[CR] [Review] Beautiful Thing (1996)


จำได้ว่า กว่าเราจะได้ดู Beautiful Thing ก็ตอนเข้ามหา’ลัย ช่วงปี 2000 แล้ว (เช่าจากร้านเฟม วีดีโอ ท่าพระจันทร์) แล้วน่ามหัศจรรย์มากที่พอได้มานั่งดูในโรงภาพยนตร์ในปี 2020 นี้ เราแทบจะจำอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างที่เห็นบนหน้าจอดูจะเป็นเรื่องสดใหม่เกือบทั้งหมด ยกเว้นฉากจบบนลานกว้างอาบแดดอุ่นๆ ของหนังเพียงเท่านั้นที่กระจ่างชัดในความทรงจำ และยืนยันกับเราได้ว่า เราเคยดูหนังเรื่องนี้มาแล้ว

.
เรื่องราวความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มสองคนที่เป็นเพื่อนบ้านห้องติดกันในแฟลตแห่งหนึ่ง Jamie อยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยวผู้ทำงานเป็นสาวเสิร์ฟในร้านเหล้าที่มีหนุ่มๆ มาติดพันอยู่ตลอดเวลา ส่วน Ste อยู่กับพ่อขี้เมาและพี่ชายเจ้าอารมณ์ ที่เหมือนเค้าจะเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ของทั้งพ่อและพี่เสมอ แล้วหลังจากคืนหนึ่งที่ Ste ต้องมาหลบภัยอยู่ในห้องของ Jamie ความรู้สึกบางอย่างของพวกเค้าก็ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ

.
แอบคิดถึงชีวิตชาวแฟลตของตัวเองอยู่เหมือนกัน เพื่อนบ้านที่สนใจใคร่รู้เรื่องของบ้านข้างๆ เรื่องวายป่วงของแต่ละบ้าน หรือแม้แต่การส่งเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน มันสนุกดีนะเออ! เช่นเดียวกับความทรงจำตอนไปเที่ยวผับบาร์เกย์เป็นครั้งแรกในชีวิต ตอน ม.6 (Freeman Dance Arena ที่สีลม) ก็คล้ายกับประสบการณ์แรกของ Jamie กับ Ste มาก! แล้วถึงแม้ Beautiful Thing จะนำเสนอประเด็นการเป็นวัยรุ่นมันเจ็บปวด (แล้วการเป็นเกย์วัยรุ่นมันก็เป็นเรื่องเจ็บปวดยิ่งกว่า) แต่มันก็มีพลังบวก ความสดใส และความงดงามผุดพรายเป็นประกายอยู่ตลอดทั้งเรื่อง สมกับชื่อเรื่องนั่นแหละ

.
มีหลายฉากที่โดดเด่น น่ารัก และน่าจดจำมากๆ ฉากเลิฟซีนที่พอดูในวันนี้เป็นอะไรที่เราเคยเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่มันก็ทำให้ใจเต้นโครมครามได้อยู่ ฉากเปิดเผยความในใจระหว่างลูกชายเกย์กับแม่ ที่ไม่ได้ดีงามแค่ฉาก Come Out แต่ลากยาวไปทุกฉาก ทั้งการคุยเล่น ประชดประชัน ไปจนถึงตบตีด่าทอ แล้วตัวละครเล็กๆ ที่รายรอบ Jamie กับ Ste ก็มีเสน่ห์ล้นเหลือ โดยเฉพาะ Leah เด็กสาวผิวสีแรดๆ ที่โผล่มาขโมยซีนทุกฉาก และ Tony ช่างทาสีผู้เทียวไล้เทียวขื่อแม่ของ Jamie ช่างเป็นตัวละครที่จินตนาการถึงชีวิตของพวกเค้าต่อไปได้ไม่รู้จบ

.
นึกเปรียบเทียบตัวเองว่า ถ้าเราได้ดู Beautiful Thing ตอนเป็นเด็กเกย์วัยกะเตาะในยุค 90 จะรู้สึกดีกับตัวเองมากแค่ไหน และจะรู้สึกสบายใจกับความสับสนที่มีมากเพียงใด แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นอดีตที่ผ่านเลยมาแล้ว ดังนั้น ในช่วงอายุขนาดนี้ การนั่งดูหนังที่ว่าด้วยรักแรกอันสดใสบริสุทธิ์ บ่อยครั้งเรามักจะมองมันด้วยสายตาของคนที่ผ่านประสบการณ์รักมาโชกโชน แล้วส่ายหัวให้กับความไร้เดียงสาของเด็กๆ แต่กับ Beautiful Thing นอกจากมันจะชวนให้เราหวนคิดถึงรักแรกอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความฝันอันสดใส มันยังมอบพลังบวกให้กับเรา โดยปราศจากอาการหงุดหงิดหมั่นไส้ใดๆ เลย บางทีอาจเป็นเพราะฉากจบที่จะว่าดูเหนือจริงก็เหนือจริง จะว่ามันดูสมจริงก็มองแบบนั้นได้เหมือนกันก็ได้มั้ง ที่ทำให้เรารู้สึกแบบนี้

อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ เพจ ชีวิตผมก็เหมือนหนัง
ชื่อสินค้า:   Beautiful Thing
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่