สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นก่อนว่าเป็นคนที่เพื่อนๆชอบมาขอคำปรึกษาค่ะ
แต่มีเรื่องนี้ที่ให้คำแนะนำหรือปลอบใจอะไรไม่ได้เลย
เพราะของตัวเองก็ยังจัดการไม่ค่อยได้ได้แต่ทน5555(หัวเราะทั้งน้ำตา)
ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
เรื่องเริ่มที่ที่ทำงานค่ะ
ประเด็น 1
เนื่องจากเพื่อนเรียนจบแล้ว Gap 1 ปี จากนั้นสมัครงานและได้เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
โดยตอนแรก ที่เข้าไปทำงานเพื่อนก็โดนกดค่าจ้างด้วยเหตุผลที่ว่า "ยังไม่มีประสบการณ์" ได้เงินเดือนน้อยกว่า 15,000
เพื่อนก็เข้าใจ ว่า โอเคสิ่งที่มีมันอาจไม่ตรงกับงานที่มัครเท่าไหร่และคิดว่าคงต้องรอผ่านโปรก่อนจึงจะได้เพิ่ม
โดยที่มีอยู่ตอนสมัครคือ ผลโทอิค650+ ประสบการณ์ทำงาน Work & Travel 1 ปี
(สำหรับเราเราคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะต้องได้ 15,000+นะ เอกชนที่ดูแพงด้วย แต่ก็ไม่อะไรเพราะมันก็ผ่านมาแล้ว)
ประเด็น 2
หลังจากทำงานและประเมินผ่านเรียบร้อย( 3 เดือน) เพื่อนก็ได้คุยกับ HR เรื่องเงินเดือนผ่านโปร แต่HR แจ้งว่าไม่มีแบบนั้นนะ
ตอนตกลงก่อนเข้างานก็คือเงินเดือนเท่านั้นตลอดเลย (แต่ตอนคุย HR พูดถึงเรื่องผ่านไม่ผ่านโปรขึ้นมา เพื่อนเลยเข้าใจว่าต้องผ่านโปรก่อนค่อยว่ากัน)
ตรงนี้ เราก็ได้แต่ปลอบว่าไม่ถามให้ดีๆก่อน สงสัยก็ถามอย่าคิดเอง เพื่อนก็ได้แค่เซ็งๆ
เพราะ การเพิ่มเงินเดือนของที่นี่อัตราต่ำมาก หลักร้อย ก็เริ่มซีดละ
ประเด็น 3
เรื่องเงินเดือนเพื่อนที่ทำงาน อันนี้มันบอกว่าไม่ได้ตั้งใจถาม คุยเรื่อยเปื่อย เพราะเป็นคนคุยเก่ง เข้ากับคนง่าย
พูดเรื่องชวนกันไปทำสวย แล้วจบที่รู้เงินเดือนเพื่อนมาแบบงงๆ
ซึ่ง มันเริ่มไม่โอเค เพราะ ประสบการณ์ พอๆกัน แต่เพื่อนที่อยู่แผนกอื่นได้เยอะกว่า เท่าตัว
แต่ความจริงแล้วเรื่องตัวเลขไม่ใช่ประเด็นที่เพื่อนเครียดขนาดนั้นค่ะ
เพื่อนเครียดตรงสโคปงาน เพราะเพื่อนอีกคนมีขอบเขตชัดเจนทำ 1,2,3 จบ ไม่เกินนี้
แต่งานเพื่อนมันไม่ใช่ค่ะ เพราะรู้มาอีกว่าตำแหน่งของตัวเอง ปกติจะมี 2-3 คนแบ่งหน้าที่กัน
แต่ปีที่เพื่อนเข้าบริษัทปรับโครงสร้างที่จะยุบตำแหน่ง/ลดความสำคัญลงจึงให้เพียง 1 คนมาดูแล (คนเก่าๆลาออกหมดแล้ว)
เพื่อนก็บ่นทำงานเลิกดึกทุกวันโอทีก็ไม่มี งานก็เยอะดูแลหลายอย่าง เหมือนทำหลายตำแหน่งในคนเดียว
ไม่มีพี่เลี้ยง ต้องเรียนรู้เองทั้งหมด บ่นเหนื่อย ท้อทุกวัน ทำไม่ทัน ไม่มีใครช่วย
บริษัทจะลดความสำคัญลง แต่งานที่มันต้องทำไม่ลดตาม
บ่นกับหัวหน้า หัวหน้าก็พูดว่า คนอื่นก็ยุ่งกงานเยอะเหมือนกันหมด ก็ทำๆไปไม่ตายหรอก เดี๋ยวมันก็หมด พูดไปหัวหน้าก็ไม่เข้าใจ
ซึ่ง ตอนนี้ที่เจอเพื่อนล่าสุด เพื่อนโทรมมากค่ะ แต่งหน้าแล้วก็ปิดไม่มิด โรคออฟฟิศซินโดรมต่างๆ ปวดข้อมือ ปวดหลัง ผมร่วง ตาลึก ตาคล้ำ เครียด แล้วพอได้คุยกันจริงๆเรื่องที่ทำให้หนักใจกว่างานพวกนี้ก็มีอีกประเด็นค่ะ
ประเด็น 4
เพื่อนร่วมงาน
เพื่อนบอกว่าเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ก็นิสัยดีนะคะ แต่ติดตรงที่บางคนค่ะ (อันนี้ไม่รู้จะแนะนำยังไงเลยค่ะ ใครพอมีประสบการณ์ช่วยเพื่อน จขกท.และจขกท.ด้วยนะคะ5555หัวเราะทั้งน้ำตา)
ตอนทำงาน เพื่อนเล่าว่าตัวเองทำตลอดเวลาเลยค่ะ ไม่มีโอกาสได้พูดคุยเม้ามอยเรื่องนั่นเรื่องนี่กับเขาเลย(คือมันเป็นคนช่างคุยค่ะมีเรื่องคุยเป็นล้าน)แต่ตัวเองต้องก้มหน้าทำงานที่แทบจะไม่ทันในแต่ละวัน
เพื่อนร่วมงานที่นั่งใกล้กันก็ชอบทำตัวผักชีโรยหน้า หัวหน้าไม่อยู่ชอบดูเฟสบุคดูคลิป และหัวเราะคิกคัก ดูมือถือ
ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรมากถ้าไม่มารบกวนสมาธิตอนทำงานค่ะ ปกติเพื่อนจะเป็นคนกล้าๆมีอะไรก็พูดค่ะ แต่กับคนนี้เพื่อนไม่พูดเราเลยถามเพราะสงสัย เพื่อนเลยบอกว่าคนนี้เป็นคนโปรดของหัวหน้า ทำอะไรก็ดีไปหมดแม้แต่สิ่งง่ายๆที่เรียนรู้กันได้(อันนี้เราไม่แน่ใจว่าเขาทำตำแหน่งอะไรนะคะแต่เพื่อนพูดแบบนี้เลย) ยกยอบ่อยๆ เอาแต่ใจ ค่อนข้างเห็นแก่ตัวแต่ก็ทำเนียนตลก คนอื่นก็ตลกๆกับการกระทำของเขา เพื่อนงงค่ะ งงมากว่าคนแบบนี้ก็ทำงานที่นี่ได้หรอ
พอช่วงหัวหน้าอยู่ ก็ทำหน้าเคร่งเครียด บ่นๆงานเยอะจัง ถอนหายใจบ่อยๆ ซึ่ง.. ก่อนหน้านี้นั่งหัวเราะคิกคักหัวหน้ามาจะสั่งงานเพิ่มก็บ่นว่างานตัวเองเยอะมาก ทำไม่ทัน.. เพื่อนหมั่นไส้มากค่ะแต่ก็เงียบไว้ แต่ช่วงนี้เริ่มอดทนไม่ไหวแล้วค่ะเพราะงานมันล้นมาก ไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วยกันเพราะอยู่ดึก ไม่ได้ไปช้อปปิ้งเพราะเงินไม่พอใช้ ยิ่งเครียดยิ่งกินเยอะอ้วนอีก
คือไม่ต้องฟังแค่เจอเราก็รู้สึกได้เลยว่าเพื่อนเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ทั้งภายนอกและภายใน
เราเคยคิดจะบอกนะคะว่า พอเถอะ เงินแค่นี้ กับสุขภาพกายเอยสุขภาพจิตเอย มันไม่คุ้มเลย
แต่บรัษัทมีชื่อเสียงดีมากค่ะ เลยกะว่าจะแนะนำให้เก็บประสบการณ์สักปีนึงใส่โปรไฟล์สวยๆ
หรือจะแนะนำให้ออกเลยดีคะ เพราะ ตามโปรไฟล์แล้วน่าจะเข้าที่อื่นได้ไม่ยากเลยค่ะ
แล้วก็ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ ว่าถ้าออกแล้วเรื่องเงินเดือนต้องแจ้งตามความจริงไหมคะ
กลัวว่าแจ้งตามจริงถ้าเพื่อนไปสมัครอีกจะโดนกดอีก
หรือถ้าบอกสูงไป จะคิดว่าจ้างไม่ไหวรึเปล่า
หรือ ที่เก่าให้เยอะแต่เลทอกมาบ.ที่ให้น้อยกว่าที่เก่า บ. ใหม่จะประทับใจไหม
อันนี้ขอรบกวนผู้มีความรู้หน่อยนะคะ
ใครมีอะไรแนะนำแนะนำมาได้เลยค่ะ หรือจะแวะให้กำลังใจก็ทำได้เต็มที่เลยนะคะ
จะให้เพื่อนปักหมุดกระทู้นี้ไว้ค่ะ
ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้านะคะ
เพื่อนมีปัญหาที่ทำงาน ขอคำแนะนำด้วยค่ะ (ไม่รู้จะแนะนำยังไงแล้วค่ะได้แต่ให้กำลังใจ)
แต่มีเรื่องนี้ที่ให้คำแนะนำหรือปลอบใจอะไรไม่ได้เลย
เพราะของตัวเองก็ยังจัดการไม่ค่อยได้ได้แต่ทน5555(หัวเราะทั้งน้ำตา)
ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
เรื่องเริ่มที่ที่ทำงานค่ะ
ประเด็น 1
เนื่องจากเพื่อนเรียนจบแล้ว Gap 1 ปี จากนั้นสมัครงานและได้เข้าทำงานที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
โดยตอนแรก ที่เข้าไปทำงานเพื่อนก็โดนกดค่าจ้างด้วยเหตุผลที่ว่า "ยังไม่มีประสบการณ์" ได้เงินเดือนน้อยกว่า 15,000
เพื่อนก็เข้าใจ ว่า โอเคสิ่งที่มีมันอาจไม่ตรงกับงานที่มัครเท่าไหร่และคิดว่าคงต้องรอผ่านโปรก่อนจึงจะได้เพิ่ม
โดยที่มีอยู่ตอนสมัครคือ ผลโทอิค650+ ประสบการณ์ทำงาน Work & Travel 1 ปี
(สำหรับเราเราคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะต้องได้ 15,000+นะ เอกชนที่ดูแพงด้วย แต่ก็ไม่อะไรเพราะมันก็ผ่านมาแล้ว)
ประเด็น 2
หลังจากทำงานและประเมินผ่านเรียบร้อย( 3 เดือน) เพื่อนก็ได้คุยกับ HR เรื่องเงินเดือนผ่านโปร แต่HR แจ้งว่าไม่มีแบบนั้นนะ
ตอนตกลงก่อนเข้างานก็คือเงินเดือนเท่านั้นตลอดเลย (แต่ตอนคุย HR พูดถึงเรื่องผ่านไม่ผ่านโปรขึ้นมา เพื่อนเลยเข้าใจว่าต้องผ่านโปรก่อนค่อยว่ากัน)
ตรงนี้ เราก็ได้แต่ปลอบว่าไม่ถามให้ดีๆก่อน สงสัยก็ถามอย่าคิดเอง เพื่อนก็ได้แค่เซ็งๆ
เพราะ การเพิ่มเงินเดือนของที่นี่อัตราต่ำมาก หลักร้อย ก็เริ่มซีดละ
ประเด็น 3
เรื่องเงินเดือนเพื่อนที่ทำงาน อันนี้มันบอกว่าไม่ได้ตั้งใจถาม คุยเรื่อยเปื่อย เพราะเป็นคนคุยเก่ง เข้ากับคนง่าย
พูดเรื่องชวนกันไปทำสวย แล้วจบที่รู้เงินเดือนเพื่อนมาแบบงงๆ
ซึ่ง มันเริ่มไม่โอเค เพราะ ประสบการณ์ พอๆกัน แต่เพื่อนที่อยู่แผนกอื่นได้เยอะกว่า เท่าตัว
แต่ความจริงแล้วเรื่องตัวเลขไม่ใช่ประเด็นที่เพื่อนเครียดขนาดนั้นค่ะ
เพื่อนเครียดตรงสโคปงาน เพราะเพื่อนอีกคนมีขอบเขตชัดเจนทำ 1,2,3 จบ ไม่เกินนี้
แต่งานเพื่อนมันไม่ใช่ค่ะ เพราะรู้มาอีกว่าตำแหน่งของตัวเอง ปกติจะมี 2-3 คนแบ่งหน้าที่กัน
แต่ปีที่เพื่อนเข้าบริษัทปรับโครงสร้างที่จะยุบตำแหน่ง/ลดความสำคัญลงจึงให้เพียง 1 คนมาดูแล (คนเก่าๆลาออกหมดแล้ว)
เพื่อนก็บ่นทำงานเลิกดึกทุกวันโอทีก็ไม่มี งานก็เยอะดูแลหลายอย่าง เหมือนทำหลายตำแหน่งในคนเดียว
ไม่มีพี่เลี้ยง ต้องเรียนรู้เองทั้งหมด บ่นเหนื่อย ท้อทุกวัน ทำไม่ทัน ไม่มีใครช่วย
บริษัทจะลดความสำคัญลง แต่งานที่มันต้องทำไม่ลดตาม
บ่นกับหัวหน้า หัวหน้าก็พูดว่า คนอื่นก็ยุ่งกงานเยอะเหมือนกันหมด ก็ทำๆไปไม่ตายหรอก เดี๋ยวมันก็หมด พูดไปหัวหน้าก็ไม่เข้าใจ
ซึ่ง ตอนนี้ที่เจอเพื่อนล่าสุด เพื่อนโทรมมากค่ะ แต่งหน้าแล้วก็ปิดไม่มิด โรคออฟฟิศซินโดรมต่างๆ ปวดข้อมือ ปวดหลัง ผมร่วง ตาลึก ตาคล้ำ เครียด แล้วพอได้คุยกันจริงๆเรื่องที่ทำให้หนักใจกว่างานพวกนี้ก็มีอีกประเด็นค่ะ
ประเด็น 4
เพื่อนร่วมงาน
เพื่อนบอกว่าเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่ก็นิสัยดีนะคะ แต่ติดตรงที่บางคนค่ะ (อันนี้ไม่รู้จะแนะนำยังไงเลยค่ะ ใครพอมีประสบการณ์ช่วยเพื่อน จขกท.และจขกท.ด้วยนะคะ5555หัวเราะทั้งน้ำตา)
ตอนทำงาน เพื่อนเล่าว่าตัวเองทำตลอดเวลาเลยค่ะ ไม่มีโอกาสได้พูดคุยเม้ามอยเรื่องนั่นเรื่องนี่กับเขาเลย(คือมันเป็นคนช่างคุยค่ะมีเรื่องคุยเป็นล้าน)แต่ตัวเองต้องก้มหน้าทำงานที่แทบจะไม่ทันในแต่ละวัน
เพื่อนร่วมงานที่นั่งใกล้กันก็ชอบทำตัวผักชีโรยหน้า หัวหน้าไม่อยู่ชอบดูเฟสบุคดูคลิป และหัวเราะคิกคัก ดูมือถือ
ซึ่งมันก็ไม่มีปัญหาอะไรมากถ้าไม่มารบกวนสมาธิตอนทำงานค่ะ ปกติเพื่อนจะเป็นคนกล้าๆมีอะไรก็พูดค่ะ แต่กับคนนี้เพื่อนไม่พูดเราเลยถามเพราะสงสัย เพื่อนเลยบอกว่าคนนี้เป็นคนโปรดของหัวหน้า ทำอะไรก็ดีไปหมดแม้แต่สิ่งง่ายๆที่เรียนรู้กันได้(อันนี้เราไม่แน่ใจว่าเขาทำตำแหน่งอะไรนะคะแต่เพื่อนพูดแบบนี้เลย) ยกยอบ่อยๆ เอาแต่ใจ ค่อนข้างเห็นแก่ตัวแต่ก็ทำเนียนตลก คนอื่นก็ตลกๆกับการกระทำของเขา เพื่อนงงค่ะ งงมากว่าคนแบบนี้ก็ทำงานที่นี่ได้หรอ
พอช่วงหัวหน้าอยู่ ก็ทำหน้าเคร่งเครียด บ่นๆงานเยอะจัง ถอนหายใจบ่อยๆ ซึ่ง.. ก่อนหน้านี้นั่งหัวเราะคิกคักหัวหน้ามาจะสั่งงานเพิ่มก็บ่นว่างานตัวเองเยอะมาก ทำไม่ทัน.. เพื่อนหมั่นไส้มากค่ะแต่ก็เงียบไว้ แต่ช่วงนี้เริ่มอดทนไม่ไหวแล้วค่ะเพราะงานมันล้นมาก ไม่ได้ออกไปเที่ยวด้วยกันเพราะอยู่ดึก ไม่ได้ไปช้อปปิ้งเพราะเงินไม่พอใช้ ยิ่งเครียดยิ่งกินเยอะอ้วนอีก
คือไม่ต้องฟังแค่เจอเราก็รู้สึกได้เลยว่าเพื่อนเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง ทั้งภายนอกและภายใน
เราเคยคิดจะบอกนะคะว่า พอเถอะ เงินแค่นี้ กับสุขภาพกายเอยสุขภาพจิตเอย มันไม่คุ้มเลย
แต่บรัษัทมีชื่อเสียงดีมากค่ะ เลยกะว่าจะแนะนำให้เก็บประสบการณ์สักปีนึงใส่โปรไฟล์สวยๆ
หรือจะแนะนำให้ออกเลยดีคะ เพราะ ตามโปรไฟล์แล้วน่าจะเข้าที่อื่นได้ไม่ยากเลยค่ะ
แล้วก็ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ ว่าถ้าออกแล้วเรื่องเงินเดือนต้องแจ้งตามความจริงไหมคะ
กลัวว่าแจ้งตามจริงถ้าเพื่อนไปสมัครอีกจะโดนกดอีก
หรือถ้าบอกสูงไป จะคิดว่าจ้างไม่ไหวรึเปล่า
หรือ ที่เก่าให้เยอะแต่เลทอกมาบ.ที่ให้น้อยกว่าที่เก่า บ. ใหม่จะประทับใจไหม
อันนี้ขอรบกวนผู้มีความรู้หน่อยนะคะ
ใครมีอะไรแนะนำแนะนำมาได้เลยค่ะ หรือจะแวะให้กำลังใจก็ทำได้เต็มที่เลยนะคะ
จะให้เพื่อนปักหมุดกระทู้นี้ไว้ค่ะ
ขอบคุณทุกความเห็นล่วงหน้านะคะ