ต่อจากกระทู้เก่า ที่เขียนเกี่ยวกับอาชีพต่างๆที่เคยทำมา
กระทู้แรก เส้นทางอาชีพที่รัก ไปสู่จุดสูงสุด และการลาออกจากงาน เส้นทางสายกาแฟ
https://pantip.com/topic/39990731
กระทู้ที่ 2 เส้นทางอาชีพ ที่เริ่มไม่สวย จบก็ไม่งาม กราฟฟิคดีไซน์
https://pantip.com/topic/40003654
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้จะมาเล่าอาชีพแรกในการทำงาน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2552 หรือ 11 ปีที่แล้ว ชีวิตนักศึกษามหาลัยปี 4 ว่างเหลือเกิน มีวิชาเรียนแค่ 1 วิชา 3 หน่วยกิต คือโปรเจคจบ และไม่ต้องเข้าชั้นเรียน แค่ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาทำโปรเจค ด้วยความว่าง บวกกับอยากมีเงินใช้จ่ายนิดๆหน่อยๆ ชวนเพื่อนสนิทไปสมัครงานกัน และเป้าหมายคือพนักงานโรงแรม ขอบอกก่อนว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมในตัวจังหวัด ไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว หลายคนเรียกว่าโรงแรมเซลล์ ซึ่งตอนแรกไม่เข้าใจ เพิ่งมารู้คือกลุ่มคนอาชีพเซลล์จะชอบมานอน ในราคาพิเศษๆ เหตุผลที่นักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สมัครงานโรงแรมคือ อยากทำงานกับคนเยอะๆเจอคนหลายๆแบบ ก่อนที่เราจะเรียนจบและเข้าสู่การทำงานแบบจริงจัง และโรงแรมนี้ใกล้บ้าน แว๊นมอไซต์ แค่ 5-8 นาที อีกอย่างคือ มีพี่ข้างๆบ้านทำอยู่ ชุดทำงานสวยดูดี
วันแรกที่เข้าไปสมัครงาน ไปจอดรถปุ๊บ รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาจากทั่วทิศเนื่องจากด้านหน้าโรงแรมเป็นกระจกสูงจากพื้นถึงเพดาน และคนด้านในจะมองเราเห็นชัดมาก เดินเข้าไปหน้าเคาเตอร์ด้วยความมั่นใจ มาสมัครงานค่ะ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์มีปฏิกิริยาส่งสายตาหากัน เหมือนจะนินทาอะไรสักอย่างและมารู้ตอนหลังว่ามันนินทากันจริงๆ เราและเพื่อนรัก ครีเอทลุคสำหรับการไปสมัครงานอย่างจริงจัง เพราะรู้สึกว่าสำคัญและเป็นงานที่ใช้บุคลิกภาพที่ค่อนข้างดี ลงทุนซื้อเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ดูดีและใส่กับกระโปรงนักศึกษา รองเท้าส้นสูง แต่งหน้ารวบผมใส่เน็ตไปพร้อมมาก เขียนใบสมัครทิ้งไว้ เค้าบอกจะติดต่อกลับตามสไตล์ของ HR
วันถัดไปได้รับโทรศัพท์จาก HR ซึ่งเค้าโทรหาเพื่อนเราก่อน ให้ไปสมัภาษณ์งานกับเจ้าของโรงแรม ในใจเราคิดว่าไม่ได้ เพราะเพื่อนสวยกว่านางคงได้งาน แต่สักพักก็มีโทรศัพท์มาหาเราบอกให้ไปสัมภาษณ์เช่นกัน ดีใจมาก ไปซื้อชุดใหม่อีกครั้งเพราะสัมภาษณ์กับเจ้าของโรงแรม จริงๆคือชุดเดิมไปซื้อเสื้อสูทมาคลุมเพิ่ม และให้พี่ๆที่รู้จักแต่งหน้า ทำผม ให้แบบจริงจังขึ้นมาหน่อยนึง
เข้าไปที่โรงแรม ก่อนเวลานัดประมาณครึ่ง ชม. ตามมารยาททางสังคม ยังไงก็ดีกว่าไปสาย นั่งรอสักพักเค้าก็มาเชิญเข้าไปในห้องทำงานเจ้าของโรงแรม เป็นผู้ชายวัยน่าจะ 30 ปลายๆและภรรยา ก็พูดคุยถามทั่วๆไป และ 1 คำถาม ว่าทำไมเรียนคอมมาแล้วมาสมัครงานโรงแรม คำตอบที่ซ้อมไว้ตั้งแต่เมื่อวานเพราะคิดว่าเค้าน่าจะถาม ก็ตอบไปว่า อยากทำงานกับคนค่ะ เพราะตลอดเวลาที่เรียนมาอยู่แต่กับคอม อยากได้ประสบการณ์ทำงานกับคนค่ะ เจ้าของโรงแรมบอกว่า ขึ้นชื่อว่า คน ก็วุ่นวายหน่อยนะ เราก็ตอบด้วยความมั่นว่า ไม่กลัวค่ะ ต้องการเจอทุกรูปแบบค่ะ เพราะชีวิตนอกรั้วมหาลัย คงพบเจอคนอีกหลายๆรูปแบบค่ะ สรุปเค้ารับและให้มาเริ่มงานในวันถัดไป ให้แต่งกายเสื้อแขนยาวสีขาว กระโปรงดำ รองเท้าส้นสูงดำหรือน้ำตาล รวบผมใส่เน็ต แต่งหน้าพอประมาณ
07.30 วันที่ 25 มีนาคม 2552 เริ่มงานวันแรก ฝ่ายบุคคลพาแนะนำตัวในส่วนพนักงานตอนรับและพ่วงตำแหน่งแคชเชียร์โดยปริยาย เหมือนกันทุกคน มีพี่ๆมาแนะนำตัวและอธิบายการทำงานว่าช่วงเช้า งานที่ทำคือเช็คเอ้าท์ รับชำระเงิน เขียนบิล ทำรายงานสรุป ส่งยอดก็ได้แต่ยืนดูเพราะค่อนข้างวุ่นวาย งานจะเริ่มเบาลงช่วงใกล้พักเที่ยง เพราะแขกจะทะยอยออกหมดแล้ว ถึงเวลาพัก ทางโรงแรมมีการเลี้ยงอาหารเที่ยง ก็มีพี่พาไปที่ครัว อาหารเที่ยงที่จะได้กินคืออาหารจากบุฟเฟ่ช่วงเช้าของลูกค้า ของเหลือนั่นเอง แต่ถ้าวันไหนเหลือน้อยเค้าก็จะทำกับข้าวอื่นๆเพิ่มให้ มีน้ำให้กิน อย่างน้อยๆก็ประหยัด อ่อ อีกอย่าง โรงแรมไม่อนุญาติให้พนักงานออกนอกโรงแรมตลอดเวลาการทำงานและเมื่อเลิกงานก็ไม่สามารถกลับเข้ามาในพื้นที่ของโรงแรม เอ๊ะ โรงแรมหรือโรงเรียนประจำ
ช่วงบ่าย พี่ HR พาทัวร์โรงแรมเพื่อแนะนำกับแผนกต่างๆ เริ่มจากห้องอาหาร ครัว แผนกจัดเลี้ยง พาเดินดูห้องประชุม ดูห้องพักซึ่งมีทั้งหมด 180 ห้อง มีตึก 3 ตึก ตึกละ 3 ชั้น และมีห้องหลายแบบ หลายราคา จบที่แผนกแม่บ้าน เพราะต้องมีการประสานงานกันโดยตรง และมีการปะทะกันแน่นอนอันนี้คนอื่นบอกมา
และมาพบเจอกับฝ่ายการเงิน บัญชี การตลาด เซลล์ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าชุดสวยๆที่พี่ข้างบ้านใส่คือเค้าเป็นเซลล์ เราอดไปก่อน ยังไม่ผ่านโปร เสื้อขาว กระโปรงดำไปก่อน
อาชีพแรกในชีวิต พนักงานต้อนรับโรงแรมเซลล์ โรงเรียนฝึกความอดทน ที่ใช้ได้ตลอดชีวิต
กระทู้แรก เส้นทางอาชีพที่รัก ไปสู่จุดสูงสุด และการลาออกจากงาน เส้นทางสายกาแฟ
https://pantip.com/topic/39990731
กระทู้ที่ 2 เส้นทางอาชีพ ที่เริ่มไม่สวย จบก็ไม่งาม กราฟฟิคดีไซน์
https://pantip.com/topic/40003654
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนี้จะมาเล่าอาชีพแรกในการทำงาน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2552 หรือ 11 ปีที่แล้ว ชีวิตนักศึกษามหาลัยปี 4 ว่างเหลือเกิน มีวิชาเรียนแค่ 1 วิชา 3 หน่วยกิต คือโปรเจคจบ และไม่ต้องเข้าชั้นเรียน แค่ไปหาอาจารย์ที่ปรึกษาทำโปรเจค ด้วยความว่าง บวกกับอยากมีเงินใช้จ่ายนิดๆหน่อยๆ ชวนเพื่อนสนิทไปสมัครงานกัน และเป้าหมายคือพนักงานโรงแรม ขอบอกก่อนว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมในตัวจังหวัด ไม่ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว หลายคนเรียกว่าโรงแรมเซลล์ ซึ่งตอนแรกไม่เข้าใจ เพิ่งมารู้คือกลุ่มคนอาชีพเซลล์จะชอบมานอน ในราคาพิเศษๆ เหตุผลที่นักศึกษาวิทยาการคอมพิวเตอร์ สมัครงานโรงแรมคือ อยากทำงานกับคนเยอะๆเจอคนหลายๆแบบ ก่อนที่เราจะเรียนจบและเข้าสู่การทำงานแบบจริงจัง และโรงแรมนี้ใกล้บ้าน แว๊นมอไซต์ แค่ 5-8 นาที อีกอย่างคือ มีพี่ข้างๆบ้านทำอยู่ ชุดทำงานสวยดูดี
วันแรกที่เข้าไปสมัครงาน ไปจอดรถปุ๊บ รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาจากทั่วทิศเนื่องจากด้านหน้าโรงแรมเป็นกระจกสูงจากพื้นถึงเพดาน และคนด้านในจะมองเราเห็นชัดมาก เดินเข้าไปหน้าเคาเตอร์ด้วยความมั่นใจ มาสมัครงานค่ะ พนักงานหน้าเคาน์เตอร์มีปฏิกิริยาส่งสายตาหากัน เหมือนจะนินทาอะไรสักอย่างและมารู้ตอนหลังว่ามันนินทากันจริงๆ เราและเพื่อนรัก ครีเอทลุคสำหรับการไปสมัครงานอย่างจริงจัง เพราะรู้สึกว่าสำคัญและเป็นงานที่ใช้บุคลิกภาพที่ค่อนข้างดี ลงทุนซื้อเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่ดูดีและใส่กับกระโปรงนักศึกษา รองเท้าส้นสูง แต่งหน้ารวบผมใส่เน็ตไปพร้อมมาก เขียนใบสมัครทิ้งไว้ เค้าบอกจะติดต่อกลับตามสไตล์ของ HR
วันถัดไปได้รับโทรศัพท์จาก HR ซึ่งเค้าโทรหาเพื่อนเราก่อน ให้ไปสมัภาษณ์งานกับเจ้าของโรงแรม ในใจเราคิดว่าไม่ได้ เพราะเพื่อนสวยกว่านางคงได้งาน แต่สักพักก็มีโทรศัพท์มาหาเราบอกให้ไปสัมภาษณ์เช่นกัน ดีใจมาก ไปซื้อชุดใหม่อีกครั้งเพราะสัมภาษณ์กับเจ้าของโรงแรม จริงๆคือชุดเดิมไปซื้อเสื้อสูทมาคลุมเพิ่ม และให้พี่ๆที่รู้จักแต่งหน้า ทำผม ให้แบบจริงจังขึ้นมาหน่อยนึง
เข้าไปที่โรงแรม ก่อนเวลานัดประมาณครึ่ง ชม. ตามมารยาททางสังคม ยังไงก็ดีกว่าไปสาย นั่งรอสักพักเค้าก็มาเชิญเข้าไปในห้องทำงานเจ้าของโรงแรม เป็นผู้ชายวัยน่าจะ 30 ปลายๆและภรรยา ก็พูดคุยถามทั่วๆไป และ 1 คำถาม ว่าทำไมเรียนคอมมาแล้วมาสมัครงานโรงแรม คำตอบที่ซ้อมไว้ตั้งแต่เมื่อวานเพราะคิดว่าเค้าน่าจะถาม ก็ตอบไปว่า อยากทำงานกับคนค่ะ เพราะตลอดเวลาที่เรียนมาอยู่แต่กับคอม อยากได้ประสบการณ์ทำงานกับคนค่ะ เจ้าของโรงแรมบอกว่า ขึ้นชื่อว่า คน ก็วุ่นวายหน่อยนะ เราก็ตอบด้วยความมั่นว่า ไม่กลัวค่ะ ต้องการเจอทุกรูปแบบค่ะ เพราะชีวิตนอกรั้วมหาลัย คงพบเจอคนอีกหลายๆรูปแบบค่ะ สรุปเค้ารับและให้มาเริ่มงานในวันถัดไป ให้แต่งกายเสื้อแขนยาวสีขาว กระโปรงดำ รองเท้าส้นสูงดำหรือน้ำตาล รวบผมใส่เน็ต แต่งหน้าพอประมาณ
07.30 วันที่ 25 มีนาคม 2552 เริ่มงานวันแรก ฝ่ายบุคคลพาแนะนำตัวในส่วนพนักงานตอนรับและพ่วงตำแหน่งแคชเชียร์โดยปริยาย เหมือนกันทุกคน มีพี่ๆมาแนะนำตัวและอธิบายการทำงานว่าช่วงเช้า งานที่ทำคือเช็คเอ้าท์ รับชำระเงิน เขียนบิล ทำรายงานสรุป ส่งยอดก็ได้แต่ยืนดูเพราะค่อนข้างวุ่นวาย งานจะเริ่มเบาลงช่วงใกล้พักเที่ยง เพราะแขกจะทะยอยออกหมดแล้ว ถึงเวลาพัก ทางโรงแรมมีการเลี้ยงอาหารเที่ยง ก็มีพี่พาไปที่ครัว อาหารเที่ยงที่จะได้กินคืออาหารจากบุฟเฟ่ช่วงเช้าของลูกค้า ของเหลือนั่นเอง แต่ถ้าวันไหนเหลือน้อยเค้าก็จะทำกับข้าวอื่นๆเพิ่มให้ มีน้ำให้กิน อย่างน้อยๆก็ประหยัด อ่อ อีกอย่าง โรงแรมไม่อนุญาติให้พนักงานออกนอกโรงแรมตลอดเวลาการทำงานและเมื่อเลิกงานก็ไม่สามารถกลับเข้ามาในพื้นที่ของโรงแรม เอ๊ะ โรงแรมหรือโรงเรียนประจำ
ช่วงบ่าย พี่ HR พาทัวร์โรงแรมเพื่อแนะนำกับแผนกต่างๆ เริ่มจากห้องอาหาร ครัว แผนกจัดเลี้ยง พาเดินดูห้องประชุม ดูห้องพักซึ่งมีทั้งหมด 180 ห้อง มีตึก 3 ตึก ตึกละ 3 ชั้น และมีห้องหลายแบบ หลายราคา จบที่แผนกแม่บ้าน เพราะต้องมีการประสานงานกันโดยตรง และมีการปะทะกันแน่นอนอันนี้คนอื่นบอกมา
และมาพบเจอกับฝ่ายการเงิน บัญชี การตลาด เซลล์ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าชุดสวยๆที่พี่ข้างบ้านใส่คือเค้าเป็นเซลล์ เราอดไปก่อน ยังไม่ผ่านโปร เสื้อขาว กระโปรงดำไปก่อน