[CR] รีวิว Digimon Last Evolution จากคนที่เคยผ่านวัยเด็กมากับ Digimon ภาคแรก

สวัสดีทุกท่านครับ

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเขียนรีวิวหนังบนเว็บ Pantip ซึ่งก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีหนังที่ดูแล้วรู้สึกว่าประทับใจจนอยากมาเขียนรีวิว (ก่อนหน้านี้มีเขียนรีวิวมือถืออยู่บ้าง) มีอะไรผิดพลาดไปบ้างก็ขออภัยมาล่วงหน้า ณ ที่นี้ด้วยครับ

ว่าด้วยเรื่องก่อนจะมาดูหนัง
Digimon ภาคแรก ถ้าจำไม่ผิดคงเป็นตอนอายุประมาณ 14 ที่ได้ดูผ่านช่อง 9 อสมท ในเวลานั้น ถ้าให้นึกย้อนกลับไปว่าเนื้อเรื่องเป็นอย่างไร ผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่จำได้ คือเป็นการ์ตูนเรื่องที่ต้องดูให้ได้ในทุกวันเสาร์-อาทิตย์ นอกจากดูแล้วก็ยังต้องรบเร้าให้พ่อแม่ซื้อ Digimon ไปสู้กับเพื่อนที่โรงเรียนด้วย ตามประสาเด็กยุคที่อินเตอร์เน็ตยังไม่ได้มีอะไรให้เล่นมากมาย และโทรศัพท์มือถือก็ยังมีเสาอยู่เลย
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมามีเพื่อนรุ่นน้องมาชวนไปดู ผมเองไม่เคยรู้เลยว่าจะมีเรื่องนี้มาฉาย แต่ก็ใช้เวลาตัดสินใจไม่นาน หลักๆก็คงเพราะได้ยินชื่อนี้แล้วก็นึกย้อนวัยขึ้นมา ที่เซอร์ไพรส์อยู่นิดหน่อย ก็เป็นตอนที่เห็นโปสเตอร์หนังว่าเป็นตัวละครชุดเดียวกับที่เคยดูเมื่อตอนเด็กเลย แต่โตขึ้น
ความรู้สึกเกี่ยวกับเนื้อเรื่อง

ตอนที่เข้ามาดู ผมเองไม่ได้คาดหวังอะไรกับเนื้อเรื่องเลย การตูนญี่ปุ่นประมาณนี้ เนื้อหาก็มักจะเป็นต่อสู้ มิตรภาพ แพ้ก่อนแล้วค่อยมาชนะ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดจากที่คาด

แต่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย คือความรู้สึกตั้งแต่เริ่มเรื่อง ว่าเหมือนได้เจอเพื่อนเก่าที่สนิทกัน แต่ไม่ได้เจอกันมานานมากๆ แล้วก็ได้เห็นว่าเพื่อนๆเหล่านั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง ทุกวันนี้ทำอะไรกันอยู่ ก็พาลให้ชื่นใจอย่างบอกไม่ถูก

*****
[คำเตือน มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ ถ้ายังไม่ดูให้ข้ามไปก่อนนะครับ]
เนื้อเรื่องหลัก คือช่วงเวลาที่เด็กๆในภาค 1 โตกันหมดแล้ว และเกิดคดีประหลาดที่ทำให้เด็กที่มี Digimon อยู่ในอาการโคม่า ซึ่งแก๊งค์ตัวละครในเรื่องก็จะต้องตามสืบหาที่มาและขจัดเหล่าร้ายต่อไป
เมื่อเรื่องดำเนินมาระยะหนึ่ง พระเอกของเรื่องทั้งสองคน (ไทจิ ยามาโตะ) ก็เริ่มรู้ว่า ตัวเองกับ Digimon คู่หู เหลือเวลาร่วมกันอีกไม่มาก เพราะเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ Digimon ก็จะหายไป
เหตุผลที่ Digimon จะหายไป เป็นเพราะว่าเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ "ความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด" ก็หายไปด้วย
ในตอนจบของเรื่อง ก็ถึงเวลาที่ Digimon คู่หู ต้องจากไปจริงๆ
*****

จะว่าไป ตอนเด็กๆ ผมเองเคยคิดว่าจะได้เป็นนักบินอวกาศ ได้เป็นอุลตร้าแมน เป็นนักแข่งรถ เป็นหมอ เป็นนักวิทยาศาตร์ และเป็นอีกสารพัดเกินกว่าจะจำไหว

รู้ตัวอีกทีก็เหลืออยู่ไม่กี่อย่างแล้ว
สำหรับมนุษย์เงินเดือนทั่วไปอย่างผม ก็คงจะเหลือแค่ว่า ทำผลงานยังไงให้ผู้บริหารได้เห็น ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง ให้มีฐาะทางการเงินมั่นคง เลี้ยงครอบครัวได้

เรียกว่าห่างไกลจาก "ความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัด"  ไปเยอะเลย
เพราะอย่างนั้น Digimon คู่หูที่อยู่กับเรา ก็เลยต้องไป

ใน Timeline ของเรื่อง ไทจิและยามาโตะ อยู่กับ Digimon ของตนเองตั้งแต่ในภาคแรกที่เราได้ดูกัน จนมาแยกจากกันในภาคนี้ พระเอกทั้งสองคนได้ใช้ "ความเชื่อมั่นในความเป็นไปได้ครั้งสุดท้าย" แปลงร่าง Digimon ของตนเอง เพื่อเอาชนะ Boss ใหญ่ในเรื่อง
ในโลกแห่งความเป็นจริง การ์ตูนตอนแรก กับภาคหนังโรงที่กำลังฉายอยู่นี้ ห่างกัน 20 ปีพอดี
เป็น 20 ปี ที่กลับมาถามเด็กๆที่มีความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนในวันนั้น ว่าวันนี้โตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว ยังมีความเป็นไปได้อะไรเหลืออยู่อีกมั้ย
ผมคงเอา Digimon ของตัวเองกลับมาไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอจะเพิ่มจำนวน "ความเป็นไปได้" ขึ้นจากที่มีในตอนนี้ได้
เรียกได้ว่าเป็นการทิ้งระยะตอนจบที่ถูกจังหวะถูกเวลา
******

ส่งท้าย
ผมเองคงจะบอกไม่ได้ ว่าหนังเรื่องนี้มันจะโดนใจใครที่ไปดูได้บ้าง
แต่ถ้าอย่างน้อย คุณเคยมีความทรงจำดีๆกับ Digimon ภาคแรกเมื่อวัยเด็ก ก็ขอให้ไปดูเถอะครับ เพราะนี่คือตอนจบจริงๆของการ์ตูนเรื่องนี้ เป็นการปิดเรื่องที่สมบูรณ์ตามการเปลี่ยนผ่านวัยของคนดู
ใครที่วันนี้มีลูกแล้ว พาลูกไปดูเพลินๆได้ สำหรับเด็กๆแล้ว ถ้าไม่คิดอะไรมาก หนังก็สามารถเข้าใจและสนุกไปด้วยได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

รีวิวนี้คงจบเพียงเท่านี้ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะครับ
ชื่อสินค้า:   Digimon Last Evolution
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่