เริ่มเรื่องเลยนะคะ เรามีพี่น้อง 3 คนค่ะ เราเป็นลูกคนโต โตมาในครอบครัวที่ พ่อแม่ ยังอายุน้อย ตั้งแต่เราเริ่มโตเราจะอยู่กับย่าบ้าง ป้าบ้าง สลับกันไป เราจำความได้ว่าตอนเรา 7 ขวบ เราต้องรีดผ้า หุงข้าว ดูแลน้องมาตลอด จนอายุ 15 พ่อกับแม่เราหนีหนี้ ต้องย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ช่วงเราเกือบไม่ได้เรียนหนังสือ เพราะพ่อแม่ไม่มีเงินจะส่ง แต่เราโชคดี ที่ร้านขายเสื้อผ้าเอ็นดูเรา ให้เราทำงานที่ร้านและส่งเราเรียน ส่วนค่าแรง แม่กับพ่อจะเบิกไปเองเป็นประจำ เราเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนนั้น จนจบม.ปลาย ตอนนั้นเราอยากเรียนต่อมหาลัยมาก แต่ฐานะทางบ้านย่ำแย่ น้องอีก 2 คน พ่อกับแม่ เราเลยตัดสินใจไม่ให้เรียน ให้เข้าโรงงาน ซึ่งตอนนั้นอาโกก็ตั้งใจที่จะช่วยเราเรื่องเรียนหนังสือเช่นกัน แต่พ่อแม่เรา บอกว่าเราเป็นพี่คนโตต้องเสียสละให้น้องเรียน จริงๆพ่อ กับแม่เรา มียาย มีตา มีป้าคอยช่วยเหลือเรื่องเงินตลอด ในทุกวันที่เราต้องตื่นไปทำงานเราก็สงสัยตลอดว่าที่ทำทุกๆวัน เราทำเพื่ออะไร (นี่คิดแบบเห็นแก่ตัวเลยนะ) ทุกเดือนที่เงินออก เราไม่เคยได้จับเงินเลย เพราะบัตรเอทีเอ็ม จะอยู่กับแม่ ทุกวันแม่จะจ่ายเราเพื่อไปทำงานวันละ 50 บาท (ปี 2549 ค่าแรงวันละ 155 บาท) ทำแบบนั้นอยู่เป็นปี จนเราไปเจอ แฟนคนแรก เรายังเด็กคิดไม่ได้ คิดแค่ว่า อยากเป็นอิสระเลยตัดสินใจมีแฟน ระหว่างนั้นก็ยังต้องทำงานหาเงินให้ที่บ้านอยู่ ส่วนน้องๆก็เริ่มโต แต่ไม่ได้ทำงานหนักเหมือนเรา เพราะทางบ้านเริ่มมีฐานะดีขึ้นแล้ว อยู่กับแฟนได้ 3-4 เดือน เราท้อง แต่เราก็โชคร้าย แฟนนอกใจ เราเลยเลิกกับแฟนตอนท้องได้ 4 เดือน ช่วงนั้นเราลำบากมาก รับจ้างตัดถุงเท้าในโรงงานแถวบ้าน จนคลอด (แต่เรากลับมาอยู่บ้าน) พอคลอดลูกเสร็จ แม่ก็ให้เราออกไปทำงาน ตั้งแต่ยังไม่ครบเดือนเลย เราก็เริ่มทำงานตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนน้องๆเราก็ยังชิวๆกันเหมือนเดิม ผิดกับเรา แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะเรามีลูกแล้วเราต้องรับผิดชอบ อีกอย่างพ่อของลูกไม่เคยมารับผิดชอบอะไรเลย เราเหนื่อย และท้อมากเลยนะ ช่วงนั้นเราทำงานเท่าไหร่ เราส่งให้ลูกหมด เหลือเงินไว้กินทำงานไม่กี่บาท น้องเราเดือดร้อน เราก็ต้องช่วย เป็นแบบนี้อยู่ 4-5 ปี จนเรามาเจอแฟนอีกคนนึง คนนี้ก็ดีกับเรามากนะ ต่างคนต่างทำมาหากิน เรามีลูกกับเค้าอีก 1 คน เหมือนชีวิตกำลังจะไปได้ดีนะ แต่ก็มีเรื่องให้ชีวิตคู่ของเราพังลง แฟนเราชอบใช้ของแบรนด์เนม ชอบเที่ยวหรูๆ เพราะอาชีพของเราบางทีก็ได้เงินเยอะ บางเดือนก็แทบไม่ได้เลย เงินมันเลยหมดไปเรื่อยๆ จนมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้ง และพีคสุดคือพอคลอดลูกคนที่ 2 ได้ 2 ปี เราท้องลูกคนที่ 3 อีก (สำหรับคนที่สงสัยทำไมเราไม่คุมกำเนิดเราแพ้ยาคุม ทั้งฉีดและกินเคยถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลเพราะแพ้ยาคุม) ช่วงเวลาที่เราท้องลูกคนที่ 3 เราจับได้ ว่าสามีเราเป็นเกย์ เป็นตั้งแต่คบกับเรา เรารู้สึกโลกเราแตกสลาย เราไม่อยากมีชีวิตอยู่เลย และช่วงที่เราท้องลูกคนที่ 3 เราไม่ได้ทำงาน ชีวิตคู่มีปัญหา สามีเราไปนอนกับผู้ชายตลอดๆ วันเว้นวัน เราทนทรมานกับชีวิตแบบนี้มาเป็นปีๆ บางทีคิดผูกคอฆ่าตัวตายแต่เชือกมันขาดจนเราร่วงจากคอบันไดชั้น 2 ของบ้าน แว้บนั้นหน้าลูกๆทั้งสองคนมันลอยเข้ามา เราเลยตัดสินใจไม่ฆ่าตัวตาย ช่วงนั้นเรารีกสามีเรามาก ทน ยอมทุกอย่าง มีช่วงนึงเราได้คุยกับแอดมินเพจคลับฟรายเดย์เรื่องของเราได้ออกอากาศด้วยนะ ตอนนั้นคุยกับพี่อ้อย และพี่อ้อม สุนิสา พี่ๆเค้าให้แง่คิดดีๆให้กับเราได้มากเลย เราเลยยอมอดทนจนคลอดลูกคนที่ 3 ช่วงนั้นเราก็ถูกสามีเราเลี้ยงเหมือนหมา เหมือนแมว ให้เงินวันละ 15-30 บาท ส่วนของๆลูก สามีเราจะคอยซื้อแพมเพิร์ส กับของใช้เด็กอ่อนไว้ให้ ส่วนลูกจะกินนมเรา เลยไม่ต้องซื้อนมผง เราก็ทนประมาณเดือนกว่า ตัดสินใจหอบลูกกลับไปบ้านแม่ ไปจ้างแม่เราเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน แต่ช่วงนั้นเราไม่มีเงิน ยังตั้งหลักไม่ได้ เลยต้องกลับไปอยู่กับสามีที่เป็นเกย์แล้วอยู่กันแบบ 3 คน ผัวเมีย สามีเกย์ของเรา ทำงานกลางคืนกับคู่ขาของเค้า ส่วนเราทำงานกลางวัน เลยใช้ชีวิตแบบสลับเวลากันได้ ในช่วงนั้นเราเริ่มทำงานเก็บเงินได้หลักพันเอง เพราะเพิ่งเริ่มทำ แต่เราคิดว่าเราเริ่มทนไม่ไหวกับชีวิตแบบนี้ เราต้องทนเห็นสามีเรานอนกับผู้ชายอีกคน เราเลยหาทางออกมาและเข้ามาทำงานในกรุงเทพ จากวันนั้น จนถึงวันนี้ เราผ่านจุดนั้นมา 5 ปีแล้ว เราก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หาเงินเลี้ยงลูกคนเดียวมาตลอด 14 ปี เราคิดทุกวันนะ ว่าชีวิตคนเรา อายุ 33 ปี ต้องผ่านเรื่องราวเลวร้ายมากขนาดนี้เลยหรอ ตอนนี้ชีวิตเราเริ่มดีขึ้น แต่เรายังมีอาการที่คอยคิดถึงเรื่องเก่าๆ ความอาภัพของตัวเองซ้ำๆ หมกตัวอยู่คนเดียวในบ้าน ช่วงไหนที่มีปัญหากับแม่ เราจะอยากตายทุกครั้ง ตอนนี้เราก็กำลังเป็นอยู่ เราอยากมีพื้นที่ระบายความในใจ เราโพสใน Facebook เราก็กลัวคนข้างบ้านแม่เราจะเอาไปพูดถึงเราในทางไม่ดี ตอนนี้เรารู้สึกนอยด์มากๆ เราจะทำยังไงกับความคิดนี้ดี เราจะเอามันออกจากหัวยังไง ทำไมมันวนมาซ้ำๆ ทำเราร้องไห้ซ้ำๆ เราอยากไปหาหมอจิตแพทย์นะ แต่เราไม่าจะเริ่มไปหาหมอยังไง ค่าใช้จ่ายจะสูงมั้ยก็ไม่รู้
เรื่องราวในชีวิต ที่ไม่สวยหรู ขอพื้นที่ระบาย