ผมดูหนังรอบดึกคนเดียวจนกระทั่งมีคนแปลก ๆ มาดูกับผมด้วย

หนังสยองขวัญคือสุดยอด ผมชอบหนังสยองขวัญสุด ๆ บรรยากาศเงียบ ๆ ความมืดที่กลืนกินทุกอย่างในซีน คุณพระช่วย บรรยากาศแบบนี้หาในหนังประเภทอื่นไม่ได้หรอก และผมสนุกกับการทำให้ตัวเองอินไปกับหนังด้วยการซื้อตั๋วรอบดึกเพื่อที่จะได้ดูหนังคนเดียวอย่างสบายใจ หนังเรื่องนี้ก็เหมือนกัน ทันทีที่รู้ว่าหนังเข้าโรงปุ๊บผมก็ไม่วายหาเวลาว่างไปดูมันทันที โดยจองที่นั่งรอบสองทุ่มโรง 4 ไว้ นี่แหละ ผมจะได้ดูหนังผีอิน ๆ คนเดียวให้สุดติ่งไปเลย 

เมื่อวันมาถึง แน่นอนผมบึ่งไปที่ห้างสรรพสินค้าตั้งแต่ช่วงทุ่มครึ่ง ผมชอบไปก่อนเวลาหนังเริ่มฉายจะได้เดินห้างดูโน่นดูนี่ไปด้วย ก่อนหนังจะเข้าฉายอีกสิบนาทีผมก็เดินไปเคลมตั๋วกับพนักงานและซื้อป๊อบคอร์นแพคเล็ก ๆ มาด้วย หนังผีกับป๊อบคอร์น อ่าห์! อะไรจะฟินกว่านี้ไม่มีแล้ว ผมยังเช๊คให้แน่ใจว่าจะต้องมีคนไม่ถึง 10 คนที่จะมาดูพร้อมผม แน่นอน ที่โรง 4 ไม่มีใครมาดูเลย ที่นั่งที่ถูกจองมีเพียงที่นั่งของผมเท่านั้น เพอร์เฟกต์!

พอนาฬิกาหน้าโรงฉายบอกเวลาสองทุ่มผมก็เดินไปตอกตั๋วทันทีและบึ่งไปที่โรงสี่ ผมจองที่นั่ง C12 ไว้ ตรงนั้นแหละเหมาะสุด ระยะจอไม่ใกล้หรือไกลเกินไป และที่นั่งก็อยู่กลางแถวพอดี

บรรยากาศในโรงหนังเงียบกริบหลังจากที่คนดูของหนังเรื่องที่แล้วออกไปจนหมด ไฟสลัว ๆ ถูกเปิดรายทางให้พอมองเห็นทางเดินเท่านั้น ผมมุ่งหน้าไปนั่งยังที่นั่งที่ผมจองไว้ ผมพยายามเซฟป๊อบคอร์นของผมโดยการไม่กินมันตลอดช่วงโฆษณา ผมดูดน้ำไปสองสามครั้งตลอดเวลาครึ่งชั่วโมงของช่วงโฆษณาที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่าไหร่ มีหนังแนวแอ๊คชั่นที่ทำกันดาดเดื่อนขึ้นโฆษณาผสมกับหนังแนวซุปเปอร์ฮีโร่ที่ผมเอียนเต็มที

และแล้วช่วงเวลาก็มาถึง เสียงบรรยากาศหวีดหวิวต้นเรื่องเริ่มขึ้น เป็นคนบรรยายถึงความน่ากลัว ผมหยิบป๊อบคอร์นรสชีสเข้าปากไปหนึ่งชิ้น สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอ  โรงหนังไม่มีใครเลย บรรยากาศเงียบสลัวและหม่น ๆ นี่แหละที่ผมต้องการ 
...
เป็นเวลานานประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วตั้งแต่หนังเริ่ม ผมเอ็นจอยกับประสบการณ์ส่วนตัวนี้อย่างที่สุด แต่แล้วก็มีผู้ชมอีกคนเดินเข้ามา เขาเดินเข้ามาเงียบ ๆ และไปนั่งลงตรงที่นั่ง E20 ที่อยู่เยื้อง ๆ ขวามือผมไปข้างล่างอีก 2  แถว ผมแปลกใจมาก ทำไมคน ๆ นี้ถึงมาเอาป่านนี้ เขาจะดูรู้เรื่องได้ยังไง เมื่อเขามาหลังหนังเริ่มฉายไปแล้วตั้งครึ่งชั่วโมง ถึงอย่างนั้นผมก็โยนความสงสัยทิ้งไปและเอ็นจอยกับหนังต่ออย่างไม่คิดอะไร

ฉากในหนัง นางเอกของเรื่องกำลังโดนไล่ล่าจากแม่มด ผมกินป๊อบคอร์นไปอีกหนึ่งหยิบมือเล็ก ๆ แต่ในขณะที่ผมกำลังเอ็นจอยกับโมเมนต์นั้น คนดูที่เพิ่งเข้ามาเมื่อ 15 นาทีที่แล้วก็เริ่มทำตัวแปลก ๆ จากที่นั่งเงียบมาตลอด คนดูคนนั้นก็เริ่มหัวเราะ เป็นเสียงหัวเราะที่ออกมาจากลำคอที่ฟังดูเย็นเยือก เขาหัวเราะและหัวเราะอย่างนั้น ผมงงเล็กน้อยและอารมณ์บูดนิด ๆ กับพฤติกรรมแบบนี้ แต่เพราะไม่อยากกระโชกโฮกฮาก ผมจึงแกล้งไอไปหนึ่งทีบ่งบอกคน ๆ นั้นเขากำลังทำตัวแย่ ๆ อยู่ มันได้ผล เขาเงียบลง

เวลาผ่านไปแล้วประมาณ 1 ชั่วโมง ผมก็กำลังเอ็นจอยกับโมเมนต์แห่งชีวิต แล้วเขาก็ทำแบบนั้นอีก คนดูที่เข้ามาคนนั้นก็หัวเราะอีกครั้ง เป็นเสียงหัวเราะแบบเดียวกันกับครั้งก่อน แต่เสียงดังและดูสนุกสนานกว่า เหมือนกับว่าคนดูคนนี้กำลังสนุกกับฉากแม่มดในหนังกำลังหักคอคนอยู่อย่างนั้นแหละ 

เขาหัวเราะอยู่อย่างนั้นตลอดฉากจนผมทนไม่ไหว ผมเลยพูดออกไปว่า “เงียบ ๆ ด้วยครับ มีคนดูหนังอยู่กับคุณนะ” ผมเดาว่าคน ๆ นั้นรู้ตัวแล้วว่ากำลังทำพฤติกรรมแย่ ๆ เขาจึงเงียบลง แต่ว่า แทนที่จะเงียบและนั่งนิ่ง ๆ แบบคนปกติธรรมดา คน ๆ นั้นโยกไปด้วย ไม่ใช่นั่งโยกขาถีบที่นั่งด้านหน้านะ เขาโยกร่างกายส่วนบนของเขา มันไม่ใช่การโยกเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบที่ว่าคน ๆ หนึ่งกำลังสนุกกับหนังอยู่ เขาโยกมันอย่างกับว่าเขาตั้งใจจะมาทำอะไรแบบนั้นตั้งแต่แรกแล้ว 

เวลาผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง หนังกำลังเริ่มฉากไคลแมกซ์ที่พระเอกและหมอผีกำลังไล่ล่านางเอกที่ถูกสิงโดยแม่มดตัวร้ายอยู่ ใจผมระทึกและตื่นเต้นไปกับหนัง ผมโน้มตัวไปข้างหน้าตั้งใจดูหนังอย่างเต็มที่ ทั้งป๊อบคอร์นและข้าวโพดหมดไปแล้วก่อนหน้านี้ประมาณ 10 นาที แต่ในจังหวะระทึกที่ผมกำลังมีส่วนร่วมนั้นเอง คนดูคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า “ฮี่ๆ มาสิ มาจับชั้นสิ แกไล่จับชั้นไม่ได้ ให้ตายก็ไล่ไม่ได้!!”  แล้วแกก็หัวเราะเป็นเสียงเล็กแหลมแบบแม่มดอีกหลายครั้ง ผมรำคาญมากจึงตะโกนไปว่า “นี่คุณ! ถ้าคุณรบกวนผมอีกครั้งด้วยพฤติกรรมแย่ ๆ แบบนั้น ผมจะลงไปแล้วขอให้คุณออก” 

ชายคนนั้นหยุดไปกึกหนึ่ง แล้วเขาก็โยกตัวไปมาและพูดอีกครั้งว่า “ฮี่ๆ มาสิ มาจับชั้นสิ แกไล่จับชั้นไม่ได้ ให้ตายก็ไล่ไม่ได้!!”  ผมรำคาญสุดจะทน แต่ด้วยความอยากใส่ใจกับหนังมากกว่า แทนที่จะลงไปหาแกและเคลียร์กันให้รู้เรื่อง ผมละความคิดนั้นและกระเถิบตัวมานั่งตรงที่นั่ง C5 แทนเพื่อหนีเสียงอันน่ารำคาญของคนดูไร้มารยาทคนนั้น ซักพักหนึ่งคนดูคนนั้นก็เงียบและกลับไปทำพฤติกรรมโยกตัวของแกต่อ 

ในฉากไคลแมกซ์พระเอกของเรื่องกำลังจับตัวนางเอกไว้แน่นในขณะที่หมอผีสวดคาถาไล่แม่มดอยู่ พวกเขาทำสำเร็จ แม่มดออกมาปรากฏตัวแล้ว มันร้องทุกข์ทรมานจากคาถาสวดของหมอผี ในขณะที่ผมกำลังอินขั้นสุดอยู่นั้น คนดูคนนั้นก็ร้องไห้ออกมา เขาไม่ได้ร้องไห้ฮือแบบปกติ มันเป็นการร้องไห้อย่างเจ็บปวดเหมือนตอนที่ร่างของคุณโดนไฟครอกทั้งเป็น เขาร้องอยู่อย่างนั้น มันดังลั่นไปทั่วโรงหนัง ผมไม่ขอทนอีกต่อไปแล้ว ช่างหนังซิวะ ผมเดินออกประตูไปเรียกพนักงานตอกตั๋วด้านหน้า  

“มากับผม ผมไม่ทนกับพฤติกรรมของเขาอีกต่อไปแล้ว” ผมบอกพนักงาน น้องพนักงานทำหน้างง ๆ และบอกให้ผมตั้งสติ แต่ยังไม่ทันจบผมก็ฉุดมือน้องพนักงานเดินมากับผมด้วย ปากผมบ่นพรำตลอดทาง ผมบอกน้องแกว่ามีคนดูอีกคนในหนังและเขาทำพฤติกรรมที่แย่มาก ๆ และผมทนไม่ได้ 

ผมพาน้องพนักงานเข้ามาในโรง 4 และ...เงียบสงบ บรรยากาศในโรงเงียบกริบเหมือนตอนที่ผมเข้ามาครั้งแรก คนดูประหลาด ๆ คนนั้นหายไปแล้ว มีเพียงเก้าอี้ว่าง ๆ ณ ที่นั่ง E20 และสัมภาระของกินของผมที่ผมทิ้งไว้ตรงที่นั่ง C12 นั่นเท่านั้น ผมประหลาดใจมาก 

“แต่เมื่อกี้นี้ เขานั่งอยู่ตรงนั้นนี่” ผมชี้ไปตรงที่นั่ง E20 และมองหน้าน้องพนักงานไปด้วย 
“ผมก็กำลังจะบอกคุณเหมือนกัน” น้องพนักงานสวนผมมา “หลังจากที่คุณพี่เข้าไป ก็ไม่มีใครมาดูหนังอีกแล้ว คุณพี่คือลูกค้าคนสุดท้ายในวันนี้ของเรา” 
ทันทีที่ผมได้ยินว่าน้องพนักงานพูดอะไร ความเย็นวาบก็บังเกิดขึ้นทั่วร่างของผม แล้วคนที่เข้ามาทำตัวประหลาด ๆ นั่นใคร ทำไมเขาถึงหัวเราะตอนที่แม่มดฆ่าคน ทำไมเขาพูดแบบนั้นตอนที่แม่มดในหนังกำลังโดนไล่ล่า และทำไมเขาถึงร้องไห้เสียงดังตอนที่แม่มดถูกเผาตอนท้ายเรื่อง
ผมใช้เวลาไม่ถึง 2 นาทีในการพาน้องพนักงานมายังสถานที่เกิดเหตุ แล้วเขาคนนั้นหายไปได้อย่างไร?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่