สวัสดี ชาวพันทิป
นี่คิดอยู่นานว่าจะเขียนดีไหม แต่สุดท้ายก็เขียนดีกว่า เราไม่รู้จะไปต่อยังไง
ใครกำลังท้อ...มาค่ะ คุณไม่ได้ท้อแค่คนเดียว ><
เกริ่นก่อน ชีวิตเรา ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ เด็กๆ ก็เรื่องเพื่อนไม่โอเค โตขึ้นมาเพื่อนโอเค แม่เสีย หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็เสีย
ตอนนี้เราเหลือแค่ญาติๆ ไม่กี่คน สิ่งที่เราอยากทำคือ เราอยากไปเรียนต่างประเทศ อยากทำงานดีๆ แต่ ก็เจออุปสรรค ตอนจะไป
เรียนต่างประเทศครั้งแรก แพลนไว้เรียบร้อย แม่ตรวจเจอมะเร็งระยะที่ 3 ทำให้เราต้องพับโครงการ เราตั้งใจใช้เวลาอยู่กับแม่ให้คุ้มค่าที่สุด
เราไม่ได้ไปเรียนเป็นเทอมเลย แค่ไปสอบอย่างเดียว เกรดดรอปมาเยอะมาก และหลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็เสีย...
ต่อมาหลังจากจบตรี เราสอบเข้าเรียนต่อโท ในคณะแพทย์ ม. รัฐ แห่งหนึ่งเป็นโปรแกรมอินเตอร์ ต้องสอบวัดระดับอังกฤษ ถึงจะได้ทุน แล้วเขาเพิ่งเปลี่ยนเกณฑ์ที่ปีเรา (เปลี่ยนหลังจากที่เรายื่นทุนแล้ว ซึ่งเราผ่านเกณฑ์เดิม น่าเจ็บใจ) โดยต้องสอบให้ได้ 60+ ฉันสอบหลายรอบมาก ได้แค่ 58 59 ตลอด สุดท้าย ก็พลาดทุน ฉันอยากได้ทุนมาก เพราะว่า พ่อฉันเป็นความดัน ต้องตรวจทุกเดือน หลังๆเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก มึนหัว เหมือนหน้ามืด (เราอยากให้เขารักษาโรงพยาบาลดีๆ สบายๆ ไม่ต้องรอคิวนาน เลยพาไปเอกชน) ค่าใช้จ่ายเลยสูง จนสุดท้ายไม่ไหว มารพ. รัฐธรรมดา แต่หลังๆฉันเพิ่งมาได้อีกปีนึง ซึ่งใช้คุ้มมาก เราให้พ่อ และส่งเป็นค่าเทอมให้น้องด้วย
หลังๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น ฉันเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย มีเงินระดับนึง อยากเลี้ยงพ่อให้สบาย มีของดีๆกิน อยากดูแลเขาให้ดีที่สุด และเราก็เริ่มแพลนว่าเรียนจบแล้วจะไปต่อต่างประเทศ หลังจากนั้น อยู่ๆพ่อก็เสีย...มันกระทันหันมาก
ความรู้สึกเราตอนนั้นคือ ไม่รู้จะไปต่อยังไง เป็นแบบนี้อีกแล้วเหรอ นี่เราเสียทั้งพ่อและแม่ไปแล้วนะ มันเคว้งอย่างบอกไม่ถูก
ชีวิตเจอกับความผิดหวังมาตลอด จนหลังจากที่เรียนโทจบ เราได้งาน ก็โอเคในระดับนึง แต่เรามองว่ามันไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่ และวัฒนะธรรมองค์กรหลายๆอย่าง ทำให้เราลองมองหาบริษัทใหม่ ในตำแหน่งงานที่สูงขึ้น และฉันก็ได้งานนั้น ตำแหน่งสูงขึ้นเงินดีขึ้น และเราก็ได้งานเป็นตามนั้นจริงๆ (ตอนนั้นเราคิดว่าอายุเรายังน้อยเรายังมีไฟ เราต้องไปให้ได้ไกลที่สุด ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับที่เก่าด้วย ออกเพราะได้งานใหม่เฉยๆ)
แต่สุดท้ายหลังจากได้ทำงานที่ใหม่ เงินดี ตำแหน่งดี และเรารู้เลยว่าการบ้างานจนจะต้องพบจิตแพทย์เป็นยังไง สังคมบริษัทใหม่แย่มาก ใครหันหลังคือโดนนินทา ไม่ว่าคุณจะทำอะไร บางทีไม่ถูกใจเขา อยู่ๆ เขาก็ไลน์มาด่า ตามงานเสาร์อาทิตย์ดึกๆดื่นๆ แม้กระทั่งวันรับปริญญาเราลางาน ยังโดนตามงาน คือสุขภาพเสียมาก สุขภาพจิตก็แย่ เราเจอตั้งแต่เดือนแรกที่เข้าไป ทนจนครบ 7 เดือน นี่เข้าใจเลยว่าทำไมบริษัทนี้คนลาออกเยอะมาก เราเริ่มหาลู่ทางไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่ออัพสกิลตัวเองอีกรอบ ดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อย พร้อมเดินทางเดือนกุมภา แต่แล้วววว...โควิดมา ต้องเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด ช่วงนั้นใครคุยกับเรา ว่าเราเป็นยังไง คือน้ำตามันไหลออกมาเอง หยุดไม่ได้ คืออาการหนักมาก
เราว่างงานตั้งแต่เดือน 2 จนตอนนี้ เดือน 9 เรายังไม่ได้งานเลย และก็เลิกกับแฟนที่คบกันมาเกือบ 5 ปี เคว้งหนักกว่าเดิมอีก แล้วนี่ส่งใบสมัครงานไปหลายที่ ก็เงียบมาก จนมีที่นึงเรียกไปลองสอบดู เรามั่นใจในประสบการณ์ ที่เรามี แต่ สุดท้าย เขาไม่รับ...
ช่วงระยะเวลา 7 เดือนทีว่างงานมาเรามีจ๊อบสอนพิเศษอยู่ แต่ รายได้ไม่เยอะเท่าแต่ก่อน เพราะเด็กเราบางส่วนเรียนจบ ม.6แล้ว แล้วเราตั้งใจจะไปต่างประเทศเลยไม่ได้รับเด็กเพิ่มด้วย และระหว่างนั้นเราลองขายของออนไลน์ดู แต่มันก้ยังไม่มีคนซื้อ ทั้งๆที่มันเป็นเทรนของตอนนี้เลย (ตอนนี้กำลังพยายามหาสาเหตุอยู่ว่าเพราะอะไร แล้วเราต้องทำยังไงต่อ) นี่เลยกำลังรู้สึกว่าชีวิตเราล้มเหลวมาก มันท้อสุดๆเลยหละ เหมือนเราไม่มีความสามารถ เราไม่เก่งพอ ทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง เรามืดแปดด้านมาก ท้อแท้ รู้สึกสู้ไม่ไหวแล้ว คิดถึงพ่อแม่มาก ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้...ตอนนี้ก็เช่นกัน ถ้าใครมาถามว่าเป็นไงบ้าง เราไม่อยากตอบเลย เราล้มเหลว พูดแล้วน้ำตาคลอเบ้า
ที่เรามาโพส แค่อยากระบาย เรารู้สึกท้อใจมาก และเหนื่อยกับชีวิต ถ้าใคร เจอแบบเดียวกันมาแชร์ประสบการณ์ได้นะคะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนค่ะ ในทางเดียวกัน เราก็พยายามให้กำลังใจตัวเองอยู่เช่นกันค่ะ
ถ้าใครคิดว่าชีวิตคุณแย่แล้ว อ่านเรื่องของเราค่ะ
สุดท้ายขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ
คุณเคยท้อแท้และผิดหวังในตัวเองมากๆ ไหม มากจนไม่อยากรับรู้อะไร
นี่คิดอยู่นานว่าจะเขียนดีไหม แต่สุดท้ายก็เขียนดีกว่า เราไม่รู้จะไปต่อยังไง
ใครกำลังท้อ...มาค่ะ คุณไม่ได้ท้อแค่คนเดียว ><
เกริ่นก่อน ชีวิตเรา ไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ เด็กๆ ก็เรื่องเพื่อนไม่โอเค โตขึ้นมาเพื่อนโอเค แม่เสีย หลังจากนั้นไม่นานพ่อก็เสีย
ตอนนี้เราเหลือแค่ญาติๆ ไม่กี่คน สิ่งที่เราอยากทำคือ เราอยากไปเรียนต่างประเทศ อยากทำงานดีๆ แต่ ก็เจออุปสรรค ตอนจะไป
เรียนต่างประเทศครั้งแรก แพลนไว้เรียบร้อย แม่ตรวจเจอมะเร็งระยะที่ 3 ทำให้เราต้องพับโครงการ เราตั้งใจใช้เวลาอยู่กับแม่ให้คุ้มค่าที่สุด
เราไม่ได้ไปเรียนเป็นเทอมเลย แค่ไปสอบอย่างเดียว เกรดดรอปมาเยอะมาก และหลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็เสีย...
ต่อมาหลังจากจบตรี เราสอบเข้าเรียนต่อโท ในคณะแพทย์ ม. รัฐ แห่งหนึ่งเป็นโปรแกรมอินเตอร์ ต้องสอบวัดระดับอังกฤษ ถึงจะได้ทุน แล้วเขาเพิ่งเปลี่ยนเกณฑ์ที่ปีเรา (เปลี่ยนหลังจากที่เรายื่นทุนแล้ว ซึ่งเราผ่านเกณฑ์เดิม น่าเจ็บใจ) โดยต้องสอบให้ได้ 60+ ฉันสอบหลายรอบมาก ได้แค่ 58 59 ตลอด สุดท้าย ก็พลาดทุน ฉันอยากได้ทุนมาก เพราะว่า พ่อฉันเป็นความดัน ต้องตรวจทุกเดือน หลังๆเริ่มมีอาการเจ็บหน้าอก มึนหัว เหมือนหน้ามืด (เราอยากให้เขารักษาโรงพยาบาลดีๆ สบายๆ ไม่ต้องรอคิวนาน เลยพาไปเอกชน) ค่าใช้จ่ายเลยสูง จนสุดท้ายไม่ไหว มารพ. รัฐธรรมดา แต่หลังๆฉันเพิ่งมาได้อีกปีนึง ซึ่งใช้คุ้มมาก เราให้พ่อ และส่งเป็นค่าเทอมให้น้องด้วย
หลังๆ ดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น ฉันเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย มีเงินระดับนึง อยากเลี้ยงพ่อให้สบาย มีของดีๆกิน อยากดูแลเขาให้ดีที่สุด และเราก็เริ่มแพลนว่าเรียนจบแล้วจะไปต่อต่างประเทศ หลังจากนั้น อยู่ๆพ่อก็เสีย...มันกระทันหันมาก
ความรู้สึกเราตอนนั้นคือ ไม่รู้จะไปต่อยังไง เป็นแบบนี้อีกแล้วเหรอ นี่เราเสียทั้งพ่อและแม่ไปแล้วนะ มันเคว้งอย่างบอกไม่ถูก
ชีวิตเจอกับความผิดหวังมาตลอด จนหลังจากที่เรียนโทจบ เราได้งาน ก็โอเคในระดับนึง แต่เรามองว่ามันไม่ก้าวหน้าเท่าไหร่ และวัฒนะธรรมองค์กรหลายๆอย่าง ทำให้เราลองมองหาบริษัทใหม่ ในตำแหน่งงานที่สูงขึ้น และฉันก็ได้งานนั้น ตำแหน่งสูงขึ้นเงินดีขึ้น และเราก็ได้งานเป็นตามนั้นจริงๆ (ตอนนั้นเราคิดว่าอายุเรายังน้อยเรายังมีไฟ เราต้องไปให้ได้ไกลที่สุด ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับที่เก่าด้วย ออกเพราะได้งานใหม่เฉยๆ)
แต่สุดท้ายหลังจากได้ทำงานที่ใหม่ เงินดี ตำแหน่งดี และเรารู้เลยว่าการบ้างานจนจะต้องพบจิตแพทย์เป็นยังไง สังคมบริษัทใหม่แย่มาก ใครหันหลังคือโดนนินทา ไม่ว่าคุณจะทำอะไร บางทีไม่ถูกใจเขา อยู่ๆ เขาก็ไลน์มาด่า ตามงานเสาร์อาทิตย์ดึกๆดื่นๆ แม้กระทั่งวันรับปริญญาเราลางาน ยังโดนตามงาน คือสุขภาพเสียมาก สุขภาพจิตก็แย่ เราเจอตั้งแต่เดือนแรกที่เข้าไป ทนจนครบ 7 เดือน นี่เข้าใจเลยว่าทำไมบริษัทนี้คนลาออกเยอะมาก เราเริ่มหาลู่ทางไปเรียนต่อต่างประเทศ เพื่ออัพสกิลตัวเองอีกรอบ ดำเนินการทุกอย่างเรียบร้อย พร้อมเดินทางเดือนกุมภา แต่แล้วววว...โควิดมา ต้องเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด ช่วงนั้นใครคุยกับเรา ว่าเราเป็นยังไง คือน้ำตามันไหลออกมาเอง หยุดไม่ได้ คืออาการหนักมาก
เราว่างงานตั้งแต่เดือน 2 จนตอนนี้ เดือน 9 เรายังไม่ได้งานเลย และก็เลิกกับแฟนที่คบกันมาเกือบ 5 ปี เคว้งหนักกว่าเดิมอีก แล้วนี่ส่งใบสมัครงานไปหลายที่ ก็เงียบมาก จนมีที่นึงเรียกไปลองสอบดู เรามั่นใจในประสบการณ์ ที่เรามี แต่ สุดท้าย เขาไม่รับ...
ช่วงระยะเวลา 7 เดือนทีว่างงานมาเรามีจ๊อบสอนพิเศษอยู่ แต่ รายได้ไม่เยอะเท่าแต่ก่อน เพราะเด็กเราบางส่วนเรียนจบ ม.6แล้ว แล้วเราตั้งใจจะไปต่างประเทศเลยไม่ได้รับเด็กเพิ่มด้วย และระหว่างนั้นเราลองขายของออนไลน์ดู แต่มันก้ยังไม่มีคนซื้อ ทั้งๆที่มันเป็นเทรนของตอนนี้เลย (ตอนนี้กำลังพยายามหาสาเหตุอยู่ว่าเพราะอะไร แล้วเราต้องทำยังไงต่อ) นี่เลยกำลังรู้สึกว่าชีวิตเราล้มเหลวมาก มันท้อสุดๆเลยหละ เหมือนเราไม่มีความสามารถ เราไม่เก่งพอ ทำอะไรก็ไม่ประสบความสำเร็จสักอย่าง เรามืดแปดด้านมาก ท้อแท้ รู้สึกสู้ไม่ไหวแล้ว คิดถึงพ่อแม่มาก ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมชีวิตเราต้องเป็นแบบนี้...ตอนนี้ก็เช่นกัน ถ้าใครมาถามว่าเป็นไงบ้าง เราไม่อยากตอบเลย เราล้มเหลว พูดแล้วน้ำตาคลอเบ้า
ที่เรามาโพส แค่อยากระบาย เรารู้สึกท้อใจมาก และเหนื่อยกับชีวิต ถ้าใคร เจอแบบเดียวกันมาแชร์ประสบการณ์ได้นะคะ
เป็นกำลังใจให้กับทุกคนค่ะ ในทางเดียวกัน เราก็พยายามให้กำลังใจตัวเองอยู่เช่นกันค่ะ
ถ้าใครคิดว่าชีวิตคุณแย่แล้ว อ่านเรื่องของเราค่ะ
สุดท้ายขอบคุณที่อ่านจนจบค่ะ