คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
					
				
								 ความคิดเห็นที่ 1
																			
								
									
								
														
						
					 จากที่เล่า แสดงว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ยังมีอีกหลายเรื่องที่ไม่ได้บอกคุณหมอไป 
พี่ไม่มีความรู้เรื่องการสะกดจิตบำบัดโดยตรง เคยอ่านหนังสือมาบ้าง แปลกใจที่คุณหมอเลือกวิธีนี้ เข้าใจว่า คุณหมอคงรู้ว่ายังมีเรื่องอีกมากที่ไม่ได้พูดออกไป และชีวิตของน้อง ก็จะจมอยู่กับอดีตตลอดไป เขียนว่าอดีต เพราะอยากให้แยกโรคออกไป เพราะที่เป็นอยู่ ทุกข์เพราะติดข้องกับอดีต และรักตัวเองไม่พอที่จะเข้าใจและยอมรับความจริงว่า อดีตจบไปแล้ว สำคัญคือปัจจุบัน
จขกท ต้องการความช่วยเหลือ ความช่วยเหลือจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากน้องยังคิดว่าเรื่องเหล่านั้น ไม่อยากบอกใคร อยากบอกค่ะ ว่าคนเรามักคิดว่าหลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตตนและที่ตนทำขึ้น มันน่าอาย มันไม่ควรเกิดขึ้น ฯลฯ แต่ความจริงคือ ไม่มีเรื่องอะไรเลยที่ร้ายแรงและน่าอายเกินกว่าที่จะบอกคนอื่น เพราะที่สุดแล้ว ทุกเรื่องมันเป็นเรื่องปกติ และธรรมดา เคยได้ยินคำสอนของพระพุทธองค์ไหมคะ ว่าทุกอย่างนั้น เอาเข้าแล้ว มันก็เป็นเช่นนั้นเอง เมื่อสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด เมื่อสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ เชื่อว่าสำหรับคุณหมอ และคนที่เข้าใจชีวิตและโลก จะไม่ตกใจ ไม่ตำหนิ ไม่ผิดหวัง ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเหล่านั้นในแบบที่น้องกำลังคิดว่าคุณหมอจะคิดเลย แม้แต่น้อย ที่สำคัญ ตามจรรยาบรรณแพทย์แล้ว คุณหมอไม่เปิดเผยความลับส่วนตัวของผู้ป่วยแน่นอน ในชีวิต จขกท มีคนไม่กี่คนที่น้องวางใจ คุณหมอคือคนหนึ่งในจำนวนนั้น และที่ผ่านมา เท่าที่น้องเล่า คุณหมอก็เลือกทางที่ดีสำหรับการรักษาให้เสมอ เชื่อว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
การได้พูดออกมา ผลที่ได้มีมากมาย การเก็บมันไว้ ทำให้น้องไม่สามารถมีชีวิตปกติสุขและก้าวหน้าต่อไปได้
สิ่งที่ควรกลัว ในความเห็นของพี่ คือกลัวว่าจะเวลาชีวิตที่มีค่า นั้นคือชีวิตปกติสุข อยู่กับปัจจุบัน และพัฒนาตนเองได้ จะถูกใช้ไปกับการอยู่กับอดีต และกับโรคนานเกินไป ชีวิตคนเรานั้น ดูเหมือนจะยาว แต่ความจริงนั้นสั้น และชีวิตเหมือนจะเป็น tragedy แต่เมื่อมองกลับมา มันคือ comedy ประโยคหลังนี้ หากจำไม่ผิด เป็นทัศนะของ จอร์ช เบอร์นาร์ด ชอว์ ซึ่งพี่เห็นด้วย
เป็นทัศนะหนึ่งเท่านั้นค่ะ
								พี่ไม่มีความรู้เรื่องการสะกดจิตบำบัดโดยตรง เคยอ่านหนังสือมาบ้าง แปลกใจที่คุณหมอเลือกวิธีนี้ เข้าใจว่า คุณหมอคงรู้ว่ายังมีเรื่องอีกมากที่ไม่ได้พูดออกไป และชีวิตของน้อง ก็จะจมอยู่กับอดีตตลอดไป เขียนว่าอดีต เพราะอยากให้แยกโรคออกไป เพราะที่เป็นอยู่ ทุกข์เพราะติดข้องกับอดีต และรักตัวเองไม่พอที่จะเข้าใจและยอมรับความจริงว่า อดีตจบไปแล้ว สำคัญคือปัจจุบัน
จขกท ต้องการความช่วยเหลือ ความช่วยเหลือจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากน้องยังคิดว่าเรื่องเหล่านั้น ไม่อยากบอกใคร อยากบอกค่ะ ว่าคนเรามักคิดว่าหลาย ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตตนและที่ตนทำขึ้น มันน่าอาย มันไม่ควรเกิดขึ้น ฯลฯ แต่ความจริงคือ ไม่มีเรื่องอะไรเลยที่ร้ายแรงและน่าอายเกินกว่าที่จะบอกคนอื่น เพราะที่สุดแล้ว ทุกเรื่องมันเป็นเรื่องปกติ และธรรมดา เคยได้ยินคำสอนของพระพุทธองค์ไหมคะ ว่าทุกอย่างนั้น เอาเข้าแล้ว มันก็เป็นเช่นนั้นเอง เมื่อสิ่งนี้เกิด สิ่งนี้จึงเกิด เมื่อสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ เชื่อว่าสำหรับคุณหมอ และคนที่เข้าใจชีวิตและโลก จะไม่ตกใจ ไม่ตำหนิ ไม่ผิดหวัง ไม่รู้สึกอะไรกับเรื่องเหล่านั้นในแบบที่น้องกำลังคิดว่าคุณหมอจะคิดเลย แม้แต่น้อย ที่สำคัญ ตามจรรยาบรรณแพทย์แล้ว คุณหมอไม่เปิดเผยความลับส่วนตัวของผู้ป่วยแน่นอน ในชีวิต จขกท มีคนไม่กี่คนที่น้องวางใจ คุณหมอคือคนหนึ่งในจำนวนนั้น และที่ผ่านมา เท่าที่น้องเล่า คุณหมอก็เลือกทางที่ดีสำหรับการรักษาให้เสมอ เชื่อว่าครั้งนี้ก็เช่นกัน
การได้พูดออกมา ผลที่ได้มีมากมาย การเก็บมันไว้ ทำให้น้องไม่สามารถมีชีวิตปกติสุขและก้าวหน้าต่อไปได้
สิ่งที่ควรกลัว ในความเห็นของพี่ คือกลัวว่าจะเวลาชีวิตที่มีค่า นั้นคือชีวิตปกติสุข อยู่กับปัจจุบัน และพัฒนาตนเองได้ จะถูกใช้ไปกับการอยู่กับอดีต และกับโรคนานเกินไป ชีวิตคนเรานั้น ดูเหมือนจะยาว แต่ความจริงนั้นสั้น และชีวิตเหมือนจะเป็น tragedy แต่เมื่อมองกลับมา มันคือ comedy ประโยคหลังนี้ หากจำไม่ผิด เป็นทัศนะของ จอร์ช เบอร์นาร์ด ชอว์ ซึ่งพี่เห็นด้วย
เป็นทัศนะหนึ่งเท่านั้นค่ะ
 แสดงความคิดเห็น
				
	        
				
	        
				
				 
 
		
				
 	
			
						
สวัสดีค่ะ หนูมีเรื่องให้คิดมากอีกแล้ว!