มันต้องอกหักเบอร์​ไหน ถึงกินป๊อกกี๊แล้วร้องไห้ได้

ป๊อกกี้ รสตรอเบอร์รี่ด้วยนะ ขนมหวานที่ทุกคนต้องได้ลอง

กินไปทั้งน้ำตา และขับรถไปด้วย ตลอดทางเส้นทางเดิมๆ ที่เคยนั่งผ่านมาด้วยกัน ความทรงจำต่างๆ ก็พรั่งพรู​ ความรู้สึกที่กระแทกกระทั้นใน​อก แอร์เย็นสุดกลับทำให้ใจร้อนรุ่ม​ อารมณ์​ทั้งโมโห ทั้งเศร้าเสียใจ หมดความหวังแต่ก็ขอแอบมีความหวัง

ตลอดเวลาก็รู้ตัวว่าหลอกตัวเอง แต่ก็ต้องทำเพื่อให้ชีวิตมูฟออนในแต่ละวัน

เป็นวงจรอุบาทว์​ และก็ไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดเมื่อไหร่

อยากออกจากวงจรนี้ ก็ทำได้ยาก เพราะยังตัดใจไม่ได้ และก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง ว่าทำไมถึงตัดขาดคนนี้ให้สะบั้นง่ายๆ เหมือนคนที่ชอบก่อนๆ ได้ยาก

แม้จะจากกันเพราะโควิด19 ในสองเดือนผ่านมา เราสองฝ่ายก็ยังติดต่อกัน สัปดาห์​ละหนสองหนคอยถามสาระทุกข์​สุข​ เมื่อวันไหนถ้าเราทักไปก่อนประหนึ่งเหมือนคุยกับกระจกเย็นชา เห็นเพียงแค่คำ "อ่านแล้ว" อีกฝ่ายแทบไม่ตอบกลับมา นอกจากส่งสติ๊กเกอร์​ฟรีโง่ๆ โคนี่และบราวน์ แต่จะโทรมาหาเมื่ออยากโทรในสุดสัปดาห์​

มันทำให้เรารอ วันแล้ววันเล่า อยากได้ยินเสียง คำพูดกวนๆ ปนทะลึ่ง ที่ทำให้ชื่นใจ เป็นการรอคอยที่โคตร​เจ็บปวด มันเป็นทั้งพลังบวกแต่ก็บั่นทอนจิตใจ​ทางลบในคราวเดียวกัน

ความเจ็บปวดนี้ จะเล่าให้ใครฟังได้อีก เพื่อนสนิทนอกจากคนนี้ก็ไม่มีอีกแล้ว

คำพูดที่บอกว่าเป็นห่วงเราเมื่อครั้งคุยโทรศัพท์​ มันทั้งขมและหวาน และก็รู้ว่าความห่วงใยของฝ่ายนู้น ก็คือห่วงแบบเพื่อนให้เรา

แต่เราไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน อยากเป็นมากกว่านั้น จะสารภาพก็ไม่ได้ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก กลัวต้องเสียใจไปมากกว่านี้

ทำไมความรัก ถึงทำให้คนเขลาได้เพียงนี้กันนะ และมันจำเป็นต้องหนักหนาเช่นนี้ด้วยหรือสำหรับรักแรกของคนวัย 30

แม้แต่แม่ที่ผ่านสนามรบมาทั้งชีวิต ถึงจะยอมฟังเรา ท่านก็ตอบมาสั้นๆ อย่างเย็นชา "ก็หาใหม่สิ"

หนาว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่