ยามเวลาโพล้เพล้ ตะวันใกล้จะตกดินอยู่รอมร่อ
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดนุ่งขาวห่มขาว เดินมาถึงหน้าบ้านร้าง หลังที่ว่ากันว่า เฮี้ยนที่สุดในตำบลฝั่งใต้ จนเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงต่างต้องย้ายหนี
เป็นเหตุให้กำนันเชิญเขามาเพื่อจัดการ
เขาคือ อาจารย์คง ผู้มีชื่อเสียงลือเลื่องไปทั่วคุ้งน้ำเจ้าพระยา ตระเวนปราบผีทุกหนระแหง ด้วยความฝัน ว่าสักวันหนึ่ง จะได้ไปออกรายการทีวีเหมือนอาจารย์ท่านอื่นบ้าง
อาจารย์คงมาเพียงลำพังกับย่ามใบโต โดยไม่มีลูกศิษย์มาเกะกะ เขาเลือกผืนดินราบเรียบตรงหน้าบ้านเป็นจุดตั้งพิธี
หยิบไม้รวกท่อนยาวเท่าแขน 4 ท่อน ออกจากย่าม ใช้ด้ามมีดหมอตอกไม้รวกลงดิน ปากสวดคาถาพึมพำ
ไม้รวกแต่ละท่อน ตอกไม่เกิน 3 ครั้ง ปักห่างกัน 3 ก้าว เป็นสี่มุม
นำสายสิญจน์ที่เก่าคร่ำคร่าออกมาพันไม้รวกที่ตอกปักไว้ โยงรอบทั้ง 4 มุม จนเกิดเป็นวงสายสิญจน์ขึ้น
หลังจากพันสายสิญจน์ครบรอบวงแล้ว อาจารย์คงก็นั่งขัดสมาธิ วางขดสายสิญจน์ที่โยงรอบวงไว้ข้างหน้า ปักมีดหมอไว้ข้างตัว
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขาหยิบเทียนเล่มใหญ่เท่าข้อมือออกมาจุด แล้วใช้ขดสายสิญจน์นั้นเป็นที่ตั้งเทียน
ตั้งแต่เริ่มตอกไม้ จนถึงตอนตั้งเทียน ปากอาจารย์คงยังสวดพึมพำไม่หยุด
กล่าวไปนับเป็นเรื่องประหลาด เมื่อเทียนถูกจุด ลมก็สงบทันที เทียนจึงไม่ถูกลมพัดดับไป
เตรียมการพร้อมสรรพ อาจารย์คงนั่งทำสมาธิครู่หนึ่ง จึงล้วงเข้าไปในย่าม หยิบแผ่นใบลานจารึกอักขระอาคมที่ถูกพับทบจีบเป็นชั้นออกมา
เขาพนมมือ หนีบแผ่นใบลานไว้ระหว่างหัวแม่มือ
" โอม..." เสียงอาจารย์คง เปล่งกังวาน ทรงอำนาจ
" บริกรรม มนตรา มหาเวท สำแดงเดช อิทธิฤทธิ์ พิชิตผี
สิ่งชั่วร้าย ใดหนา ประดามี ให้หลีกลี้ หนีหาย มลายองค์
ผู้ใด ยินถ้อยคำ รู้ความแล้ว ยังไม่แคล้ว มีจิต คิดผิดหลง
ด้วยคำสั่ง โองการ อาจารย์คง เจ้าจง ออกมา หาโดยไว "
ไม่ช้าไม่นาน ปรากฏภาพพร่าเลือน ที่ค่อยๆชัดขึ้นเป็นร่างวิญญานร่างหนึ่งที่หน้าบ้านร้างนั้น เสียงวิเวกเยียบเย็น ลอยแว่ว
" ให้ร้อนรุ่ม กลุ้มกลัด ชะมัดนัก สุดจะหัก ห้ามความ รำคาญไหว
ต้องมาดู ให้รู้ ว่าเป็นใคร มันถึงได้ คิดซ่าส์ มาราวี "
วิญญานนั้นล่องลอยถึงหน้าวงสายสิญจน์ ห่างไปเพียงครึ่งก้าว มองลงมา กล่าวรดหัวอาจารย์คง
" หมาตัวไหน ไม่ยอม อยู่ส่วนหมา ขวัญใหญ่ ใจกล้า มาท้าผี
ตัวกู หรือก็ผู้ มีฤทธี อยากเจอดี ย่อมได้ กูจัดไป "
วิญญานนั้นนั่งลงขัดสมาธิเช่นกัน ประสานสายตากับอาจารย์คง
" ซึ่งกู เรียกขาน อาจารย์ยอด คร่ำหวอด นักเลง เก่งคุณไสย
ถ้าแน่พอ มึ-ก็อาจ จะรอดไป แต่ถ้าไม่ ก็แล้วแต่ ชะตามึ-
หยิบดิน เก็บมา จากป่าช้า ร่ายคาถา เสกเป่า ปาไปถึง..."
เศษดินที่วิญญานนั้นปามา ทะลวงผ่านวงสายสิญจน์ ซัดผ่านจนเทียนดับ กระทบถูกใบหน้าและหน้าอก ทำให้อาจารย์คงหงายหลังตึง
" จดจำ เอาไว้ ให้ซาบซึ้ง กูก็หนึ่ง ยอดผี มีครูบา."
อาจารย์คงตาเหลือกขาว คอเหมือนถูกบีบ หัวใจเหมือนถูกรัด ลำไส้เหมือนถูกบิด มือเท้าคอบิดหงิกงอ นอนเกร็งชักกระตุกแหง่กๆ
" สุดอนาถ ชีวิตนี้ ที่พานพบ กับจุดจบ พิสดาร ขวัญผวา
อยากตะโกน กู่ร้อง ให้ก้องฟ้า เฮ้ย ไอ้บ้า ผีหมอผี มี..ได้..ไง...คร่อกก."
.........................................................................................................................................................../...
ปราบหมอผี
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งในชุดนุ่งขาวห่มขาว เดินมาถึงหน้าบ้านร้าง หลังที่ว่ากันว่า เฮี้ยนที่สุดในตำบลฝั่งใต้ จนเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียงต่างต้องย้ายหนี
เป็นเหตุให้กำนันเชิญเขามาเพื่อจัดการ
เขาคือ อาจารย์คง ผู้มีชื่อเสียงลือเลื่องไปทั่วคุ้งน้ำเจ้าพระยา ตระเวนปราบผีทุกหนระแหง ด้วยความฝัน ว่าสักวันหนึ่ง จะได้ไปออกรายการทีวีเหมือนอาจารย์ท่านอื่นบ้าง
อาจารย์คงมาเพียงลำพังกับย่ามใบโต โดยไม่มีลูกศิษย์มาเกะกะ เขาเลือกผืนดินราบเรียบตรงหน้าบ้านเป็นจุดตั้งพิธี
หยิบไม้รวกท่อนยาวเท่าแขน 4 ท่อน ออกจากย่าม ใช้ด้ามมีดหมอตอกไม้รวกลงดิน ปากสวดคาถาพึมพำ
ไม้รวกแต่ละท่อน ตอกไม่เกิน 3 ครั้ง ปักห่างกัน 3 ก้าว เป็นสี่มุม
นำสายสิญจน์ที่เก่าคร่ำคร่าออกมาพันไม้รวกที่ตอกปักไว้ โยงรอบทั้ง 4 มุม จนเกิดเป็นวงสายสิญจน์ขึ้น
หลังจากพันสายสิญจน์ครบรอบวงแล้ว อาจารย์คงก็นั่งขัดสมาธิ วางขดสายสิญจน์ที่โยงรอบวงไว้ข้างหน้า ปักมีดหมอไว้ข้างตัว
ฟ้าเริ่มมืดแล้ว เขาหยิบเทียนเล่มใหญ่เท่าข้อมือออกมาจุด แล้วใช้ขดสายสิญจน์นั้นเป็นที่ตั้งเทียน
ตั้งแต่เริ่มตอกไม้ จนถึงตอนตั้งเทียน ปากอาจารย์คงยังสวดพึมพำไม่หยุด
กล่าวไปนับเป็นเรื่องประหลาด เมื่อเทียนถูกจุด ลมก็สงบทันที เทียนจึงไม่ถูกลมพัดดับไป
เตรียมการพร้อมสรรพ อาจารย์คงนั่งทำสมาธิครู่หนึ่ง จึงล้วงเข้าไปในย่าม หยิบแผ่นใบลานจารึกอักขระอาคมที่ถูกพับทบจีบเป็นชั้นออกมา
เขาพนมมือ หนีบแผ่นใบลานไว้ระหว่างหัวแม่มือ
" โอม..." เสียงอาจารย์คง เปล่งกังวาน ทรงอำนาจ
" บริกรรม มนตรา มหาเวท สำแดงเดช อิทธิฤทธิ์ พิชิตผี
สิ่งชั่วร้าย ใดหนา ประดามี ให้หลีกลี้ หนีหาย มลายองค์
ผู้ใด ยินถ้อยคำ รู้ความแล้ว ยังไม่แคล้ว มีจิต คิดผิดหลง
ด้วยคำสั่ง โองการ อาจารย์คง เจ้าจง ออกมา หาโดยไว "
ไม่ช้าไม่นาน ปรากฏภาพพร่าเลือน ที่ค่อยๆชัดขึ้นเป็นร่างวิญญานร่างหนึ่งที่หน้าบ้านร้างนั้น เสียงวิเวกเยียบเย็น ลอยแว่ว
" ให้ร้อนรุ่ม กลุ้มกลัด ชะมัดนัก สุดจะหัก ห้ามความ รำคาญไหว
ต้องมาดู ให้รู้ ว่าเป็นใคร มันถึงได้ คิดซ่าส์ มาราวี "
วิญญานนั้นล่องลอยถึงหน้าวงสายสิญจน์ ห่างไปเพียงครึ่งก้าว มองลงมา กล่าวรดหัวอาจารย์คง
" หมาตัวไหน ไม่ยอม อยู่ส่วนหมา ขวัญใหญ่ ใจกล้า มาท้าผี
ตัวกู หรือก็ผู้ มีฤทธี อยากเจอดี ย่อมได้ กูจัดไป "
วิญญานนั้นนั่งลงขัดสมาธิเช่นกัน ประสานสายตากับอาจารย์คง
" ซึ่งกู เรียกขาน อาจารย์ยอด คร่ำหวอด นักเลง เก่งคุณไสย
ถ้าแน่พอ มึ-ก็อาจ จะรอดไป แต่ถ้าไม่ ก็แล้วแต่ ชะตามึ-
หยิบดิน เก็บมา จากป่าช้า ร่ายคาถา เสกเป่า ปาไปถึง..."
เศษดินที่วิญญานนั้นปามา ทะลวงผ่านวงสายสิญจน์ ซัดผ่านจนเทียนดับ กระทบถูกใบหน้าและหน้าอก ทำให้อาจารย์คงหงายหลังตึง
" จดจำ เอาไว้ ให้ซาบซึ้ง กูก็หนึ่ง ยอดผี มีครูบา."
อาจารย์คงตาเหลือกขาว คอเหมือนถูกบีบ หัวใจเหมือนถูกรัด ลำไส้เหมือนถูกบิด มือเท้าคอบิดหงิกงอ นอนเกร็งชักกระตุกแหง่กๆ
" สุดอนาถ ชีวิตนี้ ที่พานพบ กับจุดจบ พิสดาร ขวัญผวา
อยากตะโกน กู่ร้อง ให้ก้องฟ้า เฮ้ย ไอ้บ้า ผีหมอผี มี..ได้..ไง...คร่อกก."
.........................................................................................................................................................../...