สองหนุ่มระยอง ถูกตร.อุ้มชูป้ายใส่ประยุทธ์ ร้องกมธ. ชี้ จนท.จ้องยัดข้อหา-ทำเกินกว่าเหตุ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2268691
“สองหนุ่มระยอง” ที่ถูกตร.อุ้มหลังชูป้ายวิจารณ์ “บิ๊กตู่” ร้องกมธ.กฎหมาย ชี้ จนท.ทำเกินกว่าเหตุ ด้าน กมธ. เด้งรับ จ่อเรียกผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจง ด้าน “ช่อ” กังวล เหตุหนักกว่าทุกครั้งโดนตร.นอกเครื่องแบบด้วย
เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กาารยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกมธ.ฯ น.ส.
พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะที่ปรึกษากมธ. รับหนังสือร้องเรียนจากนาย
ภานุพงศ์ จาดนอก และนาย
ณัฐชนน พยัฆพันธ์ แกนนำเยาวชนภาคตะวันออก ที่ชูป้ายเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาล ระหว่างการลงพื้นที่ของพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
โดย นาย
ภาณุพงษ์ กล่าวว่า เราสองคนไปชูป้ายเพื่อตั้งคำถามกับพล.อ.
ประยุทธ์ เรื่องการเยียวยาคน จ.ระยอง และจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไร โดยมีนักเรียน โรงเรียน ผู้ประกอบการห้างร้าน ที่พัก ในจ.ระยอง ต้องหยุดกิจการกะทันหัน ส่งผลให้เศรษฐกิจของจังหวัดที่กำลังจะดีขึ้นต้องหยุดชะงัก เพราะแขกวีไอพีของท่าน เราจึงไปแสดงการตั้งคำถามกับท่าน แต่พล.อ.
ประยุทธ์ ยังเดินทางมาไม่ถึงเราก็ถูกตำรวจจับโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แม้เราพยายามถามว่าเราผิดอะไร แต่ตำรวจก็อุ้มพวกเราออกไปขึ้นรถพร้อมบอกว่า “
เดี๋ยวมีข้อหาให้เอง” ซึ่งเรารู้สึกว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงได้เดินทางไปที่ สภ.ระยอง เพื่อแจ้งความให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการกับพวกเรา ซึ่งไม่รู้เลยว่าคดีจะมีความคืบหน้าอย่างไร เราไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับประชาชนอีก จึงต้องมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกมธ.ฯให้นำคนผิดมาลงโทษเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง
ด้าน นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน (15 กรกฎาคม) สร้างความกังวลให้กมธ. เนื่องจากเราเชื่อว่าเสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน เราเชื่อว่าประชาชนสามารถตั้งคำถามกับรัฐบาลได้ แต่เราในฐานะกมธ.ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงจะรับเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกมธ.ฯ เพื่อพูดคุยว่าจะเชิญใครเข้ามาชี้แจงบ้าง และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เพื่อที่จะนำผลการศึกษาเรื่องนี้รายงานต่อสภาฯ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
น.ส.
พรรณิการ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นประชาชนนับล้านคนได้ติดแฮชแท็กแสดงความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งกมธ.กังวลว่ากรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ เพียงเพราะประชาชนแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ และพูดในสิ่งที่รัฐไม่อยากได้ยิน โดยเฉพาะเมื่อมีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ก็ใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (15 กรกฎาคม) หนักหน่วงกว่าทุกครั้ง เพราะมีการล็อกคอลากคนขึ้นรถที่ไม่ใช่พาหนะของทางราชการ อีกทั้งผู้กระทำก็เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ในฐานะกมธ.เรากังวล และจำเป็นต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง นอกจากนี้ เราเคยถามไปยังเจ้าหน้าที่หลายครั้งแล้วถึงมาตรการระงับเหตุ กรณีชุมนุมว่าเหตุใดจึงมีการใช้อำนาจรัฐกับคนที่เห็นต่างจากรัฐบาล ซึ่งแตกต่างจากคนที่ชื่นชมรัฐบาล
สภามั่นคงฯ รับ ศบค.บกพร่อง-หละหลวม แย้ม "กลับมาเปิดประเทศ?"
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4515915
สมช. ไม่มีธงต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยอมรับ ศบค. บกพร่อง จนท.หละหลวม นำบทเรียนมาแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะสุดท้าย ต้องเปิดประเทศโดยสมบูรณ์
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พล.อ.
สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงเเห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเเนวโน้มการต่อประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่สัปดาห์หน้า แต่ไม่มีธงอะไรทั้งสิ้น ทำตามสถานการณ์และดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ
เท่าที่ติดตามตอนนี้ก็รอดูผลการตรวจเชื้อคนระยองที่มีความสุ่มเสี่ยง และผู้อาศัยในคอนโดเดียวกับลูกสาวทูตซูดาน ทั้ง 2 กรณียอมรับว่าสุ่มเสี่ยง และศบค.ก็บกพร่อง เจ้าหน้าที่มีความหละหลวม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขกันต่อไป "
จะเเน่วเเน่แก้ไขในสิ่งผิด"
พล.อ.
สมศักดิ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่ทำมาเเต่ต้นในการป้องกันการนำเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ประเทศ เป็นแนวความคิดหลัก แต่เมื่อมีการผ่อนปรนมากขึ้นก็ย่อมมีความเสี่ยง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นหนึ่งในความเสี่ยง แต่เป็นความเสี่ยงที่ได้ใคร่ครวญแล้วอย่างรอบคอบ
และมั่นใจว่าได้กำหนดมาตรการที่เหมาะสมแล้ว แต่เเน่นอนยังมีช่องว่างอยู่ มีความหละหลวม ก็ต้องไปแก้ไขต่อไป แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุให้ขบวนการผ่อนคลายทั้งหมดล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเป็นบทเรียนที่ต้องหาทางปฏิบัติให้ดีขึ้น และอาจเป็นบทเรียนที่ดี เพราะสุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องเปิดประเทศโดยสมบูรณ์ จึงต้องตระหนักและมีมาตรการเข้มข้นขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องเข้าใจวิธีคิด และข้อกำหนดที่ออกไป จะได้ไม่เกิดช่องว่างอีก
"เป็นความผิดพลาดแน่นอน ก็ยอมรับ แต่ไม่ได้ทำให้ขบวนการทั้งหมดล้มเหลวหรือสูญสิ้น ก็ต้องแก้ไขกันต่อไป ทันทีที่เกิดเรื่องเราก็ส่งทีมสาธารณสุขลงไปตรวจ ทั้งที่ระยองและคอนโดที่ลูกสาวทูตไปพัก จนบัดนี้ก็ตรวจไปหลายร้อยคนแล้ว
รวมทั้งผู้ต้องสงสัยจะถูกแพร่เชื้อ ก็ยังไม่พบตัวเลขใดๆ ทั้งสิ้น แต่ไม่ได้ว่าไม่ผิดพลาด เพราะอย่างไรก็ผิดพลาดอยู่ดี แต่อาจจะโชคดีถ้าตัวเลขน้อยหรือเป็นศูนย์ โดยต้องยอมรับความผิดพลาดและแก้ไขกันต่อไป” เลขาฯสมช. กล่าว
JJNY : สองหนุ่มระยองร้องกมธ./สภามั่นคงฯรับศบค.บกพร่อง-หละหลวม/บัสโคราช-ระยองผดส.หาย70% จวกรัฐต้นเหตุ/งบโฆษณามิ.ย.ดิ่ง24%
https://www.matichon.co.th/politics/news_2268691
เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 16 กรกฎาคม ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กาารยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกกมธ.ฯ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ในฐานะที่ปรึกษากมธ. รับหนังสือร้องเรียนจากนายภานุพงศ์ จาดนอก และนายณัฐชนน พยัฆพันธ์ แกนนำเยาวชนภาคตะวันออก ที่ชูป้ายเรียกร้องความรับผิดชอบจากรัฐบาล ระหว่างการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.)
โดย นายภาณุพงษ์ กล่าวว่า เราสองคนไปชูป้ายเพื่อตั้งคำถามกับพล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการเยียวยาคน จ.ระยอง และจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่รัฐอย่างไร โดยมีนักเรียน โรงเรียน ผู้ประกอบการห้างร้าน ที่พัก ในจ.ระยอง ต้องหยุดกิจการกะทันหัน ส่งผลให้เศรษฐกิจของจังหวัดที่กำลังจะดีขึ้นต้องหยุดชะงัก เพราะแขกวีไอพีของท่าน เราจึงไปแสดงการตั้งคำถามกับท่าน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังเดินทางมาไม่ถึงเราก็ถูกตำรวจจับโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา แม้เราพยายามถามว่าเราผิดอะไร แต่ตำรวจก็อุ้มพวกเราออกไปขึ้นรถพร้อมบอกว่า “เดี๋ยวมีข้อหาให้เอง” ซึ่งเรารู้สึกว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ จึงได้เดินทางไปที่ สภ.ระยอง เพื่อแจ้งความให้มีการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่ดำเนินการกับพวกเรา ซึ่งไม่รู้เลยว่าคดีจะมีความคืบหน้าอย่างไร เราไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นกับประชาชนอีก จึงต้องมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อกมธ.ฯให้นำคนผิดมาลงโทษเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง
ด้าน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน (15 กรกฎาคม) สร้างความกังวลให้กมธ. เนื่องจากเราเชื่อว่าเสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน เราเชื่อว่าประชาชนสามารถตั้งคำถามกับรัฐบาลได้ แต่เราในฐานะกมธ.ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย จึงจะรับเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมของคณะกมธ.ฯ เพื่อพูดคุยว่าจะเชิญใครเข้ามาชี้แจงบ้าง และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ เพื่อที่จะนำผลการศึกษาเรื่องนี้รายงานต่อสภาฯ และนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นประชาชนนับล้านคนได้ติดแฮชแท็กแสดงความไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ซึ่งกมธ.กังวลว่ากรณีนี้ไม่ใช่กรณีแรกที่เจ้าหน้าที่ใช้อำนาจเกินกว่าเหตุ เพียงเพราะประชาชนแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ และพูดในสิ่งที่รัฐไม่อยากได้ยิน โดยเฉพาะเมื่อมีพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ก็ใช้อำนาจเกินขอบเขต โดยเฉพาะกรณีที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (15 กรกฎาคม) หนักหน่วงกว่าทุกครั้ง เพราะมีการล็อกคอลากคนขึ้นรถที่ไม่ใช่พาหนะของทางราชการ อีกทั้งผู้กระทำก็เป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ ในฐานะกมธ.เรากังวล และจำเป็นต้องเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง นอกจากนี้ เราเคยถามไปยังเจ้าหน้าที่หลายครั้งแล้วถึงมาตรการระงับเหตุ กรณีชุมนุมว่าเหตุใดจึงมีการใช้อำนาจรัฐกับคนที่เห็นต่างจากรัฐบาล ซึ่งแตกต่างจากคนที่ชื่นชมรัฐบาล
สภามั่นคงฯ รับ ศบค.บกพร่อง-หละหลวม แย้ม "กลับมาเปิดประเทศ?"
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4515915
สมช. ไม่มีธงต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยอมรับ ศบค. บกพร่อง จนท.หละหลวม นำบทเรียนมาแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะสุดท้าย ต้องเปิดประเทศโดยสมบูรณ์
เมื่อวันที่ 16 ก.ค. พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงเเห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงเเนวโน้มการต่อประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่สัปดาห์หน้า แต่ไม่มีธงอะไรทั้งสิ้น ทำตามสถานการณ์และดูจากตัวเลขผู้ติดเชื้อ
เท่าที่ติดตามตอนนี้ก็รอดูผลการตรวจเชื้อคนระยองที่มีความสุ่มเสี่ยง และผู้อาศัยในคอนโดเดียวกับลูกสาวทูตซูดาน ทั้ง 2 กรณียอมรับว่าสุ่มเสี่ยง และศบค.ก็บกพร่อง เจ้าหน้าที่มีความหละหลวม ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องแก้ไขกันต่อไป "จะเเน่วเเน่แก้ไขในสิ่งผิด"
พล.อ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ที่ทำมาเเต่ต้นในการป้องกันการนำเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ประเทศ เป็นแนวความคิดหลัก แต่เมื่อมีการผ่อนปรนมากขึ้นก็ย่อมมีความเสี่ยง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นหนึ่งในความเสี่ยง แต่เป็นความเสี่ยงที่ได้ใคร่ครวญแล้วอย่างรอบคอบ
และมั่นใจว่าได้กำหนดมาตรการที่เหมาะสมแล้ว แต่เเน่นอนยังมีช่องว่างอยู่ มีความหละหลวม ก็ต้องไปแก้ไขต่อไป แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุให้ขบวนการผ่อนคลายทั้งหมดล้มเหลวโดยสิ้นเชิง โดยเป็นบทเรียนที่ต้องหาทางปฏิบัติให้ดีขึ้น และอาจเป็นบทเรียนที่ดี เพราะสุดท้ายวันหนึ่งก็ต้องเปิดประเทศโดยสมบูรณ์ จึงต้องตระหนักและมีมาตรการเข้มข้นขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องเข้าใจวิธีคิด และข้อกำหนดที่ออกไป จะได้ไม่เกิดช่องว่างอีก
"เป็นความผิดพลาดแน่นอน ก็ยอมรับ แต่ไม่ได้ทำให้ขบวนการทั้งหมดล้มเหลวหรือสูญสิ้น ก็ต้องแก้ไขกันต่อไป ทันทีที่เกิดเรื่องเราก็ส่งทีมสาธารณสุขลงไปตรวจ ทั้งที่ระยองและคอนโดที่ลูกสาวทูตไปพัก จนบัดนี้ก็ตรวจไปหลายร้อยคนแล้ว
รวมทั้งผู้ต้องสงสัยจะถูกแพร่เชื้อ ก็ยังไม่พบตัวเลขใดๆ ทั้งสิ้น แต่ไม่ได้ว่าไม่ผิดพลาด เพราะอย่างไรก็ผิดพลาดอยู่ดี แต่อาจจะโชคดีถ้าตัวเลขน้อยหรือเป็นศูนย์ โดยต้องยอมรับความผิดพลาดและแก้ไขกันต่อไป” เลขาฯสมช. กล่าว