JJNY : รบ.สั่งถอยซื้อเรือดำน้ำ/ยุทธพงศ์แฉโอนเงินซื้อเรือดำน้ำลำแรก/อีไอซีประเมินท่องเที่ยวไทย/ส่งออกไปสหรัฐโตช่วงสั้น

สะพัด! รัฐบาลสั่งถอย ชะลอกองทัพเรือ ซื้อเรือดำน้ำ สั่งกมธ.เตรียมตัดงบ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_4812095

 

สะพัด! รัฐบาลสั่งถอย ชะลอกองทัพเรือ ซื้อเรือดำน้ำ สั่งกมธ.เตรียมตัดงบ
 
วันที่ 30 ส.ค. รายงานข่าวจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 แจ้งว่า จากวาระการประชุมเพื่อให้คณะอนุกมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียนที่มี นายสุพล ฟองงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน เข้ารายงานผลการพิจารณา ซึ่งรวมถึงงบประมาณในการจัดซื้อดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาท ในวันที่ 31 ส.ค.นั้น
 
ความเคลื่อนไหวล่าสุด มีแนวโน้มที่กมธ.งบประมาณฯ คณะใหญ่ จะมีมติเห็นต่างจากอนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯ ที่มีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ให้เดินหน้าโครงการดังกล่าว จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมของการใช้งบประมาณ ทำให้รัฐบาลไทยต้องประสานไปยังรัฐบาลจีนเพื่อขอชะลอโครงการดังกล่าวออกไปก่อน ตามแผนสำรองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้
 
ล่าสุด รัฐบาลได้รับคำตอบจากรัฐบาลจีน โดยยินยอมชะลอการจัดซื้อเรือดำน้ำออกไปตามที่รัฐบาลไทยร้องขอ จึงส่งสัญญาณถอยมายังกมธ.งบประมาณฯ ในซีกรัฐบาลเพื่อให้เตรียมขั้นตอนการตัดงบประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นเงินงวดแรก จากวงเงิน 2.25 ล้านบาทในการซื้อลำน้ำ 2 ลำนี้ออกไป โดยจะมีการเชิญกองทัพเรือในฐานะหน่วยขอรับงบประมาณฯ เข้าชี้แจงถึงเหตุผลที่ยอมตัดงบส่วนนี้หลังเจรจาพูดคุยกับจีนแล้ว
 

 
ยุทธพงศ์แฉรบ.โอนเงินซื้อเรือดำน้ำลำแรกให้เอกชนจีน
https://www.innnews.co.th/politics/news_759635/
 
นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 แถลงขอให้ติดตามการพิจารณาของกรรมาธิการฯ ในการพิจารณางบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำวันพรุ่งนี้ (31ส.ค.63) ว่าจะมีการเลื่อนการพิจารณาออกไปอีกหรือไม่ หลังมีการเลื่อนพิจารณามาหลายครั้ง หรืออาจเป็นเพราะสาเหตุที่ระบุไว้ในรายงานของคณะอนุกรรมาธิการคุรุภัณฑ์ฯ หน้า 17 ที่ระบุว่าแม้จะเลื่อนการจัดซื้อเรือดำน้ำก็ไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ที่ทำให้ประเทศไทยเสียประโยชน์ จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการยื้อเวลาเพื่อไม่ให้การพิจารณางบประมาณของกรรมาธิการฯให้แล้วเสร็จตามกรอบที่กฎหมายกำหนด 105 วัน เพื่อประกาศใช้ร่างเดิมของรัฐบาลที่เสนอต่อสภา
 
ทั้งนี้ ยังเห็นว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ ส่อขัดรัฐธรรมนูญหลายมาตราทั้งมาตรา 55 มาตรา 62 ที่เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของรัฐรวมถึงมาตรา 75 และที่สำคัญคือมาตรา 178 ที่ระบุว่า การทำหนังสือสัญญาที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคม หรือการค้าการลงทุนระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง  ต้องได้การรับรองความเห็นชอบจากรัฐสภาภายใน 60 วันนับจากวันทำสัญญา แต่เท่าที่ ตรวจสอบยังไม่พบว่า มีการนำมาให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบรวมถึงในยุค สนช. ก็ไม่พบ
 
ดังนั้น หากงบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำผ่านความเห็นชอบจากสภา พรรคเพื่อไทยจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความ ว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำอีก 2 ลำ ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่
 
ขณะที่การทำสัญญาแบบจีทูจีในการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรกก็พบว่ามีพิรุธในหลายเรื่อง คือ หนังสือมอบอำนาจที่ ทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และกองทัพเรือ ไม่เคยนำมาแสดงต่อสาธารณะชน และจากการตรวจสอบเลขบัญชีการโอนเงินค่างวดเรือดำน้ำลำแรก เป็นการโอนเงินให้กับบริษัทเอกชนของจีน ไม่ใช่กระทรวงการคลัง หรือกระทรวงกลาโหมของจีน จึงตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการจัดซื้อเรือดำน้ำกับบริษัทเอกชนไม่ใช่รัฐบาลจีน ดังนั้นหากรัฐบาลหรือกองทัพเรือ มีเอกสารที่ยืนยันได้ว่าเป็นการทำสัญญาแบบจีทูจีก็ขอให้นำมาแสดงต่อสาธารณะชน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่