุ่มกูมีแต่คนง่อยๆงอมืองอเท้า กูคิดสภาพตอนทำกิจกรรมร่วมกันไม่ออกเลยว่ะ มีแต่คุณชายลูกคุณหนู จะกางเต็นท์ ทำกับข้าวกันยังไงวะ คิดแล้วเพลีย ” เกียรติศักดิ์บ่นยาว นั่นสินะ กิจกรรมที่ต้องทำงานร่วมกันเป็นกลุ่มแบบนี้ หากได้สมาชิกเหยาะแหยะ รังแต่จะทำให้กลุ่มแย่ ทำงานช้า จะขยับทำอะไรตรงไหน ก็ดูลำบากไปเสียทั้งหมด
“ แต่ยังไงก็คงต้องไป กูยังไม่อยากติด มผ.ว่ะ” นั่นคือข้อสรุปของสองหนุ่มที่ต้องยอมจำนนอย่างไม่มีข้อแม้
และแล้วเช้าวันเดินทางก็มาถึง นักเรียนใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียน ไม่ลืมสวมหน้ากากอนามัยกันอย่างเช่นเคยทำมา ต่อจากนั้นต่างทยอยกันรายงานตัวกับคุณครู แล้วแยกย้ายกันขึ้นรถบัสเดินทางซึ่งจอดเรียงรายอยู่สามคัน
โชคดีหน่อย เกียรติศักดิ์และชาติชายอยู่กลุ่มใกล้กัน เลยได้ขึ้นรถบัสคันเดียวกัน ขณะแยกย้ายกันเข้าประจำที่นั่ง เกียรติศักดิ์ถึงกับลุกขึ้นยืนชะเง้อมองหาตำแหน่งที่นั่งของชาติชายเพื่อนสนิท ด้วยท่าทีกระสับกระส่าย เหมือนมีเรื่องบางอย่างอยากบอกเพื่อน
“ยืนชะเง้อชะแง้อะไรอยู่นั่นแหละเกียรติศักดิ์ เพื่อนเธอคนอื่นๆเขานั่งประจำที่กันหมดแล้วนะ” เสียงเข้มของครูสายสมร ครูผู้ดูแลประจำรถบัสคันที่สอง ทำให้เขาถึงกับตัวลีบ นั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม พยายามทำตัวให้กลมกลืนไปกับคนอื่นๆเพื่อจะได้ไม่ถูกดุอีก ฤกษ์ไม่ดีตั้งแต่เริ่มออกเดินทางเลย เกียรติศักดิ์อดคิดไม่ได้
รถทั้งสองคันค่อยๆเคลื่อนตัวออกอย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปตำบลอ่างศิลา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของค่ายในครั้งนี้
คณะเดินทางไปถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพ ค่ายอยู่ใกล้ทะเล มีลมทะเลพัดโชยอ่อนๆเรียกความสดชื่นได้เป็นอย่างดี ไม่รอช้า แต่ละกลุ่มแยกย้ายกันเข้าประจำตำแหน่งเพื่อกางเต็นท์และทำอาหารมื้อแรกรับประทาน ทุกอย่างผ่านไปอย่างราบรื่น แต่เกียรติศักดิ์ยังไม่มีโอกาสแว้บไปหาชาติชายเลย ไว้คืนนี้ก่อนเถอะน่า เขาหมายมั่นในใจ มีบางเรื่องที่เขาอยากจะคุยกับเพื่อนอย่างเร่งด่วน
เมื่อค่ำคืนมาถึง กิจกรรมเปิดค่ายอย่างเป็นทางการก็เริ่มขึ้น หลังจากนั้นคุณครูให้นักเรียนแยกย้ายกันเข้าเต็นท์ที่พักนอนออมแรงสำหรับกิจกรรมวันพรุ่งนี้
ตกกลางคืนเงียบสงัด เต็นท์ผ้าใบหลังใหญ่ที่ตั้งห่างกันเป็นระยะๆ หลังคาเต็นท์ถูกลมตีพัดสะบัดดังพึ่บพั่บ หลายคนเริ่มผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน มีเสียงกรน เสียงกัดฟันกรอดๆดังให้ได้ยินเป็นระยะ แต่เกียรติศักดิ์ยังไม่นอน เขายังลืมตาโพลง สมองคิดวุ่นวายถึงบางเรื่อง
อนุสรณ์ เพื่อนกลุ่มเดียวกันของทั้งเกียรติศักดิ์และชาติชายสมัยประถม ตายแล้ว...อนุสรณ์เป็นคนเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม และสามารถสอบเข้าโครงการพิเศษนักวิทยาศาสตร์ช้างเผือก ได้รับทุนในการเรียนต่อจนถึงระดับปริญญาเอก เพื่อนย้ายไปเรียนที่กรุงเทพ ทุกอย่างดูสวยหรูสำหรับเส้นทางชีวิต เกียรติศักดิ์ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงแบบนี้ พ่อของเขาเป็นคนแจ้งข่าวร้ายตอนเช้าก่อนมาค่าย ยอมรับว่าตกใจมาก เนื้อตัวสั่นไปหมด เมื่อนึกถึงเพื่อนผู้จากไป
ชาติชายคงยังไม่รู้เรื่องนี้แน่ แต่มีข่าวมาเป็นระยะแล้วว่าอนุสรณ์ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับการเรียนอันเข้มหนักหน่วงที่กรุงเทพฯได้ คะแนนสอบของอนุสรณ์ออกมาไม่ดีนัก จนหลายฝ่ายเป็นกังวล อนุสรณ์เป็นเด็กทุนด้วย หากเขาเรียนไม่ไหวลาออกกลางคัน นั่นหมายความว่าต้องชดใช้ทุนคืน พ่อแม่ของอนุสรณ์ฐานะไม่ดีนัก การที่อนุสรณ์มาตายจากไปอย่างนี้ ไม่รู้ว่าจะส่งผลดีหรือผลร้ายต่อผู้ปกครองของเพื่อนผู้ตายกันแน่ เกียรติศักดิ์ครุ่นคิด
เสียงขยับตัวดังแครกครากของคนนอนอยู่ใกล้ๆกันทำให้เกียรติศักดิ์ต้องหันมามอง เพื่อนร่วมเต็นท์สลัดผ้าห่มเตรียมลุกขึ้น เกียรติศักดิ์อดถามไม่ได้
“ จะไปไหนเหรอ”
“ จะไปเข้าห้องน้ำน่ะ ปวดท้องยังไงไม่รู้”
“ ไปด้วยคน”
เกือบตีสาม มีคุณครูลุกมาตรวจความเรียบร้อย เมื่อเห็นว่าทุกอย่างยังปกติ ก็เตรียมผลัดเปลี่ยนเวรยาม
เช้าวันต่อมา กิจกรรมเดินทางไกลได้เริ่มต้นขึ้น นักเรียนแต่กลุ่มอยู่ในสภาพเตรียมพร้อม สักพักใหญ่ๆเสียงนกหวีดเป็นสัญญาณเริ่มออกเดินทางก็ดังขึ้น เกียรติศักดิ์มีใบหน้าสะโหลสะเหลเนื่องจากนอนไม่เต็มอิ่มเดินเซื่องๆหงอยๆตลอดทาง
จนกระทั่งถึงเวลาเย็น กลับเข้าเตนท์ที่พัก คุณครูให้โอกาสนักเรียนได้ผ่อนคลาย ทำอะไรก็ได้ตามอิสระ ก่อนที่กิจกรรมรอบกองไฟจะเริ่มต้นขึ้นสองทุ่ม หลายคนใช้โอกาสนี้วุ่นวายอยู่กับเตรียมการแสดงรอบกองไฟ แต่เกียรติศักดิ์ไม่มีหน้าที่อะไรต้องรับผิดชอบเป็นพิเศษ จึงออกมาเดินเล่นชายทะเล ชาติชายก็เช่นกัน ความเบื่อหน่ายในกิจกรรมค่าย ทำให้เขารอคอยเวลานี้มาตลอด เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่การเข้าค่ายถึงจะจบลงเสียที นั่นคือสิ่งที่เขาคิดซ้ำไปซ้ำมา
ชายหาดยามเย็น คลื่นซัดกระทบฝั่งเบาๆ ลมทะเลพัดใบมะพร้าวไหวระริกเป็นจังหวะ บรรยากาศดีเช่นนี้ ช่วงสร้างความผ่อนคลายให้กับบรรดาชาวค่ายหลายคนที่กำลังเดินเล่นพักผ่อนอยู่บนหายทรายได้เป็นอย่างดี ชาติชายถึงกับงุนงง เมื่อพบเพื่อนรักในสภาพไม่ค่อยดีนัก สีหน้าซีด ขอบตาดำคล้ำ
“ทำไมมืงเหมือนไม่ได้นอนทั้งคืนวะ หน้าตาดูไม่ได้เลย หรือเดินทางไกลเหนื่อยมาก ถ้าไม่สบายก็รีบบอกนะ หากล้มป่วยมันจะไม่ดี” ชาติชายคุยกับเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“มืงรู้ข่าวหรือยัง”
“ข่าวอะไร”
“อนุสรณ์ตายแล้ว”
“เฮ้ย! เป็นไปไม่ได้ ข่าวมั่วหรือเปล่า เมื่อไม่กี่วันกูยังไลน์คุยกันอยู่เลย เห็นบ่นๆว่าเครียด เรียนตามเพื่อนไม่ทัน การบ้านเยอะมาก และยิ่งเรียนเท่าไหร่ก็เริ่มรู้ตัวว่าสายวิทยาศาตร์ไม่ใช่ เรียนแบบไม่มีความสุข ไอ้ครั้นจะลาออก ก็ติดเรื่องต้องใช้ทุนคืน และก็กลัวพ่อแม่ลำบากเรื่องเงินด้วย...แล้วมืงรู้ไหมวะว่าอนุสรณ์ตายเพราะอะไร”
“ฆ่าตัวตาย...สงสัยมันจะทนความกดดันไม่ไหวว่ะ” เกียรติศักดิ์ตอบเสียงซึมๆ
ชาติชายนิ่งงันไปพักใหญ่ เขาไม่คิดว่าเพื่อนเคยเล่นหัวด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจะจากไปเร็วขนาดนี้ ใช่...เขาเองก็เครียดมากกับภาระการเรียน แต่ถ้าหากต้องการอนาคตดี นักเรียนผลการเรียนปานกลางอย่างเขามีทางเลือกอื่นด้วยหรือ...ระบบการเรียนและการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบแพ้คัดออก คือคำตอบดีที่สุดในการสร้างทรัพยากรบุคคลของประเทศชาติแล้วใช่หรือไม่ ไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ และก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าอนาคตการศึกษาของเมืองไทยจะเดินไปทางไหน