Corolla Cross รถยนต์ crossover รุ่นใหม่ที่ทำมาบนพื้นฐาน Toyota Corolla เช่นเดียวกับ Civic ที่เป็นพื้นฐานให้กับ CR-V
แต่ crossover รุ่นใหม่กลับลงไปเล่นกับตลาดของ HR-V ซึ่งเป็นรถที่มีพื้นฐานมาจาก Jazz
เราลองมาดูกันว่า กลยุทธของ Toyota จะช่วยทำให้ Corolla Cross สามารถรอดจากเงื้อมมือของคู่ CR-V และ HR-V ได้หรือไม่
(ผมก็ไม่รู้ว่าทำคลิปไปทำไม แต่ถ้าผลตอบรับดี ก็อาจจะไปเรื่อยๆครับ แต่ละคลิปทำทั้งวัน ทำไปทำไมหว่า TT)
เปรียบเทียบขนาด Corolla Cross กับ CR-V มันใกล้กันมาก เหมือนให้ลูกค้าเลือกจะเอาเครื่องใหญ่ หรือ เครื่องเล็ก
Corolla CROSS = 4,460 x 1,825 x 1,620 มม.
CRV = 4,571 x 1,855 x 1,657 มม.
นายแบบ Corolla Cross (ภาพต้นแบบ Rav 4 ย่อขนาดลง + หน้าตาที่น่าจะเป็น)
นายแบบ CR-V ปี 2018
เมื่อนำมาทาบกัน
จะเห็นได้ว่า Corolla Cross ดูเล็กกว่าด้วยสายตาอย่างแน่นอน
รูป CR-V ที่นำมาเทียบเป็นเลนส์แบบที่ทำให้ปลายจมูก CR-V ดูหลบ เลยดูเหมือนยาวเท่ากัน
แต่มันยาวต่างกัน 11 เซนติเมตร
ถ้า Corolla Cross จอดกึ่งกลาง CR-V พอดี ด้านหน้า CR-V ก็จะดูยาวกว่าประมาณ 5 เซน หลัง 5 เซน
ภาพห้องโดยสารในรูป ชัดเจนว่า CR-V ดูป่องกว่า สูงกว่า
ด้วย effect ของเลนส์ ทำให้ด้านหน้าและหลังของ Corolla Cross กลบ CR-V ซะมิด
แต่ในความเป็นจริง CR-V กว้างกว่าด้านละ 1.5 เซนติเมตร หาก Corolla Cross จอดเทียบอยู่ตรงกึ่งกลางพอดี
แต่ Corolla Cross จะได้เปรียบเวลาขับเข้าพื้นที่แคบ เพราะความกว้างทั้งหมดสั้นกว่า CR-V 3 เซนติเมตร
ซึ่งเป็นความต่างที่น้อยมาก ในขณะที่ความสูงจะเห็นความต่างชัดเจนกว่าที่ 3 เซนติเมตร
ทำให้ในภาพที่เปรียบเทียบ ยังมองเห็นหลังคาของ CR-V ที่สูงขึ้นมาเหนือกว่า
Toyota น่าจะใช้กลยุทธการออกแบบ ที่ทำให้ขนาดของตัวรถที่เล็กกว่าของ Corolla Cross ดูเพรียวสปอร์ตกว่า CR-V
แต่ใช้กระจังหน้าขนาดโต ข่มหน้า CR-V ซึ่งกระจังหน้าขนาดใหญ่จะหลอกตาว่า Corolla Cross ดูใหญ่ไม่ต่างจาก CR-V
Corolla Cross จะมาพร้อมกับเครื่องของ C-HR
ก็คือ เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ 1.8 hybrid จึงเท่ากับว่า
เมื่อเปรียบเทียบกับ CR-V ซึ่งเป็นรถที่มีพื้นฐานมาจากรถซีดานระดับ C segment เช่นเดียวกัน
CR-V ใช้เครื่องเบนซินใหญ่ระดับ 2.4 ลิตร ไม่นับเครื่องดีเซล 1.6 ลิตร
ซึ่งเครื่อง 2.4 เป็นเครื่องระดับเดียวกับรถซีดานระดับ D segment
ส่วนเครื่อง 1.8 ของ Corolla Cross เป็นเครื่องระดับ C segment
ความแตกต่างด้านอัตราเร่ง
จะเห็นได้ว่า CH-R ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน ของเครื่อง 1.8 จะมีอัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ประมาณ 11 วิกว่าๆ และ Hybrid อยู่ที่ 12 วิกว่าๆ
ซึ่ง Corolla Cross ที่ใหญ่กว่าอาจทำเวลาได้ช้าลง 0.5 - 1 วินาที ถ้าไม่เลวร้ายไปกว่านั้น
ส่วน CR-V เครื่อง 2.4 อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 11 วิต้นๆ หรือ 10 วิปลายๆ ในรุ่นขับสอง ส่วนดีเซลก็อาจจะอยู่ที่ 10 วิปลายๆ ในรุ่นขับสองเช่นกัน
ด้านอัตราสิ้นเปลือง เมื่อวิ่งคงที่ๆ 120 กม/ชม.
C-HR hybrid ทำไว้ได้ที่ 20 กม/ลิตร กว่าๆ ในขณะที่เครื่อง 1.8 ทำได้ 16 กลางๆ
CR-V 2.4 สามารถทำได้ 13 ปลายๆ ถึง 14 ในรุ่นขับสอง ส่วนรุ่น 1.6 ดีเซลอาจทำได้ราวๆ 17 กว่าๆ ในรุ่นขับสอง
จากราคาของ CX-30 ที่เพิ่งเปิดตัวมา ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ราคาของ Corolla Cross ไม่น่าจะหนีไปจากกลุ่ม B crossover ทั่วไป
และภายในทั้งหมดของ Corolla Cross จะยกเอาภายในของ Corolla Altis มาใช้ เนื่องจากใช้ชื่อเดียวกัน
จากข้อมูลนี้เราสรุปได้ว่า
ลูกค้าอาจจะเลือกรถทั้งสองรุ่นจาก
1) ความเหมาะสมของราคาและขนาดตัวรถ
ซึ่งในที่นี้ CR-V ดูราคาแพงกว่ามาก ในขณะที่มีขนาดใหญ่กว่าแบบไม่ฉีกออกไปมากนัก ซึ่งรถที่อยู่ใน segment เดียวกัน มีความยาว
ต่างกันแค่ 10-15 เซนติเมตร ก็สามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้เพดานราคารถระดับ B crossover ไม่มี 4WD อยู่ที่ 1,200,000 บาท ดังนั้นเมื่อเทียบกับ CR-V รุ่นขับสองทั้งสองเครื่องยนต์
Corolla Cross น่าจะมีราคาที่ถูกกว่า CR-V ที่ 200,000-360,000 บาท เมื่อมองเฉพาะรุ่นท๊อปของระบบขับเคลื่อน
และอาจคาดการณ์ได้ว่า Corolla Cross รุ่นเริ่มต้นสามารถเริ่มที่ 999,000 บาท ได้ หากต้องการรักษาระยะห่าง 360,000 บาทจาก
CR-V รุ่นล่างสุด 2.4 S ซึ่ง Toyota ก็คงตั้งราคาให้ต่ำไปกว่านั้นไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นถูกกว่า C-HR
ซึ่งเชื่อได้ว่า การตั้งราคาของ Toyota จะต้องคำนึงถึง CR-V ด้วยอย่างแน่นอนที่สุด
2) ชื่อชั้นและภาพลักษณ์กับเรื่องราคา
ถัดมาอย่างที่สอง ลูกค้าจะต้องเลือกระหว่างราคาที่ถูกกว่าหรือจะเลือกภาพลักษณ์
Corolla Cross ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Corolla ชื่อของรถระดับที่ถูกใช้เป็นรถสาธารณะ ที่ในสายตาลูกค้าตลาดเมืองไทย ยังมองชื่อ Civic
ของคู่แข่งเหนือกว่า Corolla อย่างมาก ในขณะที่ CR-V มีชื่อชั้นเทียบเท่ากับรถระดับ Accord หรือ Camry น่าเสียดายที่
Toyota Thailand ไม่ใช้ชื่ออื่นๆ ที่สามารถอิงกับ Rav-4 เพื่อให้รู้สึกถึงความเท่าเทียมกัน
แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะ Toyota เลือกที่จะใช้ภายในทั้งหมดของ Corolla เพื่อให้ต้นทุนการพัฒนาต่ำ เพื่อให้มีความเสี่ยงน้อย
และการใช้ชื่อ Corolla Cross ก็อาจมีเป้าหมายรอง ในการช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของ Corolla ในเมืองไทยด้วยก็เป็นได้
3) ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์กับขนาดตัวรถและราคา
ในราคาที่ต่างกันขนาดนี้ แต่ได้รถที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ก็ต้องมามองที่สมรรถนะและอัตราสิ้นเปลือง
ต้องถือว่าเครื่องยนต์ที่มาใส่ใน Corolla Cross ไม่ได้มีความหวือหวาอีกต่อไปในชั่วโมงนี้ แต่สมรรถนะและ
อัตราสิ้นเปลืองก็ยังถือว่าพอใช้ได้ดีพอสมควร ในขณะที่ ลูกค้าส่วนใหญ่อาจมองเทียบกับ CR-V รุ่น 2.4
ที่ดูไม่หวือหวาเช่นกัน แต่ลูกค้าบางส่วนอาจมองว่า ใช้เครื่องยนต์ได้เหมาะสมกับขนาดรถมากกว่า
ทำให้ความได้เปรียบ เสียเปรียบในเรื่องนี้ อยู่ที่มุมมองของลูกค้าแต่ละคนล้วนๆ
4) ด้านออฟชัน
ในรถระดับ C segment ของ Toyota ในเวลานี้มี option ที่ไม่พ่ายแพ้ใครแล้ว ดังนั้น
Corolla Cross จะได้เปรียบ CR-V มากในจุดนี้ และเมื่อ CR-V minor change เปิดตัว
อย่างเก่ง ก็ได้ออฟชันที่เท่าเทียมกันเพิ่มขึ้นมา ดังนั้นหากลูกค้ามองในเรื่องออฟชันเป็นหลัก
และมองว่าอัตราเร่งของ Corolla Cross ถือว่าใช้ได้ ก็จะทำให้ทาง Toyota ได้เปรียบขึ้นมา
แต่ประเด็นนี้ ก็อาจจะโดนถ่วงที่ความเป็น hybrid กับความอืดของเครื่องยนต์ตัวนี้ ที่อาจจะอืดอาด
เกือบๆ 13 วิ และความที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกคุ้มค่ากับ hybrid ที่หมดความน่าตื่นเต้นไปแล้ว
ในส่วนของความได้เปรียบเรื่องอัตราสิ้นเปลืองในยุคที่น้ำมันถูกแบบนี้ ถ้าแรงจี๊ดๆสักหน่อยแบบ
Kicks e-POWER ที่มีอัตราเร่งที่ 9 วิกว่าๆ ระบบ hybrid ของ Toyota จะน่าตื่นเต้น
และช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากเล่นมากขึ้น
ถ้าเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อนี้ ไปในแนวทาง Toyota สัก 3 ข้อ ก็อาจจะช่วยยกระดับชื่อ Corolla ขึ้นมาได้ก็ได้
และ Altis รุ่นถัดไปอาจจะเหลือแค่ Limo กับ 1.6 สักรุ่น ไว้ทำเป็น taxi กับลูกค้าที่เน้นซีดานคุ้มๆทนๆ สักรุ่น
ไม่จำเป็นต้องมี 1.8 ในขณะที่ Toyota ทำตลาด Corolla กับรุ่น Cross นี้เป็นตัวหลักแทนตัวซีดานไปเลย
ถ้าแผนนี้ของ Toyota ทำสำเร็จ ก็จะสามารถเปิดตลาด Crossover ของตัวเองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
ในประวัติศาสตร์ของ Toyota เมืองไทย แต่ Honda ก็จะกลับมากับ HR-V full model change ที่ยกระดับ
เครื่องยนต์ และบอดี้ โดยเฉพาะการใช้เครื่อง 1.0 turbo ซึ่งเป็นเครื่องยอดนิยมและมีความหวือหวาที่สุดในขณะนี้
กับ CR-V full model change ที่จะทำให้ Corolla Cross ดูห่างชั้นในเรื่องภาพลักษณ์ออกไปมากยิ่งขึ้น
ซึ่งแผนของ Toyota ก็อาจจะเป็นการฆ่าตายก็ได้ หากชื่อ Corolla มันแย่สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ เสียจน
ฉุดทำให้ยอดขาย Corolla Cross ไปได้ไม่ดี ซึ่งก็ยากจะคาดเดา คล้ายกับการทำประชามติไปในตัว
ในเรื่องที่เราก็ยังสงสัยว่า Corolla Altis ที่ขายไม่ดี เพราะว่ามันถูกทำเป็น taxi จริงๆใช่หรือไม่ใช่
Corolla Cross เปรียบเทียบ CR-V เมื่อ Toyota ย่อตัวถัง ใส่เครื่องเล็ก แข่งราคาสู้ CR-V แต่เล่นตลาด B-SUV
แต่ crossover รุ่นใหม่กลับลงไปเล่นกับตลาดของ HR-V ซึ่งเป็นรถที่มีพื้นฐานมาจาก Jazz
เราลองมาดูกันว่า กลยุทธของ Toyota จะช่วยทำให้ Corolla Cross สามารถรอดจากเงื้อมมือของคู่ CR-V และ HR-V ได้หรือไม่
(ผมก็ไม่รู้ว่าทำคลิปไปทำไม แต่ถ้าผลตอบรับดี ก็อาจจะไปเรื่อยๆครับ แต่ละคลิปทำทั้งวัน ทำไปทำไมหว่า TT)
เปรียบเทียบขนาด Corolla Cross กับ CR-V มันใกล้กันมาก เหมือนให้ลูกค้าเลือกจะเอาเครื่องใหญ่ หรือ เครื่องเล็ก
Corolla CROSS = 4,460 x 1,825 x 1,620 มม.
CRV = 4,571 x 1,855 x 1,657 มม.
นายแบบ Corolla Cross (ภาพต้นแบบ Rav 4 ย่อขนาดลง + หน้าตาที่น่าจะเป็น)
นายแบบ CR-V ปี 2018
เมื่อนำมาทาบกัน
จะเห็นได้ว่า Corolla Cross ดูเล็กกว่าด้วยสายตาอย่างแน่นอน
รูป CR-V ที่นำมาเทียบเป็นเลนส์แบบที่ทำให้ปลายจมูก CR-V ดูหลบ เลยดูเหมือนยาวเท่ากัน
แต่มันยาวต่างกัน 11 เซนติเมตร
ถ้า Corolla Cross จอดกึ่งกลาง CR-V พอดี ด้านหน้า CR-V ก็จะดูยาวกว่าประมาณ 5 เซน หลัง 5 เซน
ภาพห้องโดยสารในรูป ชัดเจนว่า CR-V ดูป่องกว่า สูงกว่า
ด้วย effect ของเลนส์ ทำให้ด้านหน้าและหลังของ Corolla Cross กลบ CR-V ซะมิด
แต่ในความเป็นจริง CR-V กว้างกว่าด้านละ 1.5 เซนติเมตร หาก Corolla Cross จอดเทียบอยู่ตรงกึ่งกลางพอดี
แต่ Corolla Cross จะได้เปรียบเวลาขับเข้าพื้นที่แคบ เพราะความกว้างทั้งหมดสั้นกว่า CR-V 3 เซนติเมตร
ซึ่งเป็นความต่างที่น้อยมาก ในขณะที่ความสูงจะเห็นความต่างชัดเจนกว่าที่ 3 เซนติเมตร
ทำให้ในภาพที่เปรียบเทียบ ยังมองเห็นหลังคาของ CR-V ที่สูงขึ้นมาเหนือกว่า
Toyota น่าจะใช้กลยุทธการออกแบบ ที่ทำให้ขนาดของตัวรถที่เล็กกว่าของ Corolla Cross ดูเพรียวสปอร์ตกว่า CR-V
แต่ใช้กระจังหน้าขนาดโต ข่มหน้า CR-V ซึ่งกระจังหน้าขนาดใหญ่จะหลอกตาว่า Corolla Cross ดูใหญ่ไม่ต่างจาก CR-V
Corolla Cross จะมาพร้อมกับเครื่องของ C-HR
ก็คือ เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ 1.8 hybrid จึงเท่ากับว่า
เมื่อเปรียบเทียบกับ CR-V ซึ่งเป็นรถที่มีพื้นฐานมาจากรถซีดานระดับ C segment เช่นเดียวกัน
CR-V ใช้เครื่องเบนซินใหญ่ระดับ 2.4 ลิตร ไม่นับเครื่องดีเซล 1.6 ลิตร
ซึ่งเครื่อง 2.4 เป็นเครื่องระดับเดียวกับรถซีดานระดับ D segment
ส่วนเครื่อง 1.8 ของ Corolla Cross เป็นเครื่องระดับ C segment
ความแตกต่างด้านอัตราเร่ง
จะเห็นได้ว่า CH-R ที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกัน ของเครื่อง 1.8 จะมีอัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ประมาณ 11 วิกว่าๆ และ Hybrid อยู่ที่ 12 วิกว่าๆ
ซึ่ง Corolla Cross ที่ใหญ่กว่าอาจทำเวลาได้ช้าลง 0.5 - 1 วินาที ถ้าไม่เลวร้ายไปกว่านั้น
ส่วน CR-V เครื่อง 2.4 อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 11 วิต้นๆ หรือ 10 วิปลายๆ ในรุ่นขับสอง ส่วนดีเซลก็อาจจะอยู่ที่ 10 วิปลายๆ ในรุ่นขับสองเช่นกัน
ด้านอัตราสิ้นเปลือง เมื่อวิ่งคงที่ๆ 120 กม/ชม.
C-HR hybrid ทำไว้ได้ที่ 20 กม/ลิตร กว่าๆ ในขณะที่เครื่อง 1.8 ทำได้ 16 กลางๆ
CR-V 2.4 สามารถทำได้ 13 ปลายๆ ถึง 14 ในรุ่นขับสอง ส่วนรุ่น 1.6 ดีเซลอาจทำได้ราวๆ 17 กว่าๆ ในรุ่นขับสอง
จากราคาของ CX-30 ที่เพิ่งเปิดตัวมา ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ราคาของ Corolla Cross ไม่น่าจะหนีไปจากกลุ่ม B crossover ทั่วไป
และภายในทั้งหมดของ Corolla Cross จะยกเอาภายในของ Corolla Altis มาใช้ เนื่องจากใช้ชื่อเดียวกัน
จากข้อมูลนี้เราสรุปได้ว่า
ลูกค้าอาจจะเลือกรถทั้งสองรุ่นจาก
1) ความเหมาะสมของราคาและขนาดตัวรถ
ซึ่งในที่นี้ CR-V ดูราคาแพงกว่ามาก ในขณะที่มีขนาดใหญ่กว่าแบบไม่ฉีกออกไปมากนัก ซึ่งรถที่อยู่ใน segment เดียวกัน มีความยาว
ต่างกันแค่ 10-15 เซนติเมตร ก็สามารถเกิดขึ้นได้เป็นเรื่องปกติ
ตอนนี้เพดานราคารถระดับ B crossover ไม่มี 4WD อยู่ที่ 1,200,000 บาท ดังนั้นเมื่อเทียบกับ CR-V รุ่นขับสองทั้งสองเครื่องยนต์
Corolla Cross น่าจะมีราคาที่ถูกกว่า CR-V ที่ 200,000-360,000 บาท เมื่อมองเฉพาะรุ่นท๊อปของระบบขับเคลื่อน
และอาจคาดการณ์ได้ว่า Corolla Cross รุ่นเริ่มต้นสามารถเริ่มที่ 999,000 บาท ได้ หากต้องการรักษาระยะห่าง 360,000 บาทจาก
CR-V รุ่นล่างสุด 2.4 S ซึ่ง Toyota ก็คงตั้งราคาให้ต่ำไปกว่านั้นไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นถูกกว่า C-HR
ซึ่งเชื่อได้ว่า การตั้งราคาของ Toyota จะต้องคำนึงถึง CR-V ด้วยอย่างแน่นอนที่สุด
2) ชื่อชั้นและภาพลักษณ์กับเรื่องราคา
ถัดมาอย่างที่สอง ลูกค้าจะต้องเลือกระหว่างราคาที่ถูกกว่าหรือจะเลือกภาพลักษณ์
Corolla Cross ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็น Corolla ชื่อของรถระดับที่ถูกใช้เป็นรถสาธารณะ ที่ในสายตาลูกค้าตลาดเมืองไทย ยังมองชื่อ Civic
ของคู่แข่งเหนือกว่า Corolla อย่างมาก ในขณะที่ CR-V มีชื่อชั้นเทียบเท่ากับรถระดับ Accord หรือ Camry น่าเสียดายที่
Toyota Thailand ไม่ใช้ชื่ออื่นๆ ที่สามารถอิงกับ Rav-4 เพื่อให้รู้สึกถึงความเท่าเทียมกัน
แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะ Toyota เลือกที่จะใช้ภายในทั้งหมดของ Corolla เพื่อให้ต้นทุนการพัฒนาต่ำ เพื่อให้มีความเสี่ยงน้อย
และการใช้ชื่อ Corolla Cross ก็อาจมีเป้าหมายรอง ในการช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของ Corolla ในเมืองไทยด้วยก็เป็นได้
3) ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์กับขนาดตัวรถและราคา
ในราคาที่ต่างกันขนาดนี้ แต่ได้รถที่มีขนาดใกล้เคียงกัน ก็ต้องมามองที่สมรรถนะและอัตราสิ้นเปลือง
ต้องถือว่าเครื่องยนต์ที่มาใส่ใน Corolla Cross ไม่ได้มีความหวือหวาอีกต่อไปในชั่วโมงนี้ แต่สมรรถนะและ
อัตราสิ้นเปลืองก็ยังถือว่าพอใช้ได้ดีพอสมควร ในขณะที่ ลูกค้าส่วนใหญ่อาจมองเทียบกับ CR-V รุ่น 2.4
ที่ดูไม่หวือหวาเช่นกัน แต่ลูกค้าบางส่วนอาจมองว่า ใช้เครื่องยนต์ได้เหมาะสมกับขนาดรถมากกว่า
ทำให้ความได้เปรียบ เสียเปรียบในเรื่องนี้ อยู่ที่มุมมองของลูกค้าแต่ละคนล้วนๆ
4) ด้านออฟชัน
ในรถระดับ C segment ของ Toyota ในเวลานี้มี option ที่ไม่พ่ายแพ้ใครแล้ว ดังนั้น
Corolla Cross จะได้เปรียบ CR-V มากในจุดนี้ และเมื่อ CR-V minor change เปิดตัว
อย่างเก่ง ก็ได้ออฟชันที่เท่าเทียมกันเพิ่มขึ้นมา ดังนั้นหากลูกค้ามองในเรื่องออฟชันเป็นหลัก
และมองว่าอัตราเร่งของ Corolla Cross ถือว่าใช้ได้ ก็จะทำให้ทาง Toyota ได้เปรียบขึ้นมา
แต่ประเด็นนี้ ก็อาจจะโดนถ่วงที่ความเป็น hybrid กับความอืดของเครื่องยนต์ตัวนี้ ที่อาจจะอืดอาด
เกือบๆ 13 วิ และความที่คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้สึกคุ้มค่ากับ hybrid ที่หมดความน่าตื่นเต้นไปแล้ว
ในส่วนของความได้เปรียบเรื่องอัตราสิ้นเปลืองในยุคที่น้ำมันถูกแบบนี้ ถ้าแรงจี๊ดๆสักหน่อยแบบ
Kicks e-POWER ที่มีอัตราเร่งที่ 9 วิกว่าๆ ระบบ hybrid ของ Toyota จะน่าตื่นเต้น
และช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกอยากเล่นมากขึ้น
ถ้าเงื่อนไขทั้ง 4 ข้อนี้ ไปในแนวทาง Toyota สัก 3 ข้อ ก็อาจจะช่วยยกระดับชื่อ Corolla ขึ้นมาได้ก็ได้
และ Altis รุ่นถัดไปอาจจะเหลือแค่ Limo กับ 1.6 สักรุ่น ไว้ทำเป็น taxi กับลูกค้าที่เน้นซีดานคุ้มๆทนๆ สักรุ่น
ไม่จำเป็นต้องมี 1.8 ในขณะที่ Toyota ทำตลาด Corolla กับรุ่น Cross นี้เป็นตัวหลักแทนตัวซีดานไปเลย
ถ้าแผนนี้ของ Toyota ทำสำเร็จ ก็จะสามารถเปิดตลาด Crossover ของตัวเองได้สำเร็จเป็นครั้งแรก
ในประวัติศาสตร์ของ Toyota เมืองไทย แต่ Honda ก็จะกลับมากับ HR-V full model change ที่ยกระดับ
เครื่องยนต์ และบอดี้ โดยเฉพาะการใช้เครื่อง 1.0 turbo ซึ่งเป็นเครื่องยอดนิยมและมีความหวือหวาที่สุดในขณะนี้
กับ CR-V full model change ที่จะทำให้ Corolla Cross ดูห่างชั้นในเรื่องภาพลักษณ์ออกไปมากยิ่งขึ้น
ซึ่งแผนของ Toyota ก็อาจจะเป็นการฆ่าตายก็ได้ หากชื่อ Corolla มันแย่สำหรับลูกค้าส่วนใหญ่ เสียจน
ฉุดทำให้ยอดขาย Corolla Cross ไปได้ไม่ดี ซึ่งก็ยากจะคาดเดา คล้ายกับการทำประชามติไปในตัว
ในเรื่องที่เราก็ยังสงสัยว่า Corolla Altis ที่ขายไม่ดี เพราะว่ามันถูกทำเป็น taxi จริงๆใช่หรือไม่ใช่