สวัสดีคะเพื่อนๆชาว Pantip ในยุคปัจจุบัน เพื่อนคุยที่ดีที่สุดของเรา มักจะผ่านทางจอคอมพิวเตอร์ วันนี้จึงอยากเขียนถึง
ชีวิตตัวเองและครอบครัว หลังจากที่แม่ อันเป็นที่รักของพวกเรา เสียชีวิตลง ในวันที่ 1 กันยายน 2563
ครอบครัวของเรา มีลูก 8 คน เราเป็นคนที่ 7 ครอบครัวอยู่ จ.ฉะเชิงเทรา อ.บางน้ำเปรี้ยว
วันที่ 30 สิงหาคม 63 แม่มีอาการ หนาวสั่น หายใจไม่สะดวก พวกเราพาแม่เข้า รพ.แพทย์รังสิต
วันที่ 31 สิงหาคม แม่มีอาการดีขึ้น เราเป็นลูกที่อยู่ไกลสุดคือภูเก็ต ได้มีโอกาส ไปเยี่ยมแม่ที่ รพ. ทราบอาการว่า เส้นเลือดหลักหัวใจตีบ 2เส้น หมอไม่สามารถขยายได้เพราะร่างกายแม่ไม่แข็งแรง ต่อมา ไตวายเฉียบพลัน พวกเราทุกคนได้ เยี่ยม แม่ และบอกสิ่งที่อยากให้แม่รับรู้ แม่พยักหน้ารับ
พี่สาวได้ต่อสายโทรศัพท์ ให้พระที่แม่เคารพ ได้ เทศสอน ตามแนวทางพุทธศาสนา แม่พยักหน้ารับ และ สงบลง พักผ่อนหลับไป หมดเวลาเยี่ยม พวกเราทุกคนกลับบ้าน เพราะเป็นห้อง ICU เวลา 4.00 น. ทางโรงพยาบาล โทรมาแจ้งพี่สาวว่า แม่จากไปอย่างสงบ ในอายุ 82 ปี 3 เดือน
ทุกคนในครอบครัวเสียใจ ร้องให้ ที่น่าสงสารคือพ่อ ที่รักแม่และครอบครัว พวกเราวางแผนจัดงานศพให้แม่อย่างดีที่สุด ช่วง 1-5 กันยายน 63
สวดอภิธรรม วันที่ 6 กันยายน 63 พิธีพระราชทานเพลิงศพ หลังเก็บกระดูกของแม่บรรจุใน เจดีย์ ที่เราซื้อกับทางวัดไว้ ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง
ชีวิตหลังจากนั้น พ่อ วัย 86 ปี ซึมลงไป บางครั้งก็เพ้อถึงแม่ เหงาอย่างเห็นได้ชัด เพราะขาดเพื่อนคุยที่ดีที่สุด
เรา เอง หลังจากกลับมาภูเก็ต ได้เข้าใจ ชีวิตมากขึ้น หลังจากแม่จากไป จิตใจ มันลอย เผลอๆ ใจมันก็ดิ่งลง ขาดสติ เศร้าลง น้ำตาไหล เวลาอยู่คนเดียว
ย้อนกลับไป เข้าใจ บางคนที่เสีย แม่ คนที่รัก แล้วกลายเป็นโรคซึมเศร้า เข้าใจแล้ว เพราะ จิตมันเศร้าลงไปถึง จิตใต้สำนึก มันลึกลงไป
ยิ่งถ้าไม่พยายาม ต่อสู้ กับ ใจ ความเศร้า มันจะยิ่งแย่ลงไปโดยเราไม่รู้ตัว
เราจึงคิดว่า การสวดมนต์ จะช่วยได้ดี เราเริ่มสวดมนต์ก่อนนอน วันละ 10-20 นาที
ผลที่ได้ จิตใจ ในแต่ละวันจะค่อยๆคลายความเศร้าลง
และหวังว่า เวลาที่จะผ่านไป จะทำให้ใจดวงนี้ คลายความทุกข์ลงได้ต่อไป
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องเจอประสบการณ์ สูญเสีย ขอให้ เพื่อนๆ ต่อสู้ กับจิตใจ ความทุกข์ อย่าปล่อยให้ความเศร้า ไหลลงไปในจิตใต้สำนึก
จนทำหใ้กลายเป็นโรคซึมเศร้า สู้ๆ
ขอบคุณพื้นที่ ที่ให้เราได้ระบายเรื่องราวในชีวิต
ในวันที่แม่จากไป
ชีวิตตัวเองและครอบครัว หลังจากที่แม่ อันเป็นที่รักของพวกเรา เสียชีวิตลง ในวันที่ 1 กันยายน 2563
ครอบครัวของเรา มีลูก 8 คน เราเป็นคนที่ 7 ครอบครัวอยู่ จ.ฉะเชิงเทรา อ.บางน้ำเปรี้ยว
วันที่ 30 สิงหาคม 63 แม่มีอาการ หนาวสั่น หายใจไม่สะดวก พวกเราพาแม่เข้า รพ.แพทย์รังสิต
วันที่ 31 สิงหาคม แม่มีอาการดีขึ้น เราเป็นลูกที่อยู่ไกลสุดคือภูเก็ต ได้มีโอกาส ไปเยี่ยมแม่ที่ รพ. ทราบอาการว่า เส้นเลือดหลักหัวใจตีบ 2เส้น หมอไม่สามารถขยายได้เพราะร่างกายแม่ไม่แข็งแรง ต่อมา ไตวายเฉียบพลัน พวกเราทุกคนได้ เยี่ยม แม่ และบอกสิ่งที่อยากให้แม่รับรู้ แม่พยักหน้ารับ
พี่สาวได้ต่อสายโทรศัพท์ ให้พระที่แม่เคารพ ได้ เทศสอน ตามแนวทางพุทธศาสนา แม่พยักหน้ารับ และ สงบลง พักผ่อนหลับไป หมดเวลาเยี่ยม พวกเราทุกคนกลับบ้าน เพราะเป็นห้อง ICU เวลา 4.00 น. ทางโรงพยาบาล โทรมาแจ้งพี่สาวว่า แม่จากไปอย่างสงบ ในอายุ 82 ปี 3 เดือน
ทุกคนในครอบครัวเสียใจ ร้องให้ ที่น่าสงสารคือพ่อ ที่รักแม่และครอบครัว พวกเราวางแผนจัดงานศพให้แม่อย่างดีที่สุด ช่วง 1-5 กันยายน 63
สวดอภิธรรม วันที่ 6 กันยายน 63 พิธีพระราชทานเพลิงศพ หลังเก็บกระดูกของแม่บรรจุใน เจดีย์ ที่เราซื้อกับทางวัดไว้ ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง
ชีวิตหลังจากนั้น พ่อ วัย 86 ปี ซึมลงไป บางครั้งก็เพ้อถึงแม่ เหงาอย่างเห็นได้ชัด เพราะขาดเพื่อนคุยที่ดีที่สุด
เรา เอง หลังจากกลับมาภูเก็ต ได้เข้าใจ ชีวิตมากขึ้น หลังจากแม่จากไป จิตใจ มันลอย เผลอๆ ใจมันก็ดิ่งลง ขาดสติ เศร้าลง น้ำตาไหล เวลาอยู่คนเดียว
ย้อนกลับไป เข้าใจ บางคนที่เสีย แม่ คนที่รัก แล้วกลายเป็นโรคซึมเศร้า เข้าใจแล้ว เพราะ จิตมันเศร้าลงไปถึง จิตใต้สำนึก มันลึกลงไป
ยิ่งถ้าไม่พยายาม ต่อสู้ กับ ใจ ความเศร้า มันจะยิ่งแย่ลงไปโดยเราไม่รู้ตัว
เราจึงคิดว่า การสวดมนต์ จะช่วยได้ดี เราเริ่มสวดมนต์ก่อนนอน วันละ 10-20 นาที
ผลที่ได้ จิตใจ ในแต่ละวันจะค่อยๆคลายความเศร้าลง
และหวังว่า เวลาที่จะผ่านไป จะทำให้ใจดวงนี้ คลายความทุกข์ลงได้ต่อไป
สำหรับเพื่อนๆที่ต้องเจอประสบการณ์ สูญเสีย ขอให้ เพื่อนๆ ต่อสู้ กับจิตใจ ความทุกข์ อย่าปล่อยให้ความเศร้า ไหลลงไปในจิตใต้สำนึก
จนทำหใ้กลายเป็นโรคซึมเศร้า สู้ๆ
ขอบคุณพื้นที่ ที่ให้เราได้ระบายเรื่องราวในชีวิต