เป็นพนักงานบริษัทที่ไทย หรือ ไปทำงานร้านอาหารที่สหรัฐดี

มีเรื่องอยากจะสอบถามเพื่อนๆอาจจะพิมพ์ยาวซักนิดนะ การเรียบเรียงและใช้คำขอใช้คำง่ายๆนะครับ
เรื่องมีอยู่ว่า ลุงกับป้าของผมเป็นญาติฝ่ายพ่อ เค้ามีญาติอยู่ที่สหรัฐ ซึ่งญาติเค้าทำร้านอาหารไทยอยู่ แล้วป้าของผม มีลูกชาย2คน น้องปูนกับน้องปาม
น้องปูนคือส่งไปทำอาหารที่นั่นเลยไม่เคยเรียนทำอาหารมาก่อน ไปฝึกที่นั่น ส่วนน้องปาม เรียนจบ
ม.4ที่ไทย แล้วไปสอบเทียบที่สหรัฐ ตอนนี้อายุ19
เรียนมหาลัยปี3แล้ว น้องปามคือเรียนไปด้วยแล้วก็ทำร้านอาหารด้วย จนลุงของผม แยกมาเปิดร้านใหม่อีกร้านนึง แล้วก็ซื้อบ้านที่สหรัฐเลย ตอนนี่ลุงก็ย้ายไปอยู่กับลูกที่นั่นเลย เมืองที่ไปอยู่คือเมือง พิตต์สเบิร์ก อาหารที่นั่นคือจะมีสูตรอยู่แล้ว ตอนนี้
น้องปูนกับน้องปาม ทำอาหารคล่องแล้ว คือเป็นเด็ก2คน ที่อยู่ในครัวหน้าเตาเลย ลุงผมจะเป็นคนรับออเดอร์ แล้วก็คอยเตรียมของด้วย ทุกอย่างไปได้ดีครับ ขายดี จนมาวันนึง ประมาณ2อาทิตย์ที่แล้ว น้องปูนลูกคนโตอายุ24 ซึ่งเค้ามีแฟนอยู่ที่ไทยมีลูกสาวอายุ5ขวบ อยู่ที่ไทย คือแฟนกับลูกน้องปูน อยู่กับป้าผมที่ไทย  น้องปูนเสียชีวิตที่สหรัฐ
เป็นไตวายเฉียบพลัน ครอบครัวของผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก เพราะไม่มีโอกาสได้เจอน้องปูนเลย เอาศพกลับมาไทยไม่ได้ เพราะมีปัญหาเรื่องโควิดและหลายๆอย่าง ตอนนี้ที่ร้านอาหารจึงมีแค่ ลุงของผมและน้องปาม ที่ทำทุกอย่าง ซื้อของ เตรียมของ รับลูกค้าหน้าร้าน ทำอาหาร ซึ่งพอขาดน้องปูนไปคนนึงเหนื่อยมาก น้องปามตอนนี้ปิดเทอมอยู่ แต่อีกซักพักจะเปิดเทอมแล้ว ซึ่งถ้าเปิดเทอม ต้องเรียนไปด้วยแล้วทำอาหารไปด้วย คงไม่ไหวแน่ๆตอนปูนยังอยู่ ยังมีคนช่วยทำ แต่ปูนเสียไปแล้ว อาจจะต้องดรอปเรียน ซึ่งผมฟังน้องพูดแล้วสงสารมาก น้องไม่อยากดรอป ลุงของผมก็ให้น้องปามช่วยสอนทำอาหาร แต่ก็ทำไม่ได้ ผัดอาหารแล้วไหม้หมดเลย  เมื่อวานผมได้มีโอกาสไปหาป้าที่ชลบุรี
ป้าผมก็ชวนให้ผมไปช่วยลุงกับน้องที่สหรัฐ เพราะเค้าไม่อยากจ้างพ่อครัว ถ้าจ้างพ่อครัวที่นู่น ต้องจ่ายวันละ 100เหรียญ เค้าอยากให้ญาติสนิททำมากกว่า เพราะการผัดการทำอาหารของร้านป้ากับลุงผม ทุกอย่างมีสูตรอยู่แล้ว ขอแค่เรามีแรงทำก็พอ
ซึ่งตัวผมเอง เป็นคนชอบกินแล้วก็ ชอบทำอาหารมากๆ อยู่บ้านจะทำอาหารกินเองตลอด ป้าผมถึงอยากให้ไปช่วยทำ ตอนนี้ผมเป็นพนักงานบริษัทรถไฟฟ้าแห่งหนึ่ง เงินเดือน25,000 มีโบนัส แต่ก็เบื่อๆที่ต้องเป็นลูกจ้างเค้า ตามประสาคนทำงานกินเงินเดือนบริษัท  ซึ่งผมอยู่ที่กทม. จะอยู่กับยายและแม่ แม่ของผมรับราชการเหลืออายุงาน6ปี จะเกษียณ ยายของผมเดินไม่ได้ต้องใช้ไม่เท้าช่วยเดิน เราพักกันอยู่ที่แฟลตสวัสดิการ แต่ว่าซื้อบ้านไว้หลังนึงแล้ว เพื่อรอแม่เกษียณแล้วจะย้ายไปอยู่
ถ้าผมไปทำร้านอาหารที่สหรัฐ ก็จะไม่มีใครอยู่กับแม่และยายเลย เพราะญาติๆฝั่งแม่ จะเกษียณกันหมดและย้ายไปอยู่บ้านใกล้ๆกันที่แม่ผมซื้อไว้ ตามจริงคือผมห่วงแม่กับยาย เพราะเป็นผู้หญิงแค่2คน สุขภาพก็ไม่ค่อยแข็งแรงกัน  แต่ถ้าผมไปทำร้านอาหารที่สหรัฐ ผมก็อาจจะมีโอกาสได้เรียนรู้ภาษาซึ่งตัวผม พูดและฟังภาษาอังกฤษไม่ได้เลย  และอาจจะได้ฝึกทำอาหารซึ่งเป็นสิ่งที่ผมชอบ คือพูดง่ายๆ ไปที่นั่นอาจจะมีอนาคตกว่า ป้าบอกว่า ไปนู่นคือไปทำงานเก็บเงินอย่างเดียว อาหารทำกินกันที่ร้าน ค่าเช่าบ้านไม่ต้องเพราะซื้อไว้แล้ว แต่จะไม่มีโอกาสได้ออกไปเที่ยวที่ไหนบ่อยนัก เพราะต้องเปิดร้านทำงานทุกวัน วันๆอยู่แต่ในครัว ถ้าผมไปทำ เดือนนึงก็จะได้ประมาณ9หมื่นบาท ไปครั้งนึงอยู่ได้6เดือน แล้วก็กลับมาแล้วค่อยไปใหม่ ซึ่งเรื่องวีซ่าผมไม่มีความรู้เลย  วีซ่าสหรัฐ คงขอยากอยู่แล้ว อยากทราบว่า ยิ่งผมพูดภาษาไม่ได้เลย มีโอกาสขอได้ไหม ตอนนี้ป้ากับลุงกับลังเดินเรื่องขอวีซ่าให้แฟนและลูกสาวข้องน้องปูน เพื่อไปเผาศพน้องปูนที่สหรัฐอยู่ และอาจจะให้โดดแล้วอยู่ต่อที่นั่น เพื่อขอเป็นอีทูอะไรซักอย่าง ผมก็ไม่รู้จัก  
และอยากจะถามเพื่อนๆในพันทิป ถ้าเพื่อนๆในพันทิปเป็นผม จะเลือกอยู่ที่ไทยทำงานบริษัทและอยู่กับครอบครัวที่ไทยต่อไป หรือ จะเลือกอนาคตไปทำสิ่งที่เราชอบ (ความจริงผมก็ไม่ได้อยากไปนะ แต่พอน้องปูนเสียไป ผมก็สงสารลุงและป้าและน้องปาม เพราะไม่มีคนช่วยทำ ลงทุนไปก็เยอะแล้ว) ซึ่งถ้าไปทำแล้วก็มีโอกาสจะได้ทำต่อไปตลอดและอาจจะอยู่ที่นั่นไปเลย ซึ่งถ้าผมอยู่ที่ไทยก็คงไม่ทีโอกาสเติบโตได้มากกว่านี้ เพราะจบแค่ ม.6 ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านและแสดงความคิดเห็นนะครับ ผมแค่อยากสอบถาม และระบาย เพราะเครียดเหมือนกัน ไม่รู้จะเลือกทางไหนดี  และเพื่อนๆท่านไหนมีความรู้เรื่องวีซ่า ช่วยแนะนำผมด้วยครับ ผมจะเก็บไว้เป็นความรู้ จะไปหรือไม่ไป ว่ากันอีกเรื่อง ขอบคุณครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
Facepalm
เสียใจด้วยเรื่องลูกพี่ลูกน้อง

เล่ามาซะยาว แต่ติดอยู่เรื่องเดียว จะไปที่นั่นด้วยวีซ่าอะไร?  อย่าบอกว่าขอวีซ่าท่องเที่ยวแล้วโดดอยู่ต่อ
ความคิดเห็นที่ 4
“ไปนู่นคือไปทำงานเก็บเงินอย่างเดียว อาหารทำกินกันที่ร้าน ค่าเช่าบ้านไม่ต้องเพราะซื้อไว้แล้ว แต่จะไม่มีโอกาสได้ออกไปเที่ยวที่ไหนบ่อยนัก เพราะต้องเปิดร้านทำงานทุกวัน วันๆ อยู่แต่ในครัว”

ไม่พูดถึงวีซ่านะคะเพราะความเห็นอื่นพูดไปหมดแล้ว แค่คุณบอกว่าไปทำได้ครั้งละ 6 เดือนก็พอเดาออก ถ้าภาษาอังกฤษไม่ดีแล้วหวังจะไปฝึกภาษาบอกเลยว่าไม่มีทางค่ะ ชีวิตคุณทั้งวันตั้งแต่เปิดร้านยันปิดร้านจะอยู่หน้าเขียงหน้าเตา ลองญาติคุณพูดแบบนี้เห็นร้อยทั้งเกือบร้อยคือเอาคุณไปเป็นแรงงานนรกอยู่ในครัวนั่นแหละ
ร้านอาหารไทยในอเมริกาโดยเฉลี่ยจะเปิด 10-11 โมงเช้าปิดประมาณ 3-4 ทุ่ม คุณต้องไปเตรียมตัวก่อนร้านเปิดและเก็บกวาดตอนร้านปิด เฉลี่ยแล้วคุณจะต้องยืนและเคลื่อนไหวร่างกายทั้งวันทำงานประมาณ 12-15 ชั่วโมงต่อวัน ทำอย่างนี้ทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน ลองเอาไปนั่งคิดดูเล่นๆ ค่ะ
ระหว่างวันถึงไม่มี order เข้าก็ไม่ใช่นั่งว่างๆ นะคะ ก็นั่งหั่นผักหั่นเนื้อเตรียมวัตถุดิบไป พักกินข้าวก็ไม่ได้พักกันจริงๆ หรอกค่ะ เห็นบางทีเวลาพ่อครัวแม่ครัวเค้ากินข้าวกัน order เข้ายังต้องทิ้งข้าวไว้ไปทำอาหารให้ลูกค้าก่อนเลย

“ถ้าจ้างพ่อครัวที่นู่นต้องจ่ายวันละ 100 เหรียญ”
ถ้าลองพูดแบบนี้แล้วเราว่าเค้าไม่จ่ายให้คุณวันละ $100 หรอกค่ะ แต่ถึงจะได้วันละ $100 จริงๆ นี่คนไทยอาจตาโต แต่เฉลี่ยกับชั่วโมงการทำงานแล้วก็ตกชั่วโมงละ $6-$8 ราคาถูกกว่าค่าแรงขั้นต่ำแทบทุกรัฐ คนที่อยู่ถูกกฎหมายจ้างราคานี้ไม่มีใครทำแน่ๆ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่