ไม่มี 4k! disney+ ประเดิมอาเซี่ยนเปิดบริการที่อินโดนีเซียแล้ว


disney+ ระบบสตรีมมิ่งภาพยนตร์และซีรี่ย์จากค่ายหนังยักษ์ใหญ่ที่ทุกคนรอคอย บัดนี้ได้เดินทางมาถึงดินแดนอาเซียนแล้ว นั่นก็คืออินโดนีเซียเป็นประเทศแรก แต่ทว่ารายละเอียดบางอย่างได้มีความแตกต่างจากต้นตำหรับอเมริกา ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่าของไทยเราก็อาจจะเป็นเช่นนี้ก็ได้ **ข้อมูลทั้งหมดเอามาจากเว็บ disney+ อินโด ไม่ได้ใช้งานเอง**

- ชื่อบริการคือ disney+hotstar เหมือนประเทศอินเดีย ซึ่ง hotstar ก็คือเคเบิลทีวีในเครือ fox ที่ปัจจุบันเป็นเครือของ disney ไปแล้ว (ส่วนของไทยเรา fox ก็ทำเคเบิลทีวีมา 7-8 ปีแล้ว fox movies , fox sports นั่นเอง แต่ไม่ได้ขายเองเอาไปฝากไว้ใน ais , true)
- เป็นการร่วมมือกันกับ telkomsel ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถืออันดับ 1 ของอินโดนีเซีย มีโปรสำหรับผู้ใช้เครือข่ายนี้
- มาครบทั้ง disney , pixar , marvel , star wars , national geographic เหมือนอเมริกา
- มีหนัง 500 เรื่อง มีซีรี่ย์ 7000 ตอน เท่าอเมริกา ในนั้นมีหนังของ fox ด้วย
- มีหนังอินโดนีเซียให้อีก 300 เรื่อง ในนั้นมีหนังที่มีความรุนแรงและหนังผีด้วย
- ไม่มีการขายแยกเรื่อง mulan เหมือนอเมริกา
- มีให้ทดลองดูฟรี ช่วงนี้มีเรื่อง black panther ดูฟรี
- เข้าไปส่องรายการหนังได้ในนี้ https://www.hotstar.com/id/disneyplus

- ราคาถูกกว่าอเมริกามากๆ สองเดือนแรก 20000 รูเปียห์ หรือ 42 บาท ต่อจากนั้นเดือนละ 39000 รูเปียห์ หรือ 83 บาท ปีละ 199000 รูเปียห์ หรือ 423 บาท
- แชร์ได้ 2 จอ (น้อยกว่าอเมริกาที่ได้ 4 จอ)
- ความชัด hd สูงสุด 1080p เท่านั้น ไม่มี 4k และ hdr โดยสามารถปรับความชัดเป็น auto - high - medium - low
- ดูในมือถือจะมีความชัดน้อยกว่าทีวี โดยมือถือใช้เน็ต 5 mbps ทีวีใช้เน็ต 8 mbps (เทียบกับ netflix hd อยู่ที่ 5 mbps)
- ระบบเสียงอันนี้ไม่มีบอกไว้ (แต่ถ้าเทียบกับของอินเดียจะมีเสียง 5.1 ประมาณ 100 กว่าเรื่องเท่านั้น ไม่ได้มีทุกเรื่อง)
- เสียงพากย์ต้นฉบับและจะมีซับและเสียงพากย์อินโดนีเซียในหนังใหญ่ๆ ไม่ได้มีซับทุกเรื่องและไม่มีซับเสียงพากย์ภาษาอื่นๆ
- นอกจากดูในเว็บยังรองรับอุปกรณ์ android , iphone , ipad และ android tv ที่เหลือบอกว่าจะมีอัพเดตในอนาคต (ยังไม่มี apple tv , chromecast และ smart tv ยี่ห้อต่างๆ)
- สามารถดาวโหลดไว้ดูออฟไลน์ได้ 10 content ต่อ 1 id
- ใช้ได้เฉพาะในอินโดนีเซียเท่านั้น ไม่สามารถเอา id ไปใช้ประเทศอื่นแบบ netflix ได้

ถือว่าน่าเสียดายมากๆที่ไม่มี 4k hdr แบบค่ายยักษ์ใหญ่อื่นๆ เช่น apple tv , netflix , prime ทำให้ประสบการณ์การรับชม disney+ บนจอทีวีด้อยกว่าเจ้าอื่นแน่ๆ แต่ด้วยราคาที่ถูกมากๆก็น่าจะเข้าถึงคนทั่วไปได้ไม่ยาก ส่วนจะมาเมืองไทยเมื่อไหร่ยังไงราคาไหนจะมีใครมาร่วมแจมไหม อันนี้ก็ต้องติดตามต่อไปครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่