ยิง ads แทบตายสุดท้ายขายของไม่ได้
นี่เป็นสาเหตุหลักที่หลายต่อหลายคนเจอในการทำธุรกิจ
เพราะว่าไม่ได้เข้าใจในเรื่องการทำโฆษณา
ยิ่งมาผนวกกับโลกดิจิตอล
ซึ่งหลายต่อหลายคนนั้น
ยังไม่รู้แม้กระทั่งว่าโลกดิจิตอลนั้นคืออะไร
อย่าว่าแต่ว่ารู้ว่าธุรกิจคืออะไรเลย
แล้วคุณคิดว่าคุณนั้นจะสามารถทำสิ่งที่เรียกว่าการโฆษณาออนไลน์สัมฤทธิ์ผลได้หรือไม่
ซึ่งเราไม่ได้พูดถึง digital marketing
เราพูดถึงแค่เรื่องการโฆษณาบนโลกออนไลน์
หรือก็คือการยิง ads นั่นเอง
หรือให้เน้นๆก็คือ google ads กับ Facebook ads
หรือที่หลายต่อหลายคนเรียกกันอย่างติดปากว่าการยิง ads
เพราะแท้จริงแล้วการยิง ads นั้น เป็นการใช้สิ่งที่เรียกว่า digitalmedia
เพื่อนำส่ง content ของคุณเพียงเท่านั้น
แต่เพราะว่ามันมีกระบวนการวิธีการนำส่งมากมายและเหลือเชื่อยิ่งนัก
ทำให้หลายต่อหลายคนลุ่มหลงและไปหมกมุ่นกับมัน
ทำให้คิดไปเองว่านี่คือการตลาดออนไลน์
ทั้งจากการที่ได้ลอง search ใน youtube
ว่าสอนการตลาดออนไลน์
หรือไปเข้าเรียนคอร์สทั้งสดทั้งonline
ในหัวข้อ การตลาดออนไลน์ คุณนั้นก็จะพบว่าส่วนใหญ่แล้วนั้นมักสาละวนอยู่กับการยิง ads
น้อยรายที่จะมาพูดถึง ทฤษฎีการตลาดออนไลน์ หลักการ วิธีการ ที่ไปที่มา หรือเอาง่ายๆว่าต้องวางแผนยังไง มีที่ไปที่มาอย่างไร
มาอธิบายให้สามารถเข้าใจภาพรวมของสิ่งที่เรียกว่า การตลาดออนไลน์
นอกเสียจากการบอกเล่าสิ่งที่เรียกว่า digital marketing funnel ที่เป็นเพียงแค่โครง
ซึ่งเรานั้นก็ไม่ได้มาว่าคนเหล่านั้นแต่อย่างใด
แต่เราอยากจะบอกว่าแค่นั้นมันไม่เพียงพอ
เพราะเรานั้นก็เคยเป็นหนึงในพวกที่หมกหมุ่นในกระบวนการนำส่งสุดเจ๋งที่เรียกว่าการยิง ads
ของทั้ง google และ Facebook แต่หลังจากที่เรานั้นหมกมุ่นอยู่หลายปี
กระทั่งเราได้มาเปิดธุรกิจส่วนตัวรับยิง ads ได้รับลูกค้ามามากมายหลากหลายธุรกิจ หลากหลาย วัตุประสงค์ และ รูปแบบ
เราจึงไงได้พบว่ามีอีกมากมายหลายหลากวิธีการที่คุณนั้นต้องทำในกระบวนการที่เรียกว่า digital marketing จากประสบการณืทางด้าน การตลาด และ การขาย ของเรามาก่อนหน้านี้
ถามง่ายๆคำเดียวเลยว่า เมื่อคุณเล่น Facebook หรือ search keyword เพื่อดูสินค้าหรือบริการที่คุณนั้นสนใจหาข้อมูลนั้น
เมื่อผลลัพธ์แสดงขึ้นมาแต่เป็นรายการที่คุณนั้นไม่ได้อยากได้ หรือไม่เจ๋งพอ
ที่เค้านั้นจะยอมเสียแม้กระทั่งเวลาเพื่อที่จะหยุดดู
หรือหยุดเพื่อพิจารณาเพราะว่าตรงกับความสนใจ หรือความต้องการ
แต่ก็ได้พบสินค้าหรือบริการที่ไม่มีคุณค่า หรือคุณภาพเพียงพอนั้น
คุณจะซื้อรึเปล่า
เพราะฉะนั้นคำตอบก็คือถ้าสินค้าคุณไม่เจ๋งพอ การที่คุณนั้นจะไปยิง ads เพื่อขายแบบโต้งๆนั้น
ไม่มีทางที่จะขายได้อยู่แล้ ไม่ว่าคุณจะไปเรียนกลยุทธ์การยิง ads จากนักปิดการขาย 8 หลัก ที่เราก็ฉงนสงสัยว่า
ถ้าเก่งขนาดนั้นจะมามัวเปิดคอร์สอยู่ทำไม ทำไมไม่ไปยิง ads ขายปิดการซัก 3-4เคสต่อเดือน
ก็น่าจะได้รายได้เท่ากับ การมาเปิดคอร์สทั้งเดือน
ซึ่งสิ่งที่คุณต้องทำนั้นก็คือการสร้างคุณค่า
หรือไม่ก็เงินจำนวนมากที่จะนำไปพัฒนาสินค้าหรือบริการของคุณ
แต่ถ้าคุณไม่มีเงินขนาดที่จะไปสร้างจรวด falcon 9 เพื่อจัดทัวร์ไปเที่ยวอวกาศ
ไปเปิดโรงงานผลิตสินค้าปริมาณมากออกมาเพื่อแข่งกันด้านราคา
ซึ่งก็คือ การแข่งขันทางด้าน product และ price นั่นเอง
ทางเลือกอีกอย่างก็คือการขายด้วย story หรือขายด้วยเรื่องราว
ที่จะสามารถรังสรรคุณค่าให้กับสินค้าหรือบริการ
แต่ก็มีมุมที่จะทำให้คุณพลาดท่าอีกเฉกเช่นเคยนั่นแหละ
ซึ่งไม่ใช่เราบอกว่าคุณต้องขายด้วยเรื่องราวซึ่งเมื่อคุณอ่านถึงบรรทัดนี้
คุณก็เข้า web freelance ชื่อดังหาคนมาทำทันที
ด้วยความร้อนรนต้องรีบหาเงินมาผ่อนบ้านผ่อนรถ ที่ก็ไม่ได้มีใครไปขอให้คุณซื้อ
คุณไปจ้าง freelance โดยเลือกคนที่ยอดจ้างงานเยอะที่สุด
คุยรายละเอียดและกดจ่ายเงินทันที
พร้อมเร่งตามงานแบบหายใจรดต้นคอ และเมื่อได้งานมาจึงรีบโพสลงเพจ
ตาม step ที่คุณได้วางไว้ 1234 จากที่คุณนั้นได้ศึกษาการยิง ads มา
นั่งกดดู ads ทุกวัน โยกย้ายวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายอย่างเชี่ยวชาญ ดูตัวเลขแทบทุกนาที
คราวนี้ขายได้แน่นอน ผ่านไปสามเดือน ขายได้มากกว่าเดิมนิดหน่อย
เพราะว่าอะไร เพราะว่าคุณนั้นไม่มีจุดเด่นยังไงล่ะ
การที่จะขายด้วยเรื่องเล่า หรือเนื้อหา หรือ content marketing นั้น
ก็ไม่ใช่ไปเทสาดเรื่องราว
ยังมีศาสตร์ต่างๆอีกมากมายในการที่จะเปลี่ยนคนที่ไม่เคยรู้จักคุณ
ให้มาซื้อสินค้าคุณ มีเครื่องมือและวิธีการมากมายที่จะช่วยคุณแต่และ customer journey
เพื่อนำพาลูกค้าไปตาม section ต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของการขายอย่างแนบเนียน
ด้วยเรื่องเล่า
แต่สิ่งที่สำคัญคือมันต้องตอบโจทย์ธุรกิจด้วย
ไม่ใช่เล่าแต่เรื่องที่ธุรกิจอยากเล่า หรือเล่าแต่เรื่องที่ลูกค้าอยากฟัง
ซึ่งสุดท้ายแล้วก็อยู่ที่แบบแผนและวิธีการ ที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ
เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแบบที่เรานั้นได้ยกตัวอย่างไป
ซึ่งเป็นรูปแบบที่เรานั้นเห็นมามากมาย ทั้งจากที่เราได้เห็นตอนทำงานบริษัท
และได้เจอกับลูกค้าที่มาใช้บริการเรา
เพราะธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าคุณนั้นไม่ได้มีสินค้าชั้นเลิศ หรือมีพรสวรรค์ชั้นยอด
ที่ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการทำธุรกิจและการตลาดและการขาย
แต่คุณสามารถขายสินค้าได้
ซึ่งก็มีหลายคนตะโกนบอกว่าไม่จริง กูเห็นเพื่อนกูไม่รู้เรื่องอะไรเลยมันยังขายของออนไลน์รวยเละ
ซึ่งมีสองแบบคือ
1 เค้าไม่ได้บอกคุณว่าแท้จริงเค้าต้องทำอะไรบ้าง เหมือนกับเพื่อนถามหน้าห้องสอบว่าอ่านหนังสือมาเยอะมั้ย
เรากลับตอบไปว่าไม่ได้อ่านเลย ทั้งๆที่เราอ่านมาถึงเช้า
2 สินค้าหรือบริการที่เค้าทำนั้น เป็นเรื่องที่เค้าสนใจมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่ามีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆอย่างสูง
จะแปลกอะไรที่เราจะอยากซื้อรถบังคับแบบประกอบเองที่มีส่วนประกอบมากมายกับคนที่รู้จริง
ที่สามารถบอกเราได้ยามเมื่อที่เราซื้อไปประกอบแล้วมันวิ่งไม่ได้ และใครเค้าจะบอกคุณถ้าคุณนั้นไม่ได้ซื้อกับเค้า
แล้วไปกระหน่ำถามเค้า
ซึ่งสิ่งที่เค้านั้นสนใใใจมาอย่างยาวนานนนั้นก็ต้องเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการด้วยอีกต่างหาก จะไปมีประโยชน์อะไรถ้าคุณนั้นเชี่ยวชาญบางอย่างแต่ไม่มี demand แล้ว เฉกเช่นร้านหนังสือ
หลายคนก็ตะโกนถามว่าทำไมยากจัง เยอะแยะ ขี้โม้พูดให้ดูแพง กูเห็นคนเค้าก็ทำธุรกิจเองร่ำรวยกันเยอะแยะ
ไม่เห็นจะต้องมีรายละเอียดซับซ้อนแบบเลย
คุณคิดว่ามีมนุษย์อยู่บนโลกนี้กี่คน
และมีคนที่เค้าสนใจในเรื่องหนึ่งๆมาอย่างยาวนานกี่คน
และตัดออกจากเรื่องที่เค้าสนใจแต่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดกี่คน
คำตอบก็คือมากมายพอหลังจากที่โลกเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด มี demand ความนิยมแปรเปลี่ยนทุกวัน
ให้มี content ของคนที่ประสบความสำเร็จออกมาทุกวัน
ให้คุณนั้นเห็นและคล้อยตามว่ามีคนประสบความสำเร็จ
จากการทำธุรกิจโดยที่ไม่ต้องศึกษาอะไรจริงจัง
และยังมีพวกโม้พวกปลอมที่เอาลังมาวางเยอะๆด้านหลังหรือเอาเงินมากองไว้ด้านหน้า และ live สด หลอกหาตัวแทน หรือขายตรงอีก
และที่สำคัญที่สุดก็คือพวกดวงดี ซึ่งจากปริมาณคนทั้งประเทศ และเวลาที่เรามีต่อวันในการทำกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ
จึงไม่ยากเลยจากอัตราส่วน ที่คุณนั้นจะได้เจอ feed ของคนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยอัตราส่วนยกตัวอย่างที่อย่างน้อย
1 คน ต่อ 1 วัน ในขณะที่มีคนประสบความสำเร็จและล้มเหลว อยู่ทุกวัน
คำถามคือแล้วคุณอยากทำธุรกิจแบบไหน
อยากเป็นคนแบบไหน
ซึ่งถ้าถามเราก็จะตอบให้ทันทีโดยที่ไม่ยอกย้อนหรืออารัมภบทใดๆทั้งสิ้น
คือคณต้องวางแผนให้ดี เพราะคุณไม่รู้ว่าคุณจะเป็นคนที่ดวงดี หรือโชคดี รึเปล่า
เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหากถ้าคุณนั้นไม่ได้เป็นลูกเศรษฐี หมายถึงตัวบ่งชี้ความเป็นอยู่ของคุณในอนาคตเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าคุณโชคดี คุณก็สามารถที่จะต่อยอดได้ทันทีอีกมากมายจากแผนการตลาดด้วยแผนการตลาดแบบเนื้อหา
ที่สามารถนำส่งเรื่องราวการประสบความสำเร็จ เสริมภาพลักษณ์ธุรกิจของคุณได้ทันที
แต่ถ้าคุณโชคไม่ดี คุณ็ยังมีแผนรองรับ และที่สำคัญที่สุดคือคุณรู้ว่าต้องทำอย่างไรจากการที่ได้เรียนรู้และศึกษามา นำมาวางแผนจึงมีที่ไปที่มา
พร้อมที่จะเอาความรู้เหล่านั้นมาแก้ไข แนวทางการทำการตลาดของคุณจากผลลัพธ์ที่ได้ที่เรานั้นไม่มีทางรู้ว่าจะออกมายังไงนอกจากลงมือทำจริง
นอกเสียจากการปรับ ads และจบลงด้วยการนั่งงงอยู่หน้า com โทษ google กับ Facebook ไม่ work และต้อง fade ตัวออกไป
ทั้งๆที่ถ้าตอนแรกคุณนั้นวางแผนเอาไว้ก่อนศึกษามาอย่างดี ปรึกษาคนที่รู้จริง
คุณก็จะมีโอกาสไปต่อในการทำธุรกิจของคุณ
เพราะฉะนั้นไม่อยากเสี่ยงเดินผิดทาง
เสียเงินอาจไม่เท่าไหร่เพราะคุณอาจมีเยอะแล้ว
แต่เสียเวลาที่แท้จริงแล้วคุณอาจจะมีน้อยกว่าเรา
ที่คุณไม่มีทางรู้ได้ว่าเหลืออยู่เท่าไหร่
แต่ต่อให้มีคนมาบอกแล้วคุณจะเชื่อได้อย่างได้อย่างไร
สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
https://bit.ly/karntalard101
ยิง ads แทบตายสุดท้ายขายของไม่ได้ เป็นเพราะอะไร | โคตรเซียนการตลาด | episode 3
ยิง ads แทบตายสุดท้ายขายของไม่ได้
นี่เป็นสาเหตุหลักที่หลายต่อหลายคนเจอในการทำธุรกิจ
เพราะว่าไม่ได้เข้าใจในเรื่องการทำโฆษณา
ยิ่งมาผนวกกับโลกดิจิตอล
ซึ่งหลายต่อหลายคนนั้น
ยังไม่รู้แม้กระทั่งว่าโลกดิจิตอลนั้นคืออะไร
อย่าว่าแต่ว่ารู้ว่าธุรกิจคืออะไรเลย
แล้วคุณคิดว่าคุณนั้นจะสามารถทำสิ่งที่เรียกว่าการโฆษณาออนไลน์สัมฤทธิ์ผลได้หรือไม่
ซึ่งเราไม่ได้พูดถึง digital marketing
เราพูดถึงแค่เรื่องการโฆษณาบนโลกออนไลน์
หรือก็คือการยิง ads นั่นเอง
หรือให้เน้นๆก็คือ google ads กับ Facebook ads
หรือที่หลายต่อหลายคนเรียกกันอย่างติดปากว่าการยิง ads
เพราะแท้จริงแล้วการยิง ads นั้น เป็นการใช้สิ่งที่เรียกว่า digitalmedia
เพื่อนำส่ง content ของคุณเพียงเท่านั้น
แต่เพราะว่ามันมีกระบวนการวิธีการนำส่งมากมายและเหลือเชื่อยิ่งนัก
ทำให้หลายต่อหลายคนลุ่มหลงและไปหมกมุ่นกับมัน
ทำให้คิดไปเองว่านี่คือการตลาดออนไลน์
ทั้งจากการที่ได้ลอง search ใน youtube
ว่าสอนการตลาดออนไลน์
หรือไปเข้าเรียนคอร์สทั้งสดทั้งonline
ในหัวข้อ การตลาดออนไลน์ คุณนั้นก็จะพบว่าส่วนใหญ่แล้วนั้นมักสาละวนอยู่กับการยิง ads
น้อยรายที่จะมาพูดถึง ทฤษฎีการตลาดออนไลน์ หลักการ วิธีการ ที่ไปที่มา หรือเอาง่ายๆว่าต้องวางแผนยังไง มีที่ไปที่มาอย่างไร
มาอธิบายให้สามารถเข้าใจภาพรวมของสิ่งที่เรียกว่า การตลาดออนไลน์
นอกเสียจากการบอกเล่าสิ่งที่เรียกว่า digital marketing funnel ที่เป็นเพียงแค่โครง
ซึ่งเรานั้นก็ไม่ได้มาว่าคนเหล่านั้นแต่อย่างใด
แต่เราอยากจะบอกว่าแค่นั้นมันไม่เพียงพอ
เพราะเรานั้นก็เคยเป็นหนึงในพวกที่หมกหมุ่นในกระบวนการนำส่งสุดเจ๋งที่เรียกว่าการยิง ads
ของทั้ง google และ Facebook แต่หลังจากที่เรานั้นหมกมุ่นอยู่หลายปี
กระทั่งเราได้มาเปิดธุรกิจส่วนตัวรับยิง ads ได้รับลูกค้ามามากมายหลากหลายธุรกิจ หลากหลาย วัตุประสงค์ และ รูปแบบ
เราจึงไงได้พบว่ามีอีกมากมายหลายหลากวิธีการที่คุณนั้นต้องทำในกระบวนการที่เรียกว่า digital marketing จากประสบการณืทางด้าน การตลาด และ การขาย ของเรามาก่อนหน้านี้
ถามง่ายๆคำเดียวเลยว่า เมื่อคุณเล่น Facebook หรือ search keyword เพื่อดูสินค้าหรือบริการที่คุณนั้นสนใจหาข้อมูลนั้น
เมื่อผลลัพธ์แสดงขึ้นมาแต่เป็นรายการที่คุณนั้นไม่ได้อยากได้ หรือไม่เจ๋งพอ
ที่เค้านั้นจะยอมเสียแม้กระทั่งเวลาเพื่อที่จะหยุดดู
หรือหยุดเพื่อพิจารณาเพราะว่าตรงกับความสนใจ หรือความต้องการ
แต่ก็ได้พบสินค้าหรือบริการที่ไม่มีคุณค่า หรือคุณภาพเพียงพอนั้น
คุณจะซื้อรึเปล่า
เพราะฉะนั้นคำตอบก็คือถ้าสินค้าคุณไม่เจ๋งพอ การที่คุณนั้นจะไปยิง ads เพื่อขายแบบโต้งๆนั้น
ไม่มีทางที่จะขายได้อยู่แล้ ไม่ว่าคุณจะไปเรียนกลยุทธ์การยิง ads จากนักปิดการขาย 8 หลัก ที่เราก็ฉงนสงสัยว่า
ถ้าเก่งขนาดนั้นจะมามัวเปิดคอร์สอยู่ทำไม ทำไมไม่ไปยิง ads ขายปิดการซัก 3-4เคสต่อเดือน
ก็น่าจะได้รายได้เท่ากับ การมาเปิดคอร์สทั้งเดือน
ซึ่งสิ่งที่คุณต้องทำนั้นก็คือการสร้างคุณค่า
หรือไม่ก็เงินจำนวนมากที่จะนำไปพัฒนาสินค้าหรือบริการของคุณ
แต่ถ้าคุณไม่มีเงินขนาดที่จะไปสร้างจรวด falcon 9 เพื่อจัดทัวร์ไปเที่ยวอวกาศ
ไปเปิดโรงงานผลิตสินค้าปริมาณมากออกมาเพื่อแข่งกันด้านราคา
ซึ่งก็คือ การแข่งขันทางด้าน product และ price นั่นเอง
ทางเลือกอีกอย่างก็คือการขายด้วย story หรือขายด้วยเรื่องราว
ที่จะสามารถรังสรรคุณค่าให้กับสินค้าหรือบริการ
แต่ก็มีมุมที่จะทำให้คุณพลาดท่าอีกเฉกเช่นเคยนั่นแหละ
ซึ่งไม่ใช่เราบอกว่าคุณต้องขายด้วยเรื่องราวซึ่งเมื่อคุณอ่านถึงบรรทัดนี้
คุณก็เข้า web freelance ชื่อดังหาคนมาทำทันที
ด้วยความร้อนรนต้องรีบหาเงินมาผ่อนบ้านผ่อนรถ ที่ก็ไม่ได้มีใครไปขอให้คุณซื้อ
คุณไปจ้าง freelance โดยเลือกคนที่ยอดจ้างงานเยอะที่สุด
คุยรายละเอียดและกดจ่ายเงินทันที
พร้อมเร่งตามงานแบบหายใจรดต้นคอ และเมื่อได้งานมาจึงรีบโพสลงเพจ
ตาม step ที่คุณได้วางไว้ 1234 จากที่คุณนั้นได้ศึกษาการยิง ads มา
นั่งกดดู ads ทุกวัน โยกย้ายวัตถุประสงค์และกลุ่มเป้าหมายอย่างเชี่ยวชาญ ดูตัวเลขแทบทุกนาที
คราวนี้ขายได้แน่นอน ผ่านไปสามเดือน ขายได้มากกว่าเดิมนิดหน่อย
เพราะว่าอะไร เพราะว่าคุณนั้นไม่มีจุดเด่นยังไงล่ะ
การที่จะขายด้วยเรื่องเล่า หรือเนื้อหา หรือ content marketing นั้น
ก็ไม่ใช่ไปเทสาดเรื่องราว
ยังมีศาสตร์ต่างๆอีกมากมายในการที่จะเปลี่ยนคนที่ไม่เคยรู้จักคุณ
ให้มาซื้อสินค้าคุณ มีเครื่องมือและวิธีการมากมายที่จะช่วยคุณแต่และ customer journey
เพื่อนำพาลูกค้าไปตาม section ต่างๆ โดยเฉพาะในส่วนของการขายอย่างแนบเนียน
ด้วยเรื่องเล่า
แต่สิ่งที่สำคัญคือมันต้องตอบโจทย์ธุรกิจด้วย
ไม่ใช่เล่าแต่เรื่องที่ธุรกิจอยากเล่า หรือเล่าแต่เรื่องที่ลูกค้าอยากฟัง
ซึ่งสุดท้ายแล้วก็อยู่ที่แบบแผนและวิธีการ ที่ต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ
เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นแบบที่เรานั้นได้ยกตัวอย่างไป
ซึ่งเป็นรูปแบบที่เรานั้นเห็นมามากมาย ทั้งจากที่เราได้เห็นตอนทำงานบริษัท
และได้เจอกับลูกค้าที่มาใช้บริการเรา
เพราะธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าคุณนั้นไม่ได้มีสินค้าชั้นเลิศ หรือมีพรสวรรค์ชั้นยอด
ที่ไม่ต้องรู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับการทำธุรกิจและการตลาดและการขาย
แต่คุณสามารถขายสินค้าได้
ซึ่งก็มีหลายคนตะโกนบอกว่าไม่จริง กูเห็นเพื่อนกูไม่รู้เรื่องอะไรเลยมันยังขายของออนไลน์รวยเละ
ซึ่งมีสองแบบคือ
1 เค้าไม่ได้บอกคุณว่าแท้จริงเค้าต้องทำอะไรบ้าง เหมือนกับเพื่อนถามหน้าห้องสอบว่าอ่านหนังสือมาเยอะมั้ย
เรากลับตอบไปว่าไม่ได้อ่านเลย ทั้งๆที่เราอ่านมาถึงเช้า
2 สินค้าหรือบริการที่เค้าทำนั้น เป็นเรื่องที่เค้าสนใจมาอย่างยาวนาน เรียกได้ว่ามีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นๆอย่างสูง
จะแปลกอะไรที่เราจะอยากซื้อรถบังคับแบบประกอบเองที่มีส่วนประกอบมากมายกับคนที่รู้จริง
ที่สามารถบอกเราได้ยามเมื่อที่เราซื้อไปประกอบแล้วมันวิ่งไม่ได้ และใครเค้าจะบอกคุณถ้าคุณนั้นไม่ได้ซื้อกับเค้า
แล้วไปกระหน่ำถามเค้า
ซึ่งสิ่งที่เค้านั้นสนใใใจมาอย่างยาวนานนนั้นก็ต้องเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการด้วยอีกต่างหาก จะไปมีประโยชน์อะไรถ้าคุณนั้นเชี่ยวชาญบางอย่างแต่ไม่มี demand แล้ว เฉกเช่นร้านหนังสือ
หลายคนก็ตะโกนถามว่าทำไมยากจัง เยอะแยะ ขี้โม้พูดให้ดูแพง กูเห็นคนเค้าก็ทำธุรกิจเองร่ำรวยกันเยอะแยะ
ไม่เห็นจะต้องมีรายละเอียดซับซ้อนแบบเลย
คุณคิดว่ามีมนุษย์อยู่บนโลกนี้กี่คน
และมีคนที่เค้าสนใจในเรื่องหนึ่งๆมาอย่างยาวนานกี่คน
และตัดออกจากเรื่องที่เค้าสนใจแต่ไม่เป็นที่ต้องการของตลาดกี่คน
คำตอบก็คือมากมายพอหลังจากที่โลกเรานั้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด มี demand ความนิยมแปรเปลี่ยนทุกวัน
ให้มี content ของคนที่ประสบความสำเร็จออกมาทุกวัน
ให้คุณนั้นเห็นและคล้อยตามว่ามีคนประสบความสำเร็จ
จากการทำธุรกิจโดยที่ไม่ต้องศึกษาอะไรจริงจัง
และยังมีพวกโม้พวกปลอมที่เอาลังมาวางเยอะๆด้านหลังหรือเอาเงินมากองไว้ด้านหน้า และ live สด หลอกหาตัวแทน หรือขายตรงอีก
และที่สำคัญที่สุดก็คือพวกดวงดี ซึ่งจากปริมาณคนทั้งประเทศ และเวลาที่เรามีต่อวันในการทำกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ
จึงไม่ยากเลยจากอัตราส่วน ที่คุณนั้นจะได้เจอ feed ของคนที่ประสบความสำเร็จ ด้วยอัตราส่วนยกตัวอย่างที่อย่างน้อย
1 คน ต่อ 1 วัน ในขณะที่มีคนประสบความสำเร็จและล้มเหลว อยู่ทุกวัน
คำถามคือแล้วคุณอยากทำธุรกิจแบบไหน
อยากเป็นคนแบบไหน
ซึ่งถ้าถามเราก็จะตอบให้ทันทีโดยที่ไม่ยอกย้อนหรืออารัมภบทใดๆทั้งสิ้น
คือคณต้องวางแผนให้ดี เพราะคุณไม่รู้ว่าคุณจะเป็นคนที่ดวงดี หรือโชคดี รึเปล่า
เพราะการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหากถ้าคุณนั้นไม่ได้เป็นลูกเศรษฐี หมายถึงตัวบ่งชี้ความเป็นอยู่ของคุณในอนาคตเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าคุณโชคดี คุณก็สามารถที่จะต่อยอดได้ทันทีอีกมากมายจากแผนการตลาดด้วยแผนการตลาดแบบเนื้อหา
ที่สามารถนำส่งเรื่องราวการประสบความสำเร็จ เสริมภาพลักษณ์ธุรกิจของคุณได้ทันที
แต่ถ้าคุณโชคไม่ดี คุณ็ยังมีแผนรองรับ และที่สำคัญที่สุดคือคุณรู้ว่าต้องทำอย่างไรจากการที่ได้เรียนรู้และศึกษามา นำมาวางแผนจึงมีที่ไปที่มา
พร้อมที่จะเอาความรู้เหล่านั้นมาแก้ไข แนวทางการทำการตลาดของคุณจากผลลัพธ์ที่ได้ที่เรานั้นไม่มีทางรู้ว่าจะออกมายังไงนอกจากลงมือทำจริง
นอกเสียจากการปรับ ads และจบลงด้วยการนั่งงงอยู่หน้า com โทษ google กับ Facebook ไม่ work และต้อง fade ตัวออกไป
ทั้งๆที่ถ้าตอนแรกคุณนั้นวางแผนเอาไว้ก่อนศึกษามาอย่างดี ปรึกษาคนที่รู้จริง
คุณก็จะมีโอกาสไปต่อในการทำธุรกิจของคุณ
เพราะฉะนั้นไม่อยากเสี่ยงเดินผิดทาง
เสียเงินอาจไม่เท่าไหร่เพราะคุณอาจมีเยอะแล้ว
แต่เสียเวลาที่แท้จริงแล้วคุณอาจจะมีน้อยกว่าเรา
ที่คุณไม่มีทางรู้ได้ว่าเหลืออยู่เท่าไหร่
แต่ต่อให้มีคนมาบอกแล้วคุณจะเชื่อได้อย่างได้อย่างไร
สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
https://bit.ly/karntalard101