สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 47
ไม่คุยเรื่อง สินสอด เงินสู่ขอ จำเป็นหรือไม่จำเป็นนะ
เอาแค่ว่า ในเมื่อแฟนคุณว่า มันจำเป็นและสำคัญ และคือสิ่งที่ผู้ชายควรต้องทำให้
ทางคุณเองมองว่ายังไงละ ทำให้เขาได้ไหม หรือถ้าทำไม่ได้ เพราะมองว่ามันไม่จำเป็น หรือเพราะว่าเราทำให้เขาไม่ได้จริงๆ
มันมีแค่นั้นแหละ
ถ้าทัศนคติไม่เหมือนกัน ต่อให้คุณหาเงินได้ คุณก็รู้สึกลึกๆ ในใจว่า มันไม่ถูกต้องอยู่ดี เป็นการฝืนใจที่จะแต่งงานตามหลักเกณฑ์ของแฟนคุณ
แต่มองในมุมแฟนของคุณ ในเมื่อเขามองว่ามันสำคัญ ก็แล้วทำไมเขาต้องมาเก็บเงินสู่ของตัวเองด้วย ในเมื่อผู้ชายคนอื่นๆ ก็ขอแฟนแต่งงานได้ โดยไม่ต้องขอร้องแฟนให้ช่วยกันเก็บเงินเลย แล้วทำไมคุณทำแบบนั้นบ้างไม่ได้
ไม่มีใครถูกผิดครับ แค่แนวคิดไม่ตรงกัน
อยู่ทีว่า คุณจะทำยังไงต่อไป
เอาแค่ว่า ในเมื่อแฟนคุณว่า มันจำเป็นและสำคัญ และคือสิ่งที่ผู้ชายควรต้องทำให้
ทางคุณเองมองว่ายังไงละ ทำให้เขาได้ไหม หรือถ้าทำไม่ได้ เพราะมองว่ามันไม่จำเป็น หรือเพราะว่าเราทำให้เขาไม่ได้จริงๆ
มันมีแค่นั้นแหละ
ถ้าทัศนคติไม่เหมือนกัน ต่อให้คุณหาเงินได้ คุณก็รู้สึกลึกๆ ในใจว่า มันไม่ถูกต้องอยู่ดี เป็นการฝืนใจที่จะแต่งงานตามหลักเกณฑ์ของแฟนคุณ
แต่มองในมุมแฟนของคุณ ในเมื่อเขามองว่ามันสำคัญ ก็แล้วทำไมเขาต้องมาเก็บเงินสู่ของตัวเองด้วย ในเมื่อผู้ชายคนอื่นๆ ก็ขอแฟนแต่งงานได้ โดยไม่ต้องขอร้องแฟนให้ช่วยกันเก็บเงินเลย แล้วทำไมคุณทำแบบนั้นบ้างไม่ได้
ไม่มีใครถูกผิดครับ แค่แนวคิดไม่ตรงกัน
อยู่ทีว่า คุณจะทำยังไงต่อไป
ความคิดเห็นที่ 59
ไล่อ่านคอมเม้นต์ดูแล้วหลากหลายมาก
ส่วนตัวเรามองว่า คนจะแต่งงานกัน เป็นคู่ชีวิตกัน ควรจะช่วยเหลือกัน มันก็ถูก แต่ต้องเป็นในกรณีที่คุณลองทำแล้วนะ คุณลองเก็บแล้ว มันไม่ไหว คุณออกปากขอให้แฟนช่วย เราว่าสมเหตุสมผล มันดูแล้วรู้สึกว่า คุณพยายามแล้ว
แต่กลับกับ ถ้าคุณยังไม่ได้ตั้งใจจะเก็บ แต่ออกปากแล้วให้แฟนคุณช่วย ถ้าเราเป็นแฟนคุณ เราก็มองว่าคุณไม่มีความพยายามนะคะ
ถ้าแต่งกันไปคุณจะเป็นผู้นำครอบครัวได้ใช่ไหม .... ในเมื่อเริ่มมาคุณก็ไม่พยายามเลย
เราเอง 30 แล้วแต่ยังไม่แต่ง ก็ไม่เห็นเดือดร้อน ที่บอกว่าพอ 30 แล้วยังไม่ได้แต่งเดี๋ยวเขาก็ออกปากช่วยออกเงินเองนี่ปัดตกไปนะคะ
ส่วนถ้าตอนไหนเราอยากแต่ง แต่เขายังไม่พร้อมจะแต่ง .... เราก็คงไปหาคนที่พร้อมจะแต่งอ่ะคะ เพราะเราให้เวลาเขามามากแล้ว
ส่วนตัวเรามองว่า คนจะแต่งงานกัน เป็นคู่ชีวิตกัน ควรจะช่วยเหลือกัน มันก็ถูก แต่ต้องเป็นในกรณีที่คุณลองทำแล้วนะ คุณลองเก็บแล้ว มันไม่ไหว คุณออกปากขอให้แฟนช่วย เราว่าสมเหตุสมผล มันดูแล้วรู้สึกว่า คุณพยายามแล้ว
แต่กลับกับ ถ้าคุณยังไม่ได้ตั้งใจจะเก็บ แต่ออกปากแล้วให้แฟนคุณช่วย ถ้าเราเป็นแฟนคุณ เราก็มองว่าคุณไม่มีความพยายามนะคะ
ถ้าแต่งกันไปคุณจะเป็นผู้นำครอบครัวได้ใช่ไหม .... ในเมื่อเริ่มมาคุณก็ไม่พยายามเลย
เราเอง 30 แล้วแต่ยังไม่แต่ง ก็ไม่เห็นเดือดร้อน ที่บอกว่าพอ 30 แล้วยังไม่ได้แต่งเดี๋ยวเขาก็ออกปากช่วยออกเงินเองนี่ปัดตกไปนะคะ
ส่วนถ้าตอนไหนเราอยากแต่ง แต่เขายังไม่พร้อมจะแต่ง .... เราก็คงไปหาคนที่พร้อมจะแต่งอ่ะคะ เพราะเราให้เวลาเขามามากแล้ว
ความคิดเห็นที่ 66
มุมมองเรา...ถ้าสินสอดฝ่ายชายควรทำด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง มันคือให้เห็นความพยายามและความตั้งใจของคุณ.....แล้วจิงๆคือให้เท่าที่ไหวนะ หรือเค้าเรียกแพงเหรอ??
ผญคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดอ่ะ เหมือนเก็บเงินเอาเงินตัวเองมาขอตัวเองแต่งงาน -"-
ส่วนเงินจัดงานแต่ง เราว่ามันควรช่วยแบ่งกันออกนะ เพราะถ้าอยากจัดงานทั้งคู่ ก็คือช่วยกันออก เพราะเหมือนเอาตังไปเลี้ยงเพื่อนเลี้ยงญาติของแต่ละฝ่าย ใครออกมาออกน้อย อันนี้แล้วแต่ตกลง และความสามารถ
ของเราเอง...สินสอดมาจากผชฝ่ายเดียว เงินจัดงานใดๆคือช่วยกันจ่าย แต่ตกลงไว้ว่าใครจัดการค่าใช้จ่ายอะไร และสุดท้ายสินสอดที่ให้มาบ้านเราคืนให้หมดให้เอามาลงหลักปักฐานเป็นบ้านที่ซื้อร่วมกัน เพราะบ้านเรามองที่ความตั้งใจมากกว่า
มุมมองเราคือ....แต่งงานกันนะ....ไม่ใช่รูมเมทที่ต้องแชร์ทุกอย่าง อยู่บ้านโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงต้องดูแลผช มีลูก ผญพังกว่าและลงแรงไปที่ลูกมากกว่าผชลงแรง (เอาว่ารอบตัวเราส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้) ถ้าแค่สินสอดฝ่ายชายยังขอให้ช่วยให้หาร คือเรามองไม่เห็นความตั้งใจในการดูแลที่มากพอ...แต่ย้ำก่อนนะว่าสินสอดคือเท่าที่คุณไหว
แต่สุดท้ายแล้วมันคือแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน ไม่มีถูกผิดหรอก คุยก็กลับไปเจรจรากับแฟนใหม่ดีกว่า ถ้านอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นๆแฟนคุณตรงใจคุณมากสุด ก็ต้องคุยกันปรับกันดู
ผญคิดแบบนั้นก็ไม่ผิดอ่ะ เหมือนเก็บเงินเอาเงินตัวเองมาขอตัวเองแต่งงาน -"-
ส่วนเงินจัดงานแต่ง เราว่ามันควรช่วยแบ่งกันออกนะ เพราะถ้าอยากจัดงานทั้งคู่ ก็คือช่วยกันออก เพราะเหมือนเอาตังไปเลี้ยงเพื่อนเลี้ยงญาติของแต่ละฝ่าย ใครออกมาออกน้อย อันนี้แล้วแต่ตกลง และความสามารถ
ของเราเอง...สินสอดมาจากผชฝ่ายเดียว เงินจัดงานใดๆคือช่วยกันจ่าย แต่ตกลงไว้ว่าใครจัดการค่าใช้จ่ายอะไร และสุดท้ายสินสอดที่ให้มาบ้านเราคืนให้หมดให้เอามาลงหลักปักฐานเป็นบ้านที่ซื้อร่วมกัน เพราะบ้านเรามองที่ความตั้งใจมากกว่า
มุมมองเราคือ....แต่งงานกันนะ....ไม่ใช่รูมเมทที่ต้องแชร์ทุกอย่าง อยู่บ้านโดยส่วนใหญ่ผู้หญิงต้องดูแลผช มีลูก ผญพังกว่าและลงแรงไปที่ลูกมากกว่าผชลงแรง (เอาว่ารอบตัวเราส่วนใหญ่เป็นอย่างนี้) ถ้าแค่สินสอดฝ่ายชายยังขอให้ช่วยให้หาร คือเรามองไม่เห็นความตั้งใจในการดูแลที่มากพอ...แต่ย้ำก่อนนะว่าสินสอดคือเท่าที่คุณไหว
แต่สุดท้ายแล้วมันคือแล้วแต่ความคิดของแต่ละคน ไม่มีถูกผิดหรอก คุยก็กลับไปเจรจรากับแฟนใหม่ดีกว่า ถ้านอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นๆแฟนคุณตรงใจคุณมากสุด ก็ต้องคุยกันปรับกันดู
แสดงความคิดเห็น
แฟนว่าการช่วยเก็บเงินแต่งงานทั้งสองฝ่ายเป็นเรื่องตลก
กระทู้แรกนะครับ หากผิดพลาดขอภัยด้วยครับ