ศาลสั่งรื้อ-เพิกถอนโฉนด รร.หรู วีรันดา หัวหิน ออกโดยมิชอบทับทางสาธารณะเขาตะเกียบ
https://mgronline.com/politics/detail/9630000073091
ศาลปกครองเพชรบุรี สั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน 4 แปลงของโรงแรมวีรันดา หัวหิน ชี้ออกโดยไม่ชอบทับทางสาธารณะเขาตะเกียบ..ระบุหลักฐานตราจอง ภาพถ่ายทางอากาศชี้ชัดไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดินติดชายหาด สั่งรื้อสิ่งปลูกสร้างคืนสภาพถนนใน 90 วัน
วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ศาลปกครองเพชรบุรี..มีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินของบริษัท วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัดผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรูใน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรณีออกโฉนดที่ดินทับถนน ทางสาธารณะและให้เทศบาลเมืองหัวหินรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำ พร้อมปรับปรุงให้เป็นถนนสาธารณะดังเดิมภายใน 90 วัน
คดีนี้นายสมศักดิ์ เขียวขำ พร้อมพวกรวม 6 คนซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน กล่าวหาว่า...รังวัดออกโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รุกล้ำหรือทับทางสาธารณะบริเวณเลียบชายหาดทะเลหัวหิน หรือชายหาดสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และทางสาธารณะเลียบเชิงเขาตะเกียบด้านทิศตะวันตกของเขาตะเกียบที่ชาวบ้านและชาวประมงใช้สัญจรมาเป็นเวลานาน ทำให้ทางสาธารณะส่วนที่อยู่เลียบชายหาดหายไปทั้งหมด รวมทั้งส่วนที่เป็นถนนลาดยางถัดไปถูกรุกล้ำจนแคบ..
ซึ่งปัจจุบันบริษัทวีรันดาฯเจ้าของที่ดินก่อสร้างกำแพงถาวรล้ำส่วนที่ยังมีสภาพเป็นถนนลาดยางให้แคบไปทางทิศเหนือ รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ จึงขอให้ศาลเพิกถอนโฉนดที่ดิน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตามโฉนดเพื่อกันเป็นเขตทางสาธารณะ และเพิกถอนโฉนดที่ดิน ที่ออกทับทางสาธารณะเต็มแปลง
ส่วนเหตุผลที่ศาลพิพากษาเพิกถอนโฉนดระบุว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” เลขที่ 866 ต.หัวหิน อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุแนวเขตไว้ชัดเจนว่า..ทิศตะวันออกและทิศเหนือจดทางสาธารณประโยชน์ สอดคล้องกับรูปแผนที่จำลองของที่ดินแนบท้ายตราจอง และตามรายงานการวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ที่ดินจากภาพถ่ายทางอากาศ ฉบับเดือนมกราคม 2546 ซึ่งได้อ่าน แปลความ วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของที่ดินพิพาทและที่ดินริมคลองตะเกียบ เมื่อปี พ.ศ. 2519 ก่อนเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155...ปรากฏให้เห็นชัดเจนว่าเป็นถนนหรือทางสาธารณะในลักษณะที่เป็นเส้นสีขาวต่อเนื่องกันจากแนวเขตที่ดินด้านทิศเหนือของที่ดินแปลงพิพาท เชื่อมต่อไปตามแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว และเชื่อมต่อขึ้นไปยังวัดเขาตะเกียบ ในลักษณะเป็นทางสาธารณะสายเดียวต่อเนื่องกันอย่างไม่ถูกตัดตอนจากกัน สอดคล้องกับรายงานผลการตรวจสอบของเทศบาลเมืองหัวหิน ที่สรุปว่าทางสาธารณะที่พิพาทเดิมเป็นทางเดินเท้าผิวหน้าดินที่คั่นอยู่ระหว่างคลองตะเกียบและแปลงที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 กับภูเขาตะเกียบ ตลอดตามแนวยาวของแปลงที่ดินดังกล่าวทางด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดิน ซึ่งเป็นทางสาธารณะที่ประชาชนใช้สัญจรต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
พยานหลักฐานดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่าของบริษัทวีรันดาฯ เมื่อครั้งที่เป็นที่ดินตราจอง แนวเขตที่ดินด้านทิศเหนือและด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดิน จะติดกับถนนหรือทางสาธารณะตลอดแนว ไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดินติดชายหาดทะเลหัวหินหรือชายหาดทะเลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชบริเวณด้านเหนือของเขาตะเกียบ และไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดินติดพื้นที่เขาตะเกียบโดยไม่มีถนนหรือทางสาธารณะกั้นอยู่
แต่เมื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ทำให้แนวทางสาธารณะสูญหายไปจากหลักฐานโฉนดที่ดินทั้งหมด และมีการระบุแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินที่ต่อจากชายหาดทะเลในหลักฐานโฉนดที่ดินใหม่ เป็นติดกับพื้นที่เขาตะเกียบทั้งหมด ไม่มีแนวทางสาธารณะตามที่ปรากฏอยู่ในตราจองอีก โดยแนวทางสาธารณะที่หายไป ปัจจุบันเป็นแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 80321 ซึ่งตามรายงานผลการรังวัดแนวเขตตามโฉนดที่ดินของบริษัท วีรันดา อยู่ลึกเข้าไปกินเนื้อที่ของถนนลาดยาง ทำให้บางส่วนของผิวจราจรถนนลาดยางทับซ้อนเข้าไปในเขตหลักหมุดที่ดิน ประมาณ 1.50 – 2.00 เมตร “แสดงให้เห็นว่าการรังวัดเพื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 มีการเปลี่ยนแปลงแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินให้ติดชายหาดทะเลและติดพื้นที่เขาตะเกียบแทน ทำให้ทางสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 81256 และทำให้ทางสาธารณะที่ต่อจากชายหาดทะเลเข้าไปกั้นระหว่างแปลงที่ดินพิพาทกับพื้นที่เขาตะเกียบสูญหายไปทั้งหมด
โดยทำให้ถนนหรือทางสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 81254 เต็มแปลง และเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 82765 เต็มแปลง ทำให้แนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 80321 รุกล้ำทางสาธารณะที่เป็นทางลาดยางปัจจุบันตลอดแนวด้วย การรังวัดเพื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ทำให้ถนนหรือทางสาธารณะที่เคยมีอยู่กลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาท เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้โฉนดที่ดินของบริษัทวีรันดา ที่แบ่งแยกจากที่ดินแปลงดังกล่าวทุกฉบับ ในส่วนที่เคยเป็นถนนหรือทางสาธารณะที่ติดกับแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว ในส่วนที่เป็นพื้นที่ของโฉนดที่ดินแต่ละฉบับ เป็นโฉนดที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
จึงพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของบริษัทวีรันดาฯ เลขที่ 81256 เฉพาะส่วนที่เป็นพื้นที่แนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออก กว้าง 5 เมตร ที่ติดกับแนวชายหาดทะเล ของแปลงที่ดินดังกล่าวตลอดแนว โฉนดที่ดินเลขที่ 81254 เต็มแปลง โฉนดที่ดินเลขที่ 82765 เต็มแปลง และ โฉนดที่ดินเลขที่ 80321 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะส่วนที่รุกล้ำหรือทับซ้อนกับแนวเขตถนนลาดยางหรือแนวเขตถนนเดิม ตามแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว เพื่อให้ถนนลาดยางหรือถนนเดิมมีความกว้าง 5 เมตร ตลอดแนวเขตที่ดินดังกล่าวดังเดิม
ให้อธิบดีกรมที่ดินกับพวกรังวัดกันเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินใหม่ เพื่อถอยร่นเข้าไปในแปลงที่ดินของบริษัทวีรันดา ให้เป็นถนนหรือทางสาธารณะตามผลการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 4 แปลงดังกล่าว โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินจ.ประจวบคีรีขันธ์สาขาหัวหิน แจ้งให้นายสมศักดิ์กับพวก เข้าร่วมสังเกต รวมทั้ง แจ้งกำหนดนัดการรังวัดพร้อมส่งสำเนาคำพิพากษาให้เทศบาลเมืองหัวหิน สำนักงานเจ้าท่าที่รับผิดชอบในพื้นที่ นายอำเภอหัวหิน ผู้ปกครองท้องที่ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมดำเนินการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้ส่งมอบแนวเขตถนนหรือทางสาธารณะตามผลการรังวัดกันเขตดังกล่าวให้แก่เทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อให้เทศบาลเมืองหัวหินเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำทางสาธารณะ และทำการก่อสร้างปรับปรุงให้เป็นถนนสาธารณะดังเดิมต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา
https://www.thansettakij.com/content/politics/442176
ด้าน นายวีรวฒัน องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรนัดา รีสอรท์ จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท วีรนัดา รีสอรท์ แอนด์ สปา ระบุว่า บริษัทซื้อที่ดินต่อจากเจ้าของเดิมปี2558 ขณะการออกโฉนดที่ดิน เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2522
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 บริษัทได้..รายงานความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากคดีพิพาท ต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีสาระสำคัญดังนั้น ตามที่บริษัท เรียกเข้าเป็นผู้ร้องสอดในคดีของศาลปกครอง เพชรบุรีคดีหมายเลขดำ ที่ 26/2562 คดีหมายเลขแดง 94/2563 บริษัทจึงขอรายงานความเสียหายที่อาจจะอาจจะเกิดขึ้นจากคดีพิพาทดังนี้ คดีดังกล่าว โจทก์ได้ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 โดยศาลปกครองได้มีคำสั่งเรียกให้ บริษัท เข้าเป็นผู้ร้องสอด เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 มีผู้ฟ้องจำนวน 6 คน ได้แก่ (1) นางบญุมา ไพศาล, (2) นายประเสริฐ เทียมทัด (3) นายประสาร พวงสวุรรณ์, (4) นายสมชาย เขียวขา, (5) นายสมศักดิ์ เขียวขา, (6) นายสนั่น สกุสี ผู้ถูกฟ้องคดี ได้แก่อธิบดีกรมที่ดินที่ดิน จำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน (เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เดิม) จำเลยที่ 2 ผู้ร้องสอด บริษัท วีรนัดา รีสอรท์ จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท วีรนัดา รีสอรท์ แอนด์ สปา จำกัด จำเลยที่ 3 คดีพิพาทเกี่ยวกับ..การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมายและการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากคำสั่งทางปกครอง 4 หากพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นพบว่าพื้นที่โฉนดที่เป็นคดีพิพาทมีขนาดพื้นที่ประมาณ 53 ตารางวา อยู่ในส่วนของโรงแรมซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง (โรงแรม เวอโซ หัวหิน)
โดยบริษัทคาดว่าจะมีขนาดรายการที่ดินมีมูลค่าทางบัญชีไม่เกิน 5,000,000 บาท และไม่กระทบสิ่งปลูกสร้างของบริษิท และ เนื่องจาก ในขณะนี้คดีดังกล่าวได้มีคำพิพากษาศาลปกครอง (ชั้นต้น) เท่านั้น ดังนั้นบริษัทจึงจะดำเนินการยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลปกครองต่อศาลปกครองสูงสุด ตามเวลาที่กฎหมายกำหนดและ และภายหลังหากคำพิพากษาปกครองสูงสุด เป็นเหตุให้บริษัทไม่ได้รับความเป็นธรรม บริษัทฯ จะพิจารณาดำเนินการยื่นคำร้องต่อตณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล เนื่องจากประเด็น ข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน นี้ ได้เคยมีการวินิจฉัยและยังมีคำพิพากษาฏีกาถึงที่สุดแล้วครั้งหนึ่ง ว่าการออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ เป็นการออกโดยชอบด้วยกฎหมาย
ศาลสั่งรื้อ-เพิกถอนโฉนด โรงแรมวีรันดา หัวหิน ออกโดยมิชอบทับทางสาธารณะเขาตะเกียบ
https://mgronline.com/politics/detail/9630000073091
ศาลปกครองเพชรบุรี สั่งเพิกถอนโฉนดที่ดิน 4 แปลงของโรงแรมวีรันดา หัวหิน ชี้ออกโดยไม่ชอบทับทางสาธารณะเขาตะเกียบ..ระบุหลักฐานตราจอง ภาพถ่ายทางอากาศชี้ชัดไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดินติดชายหาด สั่งรื้อสิ่งปลูกสร้างคืนสภาพถนนใน 90 วัน
วันที่ 16 กรกฎาคม 2563 ศาลปกครองเพชรบุรี..มีคำพิพากษาสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินของบริษัท วีรันดา รีสอร์ท แอนด์ สปา จำกัดผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมหรูใน อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กรณีออกโฉนดที่ดินทับถนน ทางสาธารณะและให้เทศบาลเมืองหัวหินรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำ พร้อมปรับปรุงให้เป็นถนนสาธารณะดังเดิมภายใน 90 วัน
คดีนี้นายสมศักดิ์ เขียวขำ พร้อมพวกรวม 6 คนซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ยื่นฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน กล่าวหาว่า...รังวัดออกโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รุกล้ำหรือทับทางสาธารณะบริเวณเลียบชายหาดทะเลหัวหิน หรือชายหาดสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และทางสาธารณะเลียบเชิงเขาตะเกียบด้านทิศตะวันตกของเขาตะเกียบที่ชาวบ้านและชาวประมงใช้สัญจรมาเป็นเวลานาน ทำให้ทางสาธารณะส่วนที่อยู่เลียบชายหาดหายไปทั้งหมด รวมทั้งส่วนที่เป็นถนนลาดยางถัดไปถูกรุกล้ำจนแคบ..
ซึ่งปัจจุบันบริษัทวีรันดาฯเจ้าของที่ดินก่อสร้างกำแพงถาวรล้ำส่วนที่ยังมีสภาพเป็นถนนลาดยางให้แคบไปทางทิศเหนือ รถไม่สามารถวิ่งผ่านได้ จึงขอให้ศาลเพิกถอนโฉนดที่ดิน หรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตามโฉนดเพื่อกันเป็นเขตทางสาธารณะ และเพิกถอนโฉนดที่ดิน ที่ออกทับทางสาธารณะเต็มแปลง
ส่วนเหตุผลที่ศาลพิพากษาเพิกถอนโฉนดระบุว่า เดิมที่ดินพิพาทเป็นตราจองที่ตราว่า “ได้ทำประโยชน์แล้ว” เลขที่ 866 ต.หัวหิน อ.หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุแนวเขตไว้ชัดเจนว่า..ทิศตะวันออกและทิศเหนือจดทางสาธารณประโยชน์ สอดคล้องกับรูปแผนที่จำลองของที่ดินแนบท้ายตราจอง และตามรายงานการวิเคราะห์การใช้ประโยชน์ที่ดินจากภาพถ่ายทางอากาศ ฉบับเดือนมกราคม 2546 ซึ่งได้อ่าน แปลความ วิเคราะห์ภาพถ่ายทางอากาศของที่ดินพิพาทและที่ดินริมคลองตะเกียบ เมื่อปี พ.ศ. 2519 ก่อนเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155...ปรากฏให้เห็นชัดเจนว่าเป็นถนนหรือทางสาธารณะในลักษณะที่เป็นเส้นสีขาวต่อเนื่องกันจากแนวเขตที่ดินด้านทิศเหนือของที่ดินแปลงพิพาท เชื่อมต่อไปตามแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว และเชื่อมต่อขึ้นไปยังวัดเขาตะเกียบ ในลักษณะเป็นทางสาธารณะสายเดียวต่อเนื่องกันอย่างไม่ถูกตัดตอนจากกัน สอดคล้องกับรายงานผลการตรวจสอบของเทศบาลเมืองหัวหิน ที่สรุปว่าทางสาธารณะที่พิพาทเดิมเป็นทางเดินเท้าผิวหน้าดินที่คั่นอยู่ระหว่างคลองตะเกียบและแปลงที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 กับภูเขาตะเกียบ ตลอดตามแนวยาวของแปลงที่ดินดังกล่าวทางด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดิน ซึ่งเป็นทางสาธารณะที่ประชาชนใช้สัญจรต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
พยานหลักฐานดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นชัดเจนว่าของบริษัทวีรันดาฯ เมื่อครั้งที่เป็นที่ดินตราจอง แนวเขตที่ดินด้านทิศเหนือและด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดิน จะติดกับถนนหรือทางสาธารณะตลอดแนว ไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดินติดชายหาดทะเลหัวหินหรือชายหาดทะเลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชบริเวณด้านเหนือของเขาตะเกียบ และไม่มีส่วนใดของแปลงที่ดินติดพื้นที่เขาตะเกียบโดยไม่มีถนนหรือทางสาธารณะกั้นอยู่
แต่เมื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ทำให้แนวทางสาธารณะสูญหายไปจากหลักฐานโฉนดที่ดินทั้งหมด และมีการระบุแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินที่ต่อจากชายหาดทะเลในหลักฐานโฉนดที่ดินใหม่ เป็นติดกับพื้นที่เขาตะเกียบทั้งหมด ไม่มีแนวทางสาธารณะตามที่ปรากฏอยู่ในตราจองอีก โดยแนวทางสาธารณะที่หายไป ปัจจุบันเป็นแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 80321 ซึ่งตามรายงานผลการรังวัดแนวเขตตามโฉนดที่ดินของบริษัท วีรันดา อยู่ลึกเข้าไปกินเนื้อที่ของถนนลาดยาง ทำให้บางส่วนของผิวจราจรถนนลาดยางทับซ้อนเข้าไปในเขตหลักหมุดที่ดิน ประมาณ 1.50 – 2.00 เมตร “แสดงให้เห็นว่าการรังวัดเพื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 มีการเปลี่ยนแปลงแนวเขตด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินให้ติดชายหาดทะเลและติดพื้นที่เขาตะเกียบแทน ทำให้ทางสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 81256 และทำให้ทางสาธารณะที่ต่อจากชายหาดทะเลเข้าไปกั้นระหว่างแปลงที่ดินพิพาทกับพื้นที่เขาตะเกียบสูญหายไปทั้งหมด
โดยทำให้ถนนหรือทางสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 81254 เต็มแปลง และเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 82765 เต็มแปลง ทำให้แนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 80321 รุกล้ำทางสาธารณะที่เป็นทางลาดยางปัจจุบันตลอดแนวด้วย การรังวัดเพื่อเปลี่ยนตราจองเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 9155 ทำให้ถนนหรือทางสาธารณะที่เคยมีอยู่กลายเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาท เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทำให้โฉนดที่ดินของบริษัทวีรันดา ที่แบ่งแยกจากที่ดินแปลงดังกล่าวทุกฉบับ ในส่วนที่เคยเป็นถนนหรือทางสาธารณะที่ติดกับแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว ในส่วนที่เป็นพื้นที่ของโฉนดที่ดินแต่ละฉบับ เป็นโฉนดที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
จึงพิพากษาให้เพิกถอนโฉนดที่ดินของบริษัทวีรันดาฯ เลขที่ 81256 เฉพาะส่วนที่เป็นพื้นที่แนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออก กว้าง 5 เมตร ที่ติดกับแนวชายหาดทะเล ของแปลงที่ดินดังกล่าวตลอดแนว โฉนดที่ดินเลขที่ 81254 เต็มแปลง โฉนดที่ดินเลขที่ 82765 เต็มแปลง และ โฉนดที่ดินเลขที่ 80321 ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เฉพาะส่วนที่รุกล้ำหรือทับซ้อนกับแนวเขตถนนลาดยางหรือแนวเขตถนนเดิม ตามแนวเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินตลอดแนว เพื่อให้ถนนลาดยางหรือถนนเดิมมีความกว้าง 5 เมตร ตลอดแนวเขตที่ดินดังกล่าวดังเดิม
ให้อธิบดีกรมที่ดินกับพวกรังวัดกันเขตที่ดินด้านทิศตะวันออกของแปลงที่ดินใหม่ เพื่อถอยร่นเข้าไปในแปลงที่ดินของบริษัทวีรันดา ให้เป็นถนนหรือทางสาธารณะตามผลการเพิกถอนโฉนดที่ดินทั้ง 4 แปลงดังกล่าว โดยให้เจ้าพนักงานที่ดินจ.ประจวบคีรีขันธ์สาขาหัวหิน แจ้งให้นายสมศักดิ์กับพวก เข้าร่วมสังเกต รวมทั้ง แจ้งกำหนดนัดการรังวัดพร้อมส่งสำเนาคำพิพากษาให้เทศบาลเมืองหัวหิน สำนักงานเจ้าท่าที่รับผิดชอบในพื้นที่ นายอำเภอหัวหิน ผู้ปกครองท้องที่ หรือหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ส่งตัวแทนเข้าร่วมดำเนินการ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ ให้ส่งมอบแนวเขตถนนหรือทางสาธารณะตามผลการรังวัดกันเขตดังกล่าวให้แก่เทศบาลเมืองหัวหิน เพื่อให้เทศบาลเมืองหัวหินเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำทางสาธารณะ และทำการก่อสร้างปรับปรุงให้เป็นถนนสาธารณะดังเดิมต่อไป ทั้งนี้ ให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา
https://www.thansettakij.com/content/politics/442176
ด้าน นายวีรวฒัน องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรนัดา รีสอรท์ จำกัด (มหาชน) หรือบริษัท วีรนัดา รีสอรท์ แอนด์ สปา ระบุว่า บริษัทซื้อที่ดินต่อจากเจ้าของเดิมปี2558 ขณะการออกโฉนดที่ดิน เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2522
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2563 บริษัทได้..รายงานความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นจากคดีพิพาท ต่อ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีสาระสำคัญดังนั้น ตามที่บริษัท เรียกเข้าเป็นผู้ร้องสอดในคดีของศาลปกครอง เพชรบุรีคดีหมายเลขดำ ที่ 26/2562 คดีหมายเลขแดง 94/2563 บริษัทจึงขอรายงานความเสียหายที่อาจจะอาจจะเกิดขึ้นจากคดีพิพาทดังนี้ คดีดังกล่าว โจทก์ได้ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2562 โดยศาลปกครองได้มีคำสั่งเรียกให้ บริษัท เข้าเป็นผู้ร้องสอด เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2562 มีผู้ฟ้องจำนวน 6 คน ได้แก่ (1) นางบญุมา ไพศาล, (2) นายประเสริฐ เทียมทัด (3) นายประสาร พวงสวุรรณ์, (4) นายสมชาย เขียวขา, (5) นายสมศักดิ์ เขียวขา, (6) นายสนั่น สกุสี ผู้ถูกฟ้องคดี ได้แก่อธิบดีกรมที่ดินที่ดิน จำเลยที่ 1 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สาขาหัวหิน (เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เดิม) จำเลยที่ 2 ผู้ร้องสอด บริษัท วีรนัดา รีสอรท์ จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท วีรนัดา รีสอรท์ แอนด์ สปา จำกัด จำเลยที่ 3 คดีพิพาทเกี่ยวกับ..การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐออกคำสั่งโดยมิชอบด้วยกฎหมายและการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่ ของรัฐอันเกิดจากการใช้อำนาจตามกฎหมาย หรือจากคำสั่งทางปกครอง 4 หากพิจารณาถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นพบว่าพื้นที่โฉนดที่เป็นคดีพิพาทมีขนาดพื้นที่ประมาณ 53 ตารางวา อยู่ในส่วนของโรงแรมซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้าง (โรงแรม เวอโซ หัวหิน)
โดยบริษัทคาดว่าจะมีขนาดรายการที่ดินมีมูลค่าทางบัญชีไม่เกิน 5,000,000 บาท และไม่กระทบสิ่งปลูกสร้างของบริษิท และ เนื่องจาก ในขณะนี้คดีดังกล่าวได้มีคำพิพากษาศาลปกครอง (ชั้นต้น) เท่านั้น ดังนั้นบริษัทจึงจะดำเนินการยื่นอุทธรณ์ คำพิพากษาของศาลปกครองต่อศาลปกครองสูงสุด ตามเวลาที่กฎหมายกำหนดและ และภายหลังหากคำพิพากษาปกครองสูงสุด เป็นเหตุให้บริษัทไม่ได้รับความเป็นธรรม บริษัทฯ จะพิจารณาดำเนินการยื่นคำร้องต่อตณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล เนื่องจากประเด็น ข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน นี้ ได้เคยมีการวินิจฉัยและยังมีคำพิพากษาฏีกาถึงที่สุดแล้วครั้งหนึ่ง ว่าการออกโฉนดที่ดินแปลงนี้ เป็นการออกโดยชอบด้วยกฎหมาย