กรณีศึกษาหุ้น Snowflake ที่วอร์เรน บัฟเฟตต์เพิ่งลงทุน - By Billionaire VI

<หุ้นไอพีโอที่จะเข้าตลาด NYSE ในวันพรุ่งนี้>
.
กรณีศึกษาหุ้น Snowflake ที่วอร์เรน บัฟเฟตต์เพิ่งลงทุน
.
Berkshire Hathaway ของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เตรียมที่จะลงทุนในหุ้นไอพีโอที่ชื่อว่า Snowflake ด้วยเงินกว่า $674 ล้านหรือ 21,000 ล้านบาท
.
หุ้นตัวนี้ได้ฉีกแนวทางการลงทุนของคุณปู่อย่างสิ้นเชิง ทั้งเป็นหุ้นเทคโนโลยีและหุ้นไอพีโอ จนหลายคนบอกว่าจริงแล้วเป็นการลงทุนโดยทีมงานของปู่อย่าง Todd Combs
.
เราลองมาดูว่า Snowflake ทำธุรกิจอะไร ทำไม Berkshire Hathaway ถึงสนใจเข้าลงทุน
.
บริษัทถูกก่อตั้งในปี 2012 โดยนาย Benoit Dageville และ Thierry Cruanes
.
ทั้งคู่ทำงานที่ Oracle ก่อนลาออกมาตั้งบริษัท โดยมีวิชั่นการสร้างระบบ DataWarehouse (DW) บนระบบคลาวด์
.
ก่อนอื่นผมขออธิบายระบบ DW ให้ทุกคนเข้าใจกันก่อน
.
โดยปรกติข้อมูล (Data) มีอยู่มากมาย และกระจัดกระจายในองค์กร ฝ่ายบุคคลก็มีข้อมูลพนักงาน ฝ่ายขายก็มีข้อมูลการขายสินค้ากับข้อมูลลูกค้า ฝ่ายบริการลูกค้าก็มีข้อมูลอีกหนึ่งชุด
เพราะฉะนั้นเวลาจะทำการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytic) ต่างฝ่ายต่างใช้ข้อมูลตัวเองในการวิเคราะห์ จึงได้ข้อมูลไม่ครบทุกมุมในที่เดียว
.
ตัวอย่างเช่นถ้าดูจากระบบการขายอย่างเดียวอาจจะพบว่าลูกค้า A มียอดการซิ้อสินค้าลดลง แต่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริง แต่ถ้าสามารถรวบรวมข้อมูลจากฝ่ายบริการลูกค้าเข้ามาในถัง DW ก็จะเห็นว่าลูกค้า A ซื้อน้อยลงเพราะไม่พอใจในสินค้า เคยโทรเข้ามาแจ้งกับคอบเซ็นเตอร์หลายรอบแล้ว
.
การมีระบบ DW จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ด้วยโซลูชั่นที่รวบรวมข้อมูลจากหลายๆแหล่งในองค์กร เข้ามาทำการจัดระเบียบ แล้ววิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกได้
.
Snowflake คือผู้นำในโซลูชั่น DW บนคลาวด์ในตลาด
.
รายได้ปี 2018 ที่จบเดือนมกราคม 2019 ทำได้ $96.6 ล้าน ขาดทุน $178 ล้าน
.
รายได้ปี 2019* ที่จบเดือนมกราคม 2020 ทำได้ $264.7 ล้าน ขาดทุน $348 ล้าน
.
*รายได้เติบโตได้ถึง 175% YoY  
.
ในรอบหกเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม 2020 รายได้ $241 ล้าน เติบโตขึ้น 131% จาก $104 ล้านในช่วงหกเดือนของปี 2019 
.
รายได้ 6 เดือนในปีนี้เกือบเท่ากับรายได้ทั้งปี 2019
.
ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าอยู่ 3,117 ราย โดยเป็นลูกค้ารายใหญ่จ่ายเงินมากกว่า $1 ล้านต่อปีอยู่ 56 ราย
.
เนื่องจากเป็นโซลูชั่นที่เกี่ยวกับข้อมูลที่สำคัญในองค์กร จึงทำให้ลูกค้าใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ย้ายหนีไปไหน 
.
โดยดูได้จาก Retention Rate หรืออัตรารายได้ของลูกค้าเดิมอยู่ที่ 158% ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้
.
ถ้าเทียบกับบริษัท SaaS อื่นๆเช่น Datadog อยู่ที่ 146% และ Slack อยู่ที่ 138%
.
มองในแง่การเติบโต ผมเชื่อมั่นว่าบริษัทจะยังเติบโตได้ในอัตราที่สูงกว่า 50% ต่อปีไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปีข้างหน้า 
.
ถ้าดูจากข้อมูลของ IDC จะพบว่าตลาดของ DW ภายในปี 2025 จะมีขนาดใหญ่ถึง $30,000 ล้าน
.
ถ้าเทียบกับรายได้ปัจจุบันของบริษัท ยังมีโอกาสการเติบโตอีกเยอะมาก
.
นอกจากนี้ซีอีโอนาย Frank Slootman ยังมีชื่อเสียงในการนำบริษัทเทคโนโลยีขนาดเล็กเข้าตลาด เคยบริหาร ServiceNow แล้วราคาสูงขึ้นถึง 18.6 เท่าจากราคาไอพีโอ
.
อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่ากังวลอยู่ที่ค่าใช้จ่ายทางการขายและการตลาดที่มากกว่ารายได้
.
ในปี 2018 ค่าใช้ส่วนนี้เป็น 130% ของรายได้ และเป็น 110.8% ในปี 2019 แม้ว่าจะลดลงเหลือ 78% ในหกเดือนแรกของปีนี้
แสดงว่าบริษัทจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้เซลล์และจ่ายเงินค่าโฆษณาการตลาดด้วยเงินจำนวนมากเพื่อสร้างให้โซลูชั่นเป็นที่รู้จักในกลุ่มเป้าหมายลูกค้า
.
นอกจากนี้ความเสี่ยงอีกอย่างคือบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Microsoft ต่างมีบริการ DW ของตนเองคือ Redshift, BigQuery และ Synapse ตามลำดับ
.
จุดแตกต่างคือ Snowflake ให้บริการแบบ Data as a services คือลูกค้าใช้งานดึงข้อมูลมาวิเคราะห์อย่างเดียว ที่เหลือทาง Snowflake ทำให้หมดเลย 
.
แต่ถ้าใช้ของคู่แข่งลูกค้าต้องดูแลเก็บกวาดข้อมูลเอง ในแง่การสเกลเพื่อรองรับการใช้งานเยอะๆ Snowflake ก็ทำได้ราบลื่นกว่า
.
อีกประเด็นคือตอนนี้ Snowflake ยังต้องรันบนคลาวด์ของเจ้าใหญ่ทั้งสาม ถ้าวันใดที่ทั้งสามเจ้าอยากให้ลูกค้าใช้ของตนเอง ไม่ให้บริษัทใช้ ก็อาจจะเป็นความเสี่ยงที่ต้องพิจารณา
.
ทางด้านราคาที่ไอพีโออยู่ระหว่าง $100-$110 (เพิ่งปรับราคาขึ้นจาก $75-$85 เมื่อวันจันทร์ที่ 14 กันยายน 2020) มีหุ้นอยู่ทั้งหมด 279 ล้านหุ้น 
.
ถ้าราคาไอพีโอ $100 มูลค่าตลาดจะเท่ากับ $27,900 ล้าน ประมาณการรายได้ปี 2020 อยู่ที่ $480 ล้าน
.
ค่า Price per Sales จะอยู่ที่ 58 เท่า ถ้าเทียบกับ Datadog อยู่ที่ 51 เท่า
.
ในมุมมองส่วนตัวมองว่ารายได้คงยังสามารถเติบโตไปได้อย่างดี ส่วนรายจ่ายก็น่าจะควบคุมได้ดียิ่งขึ้น ดูได้จากช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ที่ค่าใช้จ่ายที่เป็นสัดส่วนกับรายได้ลดลง
.
แต่ยังกังวลการแข่งขันเนื่องจากรายใหญ่อย่าง AWS Microsoft และ Google ต่างก็มีโซลูชั่นที่เหมือนกัน แตกต่างแค่การบริหารจัดการการใช้งาน 
นอกจากนี้ราคาไอพีโอที่ค่อนข้างสูง ผมเลยขอดูอยู่ห่างๆครับ #หุ้นอเมริกา #Snowflake

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่