วิเคราะห์ทุกปม! แบบจุใจ ภาค 2 It’s ok to not be ok อ่านสนุก+ได้ความรู้❤️

ใหม่! วิเคราะห์จุใจ ภาค 2  It’s ok to not be ok .




“ซีรีย์คนผิดปกติที่อาจเจอได้ในชีวิตจริง
เพราะโลกนี้ย่อมไม่มี มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบ”

และชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วค่ะ ว่าคนข้างๆเรายังปกติหรือป่าว
เพราะที่วิเคราะห์ไปนี้ ก็คือไม่มีคนปกติเหลือเลย😭

ขอยืนยัน ซีรีย์เรื่องนี้ครบรส พระนางหล่อสวย
บททั้งโรแมนติค ทั้งขำแก้มปริ ภาพสวย บทดี
แถมที่สำคัญ ความรู้แน่นนนน(มากกก)  😂

ปล. ครั้งหน้าจะเริ่มวิเคราะห์ความหมายของผีเสื้อและสัญญะต่างๆ นะคะ ขอกระซิบว่า พบความจริงที่บีบหัวใจมากค่ะ เตรียมทิชชู่กันได้เลยนะคะ 🥺

ปล2. หากผิดพบาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ❤️

#ซีรียเกาหลี
#ItsOkayToNotBeOkay
#ไม่อนุญาติให้นำเนื้อหาไปใช้





1. นัมจูรี (พยาบาลอดีตเพื่อนของนางเอกวัยเด็ก)

ความรู้สึกอิจฉา ริษยา (Envy)
อาจเป็นหนึ่งในอาการของโรคซึมเศร้า(depress)
ความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ(low-self esteem )
โรควิตกกังวล(anxiety)

อาการอิจฉา คือ ความรู้สึกไม่พอใจความสำเร็จของผู้อื่น จนผูกใจเจ็บ และไม่พอใจกับสิ่งที่ตนมี รู้สึกยินดีกับความทุกข์ของผู้อื่น แต่รู้สึกอึดอัดเมื่อเห็นผู้อื่นถูกรัก

สาเหตุ: เกิดจากความลำบากในชีวิตวัยเด็ก การเลี้ยงดูที่เข้มงวด กดดัน คาดหวังในตัวลูกมากเกินไป เปรียบเทียบลูกกับผู้อื่น ทำให้เด็กรู้สึกตึง ไม่ยืดหยุ่น พ่อแม่ไม่ได้สอนให้เด็กรับรู้ว่า เด็กจะเป็นผู้ที่ถูกรักเสมอแบบไม่มีเงื่อนไง ไม่ว่าจะดีหรือร้าย




จากในเรื่องเราจะเห็นว่า แม่ของนัมจูรีมีความชื่นชอบในนางเอก บางทีในช่วงเด็ก แม่ของเธออาจจะนำไปเปรียบเทียบหรือชื่นชมนางเอกมากกว่าลูกของตัวเอง บวกกับหน้าตาและฐานะทางบ้านของนางเอก ทำให้นัมจูรีเกิดปมในใจ ยิ่งเจอการที่พระเอกตีตัวออกห่างเพื่อไปหานางเอก ยิ่งตอกย้ำปมในใจ มีการแสดงออกท่าทีที่ชัดเจนคือฉากที่แสดงสีหน้าเครียดแค้น ขณะขับรถ และตอนที่ทะเลาะกับนางเอก ยังอิจฉาที่พระเอกตะคอกชื่อนางเอก (ทึ้งมากก ว่าคิดได้ยังไง55555)



2. มุนซังแท

พี่ชายของพระเอก เป็นออทิสติกแบบ Autism Spectrum (ASD) หรือภาวะระบบประสาททำงานซับซ้อน

มีอาการหลักคือ
- มีพฤติกรรมซ้ำๆ เช่น สะบัดมือ พูดเลียนแบบ โยนของไปมา ( ฉากที่เปิดการ์ตูน แล้วเลียนแบบบทพูดสนทนาจนจำบทได้)
- มีความรู้สึกต่ออารมณ์ไวมากหรือน้อยมาก (ฉากที่อ่านสีหน้าพระเอกที่เก็บกดออก ตอนที่อยู่ในห้องผอ.โรงเรียน)
- แสดงความสนใจในสิ่งใดสิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว (การชื่นชอบไดโนเสาร์,เงิน,และนางเอก)

“ถึงแม้จะบกพร่องในการพัฒนาด้านอื่น แต่บางครั้งผู้ป่วยออทิสติกก็มีความสามารถไปในด้านใดด้านหนึ่งอย่างสุดโต่ง เช่น ทางด้านดนตรี หรือศิลปะ อย่าง โมสาร์ท หรือ Stephen Wiltshire  ในเรื่องนี้คือพี่ชายพระเอกมีความสามารถในการวาดรูปมาก”

Cr. SANDBOX. Twitter.com



แต่ที่น่าปวดใจคือ จากอาการการเก็บกดของพระเอก ลึกๆแล้ว พระเอกอาจจะเกลียดพี่ชายของตัวเองในใจ เพราะในซีรีย์มีการตัดสลับซีนที่นางเอกบอกว่าพระเอกแสแสร้งตอนที่ พระเอกกำลังกอดพี่ชายของตัวเอง พร้อมกับบอกว่าไม่จริง และพยายามกอดพี่ชายให้แน่นขึ้นไปอีก

เราจะเห็นว่านางเอกพยายามบอกผ่านชั้นเรียนนิทานว่า
“นิทานไม่ใช่ยากดประสาทที่จะมอบแต่ความหวัง
แต่เป็นยาที่กระตุ้นให้เผชิญกับความจริง”



ดังนั้น พระเอกควรเลือกที่จะยอมรับเข้าใจความเหนื่อย
ยอมรับความรู้สึกโกรธของตัวเอง
ที่ต้องมาดูแลพี่ชายที่เป็นออทิสติก
คอยก้มหัวขอโทษในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำ

สิ่งนี้ต่างหากที่จะทำให้พระเอกได้ปลดปล่อยตัวเอง
และเจอความสุขแบบที่พระเอกยืนอิจฉาหนูจิ๋ว
ตอนปลดปล่อยปมตัวเองบนเวทีนั้นเอง



3. ควอนกีโด (หนูจิ๋ว)

เป็นโรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder)
โรคอารมณ์สองขั้ว แบ่งเป็น 2 ช่วง
- ช่วงอารมณ์ซึมเศร้า
- ช่วงอารมณ์ดี ตื่นตัว คึกคักผิดปกติ

อาการ
- อารมณ์สลับระหว่างซึมเศร้ากับอารมณ์ดี ก้าวร้าวสุดขีด
- นอนน้อย แต่ไม่มีอาการเพลีย
- พูดเร็วมาก พูดไม่ยอมหยุด
- การตัดสินใจแย่ เช่น ใช้เงินเกินตัวจนเดือดร้อน ขาดการยับยั้งชั่งใจ

และหนูจิ๋วยังมีอาการรวมกับ
โรคชอบโชว์ของ ( Exhibitionistic)
คือ ตื่นเต้นถ้าได้เปิดอวัยวะเพศของตนในที่สาธารณะ
มักพบในเพศชาย อาจสำเร็จความใคร่
และอาจมีความสุขสุดยอดได้
แต่มักไม่ทำร้ายหรือแตะต้องเหยื่อ



จากฉากหนัง เราจะเห็นว่าปมของหนูจิ๋ว น่าสงสารมาก  พ่อแม่ส่วนใหญ่ ย่อมอยากมีลูกที่ป็นหน้าตาให้ตัวเอง ยิ่งเก่ง ยิ่งหน้าตาดี ยิ่งประสบความสำเร็จ ยิ่งได้รับความรัก หนูจิ๋วเป็นเพียงเด็กคนนึงที่เกิดมาไม่อัจฉริยะเท่าพี่คนอื่น

“ครอบครัวจึงพยายามลบเขาออกไปจากชีวิต”
“และซ้อนสิ่งมีชีวิตที่ผิดพลาดนี้ไว้ ในรพ.”

การที่เขาไปออกไปพูดบนเวทีอย่างมีตัวตน
และถูกแม่ที่พยายามลืมเขามาตลอด ตบหน้า
ความเจ็บนั้น จึงทำให้เขารู้ว่า วันนี้ครอบครัวได้หันลงมามองเขาแล้วนั้นเอง

และเด็กน้อยซอมบี้ อาจเปรียบได้กับหนูจิ๋ว
ที่พ่อแม่ให้ทุกอย่างยกเว้นความรัก

เด็กซอมบี้ พอแม่รู้ว่าเป็นซอมบี้ก็นำไปขังในห้องใต้ดิน อับอาย ปกปิดสังคมที่ลูกไม่ปรกติเช่นลูกคนอื่น ไม่ต่างอะไรกับ ครอบครัว พ่อแม่หนูจิ๋ว สส ที่นำลูกไว้ใน รพ จิตเวช

ให้ปัจจัยในการดำรงชีวิต แต่ไม่มีความรัก ความใส่ใจฟูมฟัก หล่อเลี้ยง มีชีวิตอยู่ แต่ไร้หัวใจ



4.การรักษาของรพจิตรื่นรมย์ VS การรักษาของนางเอก

เรามองว่าการรักษาจากรพ. จิตรื่นรรมย์เหมือนการทายาภายนอก รักษาตามอาการ คนไข้อยู่ในภาวะคึกก็ให้ไปวิ่ง ออกกำลังกายจนเหนื่อย พยายามดูแลตามหลักการแพทย์ปัจจุบัน

แต่การรักษาของนางเอก
คือการให้คนป่วยยอมรับและรักในสิ่งที่ตัวเองเป็น วิธีการอาจบ้าระห่ำ แต่ยิ่งตอนที่หนูจิ๋วปลดปล่อยออกมา ยิ่งทำให้เรารู้สึกมีความสุขแทนหนูจิ๋วมากๆ เหมือนที่ผอ. รพ กล่าว ว่าอาการหนูจิ๋วดีขึ้น เพราะได้แก้ปมจริงๆในใจ

การเลือกเดินหน้าเข้าหาปมของตัวเองต่างหาก ที่อาจจะแก้ปัญหาให้ดีขึ้นจริงๆจากข้างใน

ปล. ชื่อรพ ถ้าแปลตามภาษาเกาหลี จะหมายถึง รพ. ไม่เป็นไร (OK) เป็นชื่อสิ่งที่แสดงความขัดแย้ง(Irony) มากๆ เพราะคนที่ป่วยอยู่ในรพนั้น ล้วนเป็นคนที่สังคมมองว่า “ไม่ OK”  คนดีไซน์ทำออกมาดีมากเลยค่ะ

ปล2.แต่ไม่ได้หมายความว่าการมีอาการเหล่านี้ไม่ควรไปรพ.นะคะ ยิ่งอาการมีผลกระทบกับชีวิตมากเท่าไร การไปพบผู้เชี่ยวชาญยิ่งจะดีมากขึ้นเท่านั้นแค่ในซีรีย์ เขาพยายามสื่อประมาณนี้นะคะ



5. เจ้าของสำนักพิมพ์(ผู้จัดการนางเอก)

อาจเป็นโรค ไฮเปอร์ (Hyperactivity)
และโรควิตกกังวล (GAD)

โรค ไฮเปอร์
คือภาวะอยู่ไม่สุขหรืออยู่ไม่นิ่ง ขาดสมาธิ และไขว้เขวง่าย อาการไฮเปอร์มีรูปแบบแตกต่างกันมากมาย เช่น เคลื่อนไหวไม่หยุด มีพฤติกรรมก้าวร้าว มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่น และสมาธิหลุดได้ง่าย

เราจะเห็นได้ว่าผู้จัดการนางเอก มักมีท่าทางที่ไม่สงบ เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และแสดงออกพฤติกรรมที่โมโหอย่างก้าวร้าว เช่น ปาสิ่งของ การใช้คำพูดรุนแรงกับเลขา



โรควิตกกังวลทั่วไป
(Generalized Anxiety Disorder ,GAD )

คือ การมีความกังวลในเรื่องชีวิตประจำวันทั่วๆไปนานและมากเกินไป เช่น เรื่องงาน ครอบครัว หรือเรื่องเล็กๆน้อยๆ ทำให้มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ความเครียดและความวิตกกังวลที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

เห็นได้ชัดมากคือ ความกังวลเกี่ยวกับนางเอกในแทบทุกเรื่อง ทั้งการทำผม เสริมสวย การที่รพ.พ่อนางเอกโทรมา การที่นางเอกมีข่าว แต่ผู้จัดการกลับกังวล แพนิค จนไม่มีวุฒิภาวะในการจัดการปัญหาใดใด ต้องให้นางเอกคอยบอกทุกครั้ง

อีกทั้งตอนที่นางเอกหายตัวไป เราจะเห็นฉากที่วิ่งออกไปที่ระเบียงเพื่อฆ่าตัวตาย  (สงสารก็สงสารแต่ก็อดขำไม่ได้จริงๆ😂)



6.ผู้หญิงที่อ้วกใส่พระเอกใน EP1
อาจเป็น โรคกินไม่หยุด (BED) หรือไม่ก็ บูลีเมีย(Bulimia)

โรคกินไม่หยุด (BED) คือโรคที่รับประทานอาหารในปริมาณมากกว่าปกติ และไม่สามารถควบคุมตนเองให้หยุดรับประทานได้แม้จะอิ่มแล้วหรือไม่รู้สึกหิวก็ตาม

โรคบูลีเมีย (Bulimia) คือโรคที่ผู้ป่วยล้วงคออ้วกหลังจากรับประทานอาหาร โดยมักจะมีวงจรการกินอาหารปริมาณมากๆ แคลอรี่สูงๆ แล้วล้วงคอเพราะคิดว่าตัวเองมีรูปร่างที่อ้วนผิดปกติ ไม่ตรงกับความเป็นจริง

ทั้ง2 โรค เป็นโรคในกลุ่ม Eating disorder ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวช มักจะมาพร้อมกับโรคซึมเศร้า สามารถรักษาได้โดยการบำบัดและให้ยา



อีกอย่างคือ ชอบสัญลักษณ์ของซีรีย์ที่เลือกใช้รูปน้ำตก การเทข้าวโพด การเทนม เทปลาสดๆ สร้างภาพจำลองแทนการอ้วก เพราะมันให้ทั้งความรู้สึกครบ ทั้งรูปลักษณ์ กลิ่น เสียง

แม้คนดูจะไม่ได้เห็นภาพอ้วกจริงๆแต่ก็จะนึกถึงภาพที่มีกลิ่นลอยตามออกมาทันที เป็นสิ่งที่ว้าวมาก 🤩


ใครอยากอ่านวิเคราะห์ตอนอื่นๆอีก
กดเข้าไปดูในเพจได้นะคะ
https://www.facebook.com/literature001/



ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบค่ะ  ❤️
ปล. หากข้อมูลผิดพบาดประการใด ชี้แจ้งได้เลยนะคะ☺️

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
เว็บไซต์กรมสุขภาพจิต
https://www.pobpad.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่