❀❀🕯 🌺 หักศรกามเทพ.. จบ🌺 🕯❀❀


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
                                                                                   บทที่ 8
     
       ค่ำนี้เพ็ญระพีถึงเวรต้องไปรับโทรศัพท์ประจำหอ เรียก Telefon diens เป็นเวลาสองชั่วโมง แต่เนื่องจากหล่อนยังไม่สามารถโต้ตอบข้อมูลที่อาจถูกถามได้ทั้งหมด หล่อนจึงจำเป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากคุณอนาวิลให้มาช่วยรับโทรศัพท์แทนด้วย ดังนั้น หลังหกโมงเย็นทั้งคู่จึงได้มานั่งในห้องโทรศัพท์ด้วยกัน เมื่อนึกถึงการตอบรับและส่งสายไปยังส่วนกลุ่มเบอร์ห้องแล้ว ต้องกดกริ่งไปยังห้องที่เขาต้องการพูดด้วย
เมื่อนึกถึงตรงนี้ก็กระจ่างในใจอีกข้อหนึ่งว่า ภูพิงค์ไม่เคยให้เบอร์ติดต่อของเขาแก่หล่อนเลย...
หล่อนไม่ทันได้สังเกตหรอกว่า อนาวิลมีท่าทีขัดเขินตอนที่นั่งรอและไม่มีสายเรียกเข้ามา

   มีโปสการ์ดจากมึนเช่นคุณดาราเขียนมาเล่าว่า เรื่องวีซ่าก็ยังต้องหาวิธีต่อไป อาจจะจดทะเบียนสมรสซึ่งยังไม่ได้หาข้อมูลว่าจะได้อยู่ต่อได้อีกนานเท่าไร แต่ถึงอย่างไรก็ขอบคุณคุณอนาวิลและคุณเพ็ญด้วย  เพิ่งได้พบกับคุณนพดลและคุณภูพิงค์ขึ้นมาที่นี เมื่อเราพูดถึงคุณเพ็ญว่ารู้จักกับคุณภูพิงค์ ดูเขาไม่ยินดีจะพูดคุยอะไร แม้เราจะเล่าถึงการมาพักกับคุณเพ็ญ เขาก็ไม่ไถ่ถามถึง ราวกับไม่รู้จัก เลยสงสัยว่าทำไมเจอแต่คนที่เราเข้าใจผิดแบบคุณอนาวิลหรืออย่างไร ก็แค่เล่าให้ฟังค่ะ
ไว้มีโอกาสลงไปเที่ยวมึนเช่นบ้างนะคะ ยินดีต้อนรับค่ะ

   ขณะที่ทนนั่งรถขากลับจากมึนเช่นอย่างร้อนใจจนแทบจะอยากระเบิดออกมา เมื่อรถมาถึงที่พัก ภูพิงค์ก็แทบกระโจนออกจากรถ บอกเพื่อนว่าแล้วเจอกัน  เขาเดินแกมวิ่งสู่ห้องตนเอง  เขาไม่อยากจะเชื่อเลยกับสิ่งที่ได้ยินมาวันนี้ มันเป็นไปได้และเป็นไปแล้ว ทำไมนะชีวิตเขาถึงต้องเดินอยู่บนเส้นทางแบบนี้ซ้ำซาก  ทุกถ้อยคำที่ได้ฟังมาล้วนเป็นเรื่องส่วนตัว มันยากเกินจะทำใจ... 

  นพดลมองภูพิงค์ที่รีบลงจากรถราวกับนั่งปวดหนักมานานกว่าจะถึง เขาแปลกใจที่ภูพิงค์นั่งหน้าขึงเมื่อได้ยินเรื่องราวจากคุณดาราของคนชื่อเพ็ญที่ว่ารู้จักกันด้วยหรือ อาการไม่สบอารมณ์ไม่รู้เพราะจากเรื่องราวหรือวิธีการเล่าแบบสู่รู้ข่าวชาวบ้านของคุณดารา ทำให้ภูพิงค์ทำราวกับได้ยินชื่อแฟนเก่า ทั้งๆที่เขาก็เห็นเป็นชื่อเจ้าของจดหมายนี้มีมาถึงบ่อยๆ ภูพิงค์ไม่เคยเล่าเรื่องส่วนตัวอะไรให้เขาฟัง เขาเพิ่งนึกได้ว่าได้ยินพูดว่าคราวหน้าไปปารีสอีกจะแวะผ่านมาทาง Köln ซึ่งเขาก็ยังไม่ได้ถามว่าเพราะอะไร

    มีวันหยุดยาวOstern อีสเตอร์อีกแล้ว หลังผ่านวันคาร์เนวาลมาเดือนครึ่ง ทำให้ได้มีเวลากินไข่ต้มตามเทศกาลของเขา ไข่ไก่ทาสีต่างๆเห็นได้ทั่วไป
พี่วิทยากลับมาจากฝึกงานแล้ว เมื่อมาถึงก็บอกข่าวว่า คงต้องเตรียมกลับเมืองไทย รอไปรับใบจบอินจิเนียร์อีกอย่างก็เรียบร้อย เมื่อเพ็ญระพีได้ยินรู้สึกใจหายขึ้นมาทันที แล้วเราจะอยู่ได้ไหมนี่ เรื่องวีซ่าอยู่ต่อได้เพราะฝึกงานก็ใกล้จะหมด ยังไม่ได้ไปหาโรงเรียนเลย  
แต่เมื่อคิดอะไรไม่ออกก็เลยนิ่งเฉยเสีย ไว้ให้รู้ว่าพี่วิทย์จะไปแน่ๆเมื่อไรก็ต้องหาโรงเรียนให้หล่อนให้ได้ คำถามก็ผุดขึ้นมาอีกว่า นี่หล่อนจะเป็นนักเรียนอีกจริงหรือ เพื่ออะไร ในเมื่อกลับไปบ้านก็มีงานทำ และเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไปแล้ว ด้วยสาเหตุดั้งเดิมคืออยากอยู่ที่นี่ด้วยความหวังจะอยู่ใกล้ภูพิงค์และอยากอยู่เมืองนอก เมื่อได้อยู่แล้ว จนจะครบปีภูพิงค์ก็ไม่ได้คิดจะมาพบกับหล่อนเลย มีแต่พูดเหมือนคำหวานเติมเชื้อหรือซื้อเวลาไปเรื่อยๆ  สงสัยว่าหล่อนต้องคิดให้จงหนักว่า เพื่ออะไรจึงจะอยู่ต่อ คำตอบมันคงเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว...

  คุณเก่งมิได้ขาดการติดต่อเพราะกิจกรรมของนายกสมาคมต้องทำต่อเนื่อง โปรแกรมไปเยี่ยมชมโรงงานสองแห่งในเมืองที่ไม่ไกลนักก็เริ่มเข้าชมโรงงานตอนบ่าย สมาชิกร่วมร้อยคนจากเมืองใกล้เคียง เช่น Siegen, Dortmund Düsseldorf, Bonn  และ Krefeldต่างขับรถมากันถือเป็นการได้เที่ยว โรงงานแรกที่ไม่นึกว่าจะได้ชม เป็นโรงงานทำ Condom กลิ่นพลาสติกมาก่อน หลายหนุ่มคุยขบขันกันต่างๆนาๆ เพ็ญระพีมองดูแกนเหล็กเรียงบนฐานแป้นกลมๆ ว่าแกนนั้นน่าจะเรียกDornใช้เสียบหลอดยาสีฟันแทนหุ้มด้วยถุงยางอนามัยต่อหน้านี้ หล่อนมองราวคนไม่เคยเห็นหรือมัวนึกถึงDornที่โรงงานก็เลยมิได้แสดงกิริยาอะไรออกไป ในฐานะที่เคยเดินในโรงงานมาก่อน หล่อนก็เดินหลังขบวนไหลตามระบบผลิตไปจนจบ ท้ายสุดรายการมีการแจกผลิตภัณฑ์ให้ผู้มาเยี่ยมทุกคน ส่วนของหล่อนก็ส่งให้พี่วิทย์ไป

 โรงงานที่ต้องเดินทางต่อมาเป็นโรงงานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รสชาติคล้ายหรือเหมือนแชมเปญ แต่เยอรมันเรียกSekt น้ำเมรัยสีใสราวกับตาตั๊กแตนออกเหลืองนิดหน่อยเมื่อรินใส่แก้วแชมเปญทรงสูงต่างกับแก้วไวน์ จะมองเห็นฟองอากาศเล็กๆลอยผุดจากก้นแก้วสู่ข้างบนบ้าง เมื่อได้ชิมกันย่อมรู้สึกว่าดีในรสชาติหอมด้วย แน่นอนว่าได้รับการชิมอย่างทั่วถึงและมากพอสมควรในบางคน เหมาะเป็นรายการปิดท้ายยามเย็นก่อนแยกย้ายกันกลับบ้านพร้อมขวด Sekt ที่จำหน่ายราคามิตรภาพกับผู้เข้าชมด้วย

 
  หลังจากได้ไปโน่นมานี่จนเพลิดเพลินไปพักหนึ่ง เมื่อได้มีเวลาอยู่กับตนเอง เพ็ญระพีก็นั่งคิดทบทวนเรื่องต่างๆที่ยังไม่ได้ไตร่ตรอง นับแต่ส่งจดหมายตอบรักคุณภูพิงค์กลับไปแล้ว รายงานข่าวจากคุณดารานั่นก็แสดงว่าได้พบเขาข่าวจากเมืองนี้ก็คงแล้วแต่คนจะหมดวีซ่าจะเล่าไป สงสัยว่าทำไมยังไม่มีจดหมายจากเขา คิดว่าเขาคงไม่รีบตอบหลังจากได้ข่าวทางนี้แล้ว โอกาสติดต่อกันมีทางเดียวคือจดหมาย เพราะเขาไม่เคยให้เบอร์ให้รูปหรือเล่าอะไรให้ฟัง เพ็ญระพีก็ไม่เคยถามเรื่องส่วนตัว เขาเคยบอกอยากได้รูปหล่อน แต่ทำไมไม่ส่งให้หล่อนก่อนล่ะ จะได้เหมือนแลกกัน จะให้หล่อนแจกรูปใครง่ายๆนั่นคงไม่ใช่วิธีของหล่อน บางคนชอบอวดอ้างหลักฐานเป็นรูปก็คงต้องเป็นไปตามนั้น มีรุ่นพี่ไปเรียนที่ Berlin ก็ส่งรูปมาให้ เขายังส่งมาให้หล่อนได้ ทั้งๆที่เขียนจดหมายแค่ตอบไปหนเดียวเท่านั้น

  กับคุณภูพิงค์อย่าได้คิดเกินเลยจาก Penfriend ดังที่หล่อนเคยสรุปไว้ ส่วนความในใจก็ถือเป็นความคิดส่วนบุคคลที่จะรัก โกรธ เกลียด หรือเพ้อเจ้อไปฝ่ายเดียวก็ย่อมได้ เวลาจะบ่งบอกความจริง แม้กับบางคนต้องใช้เวลานานสักหน่อย

       ปัญหาต่อมาคือต้องคิดว่าหลังจากฝึกงานครบปีแล้วจะเอายังไงต่อ จะรอโชคชะตาไม่ได้ เพราะเอกสารต้องเดินเรื่องเอง มิใช่ซื้อหวยหรือเข้าบ่อนเสี่ยงโชค

    เมื่อไม่รู้จะระบายกับใครก็เลยต้องมาพูดกับอนาวิลที่ตอนนี้ดูจะห่างกันไป เพราะด้วยพี่วิทย์กลับมาแล้ว  เมื่อมีโอกาสตอนที่พี่วิทย์ไปติดต่อทำธุระ เพ็ญระพีจึงได้เดินมาที่ห้องอนาวิลในตอนบ่าย  เมื่อเคาะประตู รอสักพักใหญ่จึงรู้ว่าเขาอยู่มาเปิดประตูด้วยหน้าตาเหมือนเพิ่งตื่นนอน

"นอนอยู่หรือคะ ขอโทษ งั้นค่ำๆเพ็ญมาใหม่ค่ะ " หล่อนรีบกล่าวและหันตัวกลับทันที

" เดี๋ยว เดี๋ยว  ผมเผลองีบไป ว่าจะต้องออกไปซื้อของตอนบ่ายนี้ด้วย" เขารีบบอกหล่อนอย่างเร็ว

" เพ็ญขอเวลาแป๊บเดียวค่ะ แล้วคุณค่อยไปซื้อของ"  เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ให้หล่อนเข้ามา

" นั่งก่อนครับมีอะไรหรือ" เขาถามพร้อมนั่งลงที่โซฟาด้วย

" คือพี่วิทย์บอกว่าจะกลับเมืองไทย ทีนี้ใกล้จะครบกำหนดฝึกงานหนึ่งปีของเพ็ญแล้ว จำได้ไหมคะ "

" จำได้ครับ ก็ให้พี่วิทย์กลับไป พอใกล้จะครบกำหนดคุณเพ็ญก็หาโรงเรียนหรือหาที่ฝึกงานใหม่" เขาพูดแบบรู้วิธี

" อ้าว แล้วเพ็ญจะอยู่ยังไงล่ะ แล้วเรื่องฝึกงานหรือเรียน เพ็ญก็ชักไม่อยากเรียนแล้ว กลับไปทำงานกับพี่วิทย์ดีกว่า"  หล่อนบอกตามความคิด

" คุณเพ็ญเบื่อที่นี่แล้วเหรอ ยังมีเวลาอีกกี่เดือนละนี่ " อนาวิลนั่งคำนวนเวลา

" เพ็ญมาอยู่จะครบปีแล้ว เว้นไปสองเดือนก็จะครบฝึกงานค่ะ"

" เอาละ ไปถามพี่วิทย์นะครับว่าเพ็ญจะอยู่ต่อ กลับไปทีหลัง กลับวันไหนก็ได้ ถ้าอยากกลับ  หรือยังไม่อยากกลับก็หาที่ฝึกงานใหม่"

" ที่ฝึกงานจะหาได้อีกหรือคะถ้าได้ฝึกครบปีไปแล้ว " หล่อนกังขาในข้อนี้

" กฏทุกกฏมีข้อยกเว้น ว่าเราไม่ชอบงานแขนงที่ฝึกก็ขอแขนงอื่น นับหนึ่งใหม่น่าจะได้นะครับ ต้องลองไปถามคุณเก่งอีกที"

หล่อนถอนหายใจ นิ่งเงียบไป ก่อนจะถามอย่างทำทีไม่สนใจนักว่า

"ของคุณมีกำหนดกลับหลังพี่วิทย์นานเท่าใดคะ"

" ผมเหลืออีกสองเทอมแต่อาจจะอยู่ทำงานหาเงินสักพักค่อยกลับ " เขามองหน้าหล่อนแบบสงสัยที่หล่อนถาม ทั้งๆที่ไม่เคยพูดถึงกันเลย

" เพ็ญว่าอย่างที่คุณบอกถ้าหาที่ฝึกงานได้เพ็ญก็อยากอยู่หาเงินเหมือนกันค่ะ เมืองไทยกลับเมื่อไรก็ได้"

" ดีแล้วครับ ลองพูดกับพี่วิทย์ดูอีกทีนะครับ" เขาเห็นด้วยเรื่องทำงานหาเงิน เพราะรายได้หล่อนก็ดีมากๆ

" งั้นเพ็ญไปละ ขอบคุณนะ โล่งอกไปอีกอย่าง " หล่อนกล่าวขึ้นมา

" ผมไม่เห็นคุณเพ็ญจะต้องมีเรื่องหนักอกอะไรเลยนะครับ ไม่ว่าเรื่องไหน" เขาพูดเหมือนสัพยอกหล่อน

" อยากให้เป็นอย่างนั้นจริงๆค่ะ " หล่อนยิ้มเต็มที่ด้วยหล่อนก็หวังเต็มเปี่ยมเช่นกัน

" ไปซื้อของกับผมไหมครับ " เขาชวนขึ้นมาดื้อๆ

" เดี๋ยวอยู่รอพี่วิทย์อาจจะซื้ออะไรมากินด้วยแล้วค่ะ เพ็ญไปก่อนนะคะ" หล่อนลุกขึ้น ทำให้อนาวิลต้องลุกตาม นี่เขาก็ยังไม่มีโอกาสพูดบอกอะไรกับหล่อนทั้งนั้น พอดีพี่วิทย์กลับมาเลยต้องห่างกันไปอีกแล้ว  แต่เขาก็เดินมาปิดประตูเมื่อหล่อนก้าวเท้าออกจากห้องไป

  เพ็ญระพีเดินกลับอย่างโล่งใจต่างกับขาไปเลย  นี่หล่อนต้องวิ่งวุ่นให้คนอื่นช่วยกันกว่าจะผ่านพ้นแต่ละเรื่องมาได้ก็ทำเอากังวลไปนานจนกว่าเรื่องจะผ่านไป นึกๆดูแล้ว คุณภูพิงค์ไม่เคยได้มีส่วนช่วยในการอยู่ที่นี่ของหล่อนเลย ทั้งๆที่การอยู่ของหล่อนก็เพื่อเขาทั้งนั้น  เมื่อความห่างเหินแทรกเข้ามาดูว่าจะนำเอาความผิดของเขาลอยเด่นชัดขึ้นมาด้วย  ไม่ผิดกันหรอกภูพิงค์ เพ็ญก็เขลาไปกับคุณด้วย....

  เมื่อวิทยาได้รับใบจบการศึกษาแล้วก็จะกำหนดวันเดินทาง เมื่อได้ไถ่ถามเพ็ญระพีว่า  
  
" ว่าอย่างไรเรื่องจะได้ต่อวีซ่าไหม"

" เพ็ญว่าจะกลับวันไหนก็ได้ ถ้าวีซ่าหมด แต่ว่าถ้าต่อวีซ่าโดยการฝึกงานใหม่ก็อยากจะอยู่ต่อค่ะ " หล่อนตอบตามที่รู้มา

" อยู่ได้เรอะคนเดียว " พี่วิทยาซาวเสียงดู

" เพ็ญอาจจะไม่คล่องเรื่องเดินทาง แต่เพ็ญก็คิดว่าเอาตัวรอดได้ เพราะก็เคยทำงานมาแล้วไม่ใช่เด็กนักเรียนจริง"

" แล้วคิดว่าถ้าย้ายที่ฝึกงาน อาจจะไม่สบายอย่างที่นี่ เราจะไหวมั้ย "

" ไม่ไหวก็กลับ ตามที่บอก แต่อยากได้เงินๆดีที่นี่"

"ก็ตามใจ ทำอะไรก็คิดให้ดีๆ อายุมากขึ้นอีกปีหนึ่งแล้ว " ท้ายนี้เหมือนพี่วิทย์เทศน์ซะมากกว่า  

" พี่ว่าย้ายมาอยู่ห้องพี่นี่ดีกว่านะ คนแถวนี้ดี แล้วเขาก็รู้จักเราแล้วด้วย"  เขาแนะ

" ค่ะ " หล่อนรับปาก เป็นอันว่าในสองเดือนข้างหน้าไม่มีพี่วิทย์อยู่ด้วย และเป็นช่วงที่ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือกลับบ้าน ซึ่งหล่อนรู้ดีว่า หล่อนเหมือนส่งพี่วิทย์ไปขัดดอกนายเยอรมันไว้แล้ว

  พี่วิทย์จัดการธุระจนเสร็จหมด รวมทั้งบอกขายรถโฟล์คสวาเก้นคันเก่า แค่ติดป้ายจอดที่หอพักนี่ก็มีคนมาเขียนชื่อและเบอร์ให้โทรกลับ รถราคาถูกไม่ถึงห้าร้อยมาร์คก็ถูกขายต่อในเร็ววัน ด้วยพี่วิทย์ดูแลรักษาอย่างดี และเป็นรถคู่บ้านคู่เมืองชาวเยอรมันเลย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่