สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะว่า เป็นคุณแม่ลูกสอง ลูกคนโต 3ขวบ 5เดือน และคนเล็ก 1ขวบ พอดิบพอดี ทั้งคู่อยู่ในวัยกำลังซนเลยค่ะ ก่อนหน้านี้ที่ Work From Home ได้อยู่กับลูกทุกวันมีความสุขมาก แต่พอช่วงนี้ปลดล็อคแล้ว เราก็ต้องกลับไปทำงานประจำแบบเต็มวัน เข้าเช้าเลิกเย็น แถมบางวันมีเลยไปถึงค่ำ ๆ จึงจำเป็นต้องฝากคุณพ่อบ้านบ้าง พี่เลี้ยงบ้าง ให้ช่วยเลี้ยงลูกแทน แต่ด้วยความคิดถึงและเป็นห่วงลูกอยู่ตลอดเวลา เลยตามหาตัวช่วยมาคลายความคิดถึงลูก หาข้อมูลทำการบ้านอยู่นานว่า อะไรที่แม่ Low tech อย่างเราสามารถใช้งานเองได้ไม่ยาก ติดตั้งง่าย สะดวกสบาย ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก นึกขึ้นได้ว่าตอนไปเดินที่งาน BBB ที่เมืองทองธานีเมื่อต้นปี บังเอิญผ่านไปเจอกล้อง เบบี้มอนิเตอร์ Safe & Sound ของแบรนด์ Prince & Princess ฟังพนักงานอธิบายแล้ว ดูใช้งานง่าย พอลองมานั่งหาข้อมูลเพิ่ม คิดว่าตอบโจทย์ แถมราคาไม่แรง เลยตัดสินใจซื้อมาลองใช้ วันนี้เลยตั้งใจจะมารีวิวให้ดู เผื่อจะเป็นประโยชน์กับคุณแม่ท่านไหนที่กำลังอยากได้อยู่เหมือนกันค่า

หน้ากล่องสินค้าดูก็รู้เลยว่าเป็นกล้องสำหรับดูลูกน้อยโดยเฉพาะ ตัวกล้อง เบบี้มอนิเตอร์ สีขาว หน้าตาน่ารักคล้ายหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ มีคู่มือสอนติดตั้งทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ อ่านง่ายเข้าใจได้ไม่ยาก อธิบายทุกขั้นตอนการติดตั้งอย่างละเอียด สายชาร์จยาว 2 เมตร ยาวพอที่จะติดตั้งทั้งบนโต๊ะ หรือบนผนังบ้าน เค้าก็มีขาติดตั้งมาให้พร้อมน๊อต พร้อมใช้ ไม่ต้องวิ่งไปซื้อที่ไหนมาเพิ่มเลยค่ะ
กล้องตัวนี้ทำงานผ่านระบบ WIFI 2.4 GHz แค่เสียบปลั๊ก เครื่องก็พร้อมทำงานทันที แล้วเข้าไปโหลดแอพ Yi IOT เพื่อใช้เชื่อมต่อกับตัวกล้องตามที่คู่มือแนะนำ หรือไปดูวิธีเชื่อมต่อทาง youtube ก็ใช้งานได้เลยง่ายมากๆ สมใจอยากจริง ๆ ค่ะ ที่ ที่ชอบที่สุดของกล้องตัวนี้ คือสามารถเคลื่อนย้ายไปวางที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ย้ายไปวางห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น ตรงไหนก็ได้ ขอแค่มีปลั๊กไฟ กล้องก็สามารถทำงานได้ทุกที่เลยค่า

หลังจากติดตั้ง App Yi Iot เสร็จ ลงทะเบียนใช้งานให้เรียบร้อย ก็สามารถใช้งานได้ทันทีในเวลาอันรวดเร็ว ง่ายมาก ไม่ต้องง้อคุณพ่อบ้านก็ทำเองได้ค่า

หน้าตาแอพบนมือถือ หลังติดตั้งแล้ว พร้อมใช้งาน หน้าตาแบบนี้เลยค่า
เบบี้มอนิเตอร์ ตัวนี้ทำได้หลายอย่างมาก เช่น ตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหวในรัศมีของกล้อง กล้องก็จะหมุนตามจับภาพได้ 355 องศา แล้วส่งแจ้งเตือนมาที่โทรศัพท์มือถือของเราได้เลยทันที (ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวจริงๆ)
Feature ที่แม่ ๆ อย่างเราต้องการ คือสามารถจับเสียงร้องไห้ หรือเสียงความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ได้ เวลาลูกร้อง หรือใครมานั่งคุยกับลูก แอพก็จะแจ้งเตือนขึ้นมาให้คุณแม่ที่อยู่ที่ทำงานก็ได้รู้ทันที พร้อมกับเห็นภาพและได้ยินเสียงแบบ Real time จะได้เรียกคนมาดูลูกได้ทันเวลา อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย คือ ตัวกล้องสามารถแอบเปิดฟังเสียงลูกน้อยได้ด้วยนะ แล้วก็ถ้าหากคิดถึงลูกก็สามารถส่งเสียงไปทักทายลูกผ่านทางโทรศัพท์มือถือของเราได้เลย บางทีเราก็แอบเฝ้าดูความน่ารักของคุณพ่อที่ช่วยเลี้ยงลูกพร้อมฟังเสียงสนทนาระหว่างพ่อลูกเหมือนอยู่ใกล้ ๆ ได้จากทุกที่ แลอีกข้อดีของกล้องตัวนี้คือสามารถสั่งงานควบคุมกล้องได้มากกว่า 1 คน ไว้สำหรับในบางครั้งที่ต้องเปลี่ยนบทบาทการดูแลลูกกับคุณพ่อ คุณพ่อก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของที่บ้าน และสื่อสารกับคุณแม่ได้ในเวลาเดียวกัน หรือบ้านไหนมีญาติเยอะ ก็แชร์ช่วยกันดูลูกดูหลานได้ถึง 5 คนเลยค่ะ กล้องตัวเล็ก ๆ แค่ตัวเดียว ทำได้เยอะขนาดนี้ ถือว่าคุ้มมาก ๆ เลยค่ะ

ภาพจากแอพ แอบส่องคุณพ่อทำงานที่บ้าน ชัดแจ๋ว

เวลาลูกร้องหรือมีคนเดินผ่าน กล้องจะส่งข้อความพร้อมกับบันทึกวีดีโอและส่งมาเตือนเราแบบนี้ค่ะ

ปัญหาที่เคยกังวลตั้งแต่ครั้งแรกว่า ภาพจะชัดไหม มุมกล้องจะแคบไปไหม ตอนห้องมืด ๆ จะมองเห็นลูกน้อยของเรารึเปล่า พอได้ลองแล้วเห็นชัดมาก เพราะกล้องเค้ามีความคมชัด ระดับ FULL HD พอแสงมืด กล้องเค้าก็มีระบบอินฟาเรด ปรับแสงเป็นโหมดกลางคืนได้อัตโนมัติ มองเห็นไกลถึง 10 เมตร ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามานี้ ก็อยากจะแนะนำให้คุณแม่ ๆ ที่กำลังมองหาตัวช่วยไว้บรรเทาความคิดถึงและคลายความกังวลเวลาอยู่ห่างลูก ๆ ตัวช่วยที่ใช้งานง่าย โยกย้ายสะดวก จะติดตั้งหรือวางตรงไหนก็สามารถทำได้ กล้องตัวนี้ช่วยให้หายคิดถึงลูกได้เยอะมากๆ แล้วก็ใช้งานได้นาน สามารถดูย้อนหลังได้ทันทีผ่านมือถือ กดถ่ายภาพ หรืออัดเป็นคลิปวิดีโอเก็บไว้ก็ได้ด้วย ไม่ซับซ้อน เป็นตัวช่วยที่สะดวกสบายมากค่ะ
[CR] รีวิวกล้องดูลูก เบบี้มอนิเตอร์ Safe & Sound สำหรับคุณแม่ working woman โดยเฉพาะ
หน้ากล่องสินค้าดูก็รู้เลยว่าเป็นกล้องสำหรับดูลูกน้อยโดยเฉพาะ ตัวกล้อง เบบี้มอนิเตอร์ สีขาว หน้าตาน่ารักคล้ายหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ มีคู่มือสอนติดตั้งทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ อ่านง่ายเข้าใจได้ไม่ยาก อธิบายทุกขั้นตอนการติดตั้งอย่างละเอียด สายชาร์จยาว 2 เมตร ยาวพอที่จะติดตั้งทั้งบนโต๊ะ หรือบนผนังบ้าน เค้าก็มีขาติดตั้งมาให้พร้อมน๊อต พร้อมใช้ ไม่ต้องวิ่งไปซื้อที่ไหนมาเพิ่มเลยค่ะ
กล้องตัวนี้ทำงานผ่านระบบ WIFI 2.4 GHz แค่เสียบปลั๊ก เครื่องก็พร้อมทำงานทันที แล้วเข้าไปโหลดแอพ Yi IOT เพื่อใช้เชื่อมต่อกับตัวกล้องตามที่คู่มือแนะนำ หรือไปดูวิธีเชื่อมต่อทาง youtube ก็ใช้งานได้เลยง่ายมากๆ สมใจอยากจริง ๆ ค่ะ ที่ ที่ชอบที่สุดของกล้องตัวนี้ คือสามารถเคลื่อนย้ายไปวางที่ไหนก็ได้ตามที่ต้องการ ย้ายไปวางห้องนอน หรือห้องนั่งเล่น ตรงไหนก็ได้ ขอแค่มีปลั๊กไฟ กล้องก็สามารถทำงานได้ทุกที่เลยค่า
หลังจากติดตั้ง App Yi Iot เสร็จ ลงทะเบียนใช้งานให้เรียบร้อย ก็สามารถใช้งานได้ทันทีในเวลาอันรวดเร็ว ง่ายมาก ไม่ต้องง้อคุณพ่อบ้านก็ทำเองได้ค่า
เบบี้มอนิเตอร์ ตัวนี้ทำได้หลายอย่างมาก เช่น ตรวจจับความเคลื่อนไหวได้ ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหวในรัศมีของกล้อง กล้องก็จะหมุนตามจับภาพได้ 355 องศา แล้วส่งแจ้งเตือนมาที่โทรศัพท์มือถือของเราได้เลยทันที (ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวจริงๆ)
Feature ที่แม่ ๆ อย่างเราต้องการ คือสามารถจับเสียงร้องไห้ หรือเสียงความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ได้ เวลาลูกร้อง หรือใครมานั่งคุยกับลูก แอพก็จะแจ้งเตือนขึ้นมาให้คุณแม่ที่อยู่ที่ทำงานก็ได้รู้ทันที พร้อมกับเห็นภาพและได้ยินเสียงแบบ Real time จะได้เรียกคนมาดูลูกได้ทันเวลา อีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย คือ ตัวกล้องสามารถแอบเปิดฟังเสียงลูกน้อยได้ด้วยนะ แล้วก็ถ้าหากคิดถึงลูกก็สามารถส่งเสียงไปทักทายลูกผ่านทางโทรศัพท์มือถือของเราได้เลย บางทีเราก็แอบเฝ้าดูความน่ารักของคุณพ่อที่ช่วยเลี้ยงลูกพร้อมฟังเสียงสนทนาระหว่างพ่อลูกเหมือนอยู่ใกล้ ๆ ได้จากทุกที่ แลอีกข้อดีของกล้องตัวนี้คือสามารถสั่งงานควบคุมกล้องได้มากกว่า 1 คน ไว้สำหรับในบางครั้งที่ต้องเปลี่ยนบทบาทการดูแลลูกกับคุณพ่อ คุณพ่อก็สามารถติดตามความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ของที่บ้าน และสื่อสารกับคุณแม่ได้ในเวลาเดียวกัน หรือบ้านไหนมีญาติเยอะ ก็แชร์ช่วยกันดูลูกดูหลานได้ถึง 5 คนเลยค่ะ กล้องตัวเล็ก ๆ แค่ตัวเดียว ทำได้เยอะขนาดนี้ ถือว่าคุ้มมาก ๆ เลยค่ะ
ภาพจากแอพ แอบส่องคุณพ่อทำงานที่บ้าน ชัดแจ๋ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้