คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
ไม่ได้มีหลักฐานการกำหนดสถานะของเมืองพิษณุโลกและเมืองลพบุรีในช่วงเวลาดังกล่าวเป็น "เมืองหลวง" อย่างชัดเจนครับ แต่ทั้งสองเมืองเคยเป็นที่ประทับหลักของพระเจ้าแผ่นดินในช่วงเวลาหนึ่ง
เมืองพิษณุโลกในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรสุโขทัยที่ปกครองโดยพระมหาธรรมราชาราชวงศ์พระร่วง เช่นเดียวกับหัวเมืองเหนือที่สำคัญคือเมืองสุโขทัย เมืองศรีสัชนาลัย เมืองกำแพงเพชร ที่ต่างมีกษัตริย์ปกครอง ในอดีตดินแดนเหล่านี้เคยเป็นอิสระก่อนที่จะถูกกรุงศรีอยุทธยาผนวกมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร กษัตริย์กรุงศรีอยุทธยาทรงเกี่ยวดองกับเจ้านายสุโขทัยหลายพระองค์ผ่านการอภิเษกสมรส
ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราช (เจ้าสามพญา) หัวเมืองเหนือทั้ง ๔ มีสถานะใกล้เคียงกับประเทศราชของกรุงศรีอยุทธยาโดยค่อนข้างเป็นอิสระต่อกัน มีผู้ปกครองคือพระญาบาลเมืองแห่งสองแคว (พิษณุโลก) พระญารามราชแห่งสุโขทัย พระญาเชลียงแห่งสวรรคโลก (ศรีสัชนาลัย) และพระญาแสนสอยดาวแห่งเมืองกำแพงเพชร ทั้ง ๔ มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกรุงศรีอยุทธยาและลงมาถวายงานบ่อยครั้ง ต่อมาสมเด็จพระบรมราชาธิราชจึงทรงสถาปนาพระญาบาลเมือง ซึ่งเป็นพี่น้องของพระราชเทวีของพระองค์เป็นมหาธรรมราชา คือพระมาตุลาของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ด้วยเหตุนี้สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถจึงทรงมีเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงผ่านทางพระราชมารดา
ในต้นรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ หัวเมืองฝ่ายเหนือยังปกครองตนเองค่อนข้างเป็นอิสระอยู่ แต่เกิดเหตุว่าเจ้าฝ่ายเหนือได้แปรพักตร์ไปเข้ากับพระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่ ได้แก่พระญายุทธิษฐิระแห่งเมืองสองแควใน พ.ศ. ๑๙๙๕ พญาเชลียงก่อกบฏเทครัวอพยพใน พ.ศ. ๒๐๐๓) และเมืองนครไทยเทครัวอพยพไปเมืองน่านใน พ.ศ. ๒๐๐๕ เป็นการชักนำเชียงใหม่ขยายอำนาจเข้ามาในดินแดนสุโขทัยเดิมจนต้องทำสงครามกับกรุงศรีอยุทธยาเป็นเวลาหลายปี
สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถจึงเสด็จไปเสวยราชสมบัติที่เมืองพิษณุโลกตั้งแต่ พ.ศ. ๒๐๐๖ จนเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๐๓๑ โดยให้สมเด็จพระบรมราชาธิราช (พระอินทราชา) พระราชโอรสเสวยราชสมบัติที่กรุงศรีอยุทธยาแทน สาเหตุหลักเชื่อว่ามีจุดประสงค์ในการรับศึกทางเมืองเชียงใหม่ และเพื่อสะดวกต่อการดูแลสอดส่องหัวเมืองฝ่ายเหนือไปพร้อมกันด้วย ทั้งนี้ด้วยความที่ทรงมีเชื้อสายราชวงศ์พระร่วง ย่อมทำให้ทรงมีความชอบธรรมมากพอที่จะอ้างสิทธิการปกครองเมืองพิษณุโลกรวมถึงดินแดนสุโขทัยได้
ทั้งนี้พบหลักฐานว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถพยายามรวมศูนย์อำนาจการปกครองมากขึ้น ด้วยการลดอำนาจเจ้านายฝ่ายเหนือดั้งเดิมลง หัวเมืองเหนือทั้ง ๔ ซึ่งเดิมใกล้เคียงกับประเทศราช ปรากฏในกฎมณเฑียรบาลที่บัญญัติในรัชกาลนี้ว่าถูกเปลี่ยนสถานะเป็น "เมืองพญามหานคร" ที่ต้องถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา แม้พบว่าพญามหานครในช่วงแรกยังมีอำนาจมากและมักเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่มาจากการแต่งตั้งของพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา ไม่ได้สืบตระกูลโดยอัตโนมัติเหมือนอย่างประเทศราชในอดีต
กฎมณเฑียรบาลยังกำหนดสถานะของเมืองพิษณุโลก สวรรคโลก และกำแพงเพชรเป็น "เมืองลูกหลวง" แสดงให้เห็นว่ากรุงศรีอยุทธยาพยายามแทรกแซงการปกครองหัวเมืองเหนือด้วยการส่งเชื้อสายราชวงศ์ของตนเองไปปกครองเมืองแทน ด้วยเหตุนี้จึงพบว่าในเวลาต่อมาเมืองพิษณุโลกจึงกลายเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราชจากกรุงศรีอยุทธยาหลายพระองค์
ถึงกระนั้นการรวมศูนย์อำนาจของกรุงศรีอยุทธยาในเวลานั้นก็ยังไม่มากนัก ยังมีพระราชวงศ์ที่มีอำนาจเต็มเป็นกษัตริย์ปกครองหัวเมืองต่างๆ อยู่จำนวนมาก เช่นเดียวกับกรุงศรีอยุทธยาในเวลานั้นที่สมเด็จพระบรมราชาธิราชทรงเสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์หนึ่ง โดยที่อยู่ใต้พระราชอำนาจของพระราชบิดาที่เมืองพิษณุโลกอีกต่อหนึ่งครับ
ลพบุรี เป็นสถานที่ประทับหลักในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งมีบันทึกว่าทรงประทับอยู่ถึงปีละ ๗-๘ เดือน
ในทรรศนะเดิมมองว่าสมเด็จพระนารายณ์สร้างลพบุรีเป็นราชธานีสำรองเพิ่งป้องกันเอกราชคุกคามจากฮอลันดาที่เคยยกกำลังมาปิดปากน้ำเจ้าพระยาราว พ.ศ.๒๒๐๗ แต่เมื่อพิจารณาตามหลักฐานร่วมสมัยแล้วเรื่องนี้ก็ขัดกับหลักฐานของราชทูตฝรั่งเศสที่ว่าสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาก็มากพอที่จะกีดขวางเรือใหญ่ไม่ให้เข้ามาได้แล้ว แล้วแม้ว่าจะมีหลักฐานว่าทรงโปรดไปประทับที่ลพบุรีอยู่ก่อนหน้า แต่ปรากฏหลักฐานว่าพระราชวังลพบุรีเพิ่งกำลังก่อสร้างราว พ.ศ.๒๒๒๓ สอดคล้องกับรายงานราชทูตอิหร่านใน พ.ศ.๒๒๒๕ ที่ว่าเมืองลพบุรีเพิ่งก่อสร้างเมื่อไม่นาน เวลาจึงไม่สอดคล้องกับช่วงที่ฮอลันดาบุกเข้ามา
ข้อสันนิษฐานใหม่คือพระองค์ต้องการหลบเลี่ยงจากสภาวะกดดันที่อยุทธยาตามที่หลักฐานร่วมสมัยหลายชิ้นระบุว่าพระองค์ระแวงว่าจะถูกรัฐประหารซึ่งขุนนางทั้งหลายมีไพร่ในสังกัดที่อยุทธยามาก ส่วนลพบุรีมีหลักฐานที่กล่าวว่าเสมือนเป็น "ฐานอำนาจ" ของสมเด็จพระนารายณ์ที่พระองค์สามารถประทับอยู่อย่างมั่นคงมากกว่า พระองค์โปรดจะประทับอยู่เป็นโวลานานโดยสามารถไว้พระเกียรติได้น้อยกว่าที่อยุทธยา ขุนนางที่ตามเสด็จไม่ได้มีกำลังเหมือนอยู่ที่อยุทธยา สามารถเสด็จออกประพาสล่าสัตว์โดยไม่ต้องมีผู้ติดตามมากเหมือนที่อยุทธยา จนนิโกลาส์ แฌร์แวส (Nicolas Gervaise) มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสร่วมสมัยวิจารณ์ว่าลพบุรีเหมือนกับ "แวร์ซายส์" ของฝรั่งเศส
"แวร์ซายส์" ไม่ได้เป็นเพียงแค่พระราชวังใหญ่โตหรูหรา แต่เป็นศูนย์กลางพระราชอำนาจของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ที่ทรงปกครองแผ่นดินในฐานะรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างเด็ดขาด และทรงควบคุมขุนนางฝรั่งเศสให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ไม่ให้กล้าก่อกบฏได้อย่างสมบูรณ์ต่างจากที่ปารีส การเปรียบเปรยลพบุรีเช่นนี้จึงมีนัยยะทางการเมืองอยู่ชัดเจนครับ
ทั้งนี้มีรายงานว่าเมืองลพบุรีมีอากาศดีและเป็นแหล่งคล้องช้างสำคัญ จึงเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์ในการสำราญพระอิริยาบทด้วยและเสด็จประพาสคล้องช้างเป็นประจำด้วยครับ
เมืองพิษณุโลกในรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรสุโขทัยที่ปกครองโดยพระมหาธรรมราชาราชวงศ์พระร่วง เช่นเดียวกับหัวเมืองเหนือที่สำคัญคือเมืองสุโขทัย เมืองศรีสัชนาลัย เมืองกำแพงเพชร ที่ต่างมีกษัตริย์ปกครอง ในอดีตดินแดนเหล่านี้เคยเป็นอิสระก่อนที่จะถูกกรุงศรีอยุทธยาผนวกมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักร กษัตริย์กรุงศรีอยุทธยาทรงเกี่ยวดองกับเจ้านายสุโขทัยหลายพระองค์ผ่านการอภิเษกสมรส
ในรัชกาลสมเด็จพระบรมราชาธิราช (เจ้าสามพญา) หัวเมืองเหนือทั้ง ๔ มีสถานะใกล้เคียงกับประเทศราชของกรุงศรีอยุทธยาโดยค่อนข้างเป็นอิสระต่อกัน มีผู้ปกครองคือพระญาบาลเมืองแห่งสองแคว (พิษณุโลก) พระญารามราชแห่งสุโขทัย พระญาเชลียงแห่งสวรรคโลก (ศรีสัชนาลัย) และพระญาแสนสอยดาวแห่งเมืองกำแพงเพชร ทั้ง ๔ มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกรุงศรีอยุทธยาและลงมาถวายงานบ่อยครั้ง ต่อมาสมเด็จพระบรมราชาธิราชจึงทรงสถาปนาพระญาบาลเมือง ซึ่งเป็นพี่น้องของพระราชเทวีของพระองค์เป็นมหาธรรมราชา คือพระมาตุลาของสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ ด้วยเหตุนี้สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถจึงทรงมีเชื้อสายราชวงศ์พระร่วงผ่านทางพระราชมารดา
ในต้นรัชกาลสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถ หัวเมืองฝ่ายเหนือยังปกครองตนเองค่อนข้างเป็นอิสระอยู่ แต่เกิดเหตุว่าเจ้าฝ่ายเหนือได้แปรพักตร์ไปเข้ากับพระเจ้าติโลกราชแห่งเชียงใหม่ ได้แก่พระญายุทธิษฐิระแห่งเมืองสองแควใน พ.ศ. ๑๙๙๕ พญาเชลียงก่อกบฏเทครัวอพยพใน พ.ศ. ๒๐๐๓) และเมืองนครไทยเทครัวอพยพไปเมืองน่านใน พ.ศ. ๒๐๐๕ เป็นการชักนำเชียงใหม่ขยายอำนาจเข้ามาในดินแดนสุโขทัยเดิมจนต้องทำสงครามกับกรุงศรีอยุทธยาเป็นเวลาหลายปี
สมเด็จพระบรมไตรโลกนารถจึงเสด็จไปเสวยราชสมบัติที่เมืองพิษณุโลกตั้งแต่ พ.ศ. ๒๐๐๖ จนเสด็จสวรรคตใน พ.ศ. ๒๐๓๑ โดยให้สมเด็จพระบรมราชาธิราช (พระอินทราชา) พระราชโอรสเสวยราชสมบัติที่กรุงศรีอยุทธยาแทน สาเหตุหลักเชื่อว่ามีจุดประสงค์ในการรับศึกทางเมืองเชียงใหม่ และเพื่อสะดวกต่อการดูแลสอดส่องหัวเมืองฝ่ายเหนือไปพร้อมกันด้วย ทั้งนี้ด้วยความที่ทรงมีเชื้อสายราชวงศ์พระร่วง ย่อมทำให้ทรงมีความชอบธรรมมากพอที่จะอ้างสิทธิการปกครองเมืองพิษณุโลกรวมถึงดินแดนสุโขทัยได้
ทั้งนี้พบหลักฐานว่าสมเด็จพระบรมไตรโลกนารถพยายามรวมศูนย์อำนาจการปกครองมากขึ้น ด้วยการลดอำนาจเจ้านายฝ่ายเหนือดั้งเดิมลง หัวเมืองเหนือทั้ง ๔ ซึ่งเดิมใกล้เคียงกับประเทศราช ปรากฏในกฎมณเฑียรบาลที่บัญญัติในรัชกาลนี้ว่าถูกเปลี่ยนสถานะเป็น "เมืองพญามหานคร" ที่ต้องถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา แม้พบว่าพญามหานครในช่วงแรกยังมีอำนาจมากและมักเป็นเชื้อพระวงศ์ แต่มาจากการแต่งตั้งของพระเจ้ากรุงศรีอยุทธยา ไม่ได้สืบตระกูลโดยอัตโนมัติเหมือนอย่างประเทศราชในอดีต
กฎมณเฑียรบาลยังกำหนดสถานะของเมืองพิษณุโลก สวรรคโลก และกำแพงเพชรเป็น "เมืองลูกหลวง" แสดงให้เห็นว่ากรุงศรีอยุทธยาพยายามแทรกแซงการปกครองหัวเมืองเหนือด้วยการส่งเชื้อสายราชวงศ์ของตนเองไปปกครองเมืองแทน ด้วยเหตุนี้จึงพบว่าในเวลาต่อมาเมืองพิษณุโลกจึงกลายเป็นที่ประทับของพระมหาอุปราชจากกรุงศรีอยุทธยาหลายพระองค์
ถึงกระนั้นการรวมศูนย์อำนาจของกรุงศรีอยุทธยาในเวลานั้นก็ยังไม่มากนัก ยังมีพระราชวงศ์ที่มีอำนาจเต็มเป็นกษัตริย์ปกครองหัวเมืองต่างๆ อยู่จำนวนมาก เช่นเดียวกับกรุงศรีอยุทธยาในเวลานั้นที่สมเด็จพระบรมราชาธิราชทรงเสวยราชสมบัติเป็นพระเจ้าแผ่นดินพระองค์หนึ่ง โดยที่อยู่ใต้พระราชอำนาจของพระราชบิดาที่เมืองพิษณุโลกอีกต่อหนึ่งครับ
ลพบุรี เป็นสถานที่ประทับหลักในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ซึ่งมีบันทึกว่าทรงประทับอยู่ถึงปีละ ๗-๘ เดือน
ในทรรศนะเดิมมองว่าสมเด็จพระนารายณ์สร้างลพบุรีเป็นราชธานีสำรองเพิ่งป้องกันเอกราชคุกคามจากฮอลันดาที่เคยยกกำลังมาปิดปากน้ำเจ้าพระยาราว พ.ศ.๒๒๐๗ แต่เมื่อพิจารณาตามหลักฐานร่วมสมัยแล้วเรื่องนี้ก็ขัดกับหลักฐานของราชทูตฝรั่งเศสที่ว่าสันดอนปากแม่น้ำเจ้าพระยาก็มากพอที่จะกีดขวางเรือใหญ่ไม่ให้เข้ามาได้แล้ว แล้วแม้ว่าจะมีหลักฐานว่าทรงโปรดไปประทับที่ลพบุรีอยู่ก่อนหน้า แต่ปรากฏหลักฐานว่าพระราชวังลพบุรีเพิ่งกำลังก่อสร้างราว พ.ศ.๒๒๒๓ สอดคล้องกับรายงานราชทูตอิหร่านใน พ.ศ.๒๒๒๕ ที่ว่าเมืองลพบุรีเพิ่งก่อสร้างเมื่อไม่นาน เวลาจึงไม่สอดคล้องกับช่วงที่ฮอลันดาบุกเข้ามา
ข้อสันนิษฐานใหม่คือพระองค์ต้องการหลบเลี่ยงจากสภาวะกดดันที่อยุทธยาตามที่หลักฐานร่วมสมัยหลายชิ้นระบุว่าพระองค์ระแวงว่าจะถูกรัฐประหารซึ่งขุนนางทั้งหลายมีไพร่ในสังกัดที่อยุทธยามาก ส่วนลพบุรีมีหลักฐานที่กล่าวว่าเสมือนเป็น "ฐานอำนาจ" ของสมเด็จพระนารายณ์ที่พระองค์สามารถประทับอยู่อย่างมั่นคงมากกว่า พระองค์โปรดจะประทับอยู่เป็นโวลานานโดยสามารถไว้พระเกียรติได้น้อยกว่าที่อยุทธยา ขุนนางที่ตามเสด็จไม่ได้มีกำลังเหมือนอยู่ที่อยุทธยา สามารถเสด็จออกประพาสล่าสัตว์โดยไม่ต้องมีผู้ติดตามมากเหมือนที่อยุทธยา จนนิโกลาส์ แฌร์แวส (Nicolas Gervaise) มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสร่วมสมัยวิจารณ์ว่าลพบุรีเหมือนกับ "แวร์ซายส์" ของฝรั่งเศส
"แวร์ซายส์" ไม่ได้เป็นเพียงแค่พระราชวังใหญ่โตหรูหรา แต่เป็นศูนย์กลางพระราชอำนาจของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ที่ทรงปกครองแผ่นดินในฐานะรัฐสมบูรณาญาสิทธิราชย์อย่างเด็ดขาด และทรงควบคุมขุนนางฝรั่งเศสให้อยู่ใต้อำนาจของพระองค์ไม่ให้กล้าก่อกบฏได้อย่างสมบูรณ์ต่างจากที่ปารีส การเปรียบเปรยลพบุรีเช่นนี้จึงมีนัยยะทางการเมืองอยู่ชัดเจนครับ
ทั้งนี้มีรายงานว่าเมืองลพบุรีมีอากาศดีและเป็นแหล่งคล้องช้างสำคัญ จึงเป็นที่โปรดปรานของสมเด็จพระนารายณ์ในการสำราญพระอิริยาบทด้วยและเสด็จประพาสคล้องช้างเป็นประจำด้วยครับ
แสดงความคิดเห็น
อยุธยาเคยมีเมืองหลวงที่พิษณุโลกกับลพบุรีหรอฮะ
พอดีอ่านในวิกิอังกฤษ เเล้วผมเเปลกใจที่เมืองหลวง ทำไมฝรั่งเค้าถึงรู้ดีกว่าเราล่ะฮะ ตั้งเเต่เรียนมาผมก็ไม่เคยเจอใครบอกงี้นะ เเต่เท่าที่รู้ก็ตอนมหาธรรมราชา กับพระนารายณ์ใช่มั้ยฮะ ที่ทั้งสองคนก็ไม่ค่อยจะอยู่อยุธยากันซักเท่าไหร่