Freedom of Speech คืออย่างไร ? .................................... โดย ตระกองขวัญ

กระทู้คำถาม
แตกประเด็นจาก  https://pantip.com/topic/40063082



.

ประการแรกต้องเข้าใจก่อนนะครับว่า   เสรีภาพในการพูดคืออะไร
ก็คือ  อยากพูดเมื่อไร  อะไร  ก็ได้   ไม่มีใครปิดกั้นได้  ไม่มีกฎหมายห้าม  บังคับไม่ให้พูด

นี่แหละ   freedom of speech

ประการต่อมา  เมื่อพูด  คำพูด  ถ้อยคำ  ควรอย่างไร
ตรงนี้  เป็นเรื่องของวัฒนธรรม  จารีต  ขนบ  ของสังคมเข้ามามีส่วนด้วย
บางสังคม  คำ ถ้อยคำ  นั้น ๆ  ไม่ใช่คำหยาบ  ไม่ใช่คำผิด  ไม่ใช่ hate speech
แต่บางสังคม  ถือว่าเป็นเรื่องไม่ควร

นี่คือ  หลักการและวิถีของประชาธิปไตย
ไม่ใช่ประชาธิปไตยต้องอ่อนหวาน  สุภาพ  เรียบร้อย เท่านั้น   ประชาธิปไตยก็หยาบได้  ด่าได้  โหวกเหวกโวยายได้

.

ถ้อยคำ  คำพูด  ต้องตีความ  ต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้อง
อย่าเหมารวมว่าเป็นการละเมิด  ว่าเป็นการปิดกั้น  ว่าเป็นการทำร้ายไปซะทั้งหมด

อย่างจอห์น วิญญู  หรือนักข่าวหญิงคนนั้น    ก็แค่คำสบถ  คำด่าสั้น ๆ  
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องหลักการประชาธิปไตย  ไม่ได้มีอะไรไปยุ่งกับเสรีภาพในการพูดสักนิด
เป็นแค่ถ้อยคำแสดงความไม่พอใจ   ไม่ใช่การพูดเพื่อสร้างความเกลียดชัง  หรือมุ่งทำลาย  หรือไม่ยอมรับความเห็นต่างแต่อย่างใดเลย

.

คำว่า  F U    คำว่า  รัฐบาล..........
เป็นคำสร้างความเกลียดชังหรือไม่ ?

หากจะตีความอย่างนั้น  ก็ตีความได้
แต่หากพิจารณาอย่างเป็นธรรม  จะเห็นว่า  ถ้อยคำนั้น  ไม่ได้เร่งเร้า  ไม่ได้มุ่งสร้างความเกลียดชัง
เป็นแค่การด่า  เป็นแค่คำสบถ  เป็นแค่การแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่คนถูกด่าได้กระทำลงไป หรือแสดงออกมา
ห่างกันเยอะครับ กับการสร้างความเกลียดชัง  การหนุนการใช้ความรุนแรงต่อผู้อื่น  การเหยียดหยาม  การยุยงให้กระทำผิดกฎหมาย

Freedom of Speech  คือการไม่กีดกัน  ไม่ปิดกั้น   
ก็เหมือน Freedom of Expression   ที่ต้องไม่ถูกกีดกันกั้นปิด   

ในกฎสากล  ก็จะมีหลักว่า   เชิญตามสบาย  อยากพูดอะไร  แสดงออกอะไร  เชิญตามสบาย  ได้เต็มที่
แต่ไม่ควรส่งเสริมความเกลียดชัง  ไม่ควรหนุนและกระตุ้นความรุนแรง  การก่อการร้าย  การทำผิดกฎหมาย  การเหยียดหยามดูหมิ่น

ในเสรีภาพ  ก็มีกรอบของเสรีภาพ   แต่กรอบของเสรีภาพ  ไม่ใช่กรอบเพื่อปิดกั้น
แต่คือกรอบเพื่อรับผิดชอบผลของการพูดการกระทำ  

จะเข้าใจเรื่องนี้ได้ง่าย ๆ   ก็ให้มองย้อนอดีตเพื่อเปรียบเทียบเชิงประจักษ์
คำพูด ถ้อยคำ วิธีการของพันธมิตร   กปปส.   สลิ่ม   กับคำพูดด่าหยาบ ๆ คาย ๆ ของคนที่ถูกเรียกว่าฝ่ายประชาธิปไตย
ใครสร้างความเกลียดชัง  หนุนความรุนแรง  เหยียดหยาม  ผิดกฎหมาย  ???    ที่ขัดหลักเสรีภาพในการพูด 

.

ด่ากันได้ครับ   หยาบคายใส่กันได้ครับ    ด่ากันมา  หยาบกันมาเป็นร้อยเป็นพันปีแล้วครับ   
ต้องแยกแยะกับการปิดกั้นกีดกันไม่ให้พูด (เมื่อหกปีก่อน มีกฎหมายห้ามวิจารณ์คณะบุคคลนั่นแหละ) 
ต้องแยกแยะจากการพูดสร้างความรุนแรง  สร้างความเกลียดชัง  เหยียดหยามแบบคนหลักแสนมีค่ากว่าคนหลักล้าน 

Freedom of Speech   ไม่ต้องดูอื่นไกลครับ  ดูในราชดำเนินเรานี่แหละ   แค่จากพูดเป็นตัวอักษร
ใครสุภาพ  ก็ได้รับการยอมรับ  ได้รับการรับฟัง   ใครหยาบคายก็ไม่ได้รับการยอมรับ  หยาบมาก ๆ ก็โดนประณามและประจาน
เป็นแค่เรื่องวัฒนธรรม จารีต ขนบของสังคม   ไม่ใช่เรื่องหลักการประชาธิปไตย  ไม่ใช่เรื่องเสรีภาพในการพูด การแสดงออก

.

ประชาธิปไตย  ไม่มีอะไรให้ต้องด่าครับ   ทำได้แค่ไม่เห็นด้วย  ไม่เอาด้วย
หากจะด่า  ต้องด่าคนครับ

เช่น  ประชาธิปไตยไม่เอาไหน  ใคร ๆ ในโลกก็ไม่เอาด้วยกับประชาธิปไตย  ประชาธิปไตยเป็นที่เกลียดชัง   ก็ด่าคนหนุนประชาธิปไตย   

ลองมองมุมตรงกันข้ามดูนะครับ

และอะไรล่ะคือเครื่องวัดว่า  การวิจารณ์สร้างสรรค์หรือไม่สร้างสรรค์ ?
วิจารณ์อย่างสุภาพ   วิจารณ์อย่างรุนแรง  หรือหยาบคาย  อะไรสร้างสรรค์กว่ากัน    ขึ้นกับเนื้อหาไม่ใช่เหรอครับ  ไม่ได้ขึ้นกับคำพูด

ว่าง ๆ คุณมนุษย์จับฉ่าย   ลองอ่าน  ลองพิจารณานะครับ
ระหว่างการวิจารณ์ของคนชื่อ ดร.นิว   กับ ปิยบุตร    ใครสร้างสรรค์  ใครทำลาย    ไม่มีคำหยาบครับ

อย่างจอห์น  วิญญู   ดุเดือด  หยาบบ้าง  หยาบเยอะ  ตามสไตล์   แต่ผมเห็นว่า  สร้างสรรค์ทั้งนั้น
แต่อย่างธนกร  พปชร.  ไม่หยาบ  แต่ไร้รสนิยม และไม่สร้างสรรค์อะไรเลย

หรือดู ปชป. ก็ได้ครับ  ทั้งพรรค   ไม่หยาบ  แต่เห็นอะไรที่สร้างสรรค์บ้างครับ  

และที่หยาบประจำ  ไม่เคยสร้างสรรค์อะไร  ก็มีให้เห็น  แต่เอ่ยนามไม่ได้

เป็น Freedom of Speech  ทั้งนั้นครับ     ที่ต้องแยกแยะ ตีความ และมีความเข้าใจที่ถูกต้อง

.

เข้าใจตรงกันนะ
OK
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่