Margin of safety ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย



ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยเป็นแนวคิดที่ถูกคิดค้นโดยเบนจามิน เกรแฮม นักเศรษศาสตร์ ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น “บิดาแห่งการลงทุนหุ้นคุณค่า father of value investing ”  และเป็นอาจารย์รวมถึงต้นแบบการลงทุนของวอเร็น บัฟเฟตต์  

โดยบัฟเฟตต์จะให้เครดิตแนวความคิดของเกรแฮมอยู่เสมอๆ เช่น
.
.
“3คำที่สำคัญที่สุดในการลงทุนคือmargin of safety ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย”

“สำหรับส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยแปลว่า อย่าลองขับรถบรรทุกที่หนัก9,800ปอนด์ ข้ามสะพานที่สามารถรองรับได้10,000ปอนด์ แต่ลองขับต่อไปอีกสักนิดและหาสะพานที่สามารถรองรับได้15,000ปอนด์”

“เรายืนหยัดอย่างเหนียวแน่นบนหลักการของส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยในราคาที่เราจ่าย ถ้าเราคำนวณมูลค่าของหุ้นออกมาแล้วสูงกว่าราคาแต่เพียงเล็กน้อย เราก็จะไม่สนใจซื้อเลย เราเชื่อในหลักการของส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย ซึ่งได้รับการเน้นย้ำอย่างเข้มแข็งโดยเบน เกรแฮม ว่าเป็นหลักสำคัญของการลงทุนให้ประสบผลสำเร็จ”

-วอเร็น บัฟเฟตต์-
.
.
แล้วคำว่า margin of safety (mos) หรือ ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย หมายถึงอะไร?
แนวคิดของเบน เกรแฮมก็คือ การซื้อของมูลค่า1ดอลลาร์ในราคา50เซนต์ หรือการซื้อโดยที่ราคาอยู่ต่ำกว่ามูลค่าอย่างมากนั่นเอง 
เนื่องจากเบน เกรแฮมได้ผ่านช่วงGreat Depression หรือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ รวมถึงการตกหนักของตลาดหุ้นเมื่อปี1929 เกรแฮมจึงได้คิดค้นแนวคิดนี้ขึ้นมาเพื่อลดความเสี่ยงในการลงทุน

แม้ว่าในอดีตเกรแฮมจะนำหลักการนี้มาใช้โดยเน้นที่ราคาถูกเป็นหลัก และไม่ได้พิจารณาถึงคุณภาพของธุรกิจมากนัก(ซึ่งแตกต่างจากวอเร็น บัฟเฟตต์) แม้หลักการนี้จะถูกคิดค้นมาเป็นเวลานานและปัจจุบันวิธีการของเกรแฮมก็ถูกนำไปประยุกต์ใช้ซะมากกว่านำมาใช้แบบตรงๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลักการส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยนั้นยังคงใช้ได้ดีในโลกของการลงทุนปัจจุบัน และถือว่าสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้เลยครับ
.
.
ทำไมทุกการลงทุนต้องมีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัย(mos)
เรามองว่าการที่มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยในการลงทุนนั้น ก็เหมือนการลดความเสี่ยงหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นให้รุนแรงหรือมีผลกระทบน้อยที่สุด ในทุกๆการลงทุนเราจะพยายามนึกถึงworst case scenarioที่อาจเกิดขึ้นเสมอและพยายามเลือกการลงทุนท่ีจะเจ็บตัวน้อยที่สุด กรณีที่เกิดขึ้นจริงๆ เปรียบง่ายๆก็เหมือนกับการตกลงมาจากตึก10ชั้น vs ตึก3ชั้น 
ตกจากตึก10ชั้น เราอาจตายได้ทันที แต่ตกจากตึก3ชั้นเราอาจบาดเจ็บ แต่ยังรอด
 
นอกจากในด้านของความเสี่ยงเรามองว่าการมีส่วนเผื่อนี้กรณีกลับกันที่ได้กำไร เราก็จะได้รับผลตอบแทนที่มากขึ้นไปอีกด้วยเช่น หากเราซื้อของที่มูลค่า1ดอลลาร์ด้วยเงิน50เซนต์ vs เงิน80เซนต์ แน่นอนว่าเมื่อราคาวิ่งเข้าหามูลค่า กรณีแรกจะได้ผลตอบแทน50% ต่อ 20%ในกรณีหลัง

ตัวอย่าง เช่น
หากเราซื้อหุ้นที่เป็นกิจการที่ดีมาก แข็งแกร่ง มีกำไรดี และอื่นๆ แต่ แต่!! 
ซื้อในราคาที่สูงเกินไป ก็อาจถือว่าเป็นการซื้อที่ไม่มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยและเป็นการลงทุนที่ไม่ดีได้เช่นกัน 
เหตุการณ์ที่อาจเจอเช่น
-ต้องใช้เวลานานกว่าที่มูลค่าจะโตทันราคา 
-ราคาลงไปต่ำกว่าที่ซื้อ (อาจมองได้ว่าราคาลงมาเท่ามูลค่าจากเดิมที่สูงกว่ามูลค่า / ราคาลงมาต่ำกว่ามูลค่า ซึ่งเป็นจุดที่ควรเข้าซื้อจริงๆ)
.
.
PS.วอเร็น บัฟเฟตต์ ได้ตั้งชื่อลูกชายว่าโฮเวิร์ด เกรแฮม บัฟเฟตต์ ซึ่งได้ชื่อกลางจากนามสกุลของเกรแฮมผู้ที่เป็นอาจารย์ของบัฟเฟตต์นั่นเอง

สุดท้ายนี้ขอฝากเพจให้ความรู้ทางการเงิน การลงทุน และแนะนำหนังสือด้วยครับ
https://www.facebook.com/sharingiscaringreviewer/

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่