เรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ!!!
- ตอนเราเข้ามาทำงานแรกๆ เรารู้สึกว่าเราโชคดีมากที่เจอเพื่อนร่วมงานดี พออยู่มาเรื่อยๆเริ่มรู้สึกว่า อีเหี้_!! คนแบบนี้ก็มีด้วยหรอวะ คืองี้ค่ะ พี่คนนี้เค้าเป็นคนที่ถ้าไม่ชอบใคร คนนั้นจะต้องพัง!! ด้วยความที่เราทำงานใกล้ชิดกับเค้า เราเห็นมาตลอดถึงพฤติกรรมขี้เสี้ยมของเค้า เค้าจะคอยเอาเรื่องคนนั้นคนนี้มาพูดไห้เราฟัง เริ่มตั้งแต่เจ้านายยันคนขับรถ ด้วยความที่เค้าอยู่มานาน คงจะคิดว่าตัวเองเจ๋งมากมั้ง แต่เชื่อไหมค่ะ ว่าคนที่เค้าพูดถึง ไม่เคยมีใครเอาเรื่องเค้ามาพูดลับหลังเลยสักคน มีแต่เค้าเนี่ยแหละที่ชอบยุยงให้คนนั้นคนนี้แตกหักกัน งงมากโตมาในสังคมแบบไหน
- เอาละ!! มาถึงตาเราบ้าง ด้วยความที่เราทำงานด้วยกัน ก็ค่อนข้างสนิท ไปไหนไปกัน “มีปัญหาอะไรให้บอกพี่” เมื่อก่อนเค้าทำตำแหน่งนี้คนเดียวมาตลอด พองานเยอะขึ้นก็เลยรับเราเข้ามาช่วย แต่เค้าเป็นคนขี้เกียจ งานในส่วนของเค้าก็กลายเป็นเราที่ต้องทำ เราไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว งานหนักเราไม่เคยเกี่ยง รับจบเองหมด ช่วงแรกเค้า Happy มาก ที่มีเรามาช่วย เพราะเค้าแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว พอเราเริ่มรู้งานในส่วนของเค้าเยอะขึ้น เค้าเริ่มไม่มีบทบาท เพราะทุกคนจะประสานงานผ่านเราหมด คือวันไหนที่เราลา งานจะเดินไม่ได้อ่ะ โทรหาเราทั้งวัน ทั้งหัวหน้า ทั้งเจ้านาย ทั้ง ๆ ที่ตำแหน่งนี้ทำกันอยู่ 2 คน แต่เหมือนเราทำงานอยู่คนเดียว ช่วงหลังนายเริ่มยื่นข้อเสนอในการเลื่อนตำแหน่ง และปรับเงินเดือนให้เรา ซึ่งพี่คนนี้พอรู้เรื่อง ก็จะประท้วงด้วยการยื่นใบลาออก (บอกก่อนนะคะ ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้ายื่นใบลาออก ก่อนหน้าที่เราเข้ามาทำงานที่นี่ก็ยื่นมาแล้ว 2 ครั้ง และทุกครั้งก็จะเป็นการยื่นเพื่อประท้วงแบบนี้เสมอ) ที่ผ่านมานายรั้งเค้าไว้ตลอด แต่ครั้งนี้คดีพลิกค่ะ นายเซ็นใบลาออกให้เลย ไม่รั้งเลยสักนิด สรุปคือนายเลือกเราแล้วไม่ง้อคนที่ทำงานมาเกือบ 10 ปีแบบเค้า เค้าก็คงจะหน้าชาพอสมควร ออกแบบไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้มีงานรองรับ จะกลับตัวก็ไม่ทันแล้ว ความซวยมาตกอยู่ที่เราค่ะ ก่อนใบลาออกมีผล 1 เดือน คือเค้าต้องทำงานต่ออีก 1 เดือน ระหว่าง 1 เดือนนี้ค่ะ เค้าวางระเบิดไว้ทุกมุมของออฟฟิศ หาว่าเราใช้เต้าใต่บ้าง คือทุกทางที่จะทำให้คนอื่นเกลียดเราทำหมด หลังจากเค้าออกไป ด้วยความที่เค้าอยู่มานาน และบ้านใกล้ออฟฟิศ นางก็จะแวะมาคอยสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนนั้นคนนี้เป็นประจำ สำหรับเรา เราไม่รู้หรอกนะคะว่าคนที่ออฟฟิศจะคิดกับเรายังไง หลังจากที่โดนเสี้ยมไปอย่างหนักหนาสาหัสพอสมควร กับเหตุการที่เกิดขึ้น ทำให้เราได้รู้ซึ้งกับคำว่า “มีปัญหาอะไรให้บอกพี่” มันมีมีดซ่อนอยู่ ขนาดเราไม่เคยพูดว่าร้ายให้ใครเลยนะ “บทผู้ร้ายส่งมาให้ฉัน” งงมาก เสียความรู้สึกมากพอสมควร แรกๆยอมรับว่าคิดมาก คนอื่นจะมองเรายังไง ทำไมคนที่เราคิดว่าเค้าเป็นพี่ถึงไม่เคยมองว่าเราเป็นน้อง ความก้าวหน้าที่เรากำลังจะได้รับ ไม่ยินดีกับเราหรอ?? แต่วันนี้ทุกอย่างเรามองว่าเป็นบทเรียนที่ดี มันทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เห็นโลกกว้างขึ้น ให้ความจริงใจกับคนอื่นได้ แต่อย่าไปคาดหวังว่าจะได้หรือไม่ได้กลับมา ไม่ชอบคนแบบไหน..ก็อย่าเป็นคนแบบนั้น
- เรามาทำงาน เราเชื่อว่าเรามีทุกวันนี้ได้เพราะความสามารถของตัวเอง เรามีความฝันที่ต้องสานต่อ เรามีครอบครัวที่คอยมองความสำเร็จเราอยู่ เราจะไม่ยอมแพ้
- ถึงพี่คนนั้น ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ถึงแม้วันนี้เราจะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของกันและกันก็เถอะ ส่วนนึงมีวันนี้ได้ก็เพราะพี่เลย ขอบคุณทุกบทเรียนที่มอบให้ ขอบคุณความขี้เกียจของพี่ที่ทำให้หนูมีวันนี้นะคะ
เพื่อนร่วมงานขี้เสี้ยม!! เคยเจอกันบ้างไหมค่ะ คนแบบนี้เค้าจะตายเพราะปากตัวเองจริงไหม?
- ตอนเราเข้ามาทำงานแรกๆ เรารู้สึกว่าเราโชคดีมากที่เจอเพื่อนร่วมงานดี พออยู่มาเรื่อยๆเริ่มรู้สึกว่า อีเหี้_!! คนแบบนี้ก็มีด้วยหรอวะ คืองี้ค่ะ พี่คนนี้เค้าเป็นคนที่ถ้าไม่ชอบใคร คนนั้นจะต้องพัง!! ด้วยความที่เราทำงานใกล้ชิดกับเค้า เราเห็นมาตลอดถึงพฤติกรรมขี้เสี้ยมของเค้า เค้าจะคอยเอาเรื่องคนนั้นคนนี้มาพูดไห้เราฟัง เริ่มตั้งแต่เจ้านายยันคนขับรถ ด้วยความที่เค้าอยู่มานาน คงจะคิดว่าตัวเองเจ๋งมากมั้ง แต่เชื่อไหมค่ะ ว่าคนที่เค้าพูดถึง ไม่เคยมีใครเอาเรื่องเค้ามาพูดลับหลังเลยสักคน มีแต่เค้าเนี่ยแหละที่ชอบยุยงให้คนนั้นคนนี้แตกหักกัน งงมากโตมาในสังคมแบบไหน
- เอาละ!! มาถึงตาเราบ้าง ด้วยความที่เราทำงานด้วยกัน ก็ค่อนข้างสนิท ไปไหนไปกัน “มีปัญหาอะไรให้บอกพี่” เมื่อก่อนเค้าทำตำแหน่งนี้คนเดียวมาตลอด พองานเยอะขึ้นก็เลยรับเราเข้ามาช่วย แต่เค้าเป็นคนขี้เกียจ งานในส่วนของเค้าก็กลายเป็นเราที่ต้องทำ เราไม่ได้มีปัญหาอยู่แล้ว งานหนักเราไม่เคยเกี่ยง รับจบเองหมด ช่วงแรกเค้า Happy มาก ที่มีเรามาช่วย เพราะเค้าแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ชี้นิ้วสั่งอย่างเดียว พอเราเริ่มรู้งานในส่วนของเค้าเยอะขึ้น เค้าเริ่มไม่มีบทบาท เพราะทุกคนจะประสานงานผ่านเราหมด คือวันไหนที่เราลา งานจะเดินไม่ได้อ่ะ โทรหาเราทั้งวัน ทั้งหัวหน้า ทั้งเจ้านาย ทั้ง ๆ ที่ตำแหน่งนี้ทำกันอยู่ 2 คน แต่เหมือนเราทำงานอยู่คนเดียว ช่วงหลังนายเริ่มยื่นข้อเสนอในการเลื่อนตำแหน่ง และปรับเงินเดือนให้เรา ซึ่งพี่คนนี้พอรู้เรื่อง ก็จะประท้วงด้วยการยื่นใบลาออก (บอกก่อนนะคะ ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เค้ายื่นใบลาออก ก่อนหน้าที่เราเข้ามาทำงานที่นี่ก็ยื่นมาแล้ว 2 ครั้ง และทุกครั้งก็จะเป็นการยื่นเพื่อประท้วงแบบนี้เสมอ) ที่ผ่านมานายรั้งเค้าไว้ตลอด แต่ครั้งนี้คดีพลิกค่ะ นายเซ็นใบลาออกให้เลย ไม่รั้งเลยสักนิด สรุปคือนายเลือกเราแล้วไม่ง้อคนที่ทำงานมาเกือบ 10 ปีแบบเค้า เค้าก็คงจะหน้าชาพอสมควร ออกแบบไม่ได้ตั้งตัว ไม่ได้มีงานรองรับ จะกลับตัวก็ไม่ทันแล้ว ความซวยมาตกอยู่ที่เราค่ะ ก่อนใบลาออกมีผล 1 เดือน คือเค้าต้องทำงานต่ออีก 1 เดือน ระหว่าง 1 เดือนนี้ค่ะ เค้าวางระเบิดไว้ทุกมุมของออฟฟิศ หาว่าเราใช้เต้าใต่บ้าง คือทุกทางที่จะทำให้คนอื่นเกลียดเราทำหมด หลังจากเค้าออกไป ด้วยความที่เค้าอยู่มานาน และบ้านใกล้ออฟฟิศ นางก็จะแวะมาคอยสอดรู้สอดเห็นเรื่องคนนั้นคนนี้เป็นประจำ สำหรับเรา เราไม่รู้หรอกนะคะว่าคนที่ออฟฟิศจะคิดกับเรายังไง หลังจากที่โดนเสี้ยมไปอย่างหนักหนาสาหัสพอสมควร กับเหตุการที่เกิดขึ้น ทำให้เราได้รู้ซึ้งกับคำว่า “มีปัญหาอะไรให้บอกพี่” มันมีมีดซ่อนอยู่ ขนาดเราไม่เคยพูดว่าร้ายให้ใครเลยนะ “บทผู้ร้ายส่งมาให้ฉัน” งงมาก เสียความรู้สึกมากพอสมควร แรกๆยอมรับว่าคิดมาก คนอื่นจะมองเรายังไง ทำไมคนที่เราคิดว่าเค้าเป็นพี่ถึงไม่เคยมองว่าเราเป็นน้อง ความก้าวหน้าที่เรากำลังจะได้รับ ไม่ยินดีกับเราหรอ?? แต่วันนี้ทุกอย่างเรามองว่าเป็นบทเรียนที่ดี มันทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เห็นโลกกว้างขึ้น ให้ความจริงใจกับคนอื่นได้ แต่อย่าไปคาดหวังว่าจะได้หรือไม่ได้กลับมา ไม่ชอบคนแบบไหน..ก็อย่าเป็นคนแบบนั้น
- เรามาทำงาน เราเชื่อว่าเรามีทุกวันนี้ได้เพราะความสามารถของตัวเอง เรามีความฝันที่ต้องสานต่อ เรามีครอบครัวที่คอยมองความสำเร็จเราอยู่ เราจะไม่ยอมแพ้
- ถึงพี่คนนั้น ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ถึงแม้วันนี้เราจะกลายเป็นผู้ร้ายในสายตาของกันและกันก็เถอะ ส่วนนึงมีวันนี้ได้ก็เพราะพี่เลย ขอบคุณทุกบทเรียนที่มอบให้ ขอบคุณความขี้เกียจของพี่ที่ทำให้หนูมีวันนี้นะคะ