ASUS เป็นแบรนด์ที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีครับ แต่ถ้าบอกว่า ProArt หรือ ซีรีย์ StudioBook หลายๆคนคงยังไม่ค่อยคุ้นกันแน่ๆเพราะมันเป็นซีรีย์ที่ทำออกมาตอบโจทย์สายงาน ครีเอเตอร์ งานออกแบบ แบบเต็มที่ครับเป็นสายงาน Workstation เลยก็ว่าได้ครับมันจึงมีสเปค อะไรที่เน้นในเรื่องของความแม่นยำของจอภาพรวมถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่ รองรับการเรนเดอร์ระดับสูงได้ดีมากๆและรองรับการประมวลผล 3 มิติได้เยอะกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปและในครั้งนี้เรามาอยู่กับ Studiobook 15 เป็นตัวเริ่มต้นของทางค่ายครับที่มีราคาที่ไม่แรงและสเปคยังรองรับการทำงานได้ดี และรวมถึงใช้งานทั่วๆไปเล่นเกมได้บ้างโดยการใช้ RTX 2060 Studio และ i7 Gen9 ครับในรุ่นนี้ และที่เด่นๆคือมาพร้อมกับหน้าจอที่มีความแม่นยำของสี Delta <1.5 และ 100%SRGB อีกด้วยครับโหดมากๆ
ASUS Proart StudioBoook15 H500GV นั้นจะมาพร้อมกับ i7-9750H พร้อมกับ Nvidia RTX2060 Studio 6GB GDDR6 VRAM และ RAM 16GB DDR4 2666MHz On Board, SO-DIMM x 1และ SSD 1TB ครับในรุ่นนี้ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้น 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) 3-sided NanoEdge display, 400 nits รองรับมาตรฐาน 100% Adobe RGB color gamut, 8-bit color และ Delta-E < 1.5 color accuracy, PANTONE® Validated ถือว่าเรื่องหน้าจอนั้นจัดเต็มเอาเรื่องมากๆสีมีมิติและตรงจริงๆเป็นจอที่สวยอันดับต้นๆเลยครับ ส่วนทางเรื่องของเสียงนั้นมาพร้อมกับ ชิพเสียง ESS® Sabre HiFi digital-to-analog converter (DAC) with Hi-Res Audio certification ถือว่าในภาพรวมทั้งหน้าจอ เสียง ประสิทธิภาพนั้นไม่น่ามีปัญหาเลยในการใช้งานทำงานจริงๆครับและเป็นตัวที่เริ่มต้นสำหรับสายงานนี้ได้ดีมาก
ASUS PROART STUDIOBOOK 15 มาพร้อม i7 9750H+RTX2060+ RAM 16GB + SSD1TB ราคาเปิดมาที่ ProArt StudioBook H500GV-HC002T ราคา 64,990 บาท
UNBOX
อุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นมีมาให้เหมือนรุ่นอื่นๆครับ ทางด้านการออกแบบตัวกล่องนั้นเรียบๆการเปิดนั้นเป็นเหมือนลิ้นชักดึงออกมาแล้วตัวเครื่องมันก็จะสไลด์ออกมาในด้านข้างครับ ถือว่าสวยงามพอสมควรเลย แต่จริงๆจะมีตัวกล่องใหญ่ข้างนอกอีกชั้นนะครับสำหรับใส่ที่ชาร์จเพราะในกล่องนั้นจะไม่สามารถใส่ได้จะเป็นที่ชาร์จกล่องแยกออกมาครับ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่าแอบมีความคล้ายกับตระกูล Zephyrus เลยแหละครับทั้งงานออกแบบและขนาดของมันรวมถึงการใช้งานวัสดุข้างนอกข้างในผสมกับแม็กนีเซียมถือว่าแข็งแรงใช้ได้เลย ส่วนเรื่องของขนาดและน้ำหนักก็ถือว่ากำลังดีครับ จริงๆมันน่าจะเป็นโมเดลเดียวกับสายเกม แต่จะเปลี่ยนอะไรนิดหน่อยให้ใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทางด้านสีนั้นก็เป็นสี Star Grey จะเป็นสีดำๆเทาๆครับจะคนละแบบกับรุ่นอื่นและมีเพียงแค่สีเดียวเท่านั้นด้วยในรุ่นนี้ โดยรวมงานประกอบและการใช้งานนั้นถือว่าทำได้ดีพรีเมี่ยมเท่าเดิมเลยและเก็บงานอะไรเนียนตาและไม่หนักเท่าไร
การออกแบบตัวเครื่องโดยรวมนั้นถือว่าเป็นความเหลี่ยมที่ลงตัวสมมาตรอย่างที่บอกไปนั้นคือทั้งด้านข้างด้านบนต่างๆนั้นไม่มีส่วนโค้งเว้าอะไร หรือการยกระดับตัวเครื่องอะไรทั้งนั้นครับ แต่เแม้จะไม่มี Ergo Lift แต่ตัวเครื่องก็มียกด้านหลังให้สูงเพื่อระบายได้ดีขึ้นมาด้วยครับ และรวมถึงการตัดขอบอะไรก็ทำมาเรียบมากๆ เป็นรุ่นที่เน้นความเรียบง่ายมากๆ ส่วนการเว้าตรงขอบจอด้านล่างยังมีให้ช่องระบายอยู่ แต่จะเห็นว่าไม่มีกล้องหน้าแล้วนั้นเองเพราะขอบบาง
วัสดุด้านในและตัวฐานของเครื่องนั้นเป็นวัสดุแบบเดียวกับตัวเครื่องครับ ตัว ฐานด้านล่างนั้นสามารถอัพเกรด SSD M.2 NVMe ได้อีก 1 ช่องเป็นทั้งหมด 2 และ ส่วนแรมสามารถอัพเพิ่มได้อีก 1 ช่องสูงสุดเป็น 32GB + รวม 16GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น 48GB ส่วน HDD 2.5นิ้ว นั้นไม่รองรับการใส่นะครับ และช่องระบายให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และส่วนของลำโพงเบสอะไรนั้นให้มาแบบจัดเต็มซ้ายขวาและมีซับเข้ามาเพิ่มด้วยนะรู้สึกสั่นได้ดีมากๆ พัดลมระบายตัวนี้มาพร้อมกับ พัดลมขนาดใหญ่ HyperCool และระบบดักฝุ่น Anti-Dust Tunnels และมีฮีทไปป์ 4-5 เส้นที่ให้มา ถือว่าเยอะมากๆครับในการใช้งานระบายความร้อนและคิดมาดีมากๆ
ข้อต่องานประกอบนั้นมีแน่นหนาแข็งแรงครับสามารถกางได้ระดับนึง แต่ไม่ได้กางได้สุดตัวขาพับนั้นไม่ได้มีระบบยกตัวเครื่องอะไรครับแต่ตัวเครื่องรุ่นนี้ด้านหลังจะยกสูงกว่าปกติอยู่แล้วระดับนึงเลย และขอบหน้าจอนั้นบางมากๆทั้ง 3 ด้านและขอบล่างนั้นจะมีเขียนโลโก้ชื่อรุ่น และไม่มีกล้องหน้านะครับ ส่วนด้านหลังเขียนโลโก้ตรงกลางเครื่องพร้อมการปัดลายเอียงๆตามสไตล์แบรนด์เค้าแหละรวมถึงตัวโลโก้ของ ASUS ก็เป็นโครมเมี่ยมเช่นเดิมที่เราคุ้นเคยกัน
ด้านหลังส่วนที่เว้าไปนั้นยังคงการออกแบบที่ให้เห็นไฟสถานะอยู่เช่นเดิมมีไฟ 3 ดวงบอกสถานะการชาร์จไฟ การทำงานต่างๆครับจะเป็นจุดเว้าที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนออกไปด้านด้านหลังด้วย และในตำแหน่งเดียวกับเมื่อมองจากทางด้านหลังนั้นจะเป็นช่องระบายลมหลักๆของตัวเครื่องทั้งซ้าย และขวาของตัวเครื่อง ตรงส่วนนี้จะยกขึ้นสูงนิดหน่อยจะเห็นว่ามีช่องให้อากาศเข้าไปได้สะดวกและดีกว่าเดิม และด้านในจะเป็นช่องสำหรับดูดลมร้อนเข้าไป
งานออกแบบด้านในจะเป็นวัสดุแบบด้านสีโทนเดียวกับฝาหลังและจะมีการเล่นพื้นวผิววัสดุ 2 แบบครับจะเห็นว่าด้านบนนั้นจะเป็นลายๆชีดและมีตัดขอบสีทองด้านบนแบบเข้มๆสะท้อนแสงนิดหน่อย แต่ด้านล่างที่เป็นแป้นคียบอร์ดนั้นจะเป็นอีกวัสดุโทนสีนึงครับก็ถือว่ามีลูกเล่นให้มานิดหน่อยมีความหรูหราเพิ่มมากขึ้น ส่วนปุ่มลัดต่างๆให้มาเยอะครับ และพวกปุ่มเปิดปิดหรือจะเป็นปุ่ม เพิ่มลดเสียงจะอยู่มุมซ้ายของเครื่องวางตำแหน่งเดียวกับพวกรุ่น ROG ทั้งหมดเลย
SPEC
- Windows 10
- Intel® Core™ i7-9750H processor 2.6GHz hexa-core with Turbo Boost (up to 4.5GHz) and 12MB cache
- NVIDIA GeForce RTX 2060, 6GB GDDR6 VRAM
- Display 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) 3-sided NanoEdge display, 400 nits IPS-level 1200:1 contrast ratio 400nits Anti-glare panel 7.5mm-thin bezel with 82% screen-to-body ratio 100% Adobe RGB color gamut, 8-bit color Delta-E < 1.5 color accuracy, PANTONE® Validated
- Memory 16GB 2666MHz On Board, SO-DIMM x 1)
- Storage 1 TB (PCIe® NVMe Gen 3 x4 SSD x 2) Supports RAID 0/1 (up to 48Gbps)
- Interfaces 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-C™ with Display Port (10Gbps) 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-A (10Gbps) 2 x USB 3.1 Gen 1 Type-A (5Gbps) 1 x HDMI 2.0 1 x Audio combo jack 1 x Microphone input jack 1x RJ45 LAN jack
- Keyboard Full-size backlit keyboard with 1.2mm key travel and designer-tailored hot keys, Discrete Arrow key area
- Audio ESS® Sabre HiFi digital-to-analog converter (DAC) with Hi-Res Audio certification
- 2 speakers with Smart AMP technology
- Array microphone with Cortana and Alexa voice-recognition support
- Wi-Fi. Dual-band 2×2 Wi-Fi 6
- Bluetooth® Bluetooth® 5.0
- Battery and Power 76Wh 4-cell lithium-polymer battery 230W power adapter Plug Type: ø6.0 (mm) (Output: 19.5V DC, 11.8A, 230W) (Input: 100-240V AC, 50/60Hz universal)
- Weight and Dimensions, Height: 1.89cm (0.74 inches) Width: 36.0cm (14.17 inches) Depth: 25.2cm (13.85 inches) Weight: 1.98kg (4.37 pounds)
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ ใช้งาน i7-9750H 2.6GHz hexa-core พร้อมด้วย Turbo Boost (สูงสุด 4.5GHz) และมาพร้อมกับ 12MB cache และในด้านของการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2060 มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 2666 แต่จะแยกเป็น 16GB OnBoard และ อีก 1ช่องสำหรับอัพเกรดทำให้มันรองรับได้ 48GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยและ มีช่องว่างโล่งๆ 1 ช่องสำหรับใส่เพิ่มได้เลย และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้
PCMARK
นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างดีระดับนึง แน่นอนว่าตัว i7 9750H นั้นทำออกมารอบรับพวกนี้อยู่แล้วครับทำ ไปได้ 4201 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 4,400 คะแนนครับ
3DMARK
นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 5287 ถือว่าดี และในคะแนน Time Spy Extream นั้นทำไปได้ 2628 คะแนนในแบบที่โหดๆขึ้นมานั้นเอง ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 2 แบบ และ ในการทดสอบนั้นถ้าทดสอบในห้องแอร์นั้นจะได้ที่ 5408 และ 2710 คะแนนครับ ส่วนตัว Port Royal และ Fire Strike Ultra นั้นทำคะแนน 3091 และ 2628 คะแนนครับ
[SR] รีวิว ASUS ProArt StudioBook 15 สายทำงาน i7+ RTX จอ 4K พร้อม Delta-E<1.5 !
ASUS เป็นแบรนด์ที่หลายๆคนน่าจะรู้จักกันดีครับ แต่ถ้าบอกว่า ProArt หรือ ซีรีย์ StudioBook หลายๆคนคงยังไม่ค่อยคุ้นกันแน่ๆเพราะมันเป็นซีรีย์ที่ทำออกมาตอบโจทย์สายงาน ครีเอเตอร์ งานออกแบบ แบบเต็มที่ครับเป็นสายงาน Workstation เลยก็ว่าได้ครับมันจึงมีสเปค อะไรที่เน้นในเรื่องของความแม่นยำของจอภาพรวมถึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่ รองรับการเรนเดอร์ระดับสูงได้ดีมากๆและรองรับการประมวลผล 3 มิติได้เยอะกว่าคอมพิวเตอร์ทั่วไปและในครั้งนี้เรามาอยู่กับ Studiobook 15 เป็นตัวเริ่มต้นของทางค่ายครับที่มีราคาที่ไม่แรงและสเปคยังรองรับการทำงานได้ดี และรวมถึงใช้งานทั่วๆไปเล่นเกมได้บ้างโดยการใช้ RTX 2060 Studio และ i7 Gen9 ครับในรุ่นนี้ และที่เด่นๆคือมาพร้อมกับหน้าจอที่มีความแม่นยำของสี Delta <1.5 และ 100%SRGB อีกด้วยครับโหดมากๆ
ASUS Proart StudioBoook15 H500GV นั้นจะมาพร้อมกับ i7-9750H พร้อมกับ Nvidia RTX2060 Studio 6GB GDDR6 VRAM และ RAM 16GB DDR4 2666MHz On Board, SO-DIMM x 1และ SSD 1TB ครับในรุ่นนี้ ส่วนทางด้านหน้าจอนั้น 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) 3-sided NanoEdge display, 400 nits รองรับมาตรฐาน 100% Adobe RGB color gamut, 8-bit color และ Delta-E < 1.5 color accuracy, PANTONE® Validated ถือว่าเรื่องหน้าจอนั้นจัดเต็มเอาเรื่องมากๆสีมีมิติและตรงจริงๆเป็นจอที่สวยอันดับต้นๆเลยครับ ส่วนทางเรื่องของเสียงนั้นมาพร้อมกับ ชิพเสียง ESS® Sabre HiFi digital-to-analog converter (DAC) with Hi-Res Audio certification ถือว่าในภาพรวมทั้งหน้าจอ เสียง ประสิทธิภาพนั้นไม่น่ามีปัญหาเลยในการใช้งานทำงานจริงๆครับและเป็นตัวที่เริ่มต้นสำหรับสายงานนี้ได้ดีมาก
ASUS PROART STUDIOBOOK 15 มาพร้อม i7 9750H+RTX2060+ RAM 16GB + SSD1TB ราคาเปิดมาที่ ProArt StudioBook H500GV-HC002T ราคา 64,990 บาท
UNBOX
อุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นมีมาให้เหมือนรุ่นอื่นๆครับ ทางด้านการออกแบบตัวกล่องนั้นเรียบๆการเปิดนั้นเป็นเหมือนลิ้นชักดึงออกมาแล้วตัวเครื่องมันก็จะสไลด์ออกมาในด้านข้างครับ ถือว่าสวยงามพอสมควรเลย แต่จริงๆจะมีตัวกล่องใหญ่ข้างนอกอีกชั้นนะครับสำหรับใส่ที่ชาร์จเพราะในกล่องนั้นจะไม่สามารถใส่ได้จะเป็นที่ชาร์จกล่องแยกออกมาครับ
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่าแอบมีความคล้ายกับตระกูล Zephyrus เลยแหละครับทั้งงานออกแบบและขนาดของมันรวมถึงการใช้งานวัสดุข้างนอกข้างในผสมกับแม็กนีเซียมถือว่าแข็งแรงใช้ได้เลย ส่วนเรื่องของขนาดและน้ำหนักก็ถือว่ากำลังดีครับ จริงๆมันน่าจะเป็นโมเดลเดียวกับสายเกม แต่จะเปลี่ยนอะไรนิดหน่อยให้ใช้งานได้ดีขึ้นกว่าเดิม ทางด้านสีนั้นก็เป็นสี Star Grey จะเป็นสีดำๆเทาๆครับจะคนละแบบกับรุ่นอื่นและมีเพียงแค่สีเดียวเท่านั้นด้วยในรุ่นนี้ โดยรวมงานประกอบและการใช้งานนั้นถือว่าทำได้ดีพรีเมี่ยมเท่าเดิมเลยและเก็บงานอะไรเนียนตาและไม่หนักเท่าไร
การออกแบบตัวเครื่องโดยรวมนั้นถือว่าเป็นความเหลี่ยมที่ลงตัวสมมาตรอย่างที่บอกไปนั้นคือทั้งด้านข้างด้านบนต่างๆนั้นไม่มีส่วนโค้งเว้าอะไร หรือการยกระดับตัวเครื่องอะไรทั้งนั้นครับ แต่เแม้จะไม่มี Ergo Lift แต่ตัวเครื่องก็มียกด้านหลังให้สูงเพื่อระบายได้ดีขึ้นมาด้วยครับ และรวมถึงการตัดขอบอะไรก็ทำมาเรียบมากๆ เป็นรุ่นที่เน้นความเรียบง่ายมากๆ ส่วนการเว้าตรงขอบจอด้านล่างยังมีให้ช่องระบายอยู่ แต่จะเห็นว่าไม่มีกล้องหน้าแล้วนั้นเองเพราะขอบบาง
วัสดุด้านในและตัวฐานของเครื่องนั้นเป็นวัสดุแบบเดียวกับตัวเครื่องครับ ตัว ฐานด้านล่างนั้นสามารถอัพเกรด SSD M.2 NVMe ได้อีก 1 ช่องเป็นทั้งหมด 2 และ ส่วนแรมสามารถอัพเพิ่มได้อีก 1 ช่องสูงสุดเป็น 32GB + รวม 16GB ติดเครื่องมาเป็นแบบฝั่งบอร์ดจากที่เป็น 48GB ส่วน HDD 2.5นิ้ว นั้นไม่รองรับการใส่นะครับ และช่องระบายให้มาค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว และส่วนของลำโพงเบสอะไรนั้นให้มาแบบจัดเต็มซ้ายขวาและมีซับเข้ามาเพิ่มด้วยนะรู้สึกสั่นได้ดีมากๆ พัดลมระบายตัวนี้มาพร้อมกับ พัดลมขนาดใหญ่ HyperCool และระบบดักฝุ่น Anti-Dust Tunnels และมีฮีทไปป์ 4-5 เส้นที่ให้มา ถือว่าเยอะมากๆครับในการใช้งานระบายความร้อนและคิดมาดีมากๆ
ข้อต่องานประกอบนั้นมีแน่นหนาแข็งแรงครับสามารถกางได้ระดับนึง แต่ไม่ได้กางได้สุดตัวขาพับนั้นไม่ได้มีระบบยกตัวเครื่องอะไรครับแต่ตัวเครื่องรุ่นนี้ด้านหลังจะยกสูงกว่าปกติอยู่แล้วระดับนึงเลย และขอบหน้าจอนั้นบางมากๆทั้ง 3 ด้านและขอบล่างนั้นจะมีเขียนโลโก้ชื่อรุ่น และไม่มีกล้องหน้านะครับ ส่วนด้านหลังเขียนโลโก้ตรงกลางเครื่องพร้อมการปัดลายเอียงๆตามสไตล์แบรนด์เค้าแหละรวมถึงตัวโลโก้ของ ASUS ก็เป็นโครมเมี่ยมเช่นเดิมที่เราคุ้นเคยกัน
ด้านหลังส่วนที่เว้าไปนั้นยังคงการออกแบบที่ให้เห็นไฟสถานะอยู่เช่นเดิมมีไฟ 3 ดวงบอกสถานะการชาร์จไฟ การทำงานต่างๆครับจะเป็นจุดเว้าที่ช่วยในเรื่องของการระบายความร้อนออกไปด้านด้านหลังด้วย และในตำแหน่งเดียวกับเมื่อมองจากทางด้านหลังนั้นจะเป็นช่องระบายลมหลักๆของตัวเครื่องทั้งซ้าย และขวาของตัวเครื่อง ตรงส่วนนี้จะยกขึ้นสูงนิดหน่อยจะเห็นว่ามีช่องให้อากาศเข้าไปได้สะดวกและดีกว่าเดิม และด้านในจะเป็นช่องสำหรับดูดลมร้อนเข้าไป
งานออกแบบด้านในจะเป็นวัสดุแบบด้านสีโทนเดียวกับฝาหลังและจะมีการเล่นพื้นวผิววัสดุ 2 แบบครับจะเห็นว่าด้านบนนั้นจะเป็นลายๆชีดและมีตัดขอบสีทองด้านบนแบบเข้มๆสะท้อนแสงนิดหน่อย แต่ด้านล่างที่เป็นแป้นคียบอร์ดนั้นจะเป็นอีกวัสดุโทนสีนึงครับก็ถือว่ามีลูกเล่นให้มานิดหน่อยมีความหรูหราเพิ่มมากขึ้น ส่วนปุ่มลัดต่างๆให้มาเยอะครับ และพวกปุ่มเปิดปิดหรือจะเป็นปุ่ม เพิ่มลดเสียงจะอยู่มุมซ้ายของเครื่องวางตำแหน่งเดียวกับพวกรุ่น ROG ทั้งหมดเลย
SPEC
- Windows 10
- Intel® Core™ i7-9750H processor 2.6GHz hexa-core with Turbo Boost (up to 4.5GHz) and 12MB cache
- NVIDIA GeForce RTX 2060, 6GB GDDR6 VRAM
- Display 15.6” LED-backlit UHD (3840 x 2160) 3-sided NanoEdge display, 400 nits IPS-level 1200:1 contrast ratio 400nits Anti-glare panel 7.5mm-thin bezel with 82% screen-to-body ratio 100% Adobe RGB color gamut, 8-bit color Delta-E < 1.5 color accuracy, PANTONE® Validated
- Memory 16GB 2666MHz On Board, SO-DIMM x 1)
- Storage 1 TB (PCIe® NVMe Gen 3 x4 SSD x 2) Supports RAID 0/1 (up to 48Gbps)
- Interfaces 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-C™ with Display Port (10Gbps) 1 x USB 3.1 Gen 2 Type-A (10Gbps) 2 x USB 3.1 Gen 1 Type-A (5Gbps) 1 x HDMI 2.0 1 x Audio combo jack 1 x Microphone input jack 1x RJ45 LAN jack
- Keyboard Full-size backlit keyboard with 1.2mm key travel and designer-tailored hot keys, Discrete Arrow key area
- Audio ESS® Sabre HiFi digital-to-analog converter (DAC) with Hi-Res Audio certification
- 2 speakers with Smart AMP technology
- Array microphone with Cortana and Alexa voice-recognition support
- Wi-Fi. Dual-band 2×2 Wi-Fi 6
- Bluetooth® Bluetooth® 5.0
- Battery and Power 76Wh 4-cell lithium-polymer battery 230W power adapter Plug Type: ø6.0 (mm) (Output: 19.5V DC, 11.8A, 230W) (Input: 100-240V AC, 50/60Hz universal)
- Weight and Dimensions, Height: 1.89cm (0.74 inches) Width: 36.0cm (14.17 inches) Depth: 25.2cm (13.85 inches) Weight: 1.98kg (4.37 pounds)
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ ใช้งาน i7-9750H 2.6GHz hexa-core พร้อมด้วย Turbo Boost (สูงสุด 4.5GHz) และมาพร้อมกับ 12MB cache และในด้านของการ์ดจอ นั้นยังคงใช้งานของ NVIDIA GeForce RTX 2060 มาพร้อมกับ 6GB GDDR6 และทางด้าน Ram ให้มา 16GB DDR4 bus 2666 แต่จะแยกเป็น 16GB OnBoard และ อีก 1ช่องสำหรับอัพเกรดทำให้มันรองรับได้ 48GB สูงสุดนั้นเองครับ ส่วน SSD 1TB PCIe® Gen3 SSD M.2 ให้มาเรียบร้อยและ มีช่องว่างโล่งๆ 1 ช่องสำหรับใส่เพิ่มได้เลย และมาพร้อมกับ Windows 10 เรียบร้อยพร้อมใช้
PCMARK
นั้นทำคะแนนไปได้ค่อนข้างดีระดับนึง แน่นอนว่าตัว i7 9750H นั้นทำออกมารอบรับพวกนี้อยู่แล้วครับทำ ไปได้ 4201 คะแนน จริงๆพวกระดับราคานี้การใช้งานทั่วไปทำงานคงไม่ต้องกังวลตอบโจทย์ทำงาน ทั่วไปแทบจะทุกรูปแบบครับ ไม่ต้องห่วงเลยแหละ ตั้งแต่ Word ไปยังตัดต่อ เรนเดอร์ 3 มิติ งานเขียนงานวาดแปลนบ้านทุกอย่าง และ รองรับได้สบายด้วยความแรงทั้งหมดถือว่าชิลๆ แต่ถ้าเปิดแอร์นั้นจะได้คะแนนประมาณ 4,400 คะแนนครับ
3DMARK
นั้น ทำคะแนนเรียกได้ว่าสูงในการทดสอบทั้ง 4 แบบนะครับ ตัว TIMESPY ที่เน้นไปเจาะกลุ่มคอมพิวเตอร์ระดับท็อป เกมมิ่ง ทำคะแนนได้ 5287 ถือว่าดี และในคะแนน Time Spy Extream นั้นทำไปได้ 2628 คะแนนในแบบที่โหดๆขึ้นมานั้นเอง ต้องบอกว่าผ่านการทดสอบใช้งานระดับสูงๆของ 3D Mark สบายๆ ส่วนในเรื่องความร้อน แอดมินทดสอบต่อเนื่อง 2 แบบ และ ในการทดสอบนั้นถ้าทดสอบในห้องแอร์นั้นจะได้ที่ 5408 และ 2710 คะแนนครับ ส่วนตัว Port Royal และ Fire Strike Ultra นั้นทำคะแนน 3091 และ 2628 คะแนนครับ
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้