เพิ่งผ่าตัดมาสดๆร้อนๆ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2563 นี้ค่ะ อยากมาแชร์ข้อมูลบางอย่าง และการเตรียมตัว
ผ่าแบบใช้สิทธิ์ประกันสังคม แบบส่งตัวจากรพ.บางนา1 ไปรพ.วชิระ ก่อนหน้าวันที่จะนัดผ่าก็มาตรวจมาเช็คหลายรอบเหมือนกัน จากที่รพ.บางนา 1 ส่งตัวมาครั้งแรกก็ประมาณเดือนก.ค. 2563 แล้วมาอีกประมาณ 3-4 รอบ ถึงนัดวันผ่า ได้วันผ่าตัดคือวันที่ 2 ก.ย.
ขั้นตอนตัดสินใจว่าจะผ่าที่ไหน
ปกติรักษาเกี่ยวกับพวกเนื้องอกที่มดลูกที่รพ.รามาเป็นประจำ ก็ไปตามนัด ล่าสุดหมอบอกว่า ก้อนเนื้องอก มันโตขึ้นมากแล้ว จำเป็นต้องทำการผ่าตัด ให้ไปติดต่อใช้สิทธิ์ประกันสังคมก่อน ก็ไปเช็คราคา ถ้าที่รามา ราคาผ่าตัดแบบไม่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ก็ประมาณ 110,000 บาท แบบส่องกล้อง ถ้าเปิดหน้าท้องราคาจะต่ำลงกว่านี้ ตอนแรกอยากใช้สิทธิ์ประกันสังคมผ่าตัดที่รามานี่แหละ แล้วไปติดต่อรพ.ต้นสังกัด ทางรพ.ต้นสังกัดไม่ได้ส่งไปรามา แต่ส่งไปวชิระแทน
ไปเช็คราคาที่รพ.กรุงเทพ ค่าผ่าตัดส่องกล้องอยู่ที่เกือบ 3 แสนกว่า (จริงๆเจ้านายที่บริษัทให้ไปผ่าที่รพ.กรุงเทพฯ แล้วจะออกค่าใช้จ่ายให้ แต่เราไม่เอา เพราะเดี๋ยวมานู่นนี่นั่นอีก ไม่อยากเกิดปัญหาตามมาทีหลัง ผลสรุปก็เลยผ่าแบบประกันสังคมที่รพ.วชิระ
เริ่มแอดมิทตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. ก็ไปตรวจก่อนรอบเช้า พอตอนบ่าย เค้าก็เข็นรถไปส่งที่ตึกสูตินรีเวช เพื่อทำการจองห้อง ทำเรื่องนอนรพ. เราจองแบบพิเศษเดี่ยวไว้ แต่ห้องยังไม่ว่าง เลยได้นอนห้องพิเศษคู่ ก็ยังไม่ได้ทำอะไร มีพยาบาลมาคอยวัดไข้ วัดความดันเรื่อยๆ หลังจากนั้น พยาบาลก็มาเรียกให้ไปอัลตร้าซาวด์อีกรอบตอนช่วง 6 โมงเย็น (กำลังทานข้าวอยู่พอดี ก็ไปซาวด์ก่อน แล้วค่อยกลับมากินที่เหลือต่อ)
พยาบาลมาบอกว่า มีห้องว่างพิเศษเดี่ยวพอดี กำลังทำความสะอาด สามารถย้ายเข้าตอนทุ่มนึง ก็โอเค เปลี่ยนห้องไปห้องพิเศษเดี่ยว
ห้องพิเศษคู่ เป็นห้องกว้างเหมือนกัน จะอยู่กับอีกคน แบ่งกันคนละฝั่งห้อง ตู้เย็นรวมกัน เป็นห้องแอร์ มีห้องน้ำภายในตัว มีโซฟานอน สำหรับญาติเฝ้าไข้
ส่วนห้องพิเศษเดี่ยว จะเป็นห้องเล็กกว่าพิเศษคู่ แต่มีแอร์ มีตู้เย็น มีทีวี มีห้องน้ำในตัว ก็สะดวกกว่าเยอะ และเป็นส่วนตัวกว่าเยอะ รู้สึกว่าจ่ายส่วนเพิ่มจากประกันสังคม ห้องละ 1800 กว่าๆนี่ล่ะ ตอนเขาเอาใบราคามาให้ดู
วันที่ 2 หลังแอดมิท วันนี้ก็มีวัดไข้ วัดความดันบ่อยมาก มีการเตรียมลำไส้ นั่นคือ พยาบาลเอาเหยือกน้ำ 2 เหยือกมาให้ตอน 7 โมง บอกให้ทาน 2 เหยือกนี่หมดภายใน 3 ชม. ก็ประมาณ 10 โมง น่าจะกินให้หมด เราก็พยายามกินเรือยๆ แต่รสชาตไม่มีความอร่อยเลย เป็นน้ำกร่อยๆ รู้แหละว่ามันคือยาระบาย สักพัก วิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วก็ถ่ายจนหมด ประมาณ 10 รอบ ถ่ายจนเป็นน้ำใสๆ ไม่มีกาก นั่นคือ ลำไส้คงสะอาดแล้วมั้ง 55 แต่รู้ว่า อยากเข้าไปนอนอยู่ในห้องน้ำเลย เข้าบ่อยมากก อาหารของวันนี้ รพ.จัดมาทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็น เป็นแบบน้ำๆ ทั้งหมด นั่นคือ น้ำซุป, น้ำหวาน, น้ำขิง (ไม่เคยชินเลย กินอาหารแบบนี้ แต่ก็ต้องทนแหละ)
วันนี้ทั้งคุณหมอ และพยาบาลก็จะเดินเข้ามาหาบ่อยหน่อย ทั้งนศ.แพทย์ และคุณหมอห้องผ่าตัด เข้ามาแนะนำวิธีการผ่าตัด วิธีการใช้ยาสลบ ข้อมูลอะไรต่างๆ ที่คนไข้ต้องรู้ก่อนผ่าตัด ส่วนนศ.แพทย์ก็จะมากันหลายกลุ่ม ซักถามอาการ ประวัติอะไรยังไง และคุณหมอที่จะเข้าผ่าตัดมีใครบ้าง คุณหมอวิสัญญีอีก อื่นๆ ก็จะเข้ามาแนะนำบ้าง ซักถามบ้าง จนหมดวัน ก็เข้านอนปกติ เพราะพรุ่งนี้จะทำการผ่าตัดตอน 8.30 น.
ต้องผ่าตัดแบบเปิดช่องท้อง เพราะเคยผ่าตัดเปิดช่องท้องตอนช็อคโกแลตซีสต์แตก เมื่อ 8 ปีก่อน รอบนี้เลยต้องผ่าแบบเปิดช่องท้อง หมอให้ความเห็นว่า จะทำได้ดีกว่า รวดเร็วกว่าแบบส่องกล้อง เพราะมีปัจจัยอื่น อาจทำให้เสียเลือดมาก หรือมีพังผืดมาก จะเสียเวลากว่าแบบเปิดช่องท้อง ก็เลยว่าตามนั้น ย้ำรอยแผลเก่า ก็โอเคไม่เป็นไร .. อิอิ
แค่นี้ก่อนเดี๋ยวมาพิมพ์ใหม่
ผ่าตัดเนื้องอกในโพรงมดลูกขนาด 14 ซม. และผ่าตัดถุงน้ำรังไข่ข้างซ้าย
ผ่าแบบใช้สิทธิ์ประกันสังคม แบบส่งตัวจากรพ.บางนา1 ไปรพ.วชิระ ก่อนหน้าวันที่จะนัดผ่าก็มาตรวจมาเช็คหลายรอบเหมือนกัน จากที่รพ.บางนา 1 ส่งตัวมาครั้งแรกก็ประมาณเดือนก.ค. 2563 แล้วมาอีกประมาณ 3-4 รอบ ถึงนัดวันผ่า ได้วันผ่าตัดคือวันที่ 2 ก.ย.
ขั้นตอนตัดสินใจว่าจะผ่าที่ไหน
ปกติรักษาเกี่ยวกับพวกเนื้องอกที่มดลูกที่รพ.รามาเป็นประจำ ก็ไปตามนัด ล่าสุดหมอบอกว่า ก้อนเนื้องอก มันโตขึ้นมากแล้ว จำเป็นต้องทำการผ่าตัด ให้ไปติดต่อใช้สิทธิ์ประกันสังคมก่อน ก็ไปเช็คราคา ถ้าที่รามา ราคาผ่าตัดแบบไม่ใช้สิทธิ์ประกันสังคม ก็ประมาณ 110,000 บาท แบบส่องกล้อง ถ้าเปิดหน้าท้องราคาจะต่ำลงกว่านี้ ตอนแรกอยากใช้สิทธิ์ประกันสังคมผ่าตัดที่รามานี่แหละ แล้วไปติดต่อรพ.ต้นสังกัด ทางรพ.ต้นสังกัดไม่ได้ส่งไปรามา แต่ส่งไปวชิระแทน
ไปเช็คราคาที่รพ.กรุงเทพ ค่าผ่าตัดส่องกล้องอยู่ที่เกือบ 3 แสนกว่า (จริงๆเจ้านายที่บริษัทให้ไปผ่าที่รพ.กรุงเทพฯ แล้วจะออกค่าใช้จ่ายให้ แต่เราไม่เอา เพราะเดี๋ยวมานู่นนี่นั่นอีก ไม่อยากเกิดปัญหาตามมาทีหลัง ผลสรุปก็เลยผ่าแบบประกันสังคมที่รพ.วชิระ
เริ่มแอดมิทตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค. ก็ไปตรวจก่อนรอบเช้า พอตอนบ่าย เค้าก็เข็นรถไปส่งที่ตึกสูตินรีเวช เพื่อทำการจองห้อง ทำเรื่องนอนรพ. เราจองแบบพิเศษเดี่ยวไว้ แต่ห้องยังไม่ว่าง เลยได้นอนห้องพิเศษคู่ ก็ยังไม่ได้ทำอะไร มีพยาบาลมาคอยวัดไข้ วัดความดันเรื่อยๆ หลังจากนั้น พยาบาลก็มาเรียกให้ไปอัลตร้าซาวด์อีกรอบตอนช่วง 6 โมงเย็น (กำลังทานข้าวอยู่พอดี ก็ไปซาวด์ก่อน แล้วค่อยกลับมากินที่เหลือต่อ)
พยาบาลมาบอกว่า มีห้องว่างพิเศษเดี่ยวพอดี กำลังทำความสะอาด สามารถย้ายเข้าตอนทุ่มนึง ก็โอเค เปลี่ยนห้องไปห้องพิเศษเดี่ยว
ห้องพิเศษคู่ เป็นห้องกว้างเหมือนกัน จะอยู่กับอีกคน แบ่งกันคนละฝั่งห้อง ตู้เย็นรวมกัน เป็นห้องแอร์ มีห้องน้ำภายในตัว มีโซฟานอน สำหรับญาติเฝ้าไข้
ส่วนห้องพิเศษเดี่ยว จะเป็นห้องเล็กกว่าพิเศษคู่ แต่มีแอร์ มีตู้เย็น มีทีวี มีห้องน้ำในตัว ก็สะดวกกว่าเยอะ และเป็นส่วนตัวกว่าเยอะ รู้สึกว่าจ่ายส่วนเพิ่มจากประกันสังคม ห้องละ 1800 กว่าๆนี่ล่ะ ตอนเขาเอาใบราคามาให้ดู
วันที่ 2 หลังแอดมิท วันนี้ก็มีวัดไข้ วัดความดันบ่อยมาก มีการเตรียมลำไส้ นั่นคือ พยาบาลเอาเหยือกน้ำ 2 เหยือกมาให้ตอน 7 โมง บอกให้ทาน 2 เหยือกนี่หมดภายใน 3 ชม. ก็ประมาณ 10 โมง น่าจะกินให้หมด เราก็พยายามกินเรือยๆ แต่รสชาตไม่มีความอร่อยเลย เป็นน้ำกร่อยๆ รู้แหละว่ามันคือยาระบาย สักพัก วิ่งเข้าห้องน้ำ แล้วก็ถ่ายจนหมด ประมาณ 10 รอบ ถ่ายจนเป็นน้ำใสๆ ไม่มีกาก นั่นคือ ลำไส้คงสะอาดแล้วมั้ง 55 แต่รู้ว่า อยากเข้าไปนอนอยู่ในห้องน้ำเลย เข้าบ่อยมากก อาหารของวันนี้ รพ.จัดมาทั้งมื้อเช้า กลางวัน เย็น เป็นแบบน้ำๆ ทั้งหมด นั่นคือ น้ำซุป, น้ำหวาน, น้ำขิง (ไม่เคยชินเลย กินอาหารแบบนี้ แต่ก็ต้องทนแหละ)