สัมมาสมาธิที่เป็นอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิที่เป็นอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ
คือสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ เป็นไฉน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง
ประกอบแล้วด้วยองค์ 7 เหล่านี้แล เรียกว่า สัมมาสมาธิที่เป็นอริยะ
อัน มีเหตุบ้าง มีองค์ประกอบบ้าง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น สัมมาทิฏฐิ
ย่อมเป็นประธาน
ก็สัมมาทิฏฐิย่อมเป็นประธานอย่างไร?
คือ ภิกษุรู้จักมิจฉาทิฏฐิว่ามิจฉาทิฏฐิ รู้จักสัมมาทิฏฐิว่าสัมมาทิฏฐิ ความรู้ของเธอนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ.
(เหรียญย่อมมี 2 ด้านรู้จักเหรียญนั้น.)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 8 นั้น
สัมมาทิฏฐิย่อมเป็นประธาน,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ก็สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร ? คือ ภิกษุ
รู้จักสัมมาทิฏฐิว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ รู้จักมิจฉาทิฏฐิ
ว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความรู้ของเธอนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ.
ภิกษุรู้จักสัมมาสังกัปปะว่าเป็นสัมมาสังกัปปะ, รู้จักมิจฉาสังกัปปะว่าเป็นมิจฉาสังกัปปะ.
ภิกษุรู้จักสัมมาวาจาว่าเป็นสัมมาวาจา,
รู้จักมิจฉาวาจาว่าเป็นมิจฉาวาจา.
ภิกษุรู้จักสัมมากัมมันตะว่าเป็นสัมมากัมมันตะ,
รู้จักมิจฉากัมมันตะว่าเป็นมิจฉากัมมันตะ.
ภิกษุรู้จักสัมมาอาชีวะว่าเป็นสัมมาอาชีวะ,
ภิกษุรู้จักมิจฉาอาชีวะว่าเป็นมิจฉาอาชีวะ.
ภิกษุรู้จักสัมมาวายามะว่าเป็นสัมมาวายามะ,
ภิกษุรู้จักมิจฉาวายามะว่าเป็นมิจฉาวายามะ.
ภิกษุรู้จักสัมมาสติว่าเป็นสัมมาสติ, ภิกษุ
รู้จักมิจฉาสติว่าเป็นมิจฉาสติ.
ภิกษุรู้จักสัมมาสมาธิว่าเป็นสัมมาสมาธิ,
ภิกษุรู้จักมิจฉาสมาว่าเป็นมิจฉาสมาธิ.
ความรู้ของเธอนั้นเป็นสัมมาทิฏฐิ.๑ (
....
ญาณ กล่าวคือ ความเห็น
ชอบว่า เมื่อสัมมาทิฏฐิเป็นประธานสำเร็จ แล้วก็จักรู้ความที่มิจฉาทิฏฐิทั้งหลายเป็นมิจฉาทิฏฐิดังนี้ ให้สำเร็จก่อน.
.....
(ศีล สมาธิ(ฌาน)1-4 ???? ลืม)...
auto.4 ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด....
ปัญญา วิชชา แสงสว่าง.. )
.....
เมื่อเหตุนี้มี ผลนี้ก็ย่อมมี (Why?)
เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด,
เมื่อเหตุนี้ไม่มี ผลนี้ก็ย่อมไม่มี (Why?)
เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้ก็ย่อมดับ ดังนี้.๒
๑. ม.อุ. ๑๔/๒๕๔. ๒. ม.ม. ๑๓/๓๗๑.
(อริยมรรค>>>> 8<<<< ผล 4....
ให้เจริญ... ทำให้แจ้ง... ☀️
เช่นเดียวกัน... เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม เพื่อนิพพานนั่น. เมื่ออมตธรรม ???? เราก็ยังไม่รู้จัก)
.... ทางสายกลางนั้น ....
ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดทั้ง 2 นั่น. เลิก..
(โลกียะ_กามทั้งหลาย<->การทำตนให้ลำบาก)
อุปาทานขันธ์ 5 กำหนดรู้...
ละ... เหตุ.(วิราคะ...ไม่พัวพัน.)
ก็ ตัณหานั่นแล.... ฯลฯ
...อริยสัจธรรม 4 มีรอบ 3 ..อาการ 12
...
“สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล
มีความดับเป็นธรรมดา.” (พระโกณฑัญญะ)
....
“พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ”
(ตถาคต ฯ)
....หมายเหตุ.
YHWH
เมื่อเหตุนี้มี ผลนี้ก็ย่อมมี (Why?)
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงได้ตรัสดังนี้ว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาสมาธิที่เป็นอริยะ อันมีเหตุ มีองค์ประกอบ
คือสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ เป็นไฉน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง
ประกอบแล้วด้วยองค์ 7 เหล่านี้แล เรียกว่า สัมมาสมาธิที่เป็นอริยะ
อัน มีเหตุบ้าง มีองค์ประกอบบ้าง.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 7 นั้น สัมมาทิฏฐิ
ย่อมเป็นประธาน
ก็สัมมาทิฏฐิย่อมเป็นประธานอย่างไร?
คือ ภิกษุรู้จักมิจฉาทิฏฐิว่ามิจฉาทิฏฐิ รู้จักสัมมาทิฏฐิว่าสัมมาทิฏฐิ ความรู้ของเธอนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ.
(เหรียญย่อมมี 2 ด้านรู้จักเหรียญนั้น.)
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาองค์ทั้ง 8 นั้น
สัมมาทิฏฐิย่อมเป็นประธาน,
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ก็สัมมาทิฏฐิ ย่อมเป็นประธานอย่างไร ? คือ ภิกษุ
รู้จักสัมมาทิฏฐิว่าเป็นสัมมาทิฏฐิ รู้จักมิจฉาทิฏฐิ
ว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ ความรู้ของเธอนั้น เป็นสัมมาทิฏฐิ.
ภิกษุรู้จักสัมมาสังกัปปะว่าเป็นสัมมาสังกัปปะ, รู้จักมิจฉาสังกัปปะว่าเป็นมิจฉาสังกัปปะ.
ภิกษุรู้จักสัมมาวาจาว่าเป็นสัมมาวาจา,
รู้จักมิจฉาวาจาว่าเป็นมิจฉาวาจา.
ภิกษุรู้จักสัมมากัมมันตะว่าเป็นสัมมากัมมันตะ,
รู้จักมิจฉากัมมันตะว่าเป็นมิจฉากัมมันตะ.
ภิกษุรู้จักสัมมาอาชีวะว่าเป็นสัมมาอาชีวะ,
ภิกษุรู้จักมิจฉาอาชีวะว่าเป็นมิจฉาอาชีวะ.
ภิกษุรู้จักสัมมาวายามะว่าเป็นสัมมาวายามะ,
ภิกษุรู้จักมิจฉาวายามะว่าเป็นมิจฉาวายามะ.
ภิกษุรู้จักสัมมาสติว่าเป็นสัมมาสติ, ภิกษุ
รู้จักมิจฉาสติว่าเป็นมิจฉาสติ.
ภิกษุรู้จักสัมมาสมาธิว่าเป็นสัมมาสมาธิ,
ภิกษุรู้จักมิจฉาสมาว่าเป็นมิจฉาสมาธิ.
ความรู้ของเธอนั้นเป็นสัมมาทิฏฐิ.๑ (
....
ญาณ กล่าวคือ ความเห็น
ชอบว่า เมื่อสัมมาทิฏฐิเป็นประธานสำเร็จ แล้วก็จักรู้ความที่มิจฉาทิฏฐิทั้งหลายเป็นมิจฉาทิฏฐิดังนี้ ให้สำเร็จก่อน.
.....
(ศีล สมาธิ(ฌาน)1-4 ???? ลืม)...
auto.4 ทำดวงตาให้เกิด ทำญาณให้เกิด....
ปัญญา วิชชา แสงสว่าง.. )
.....
เมื่อเหตุนี้มี ผลนี้ก็ย่อมมี (Why?)
เพราะเหตุนี้เกิด ผลนี้จึงเกิด,
เมื่อเหตุนี้ไม่มี ผลนี้ก็ย่อมไม่มี (Why?)
เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้ก็ย่อมดับ ดังนี้.๒
๑. ม.อุ. ๑๔/๒๕๔. ๒. ม.ม. ๑๓/๓๗๑.
(อริยมรรค>>>> 8<<<< ผล 4....
ให้เจริญ... ทำให้แจ้ง... ☀️
เช่นเดียวกัน... เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้พร้อม เพื่อนิพพานนั่น. เมื่ออมตธรรม ???? เราก็ยังไม่รู้จัก)
.... ทางสายกลางนั้น ....
ไม่เข้าไปใกล้ที่สุดทั้ง 2 นั่น. เลิก..
(โลกียะ_กามทั้งหลาย<->การทำตนให้ลำบาก)
อุปาทานขันธ์ 5 กำหนดรู้...
ละ... เหตุ.(วิราคะ...ไม่พัวพัน.)
ก็ ตัณหานั่นแล.... ฯลฯ
...อริยสัจธรรม 4 มีรอบ 3 ..อาการ 12
...
“สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งมวล
มีความดับเป็นธรรมดา.” (พระโกณฑัญญะ)
....
“พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ”
(ตถาคต ฯ)
....หมายเหตุ.
YHWH