จริงๆ มีกระทู้ราวๆนี้อยู่หลายกระทู้แล้ว
แต่เราก็ยังอยากฟังอยู่ว่า แต่ละคนมีวิธีจัดการยังไง
ขอเกริ่นก่อน เราอยู่กับแม่สามีมา 2 ปีอยู่บ้านหลังเดียวกัน โดยที่มีแม่เราอยู่บ้านข้างๆ
พ่อสามีเสียไปแล้ว สามีมีพี่ชาย 2 คน คนโตเสียชีวิตไปแล้ว คนที่ 2 มีครอบครัว มีลูก 2 คน
พี่ชายได้เงินสร้างบ้านไปก่อน จากครอบครัวฝั่งสามีตอนที่พี่ชายคนโตเสีย ซึ่งเค้าเอาไปซื้อบ้านหลังนึง ในละแวกบ้านเดิม
แต่ไกลออกไปจากตัวเมืองประมาณ 30 นาที ซึ่งก็เหมือนห่างไกลความเจริญออกไป
โดยเงินก้อนแรกที่เอาไปสร้างบ้านเนี่ย เค้าบอกว่า จะให้พ่อและแม่สามีไปอยู่
แต่สุดท้าย พอซื้อบ้านหลังนั้นเสร็จ ก็ไม่ได้ย้ายไปอยู่ ยังอยู่บ้านเช่าเดิม พ่อกับแม่สามีก็ไม่ยอมย้ายไปอยู่
จนเวลาผ่านไป พ่อสามีเสียชีวิต สามีก็เลยได้เงินก้อนนึงมา ซึ่งราคาเท่ากันกับที่พี่ชายได้
ก็เลยเอามาสร้างบ้าน แล้วบอกว่าจะให้แม่มาอยู่ด้วย ก็อยู่บ้านนี้กับสามีและแม่สามี
โดยที่ฝั่งสามีออกเงินค่าสร้างบ้านประมาณ 90เปอร์เซ็น บนที่ดินของแม่เรา ซึ่งแม่ก็ยกให้เราเนี่ยแหละค่ะ
ส่วนเราก็ออกค่าใช้จ่ายสร้างบ้านเพิ่มเติมในส่วนที่เราอยากได้เพิ่ม
แล้วก็ออกค่าใช้จ่ายในบ้าน น้ำไฟอินเตอร์เน็ต ค่าของใช้ในบ้าน กับข้าว เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
ส่วนสามีจ่ายค่าผ่อนรถค่ะ ประมาณ 7พันบาท
การอยู่ด้วยกันก็กระทบกระทั่งก็มีมาเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อย ด้วยเรื่องทั่วๆไป
โดยส่วนมากจะมาจากการที่สามีและเราบ่นแม่สามีเรื่องสุขภาพ
เพราะแม่สามีทานอาหารรสเค็ม เปรี้ยว ก็คือใกล้จะเป็นโรคไตแล้ว
ก็เลยต้องควบคุมอาหาร โดยสามีเป็นคนทำอาหาร ก็เป็นอาหารรสอ่อน
กับข้าวทั่วไปนะคะ แค่ทำรสชาติจืดๆ หลังๆมาแม่สามีก็มีอาการอัลไซเมอร์เริ่มต้น
แต่ยังพูดคุยเข้าใจ ช่วยเหลือตัวเองได้ โดยกิจกรรมส่วนมาก ก็ยังนอนเป็นหลัก
เรากับสามีก็มีบ่นบ้าง อยากให้ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมบ้าง
จากการอยู่ด้วยกันมานาน ก็เกิดความเครียดขึ้น สามีก็เครียด เราก็เครียดไปด้วย
กลางวันไปทำงาน เย็นมาก็กลับบ้าน ความเครียดจากที่ทำงานก็มีส่วนนึง ก็เพิ่มความเครียดจากที่บ้านอีก
จากเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็สะสมเรื่อยมา จนถึงวันที่ทั้งเราและแม่สามี ก็ระเบิดอย่างรุนแรง ทะเลาะกันใหญ่โตมาก
สามีก็เลยให้พี่ชายมารับแม่ไปอยู่ด้วยซักพักนึง
พอไปอยู่กับพี่ชายได้เดือนนึง สามีก็ไปรับแม่กลับมา เพราะว่าหมอนัด
แต่เรารู้สึกอึดอัดมาก นั่งรถกลับมาด้วยกัน ก็เงียบตลอดทางกันทั้ง 3 คน
เรารู้สึกว่าเราไม่อยากกลับมารู้สึกอึดอัดอีกแล้ว ไม่อยากกลับบ้าน
จากที่ผ่านมาก็มีอาการเหล่านี้อยู่บ้าง แต่คราวนี้พอแม่สามีกลับมาอยู่ด้วย
ก็รู้สึกว่า ทนไม่ไหวแล้ว ไม่อยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
เราก็เลยบอกสามีว่า
เราไม่โอเคแล้ว ไม่อยากอยู่ร่วมกับแม่สามีอีกแล้ว เราบอกความรู้สึกอึดอัดของเราทั้งหมด
แล้วเราก็บอกสามีว่า ตอนนี้เราทนจนสุดทางแล้ว เราไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว
เราก็เลยบอกสามีว่า ถ้าเกิดว่าอยากให้แม่สามีอยู่ที่นี่ต่อไป ซึ่งเราไม่โกรธ
เราจะย้ายไปอยู่บ้านแม่เรานะ (ซึ่งก็คือบ้านข้างๆ) คุยด้วยเหตุผล ไม่ได้มีอารมณ์โกรธเลย
เพราะเรารู้สึกว่า มันสุดทางของเราแล้ว
สามีบอกว่า ทำไมก่อนไปรับแม่กลับมา เธอถึงไม่บอก
ซึ่งที่ผ่านมาเราบอกมาตลอดเลยค่ะ ตอนที่แม่สามีไม่อยู่
เราบอกว่า เราอยากอยู่กับแค่ 2 คนได้มั้ย เราบอกว่าตอนนี้เรามีความสุขมาก แล้วสามีก็ไม่เครียด ด้วย เราก็ไม่เครียด
สามีก็แค่ฟังๆ อืมๆไป แต่ก็ไม่ได้ตกลง เพราะเค้าบอกว่าแม่ต้องมาหาหมอ
แต่เอาจริงๆ บ้านพี่ชายก็มี รพ.ใหญ่มากอยู่ เราบอกว่าเนี่ย ย้ายสิทธิรักษาไปที่โน่นก็ได้ไง
สามีก็ไม่ได้ตกปากรับคำ เอาจริงๆเราก็เข้าใจเค้า แต่ตัวเราเองก็ทนกับสภาพนี้ไม่ไหวแล้ว
เราถึงได้เลือกทางแก้ของเรา ด้วยการที่เราจะย้ายไปอยู่บ้านแม่เรา
พอถึงเวลาจริง สามีก็เหมือนจะโกรธค่ะ ที่เราจะเลือกทางนี้
เราก็เลยไม่รู้ว่า เราควรจะทำยังไง เราไม่อยากต้องมานั่งเครียดทุกวัน
คือคนเกลียดกันแล้ว หน้าก็ยังไม่อยากจะมอง ไม่อยากอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
เราเข้าใจว่าสามีเลือกลำบากมาก ทั้งฝั่งแม่ฝั่งเมีย
เราบอกสามีว่า เลือกแม่ได้เลย เราไม่ได้โกรธ
เราเลือกฝั่งเราเองแล้ว ว่าเราจะทำแบบนี้
ที่ผ่านมาสามีไม่ยอมแก้ปัญหา ในตอนที่เรายังพอถอยได้
เราบอกขอเวลาให้เราพักบ้างได้มั้ย ให้แม่ไปอยู่กับพี่บ้างสลับกัน
แต่สามีก็เฉย จนสุดท้าย เราถอยจนถึงทางตันแล้ว
ในเมื่อสามีไม่เลือก เราก็เลยขอเลือกทางนี้
จริงๆแล้วที่ผ่านๆมา พวกอาการป่วยต่างๆของแม่สามี เราเป็นคนดูแลเป็นคนสังเกตุ
จนทราบว่าแม่สามีมีอาการอะไร เป็นโรคอะไรบ้าง รวมถึงตอนที่เค้าเข้า รพ. เราก็เป็นคน
ไปเช็ดฉี่เปลี่ยนแพมเพิสเช็ดอึ เพราะสามีเป็นผู้ชาย เค้าไม่กล้าทำให้แม่เค้า
เราก็ช่วยทำให้ เพราะเราสงสารสามี บางทีพาแม่ไปหาหมอ เราก็ออกค่าน้ำมันให้บ้าง
เพราะว่าสามีเงินเดือนน้อยกว่าเรา เราก็สงสารที่เค้าต้องใช้เงินเยอะ
เราคิดว่า เราก็ทำหน้าที่ได้ในพื้นฐานที่ควรจะทำแล้ว
ถามว่าสามีดีมั้ย เค้าดีค่ะ เค้ารักเรา ให้ให้เราเป็นเบอร์ 1 ของเค้า
ทุกเรื่องเรามาก่อนเสมอ
ที่จริงที่เราเสียใจมากสุดคือ
ตอนที่ทะเลาะกันล่าสุด แม่เค้าด่าเราแรง แล้วก็บอกว่าเค้าไม่ได้อยากได้เราเป็นสะไภ้ แม่เราไปยัดเยียดเราให้บ้านเค้า
แล้วเค้าก็จะให้สามีเราแต่งงานใหม่ จริงๆตอนนั้นเราไม่ได้คิดเสียใจเท่าไหร่ เพราะที่เค้าด่ามามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องจริง
ตอนแต่งบ้านเราไม่ได้เรียกสินสอดเลยซักบาท เพราะเห็นว่าสามีรักเรา แล้วก็สามีไม่ได้รวย แถมแม่เราก็ยังใจดี
ออกค่าแต่งงานให้ก่อนด้วย แล้วก็เอาเงินในซองที่ได้มาไปคืน แม่เราก็ใจดีเวลาไปเที่ยวกัน แม่เราเลี้ยงหมด
ออกค่าที่พัก ออกค่าอาหารเลี้ยงแม่สามีด้วยทุกครั้ง ไปไหนแม่เราก็ซื้อของมาฝาก
แต่สุดท้ายเราก็เสียใจอยู่ดี
ว่าสุดท้ายแล้ว ทำไมทุกคนถึงเห็นแก่ตัวได้ พี่ชายสามีเห็นแก่ตัวมาตลอด ไม่เคยดูแลแม่ตัวเองเลย
ตอนพ่อสามีตาย เราเป็นคนช่วยจัดงานศพให้ โดยที่แม่เราให้ยืมเงินมาก่อน แต่พี่ชายสามีไม่ออกเงินซักบาท แถมยังมาขอเงินไปอีก
พอถึงตอนที่แม่จะต้องไปอย่กับคนใดคนหนึ่ง พี่ชายก็นั่งเงียบ ทั้งๆที่ตัวเองได้เงินไปซื้อบ้านก่อนแล้ว เพื่อเตรียมให้พ่อแม่ไปอยู่ด้วย
แล้วที่ผ่านมาก็ไม่เคยถามไถ่อาการแม่ จะมาเฉพาะตอนอยากได้เงิน แต่เงินก็คือเงินแม่ เค้าจะให้คนไหนเท่าไหร่ ก็แล้วแต่เค้า
เพียงแต่ตอนนี้ เรารู้สึกว่า ทำไมอีกครอบครัวถึงเห็นแก่ตัวตลอด แล้วทำไมเราถึงต้องเสียสละอดทนมาตลอด
เราก็เลยอยากรู้ว่า สะไภ้ที่ต้องอยู่ร่วมกับแม่สามี มีวิธียังไง
บอกอีกนิด บ้านเราเป็นบ้านหลังเล็ก มี2ห้องนอน 2ห้องน้ำอยู่ในตัวห้องนอน
อยากถามคนที่มีปัญหาต้องอยู่ร่วมบ้านกับแม่สามี มีวิธีแก้ปัญหายังไงบ้างคะ
แต่เราก็ยังอยากฟังอยู่ว่า แต่ละคนมีวิธีจัดการยังไง
ขอเกริ่นก่อน เราอยู่กับแม่สามีมา 2 ปีอยู่บ้านหลังเดียวกัน โดยที่มีแม่เราอยู่บ้านข้างๆ
พ่อสามีเสียไปแล้ว สามีมีพี่ชาย 2 คน คนโตเสียชีวิตไปแล้ว คนที่ 2 มีครอบครัว มีลูก 2 คน
พี่ชายได้เงินสร้างบ้านไปก่อน จากครอบครัวฝั่งสามีตอนที่พี่ชายคนโตเสีย ซึ่งเค้าเอาไปซื้อบ้านหลังนึง ในละแวกบ้านเดิม
แต่ไกลออกไปจากตัวเมืองประมาณ 30 นาที ซึ่งก็เหมือนห่างไกลความเจริญออกไป
โดยเงินก้อนแรกที่เอาไปสร้างบ้านเนี่ย เค้าบอกว่า จะให้พ่อและแม่สามีไปอยู่
แต่สุดท้าย พอซื้อบ้านหลังนั้นเสร็จ ก็ไม่ได้ย้ายไปอยู่ ยังอยู่บ้านเช่าเดิม พ่อกับแม่สามีก็ไม่ยอมย้ายไปอยู่
จนเวลาผ่านไป พ่อสามีเสียชีวิต สามีก็เลยได้เงินก้อนนึงมา ซึ่งราคาเท่ากันกับที่พี่ชายได้
ก็เลยเอามาสร้างบ้าน แล้วบอกว่าจะให้แม่มาอยู่ด้วย ก็อยู่บ้านนี้กับสามีและแม่สามี
โดยที่ฝั่งสามีออกเงินค่าสร้างบ้านประมาณ 90เปอร์เซ็น บนที่ดินของแม่เรา ซึ่งแม่ก็ยกให้เราเนี่ยแหละค่ะ
ส่วนเราก็ออกค่าใช้จ่ายสร้างบ้านเพิ่มเติมในส่วนที่เราอยากได้เพิ่ม
แล้วก็ออกค่าใช้จ่ายในบ้าน น้ำไฟอินเตอร์เน็ต ค่าของใช้ในบ้าน กับข้าว เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า
ส่วนสามีจ่ายค่าผ่อนรถค่ะ ประมาณ 7พันบาท
การอยู่ด้วยกันก็กระทบกระทั่งก็มีมาเรื่อยๆ ทีละเล็กละน้อย ด้วยเรื่องทั่วๆไป
โดยส่วนมากจะมาจากการที่สามีและเราบ่นแม่สามีเรื่องสุขภาพ
เพราะแม่สามีทานอาหารรสเค็ม เปรี้ยว ก็คือใกล้จะเป็นโรคไตแล้ว
ก็เลยต้องควบคุมอาหาร โดยสามีเป็นคนทำอาหาร ก็เป็นอาหารรสอ่อน
กับข้าวทั่วไปนะคะ แค่ทำรสชาติจืดๆ หลังๆมาแม่สามีก็มีอาการอัลไซเมอร์เริ่มต้น
แต่ยังพูดคุยเข้าใจ ช่วยเหลือตัวเองได้ โดยกิจกรรมส่วนมาก ก็ยังนอนเป็นหลัก
เรากับสามีก็มีบ่นบ้าง อยากให้ลุกขึ้นมาทำกิจกรรมบ้าง
จากการอยู่ด้วยกันมานาน ก็เกิดความเครียดขึ้น สามีก็เครียด เราก็เครียดไปด้วย
กลางวันไปทำงาน เย็นมาก็กลับบ้าน ความเครียดจากที่ทำงานก็มีส่วนนึง ก็เพิ่มความเครียดจากที่บ้านอีก
จากเรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็สะสมเรื่อยมา จนถึงวันที่ทั้งเราและแม่สามี ก็ระเบิดอย่างรุนแรง ทะเลาะกันใหญ่โตมาก
สามีก็เลยให้พี่ชายมารับแม่ไปอยู่ด้วยซักพักนึง
พอไปอยู่กับพี่ชายได้เดือนนึง สามีก็ไปรับแม่กลับมา เพราะว่าหมอนัด
แต่เรารู้สึกอึดอัดมาก นั่งรถกลับมาด้วยกัน ก็เงียบตลอดทางกันทั้ง 3 คน
เรารู้สึกว่าเราไม่อยากกลับมารู้สึกอึดอัดอีกแล้ว ไม่อยากกลับบ้าน
จากที่ผ่านมาก็มีอาการเหล่านี้อยู่บ้าง แต่คราวนี้พอแม่สามีกลับมาอยู่ด้วย
ก็รู้สึกว่า ทนไม่ไหวแล้ว ไม่อยากกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว
เราก็เลยบอกสามีว่า
เราไม่โอเคแล้ว ไม่อยากอยู่ร่วมกับแม่สามีอีกแล้ว เราบอกความรู้สึกอึดอัดของเราทั้งหมด
แล้วเราก็บอกสามีว่า ตอนนี้เราทนจนสุดทางแล้ว เราไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว
เราก็เลยบอกสามีว่า ถ้าเกิดว่าอยากให้แม่สามีอยู่ที่นี่ต่อไป ซึ่งเราไม่โกรธ
เราจะย้ายไปอยู่บ้านแม่เรานะ (ซึ่งก็คือบ้านข้างๆ) คุยด้วยเหตุผล ไม่ได้มีอารมณ์โกรธเลย
เพราะเรารู้สึกว่า มันสุดทางของเราแล้ว
สามีบอกว่า ทำไมก่อนไปรับแม่กลับมา เธอถึงไม่บอก
ซึ่งที่ผ่านมาเราบอกมาตลอดเลยค่ะ ตอนที่แม่สามีไม่อยู่
เราบอกว่า เราอยากอยู่กับแค่ 2 คนได้มั้ย เราบอกว่าตอนนี้เรามีความสุขมาก แล้วสามีก็ไม่เครียด ด้วย เราก็ไม่เครียด
สามีก็แค่ฟังๆ อืมๆไป แต่ก็ไม่ได้ตกลง เพราะเค้าบอกว่าแม่ต้องมาหาหมอ
แต่เอาจริงๆ บ้านพี่ชายก็มี รพ.ใหญ่มากอยู่ เราบอกว่าเนี่ย ย้ายสิทธิรักษาไปที่โน่นก็ได้ไง
สามีก็ไม่ได้ตกปากรับคำ เอาจริงๆเราก็เข้าใจเค้า แต่ตัวเราเองก็ทนกับสภาพนี้ไม่ไหวแล้ว
เราถึงได้เลือกทางแก้ของเรา ด้วยการที่เราจะย้ายไปอยู่บ้านแม่เรา
พอถึงเวลาจริง สามีก็เหมือนจะโกรธค่ะ ที่เราจะเลือกทางนี้
เราก็เลยไม่รู้ว่า เราควรจะทำยังไง เราไม่อยากต้องมานั่งเครียดทุกวัน
คือคนเกลียดกันแล้ว หน้าก็ยังไม่อยากจะมอง ไม่อยากอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน
เราเข้าใจว่าสามีเลือกลำบากมาก ทั้งฝั่งแม่ฝั่งเมีย
เราบอกสามีว่า เลือกแม่ได้เลย เราไม่ได้โกรธ
เราเลือกฝั่งเราเองแล้ว ว่าเราจะทำแบบนี้
ที่ผ่านมาสามีไม่ยอมแก้ปัญหา ในตอนที่เรายังพอถอยได้
เราบอกขอเวลาให้เราพักบ้างได้มั้ย ให้แม่ไปอยู่กับพี่บ้างสลับกัน
แต่สามีก็เฉย จนสุดท้าย เราถอยจนถึงทางตันแล้ว
ในเมื่อสามีไม่เลือก เราก็เลยขอเลือกทางนี้
จริงๆแล้วที่ผ่านๆมา พวกอาการป่วยต่างๆของแม่สามี เราเป็นคนดูแลเป็นคนสังเกตุ
จนทราบว่าแม่สามีมีอาการอะไร เป็นโรคอะไรบ้าง รวมถึงตอนที่เค้าเข้า รพ. เราก็เป็นคน
ไปเช็ดฉี่เปลี่ยนแพมเพิสเช็ดอึ เพราะสามีเป็นผู้ชาย เค้าไม่กล้าทำให้แม่เค้า
เราก็ช่วยทำให้ เพราะเราสงสารสามี บางทีพาแม่ไปหาหมอ เราก็ออกค่าน้ำมันให้บ้าง
เพราะว่าสามีเงินเดือนน้อยกว่าเรา เราก็สงสารที่เค้าต้องใช้เงินเยอะ
เราคิดว่า เราก็ทำหน้าที่ได้ในพื้นฐานที่ควรจะทำแล้ว
ถามว่าสามีดีมั้ย เค้าดีค่ะ เค้ารักเรา ให้ให้เราเป็นเบอร์ 1 ของเค้า
ทุกเรื่องเรามาก่อนเสมอ
ที่จริงที่เราเสียใจมากสุดคือ
ตอนที่ทะเลาะกันล่าสุด แม่เค้าด่าเราแรง แล้วก็บอกว่าเค้าไม่ได้อยากได้เราเป็นสะไภ้ แม่เราไปยัดเยียดเราให้บ้านเค้า
แล้วเค้าก็จะให้สามีเราแต่งงานใหม่ จริงๆตอนนั้นเราไม่ได้คิดเสียใจเท่าไหร่ เพราะที่เค้าด่ามามันก็ไม่ได้เป็นเรื่องจริง
ตอนแต่งบ้านเราไม่ได้เรียกสินสอดเลยซักบาท เพราะเห็นว่าสามีรักเรา แล้วก็สามีไม่ได้รวย แถมแม่เราก็ยังใจดี
ออกค่าแต่งงานให้ก่อนด้วย แล้วก็เอาเงินในซองที่ได้มาไปคืน แม่เราก็ใจดีเวลาไปเที่ยวกัน แม่เราเลี้ยงหมด
ออกค่าที่พัก ออกค่าอาหารเลี้ยงแม่สามีด้วยทุกครั้ง ไปไหนแม่เราก็ซื้อของมาฝาก
แต่สุดท้ายเราก็เสียใจอยู่ดี
ว่าสุดท้ายแล้ว ทำไมทุกคนถึงเห็นแก่ตัวได้ พี่ชายสามีเห็นแก่ตัวมาตลอด ไม่เคยดูแลแม่ตัวเองเลย
ตอนพ่อสามีตาย เราเป็นคนช่วยจัดงานศพให้ โดยที่แม่เราให้ยืมเงินมาก่อน แต่พี่ชายสามีไม่ออกเงินซักบาท แถมยังมาขอเงินไปอีก
พอถึงตอนที่แม่จะต้องไปอย่กับคนใดคนหนึ่ง พี่ชายก็นั่งเงียบ ทั้งๆที่ตัวเองได้เงินไปซื้อบ้านก่อนแล้ว เพื่อเตรียมให้พ่อแม่ไปอยู่ด้วย
แล้วที่ผ่านมาก็ไม่เคยถามไถ่อาการแม่ จะมาเฉพาะตอนอยากได้เงิน แต่เงินก็คือเงินแม่ เค้าจะให้คนไหนเท่าไหร่ ก็แล้วแต่เค้า
เพียงแต่ตอนนี้ เรารู้สึกว่า ทำไมอีกครอบครัวถึงเห็นแก่ตัวตลอด แล้วทำไมเราถึงต้องเสียสละอดทนมาตลอด
เราก็เลยอยากรู้ว่า สะไภ้ที่ต้องอยู่ร่วมกับแม่สามี มีวิธียังไง
บอกอีกนิด บ้านเราเป็นบ้านหลังเล็ก มี2ห้องนอน 2ห้องน้ำอยู่ในตัวห้องนอน