Asus Zenbook Pro ถือว่าเป็นตระกูลที่ตัวเทพที่สุดในด้านสายทำงาน คอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั้งหลาย แน่นอนว่าด้วยประสิทธิภาพของตัวเครื่องและฟีเจอร์ต่างๆนั้น ต้องบอกว่าจัดเต็มรวมถึงมี นวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาให้ใช้งานเสมอ ในรุ่นนี้นั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะเป็นเจ้าแรกที่ทำหน้าจอ 2 หน้าจอแบบ 4K และใช้งานหน้าจอย่อยได้ทั้งหมด 5 หน้าจอเลยครับบอกเลยว่า สายทำงานที่ตัดต่อ แต่งภาพทั้งหลายนั้นน่าสนใจอย่างมากครับในรุ่นนี้ รวมถึงประสิทธิภาพการออกแบบต่างๆนั้นพรีเมี่ยมและคำนึงเรื่องระบายความร้อน ความสวยงามทำได้ดีในทุกๆจุดเลยนั้นเอง ในรุ่น Asus Zenbook Pro Duo นั้นเปิดตัวในไทยหลังจากที่ได้ไปลองที่ไต้หวันกันก่อนหน้านั้นครับ และทางเราก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เลยเพราะมันตอบโจทย์ในการใช้งานสายงาน กราฟิก ตัดต่อ แต่งภาพ ได้แบบดีและลงตัวมาก
ASUS ZENBOOK PRO DUO เปิดตัวมาด้วยสเปคใช้งาน intel i7- i7-9750H พร้อมด้วย NVIDIA® GeForce RTX™ 2060 6GB GDDR6 VRAM และใช้งาน RAM 32GB 2666MHz DDR4 และในเรื่องของหน่วยความจุนั้นจะใช้งานตัวสูงสุดคือ 1TB PCIe® Gen3 x4 Intel® Optane™ Memory H10 ถือว่าเยอะแล้วก็อ่านเขียนได้ไวมากๆ และมาพร้อมกับหน้าจอ 4K ทั้งจอบนและจอล่าง สำหรับจอดหลักนั้นจะใช้งานจอแบบเงา ทำให้ภาพนั้นคมชัดสวย ขนาดให้มาที่ 15.6” OLED 4K (3840 x 2160) 16:9 รองรับปากกาและระบบสัมผัส 100% DCI-P3 ส่วนหน้าจอที่ 2 นั้น 14” 4K (3840 x 1100) เป็นแบบจอด้าน รองรับปากกา และระบบสัมผัส ส่วนทางด้านลำโพงนั้นใช้งาน Harman/Kardon เช่นเดิม พร้อมกับ smart amplifier และมีไฟสถานะ Alexa และรองรับคำสั่งเสียงพิเศษ ทางด้านกล้องนั้นมาพร้อมกับ IR สำหรับการสแกนใบหน้าแทนสแกนนิ้ว มาพร้อมกับ Numpad + Touchpad มาให้ครับผม และที่สำคัญให้ ปากกา Stylus มาให้ในกล่องและ ตัวเครื่องนั้นรองรับพอร์ตเชื่อมต่อ Thunderbolt™ 3 มาให้ด้วยครับ ถือว่าครบเลยในการทำงาน
ASUS ZENBOOK PRO DUO เปิดราคามาที่ 89,990 บาท มาพร้อมสี Celestial Blue
UNBOX
สำหรับตัวกล่องนั้นจะค่อนข้างใหญ่กว่ากล่องทั่วไปและมีการใช้โทนสีที่เข้ม ตัวกล่องนั้นจะมีกล่องย่อยข้างในซึ่งจะแยกระหว่างตัวเครื่อง และ กล่องตัวสายชาร์จไฟเข้าต่างหาก สำหรับอุปกรณ์นั้นมีมาให้ครบๆเลยทั้งตัวปากกา ตัวที่รองมือ สามารถเอามาใช้งานได้และมีที่ยกตัวเครื่องสำหรับติดใต้เครื่องอีกสำหรับใครที่เน้นด้านงานพิมพ์ใช้งานครับ
- ตัวเครื่อง Asus Zenbook Pro Duo
- ปากกา ASUS Pen
- แผ่นรองยกตัวเครื่อง
- ที่รองมือด้านหน้าเครื่อง
- คู่มือ
- สายชาร์จไฟ พร้อม Adaptor 230W
DESIGN
ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามและมีความเหลี่ยมมากขึ้นการออกแบบดึงแนวคิดจากตัว Zephyrus สายเกมมา แต่เปลี่ยนมาใช้ตรงพื้นที่วางการ์ดจอด้านบนนั้นเป็นหน้าจอแทนรวมถึงการยกตัวเครื่องนั้นยังมีมาครบๆรวมถึงการใช้วัสดุที่แน่นหนาแข็งแรง และแอบมีน้ำหนักพอสมควรครับ รุ่นนี้มีไฟหน้าตัวเครื่องด้วยสำหรับใช้งานคำสั่งเสียง Cortana ก็จะกระพริบรับคำสั่งสวยงามรวมถึงขอบหน้าจอที่ค่อนข้างบางมากตัวเครื่องในรุ่นนี้ยังคงได้รับการทดสอบ กันกระแทก MIL STD810G ครับเรื่องความแข็งแรงนั้นไว้ใจได้สบายในตัวนี้แต่ในขนาด 15.6 นิ้วนั้นต้องบอกว่าแอบพกพาค่อนข้างลำบากทั้งขนาดและความหนารวมถึงน้ำหนักของมันครับ
ตัวเครื่องในส่วนของฝาหลังนั้นจะเห็นว่าเป็นสีใหม่ที่จะออกฟ้าๆน้ำเงิน พร้อมกับการย้ายโลโก้ Asus จากตรงกลางไปไว้ทางริมขวา ส่วนในเรื่องของลวดลายฝาหลังนั้นจะคงเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆเป็นลายวงสวยงามพร้อมกับออกผิวด้านๆกึ่งเงาเล็กน้อยทำให้เล่นกับแสงสะท้อนได้ดี แต่ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควร ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบตัดขอบสวยงาม และเมื่อเปิดขึ้นก็จะยกตัวเครื่องขึ้นไปด้วย ส่วนด้านในนั้นเราจะเห็นการวางคีย์บอร์ด Layout แบบใหม่ที่จะคล้ายกับตัว ROG Zephyrus นั้นเองแต่ก็แทนที่พื้นที่ว่างข้างบนด้วยหน้าจอ และ ย้ายคีย์บอร์ดมาล่างสุด แถมตัวที่รองมือมาให้ด้วยทำให้พิมพ์งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนหน้าจอทำได้ค่อนข้างบางและสวยงามทั้งด้านบนและจอที่ 2 แต่จอด้านล่างนั้นจะเป็นจอด้านและใช้สัมผัส
ด้านล่างฐานเครื่องจะเป็นส่วนยางรองที่ค่อนข้างมีพื้นที่เยอะพอสมควร ทำให้วางกับพื้นผิวโต๊ะได้แน่นไม่ลื่นไปมา รวมถึงช่องระบายความร้อนตรงกลางเครื่องที่ไม่ได้เจาะรูเยอะ แต่จะเน้นไปที่ช่องระบายข้างๆ รวมถึงข้างหลังแทนนั้นเอง และ ยางรองส่วนบนก็จะสูงกว่าด้านล่างนั้นเอง ส่วนตัวเครื่องขอบๆก็จะเป็นการตัดมุมเอียงสวยงามเป็นพื้นที่ของลำโพงต่างๆหรือช่องระบายความร้อนที่ทำมุมเอียงทำให้รับอาอาศได้ดี ไม่มีอะไรมาปิดบังตัวเครื่องเวลาใช้งานด้วย ถือว่าทำการบ้านมาค่อนข้างดีเลยครับ
ส่วนช่องระบายในด้านข้างทั้ง 2 ข้างนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีดึงลงและปล่อยลมต่างๆนั้นทำได้ดีมากๆทั้งองศาในการรับ และการยกตัวเครื่องก็ช่วยในส่วนนี้ด้วย ซึ่งช่องระบายหลักๆนั้นเป็น ทางด้านหลัง ด้านข้างซ้าย และ ข้างขวาครับ ส่วนด้านหลังตรงขอบหน้าจอล่างก็ยังคงมีช่องระบายอีกครับถือว่าส่วนระบายความร้อนในรุ่นนี้นั้นถือว่าเยอะและไว้ใจได้พอสมควร และการยกตัวเครื่อง Ergo lift นั้นค่อนข้างสูงมากๆเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
ตัวข้อพับต่างๆในการยกตัวเครื่องนั้นทำได้ดีครับตัวเครื่องทำได้สูงและช่องรับลมเข้ามาได้เยอะ ขาพับหน้าจอต่างๆนั้นจะเป็นตัวยกเครื่องขึ้นมาและทำมุมองศาทำให้เวลาพิมพ์นั้นทำได้ดีกว่าแบบเรียบๆ จะเห็นว่าตัวการออกแบบErgolift ตัวนี้จะค่อนข้างสูงและมีความหนาแข็งแรงกว่ารุ่นอื่นๆน่าจะเพราะงานประกอบและต้องรับน้ำหนักของหน้าจอ 2 จอรวมถึงสเปคที่ให้มาเยอะเลยทำให้จุดพับยกต่างๆนั้นต้องทำได้มั่นคงและมีความแข็งแรงขึ้น
ตัววัสดุข้างในนั้นจะไม่ค่อยเห็นมากนักเพราะถูกแทนที่ด้วยหน้าจอและคีย์บอร์ดแบบเต็มพื้นที่เลย ไม่ได้เห็นวัสดุอลูมิเนียมบนตัวเครื่องเมื่อเปิดฝาขึ้นมาเท่าไร แต่ก็มีที่วางมือแบบวัสดุนุ่มนิดหน่อยครับผมและไฟไม่ดูดเท่าไรถือว่าดีครับ ส่วนตัวคีย์บอร์ดจะ Layout คล้ายๆพวกสายเกมแต่ปุ่มนั้นจะชิดกันนิดหน่อยอาจะต้องปรับตัวกันครับ และในรุ่นนี้มี Numpad ที่ผสมกับ Touchpad สามารถเปิดปิด และ ปรับความสว่างได้เช่นกันครับผม ส่วนหน้าจอด้านล่างนั้นเป็นแบบจอด้านก็สวยและใช้งานได้ลื่นสัมผัสดีครับ ส่วนโลโก้ของเครื่องนั้นจะอยู่ตรงหน้าจอขอบล่างเหนือคีย์บอร์ด
ขอบหน้าจอในภาพรวมนั้นข้างซ้ายขวานั้นทำได้บางมากๆแต่ขอบด้านบนนั้นไม่ได้บางเพราะต้องมีส่วนของสแกนหน้า IR เข้ามาครับและยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ไม่ได้ตัดไปไหนครับส่วนของหน้าจอเป็นจอแบบเงาและสวยงามเหมาะสำหรับสายงานที่ตัดต่อภาพ แต่งภาพจะมีความสวยงามและแม่นยำกว่าครับ ส่วนหน้าจอล่างเป็นแบบต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันมากในส่วนของตัวคุณภาพสีครับแต่ความสวยอาจจะดรอปลงไปนิดหน่อยส่วนการสัมผัสนั้นทำได้ดีมากๆทั้งคู่
สำหรับตัวเครื่องในภาพรวมนั้นค่อนข้างสวยและดูดีจริงๆให้สังเกตในแต่ละจุดนั้นเราจะเห็นการขึ้นชิ้นงานที่เนียนตามากๆ โดยตรงคีย์บอร์ดนั้นจะเห็นว่าอยู่ขอบล่างสุดและก็มีเว้าลงไปบ้าง และในขอบเครื่องทั้ง 4 ข้างรอบตัวเครื่องนั้นจะเห็นว่างานออกแบบต่างๆจะมีการเล่นกับแถบเงินปัดเงารอบตัวเครื่องค่อนข้างสวยครับและงานดีมากทั้งเครื่องเป็นชิ้นเดียวกันแน่นหนาแข็งแรงพอสมควรส่วนเรื่องการตัดขอบในแต่ละมุมนั้นสวยและเนี๊ยบมากๆ รวมถึงตัวขอบหน้าจอนั้นก็มีการตัดขอบสวยงามเหมือนกันครับซึ่งรุ่นนี้ถือว่าเก็บงานได้เนี๊ยบในหลายๆจุดเลย
ตัวแผ่นรองมือนั้นจะให้มาด้วยเพราะตัวคีย์บอร์ดนั้นลงมาสุดขอบเครื่องเลยทำให้เวลาพิมพ์แบบไม่มีที่รองนั้นไม่สะดวกเอามากๆ ตัวที่รองนั้นไม่มีอะไรมากเป็นแค่แผ่นวางไว้วัสดุผิวนิ่มกันลื่นได้นิดหน่อยคล้ายๆวัสดุยางครับ และที่เหลือนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมด มีเส้นนำไฟมาให้ตรงกลางเครื่องสำหรับแสดงไฟหน้าเครื่องเวลาใช้งานคำสั่งเสียง แต่ก็อาจจะลำบากที่ต้องพกพาไปไหนมาไหนได้สำหรับตัวที่วางมืออันนี้ครับ
SPEC
- Windows 10 Home
- Intel® Core™ i7-9750H processor . 2.6GHz hexa-core with Turbo Boost (up to 4.5GHz) and 12MB cache
- NVIDIA® GeForce RTX™ 2060 . Video memory: 6GB GDDR6 VRAM
- 15.6” OLED 4K (3840 x 2160) 16:9 touchscreen . 5mm-thin bezel with 89% screen-to-body ratio . 178° wide-view technology 100% DCI-P3
- RAM 32GB 2666MHz DDR4
- 1TB PCIe® Gen3 x4 Intel® Optane™ Memory H10
- พอร์ตเชื่อมต่อ
1 x Thunderbolt™ 3 USB-C™ (up to 40Gbps and DisplayPort)
2 x USB 3.1 Gen 2 Type-A (up to 10Gbps)
1 x Standard HDMI 2.0
1 x Audio combo jack
1 x DC-in
- Keyboard Full-size backlit with 1.4mm key travel
- ScreenPad Plus . 14” 4K (3840 x 1100) touch display . 178˚ wide-view technology
- TouchPad . Precision touchpad (PTP) technology supports up to four-finger smart gestures
- NumberPad Integrated LED-backlit numeric keypad on touchpad
- IR CAMERA
- Wi-Fi Intel Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax)
Bluetooth® . Bluetooth 5.0
- ASUS SonicMaster stereo audio system with surround-sound; smart amplifier for maximum audio performance
Array microphone with Cortana and Alexa voice-recognition support
3.5mm headphone jack
Long-travel voice coils for improved low-frequency response
Certified by Harman Kardon
Height: 2.4cm (0.94 inches) Width: 35.9cm (14.13 inches)
Depth: 24.6cm (9.68 inches) Weight: 2.5kg (5.51 pounds)
[SR] รีวิว ASUS Zenbook Pro Duo หน้าจอ 4K 2 จอ !ใช้งาน RTX 2060 สำหรับสายครีเอเตอร์ !!
Asus Zenbook Pro ถือว่าเป็นตระกูลที่ตัวเทพที่สุดในด้านสายทำงาน คอนเทนต์ครีเอเตอร์ทั้งหลาย แน่นอนว่าด้วยประสิทธิภาพของตัวเครื่องและฟีเจอร์ต่างๆนั้น ต้องบอกว่าจัดเต็มรวมถึงมี นวัตกรรมใหม่ๆเข้ามาให้ใช้งานเสมอ ในรุ่นนี้นั้นต้องบอกว่าน่าสนใจเพราะเป็นเจ้าแรกที่ทำหน้าจอ 2 หน้าจอแบบ 4K และใช้งานหน้าจอย่อยได้ทั้งหมด 5 หน้าจอเลยครับบอกเลยว่า สายทำงานที่ตัดต่อ แต่งภาพทั้งหลายนั้นน่าสนใจอย่างมากครับในรุ่นนี้ รวมถึงประสิทธิภาพการออกแบบต่างๆนั้นพรีเมี่ยมและคำนึงเรื่องระบายความร้อน ความสวยงามทำได้ดีในทุกๆจุดเลยนั้นเอง ในรุ่น Asus Zenbook Pro Duo นั้นเปิดตัวในไทยหลังจากที่ได้ไปลองที่ไต้หวันกันก่อนหน้านั้นครับ และทางเราก็ยังคงตื่นเต้นอยู่เลยเพราะมันตอบโจทย์ในการใช้งานสายงาน กราฟิก ตัดต่อ แต่งภาพ ได้แบบดีและลงตัวมาก
ASUS ZENBOOK PRO DUO เปิดตัวมาด้วยสเปคใช้งาน intel i7- i7-9750H พร้อมด้วย NVIDIA® GeForce RTX™ 2060 6GB GDDR6 VRAM และใช้งาน RAM 32GB 2666MHz DDR4 และในเรื่องของหน่วยความจุนั้นจะใช้งานตัวสูงสุดคือ 1TB PCIe® Gen3 x4 Intel® Optane™ Memory H10 ถือว่าเยอะแล้วก็อ่านเขียนได้ไวมากๆ และมาพร้อมกับหน้าจอ 4K ทั้งจอบนและจอล่าง สำหรับจอดหลักนั้นจะใช้งานจอแบบเงา ทำให้ภาพนั้นคมชัดสวย ขนาดให้มาที่ 15.6” OLED 4K (3840 x 2160) 16:9 รองรับปากกาและระบบสัมผัส 100% DCI-P3 ส่วนหน้าจอที่ 2 นั้น 14” 4K (3840 x 1100) เป็นแบบจอด้าน รองรับปากกา และระบบสัมผัส ส่วนทางด้านลำโพงนั้นใช้งาน Harman/Kardon เช่นเดิม พร้อมกับ smart amplifier และมีไฟสถานะ Alexa และรองรับคำสั่งเสียงพิเศษ ทางด้านกล้องนั้นมาพร้อมกับ IR สำหรับการสแกนใบหน้าแทนสแกนนิ้ว มาพร้อมกับ Numpad + Touchpad มาให้ครับผม และที่สำคัญให้ ปากกา Stylus มาให้ในกล่องและ ตัวเครื่องนั้นรองรับพอร์ตเชื่อมต่อ Thunderbolt™ 3 มาให้ด้วยครับ ถือว่าครบเลยในการทำงาน
ASUS ZENBOOK PRO DUO เปิดราคามาที่ 89,990 บาท มาพร้อมสี Celestial Blue
UNBOX
สำหรับตัวกล่องนั้นจะค่อนข้างใหญ่กว่ากล่องทั่วไปและมีการใช้โทนสีที่เข้ม ตัวกล่องนั้นจะมีกล่องย่อยข้างในซึ่งจะแยกระหว่างตัวเครื่อง และ กล่องตัวสายชาร์จไฟเข้าต่างหาก สำหรับอุปกรณ์นั้นมีมาให้ครบๆเลยทั้งตัวปากกา ตัวที่รองมือ สามารถเอามาใช้งานได้และมีที่ยกตัวเครื่องสำหรับติดใต้เครื่องอีกสำหรับใครที่เน้นด้านงานพิมพ์ใช้งานครับ
- ตัวเครื่อง Asus Zenbook Pro Duo
- ปากกา ASUS Pen
- แผ่นรองยกตัวเครื่อง
- ที่รองมือด้านหน้าเครื่อง
- คู่มือ
- สายชาร์จไฟ พร้อม Adaptor 230W
DESIGN
ในด้านการออกแบบนั้นในรุ่นนี้มาพร้อมกับการออกแบบที่สวยงามและมีความเหลี่ยมมากขึ้นการออกแบบดึงแนวคิดจากตัว Zephyrus สายเกมมา แต่เปลี่ยนมาใช้ตรงพื้นที่วางการ์ดจอด้านบนนั้นเป็นหน้าจอแทนรวมถึงการยกตัวเครื่องนั้นยังมีมาครบๆรวมถึงการใช้วัสดุที่แน่นหนาแข็งแรง และแอบมีน้ำหนักพอสมควรครับ รุ่นนี้มีไฟหน้าตัวเครื่องด้วยสำหรับใช้งานคำสั่งเสียง Cortana ก็จะกระพริบรับคำสั่งสวยงามรวมถึงขอบหน้าจอที่ค่อนข้างบางมากตัวเครื่องในรุ่นนี้ยังคงได้รับการทดสอบ กันกระแทก MIL STD810G ครับเรื่องความแข็งแรงนั้นไว้ใจได้สบายในตัวนี้แต่ในขนาด 15.6 นิ้วนั้นต้องบอกว่าแอบพกพาค่อนข้างลำบากทั้งขนาดและความหนารวมถึงน้ำหนักของมันครับ
ตัวเครื่องในส่วนของฝาหลังนั้นจะเห็นว่าเป็นสีใหม่ที่จะออกฟ้าๆน้ำเงิน พร้อมกับการย้ายโลโก้ Asus จากตรงกลางไปไว้ทางริมขวา ส่วนในเรื่องของลวดลายฝาหลังนั้นจะคงเป็นเหมือนรุ่นก่อนๆเป็นลายวงสวยงามพร้อมกับออกผิวด้านๆกึ่งเงาเล็กน้อยทำให้เล่นกับแสงสะท้อนได้ดี แต่ก็อาจจะมีรอยนิ้วมือได้ง่ายพอสมควร ฝาหลังนั้นเป็นวัสดุอลูมิเนียมทั้งชิ้นแบบตัดขอบสวยงาม และเมื่อเปิดขึ้นก็จะยกตัวเครื่องขึ้นไปด้วย ส่วนด้านในนั้นเราจะเห็นการวางคีย์บอร์ด Layout แบบใหม่ที่จะคล้ายกับตัว ROG Zephyrus นั้นเองแต่ก็แทนที่พื้นที่ว่างข้างบนด้วยหน้าจอ และ ย้ายคีย์บอร์ดมาล่างสุด แถมตัวที่รองมือมาให้ด้วยทำให้พิมพ์งานได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนหน้าจอทำได้ค่อนข้างบางและสวยงามทั้งด้านบนและจอที่ 2 แต่จอด้านล่างนั้นจะเป็นจอด้านและใช้สัมผัส
ด้านล่างฐานเครื่องจะเป็นส่วนยางรองที่ค่อนข้างมีพื้นที่เยอะพอสมควร ทำให้วางกับพื้นผิวโต๊ะได้แน่นไม่ลื่นไปมา รวมถึงช่องระบายความร้อนตรงกลางเครื่องที่ไม่ได้เจาะรูเยอะ แต่จะเน้นไปที่ช่องระบายข้างๆ รวมถึงข้างหลังแทนนั้นเอง และ ยางรองส่วนบนก็จะสูงกว่าด้านล่างนั้นเอง ส่วนตัวเครื่องขอบๆก็จะเป็นการตัดมุมเอียงสวยงามเป็นพื้นที่ของลำโพงต่างๆหรือช่องระบายความร้อนที่ทำมุมเอียงทำให้รับอาอาศได้ดี ไม่มีอะไรมาปิดบังตัวเครื่องเวลาใช้งานด้วย ถือว่าทำการบ้านมาค่อนข้างดีเลยครับ
ส่วนช่องระบายในด้านข้างทั้ง 2 ข้างนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีดึงลงและปล่อยลมต่างๆนั้นทำได้ดีมากๆทั้งองศาในการรับ และการยกตัวเครื่องก็ช่วยในส่วนนี้ด้วย ซึ่งช่องระบายหลักๆนั้นเป็น ทางด้านหลัง ด้านข้างซ้าย และ ข้างขวาครับ ส่วนด้านหลังตรงขอบหน้าจอล่างก็ยังคงมีช่องระบายอีกครับถือว่าส่วนระบายความร้อนในรุ่นนี้นั้นถือว่าเยอะและไว้ใจได้พอสมควร และการยกตัวเครื่อง Ergo lift นั้นค่อนข้างสูงมากๆเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น
ตัวข้อพับต่างๆในการยกตัวเครื่องนั้นทำได้ดีครับตัวเครื่องทำได้สูงและช่องรับลมเข้ามาได้เยอะ ขาพับหน้าจอต่างๆนั้นจะเป็นตัวยกเครื่องขึ้นมาและทำมุมองศาทำให้เวลาพิมพ์นั้นทำได้ดีกว่าแบบเรียบๆ จะเห็นว่าตัวการออกแบบErgolift ตัวนี้จะค่อนข้างสูงและมีความหนาแข็งแรงกว่ารุ่นอื่นๆน่าจะเพราะงานประกอบและต้องรับน้ำหนักของหน้าจอ 2 จอรวมถึงสเปคที่ให้มาเยอะเลยทำให้จุดพับยกต่างๆนั้นต้องทำได้มั่นคงและมีความแข็งแรงขึ้น
ตัววัสดุข้างในนั้นจะไม่ค่อยเห็นมากนักเพราะถูกแทนที่ด้วยหน้าจอและคีย์บอร์ดแบบเต็มพื้นที่เลย ไม่ได้เห็นวัสดุอลูมิเนียมบนตัวเครื่องเมื่อเปิดฝาขึ้นมาเท่าไร แต่ก็มีที่วางมือแบบวัสดุนุ่มนิดหน่อยครับผมและไฟไม่ดูดเท่าไรถือว่าดีครับ ส่วนตัวคีย์บอร์ดจะ Layout คล้ายๆพวกสายเกมแต่ปุ่มนั้นจะชิดกันนิดหน่อยอาจะต้องปรับตัวกันครับ และในรุ่นนี้มี Numpad ที่ผสมกับ Touchpad สามารถเปิดปิด และ ปรับความสว่างได้เช่นกันครับผม ส่วนหน้าจอด้านล่างนั้นเป็นแบบจอด้านก็สวยและใช้งานได้ลื่นสัมผัสดีครับ ส่วนโลโก้ของเครื่องนั้นจะอยู่ตรงหน้าจอขอบล่างเหนือคีย์บอร์ด
ขอบหน้าจอในภาพรวมนั้นข้างซ้ายขวานั้นทำได้บางมากๆแต่ขอบด้านบนนั้นไม่ได้บางเพราะต้องมีส่วนของสแกนหน้า IR เข้ามาครับและยังคงมีกล้องหน้ามาให้อยู่ไม่ได้ตัดไปไหนครับส่วนของหน้าจอเป็นจอแบบเงาและสวยงามเหมาะสำหรับสายงานที่ตัดต่อภาพ แต่งภาพจะมีความสวยงามและแม่นยำกว่าครับ ส่วนหน้าจอล่างเป็นแบบต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันมากในส่วนของตัวคุณภาพสีครับแต่ความสวยอาจจะดรอปลงไปนิดหน่อยส่วนการสัมผัสนั้นทำได้ดีมากๆทั้งคู่
สำหรับตัวเครื่องในภาพรวมนั้นค่อนข้างสวยและดูดีจริงๆให้สังเกตในแต่ละจุดนั้นเราจะเห็นการขึ้นชิ้นงานที่เนียนตามากๆ โดยตรงคีย์บอร์ดนั้นจะเห็นว่าอยู่ขอบล่างสุดและก็มีเว้าลงไปบ้าง และในขอบเครื่องทั้ง 4 ข้างรอบตัวเครื่องนั้นจะเห็นว่างานออกแบบต่างๆจะมีการเล่นกับแถบเงินปัดเงารอบตัวเครื่องค่อนข้างสวยครับและงานดีมากทั้งเครื่องเป็นชิ้นเดียวกันแน่นหนาแข็งแรงพอสมควรส่วนเรื่องการตัดขอบในแต่ละมุมนั้นสวยและเนี๊ยบมากๆ รวมถึงตัวขอบหน้าจอนั้นก็มีการตัดขอบสวยงามเหมือนกันครับซึ่งรุ่นนี้ถือว่าเก็บงานได้เนี๊ยบในหลายๆจุดเลย
ตัวแผ่นรองมือนั้นจะให้มาด้วยเพราะตัวคีย์บอร์ดนั้นลงมาสุดขอบเครื่องเลยทำให้เวลาพิมพ์แบบไม่มีที่รองนั้นไม่สะดวกเอามากๆ ตัวที่รองนั้นไม่มีอะไรมากเป็นแค่แผ่นวางไว้วัสดุผิวนิ่มกันลื่นได้นิดหน่อยคล้ายๆวัสดุยางครับ และที่เหลือนั้นจะเป็นพลาสติกทั้งหมด มีเส้นนำไฟมาให้ตรงกลางเครื่องสำหรับแสดงไฟหน้าเครื่องเวลาใช้งานคำสั่งเสียง แต่ก็อาจจะลำบากที่ต้องพกพาไปไหนมาไหนได้สำหรับตัวที่วางมืออันนี้ครับ
SPEC
- Windows 10 Home
- Intel® Core™ i7-9750H processor . 2.6GHz hexa-core with Turbo Boost (up to 4.5GHz) and 12MB cache
- NVIDIA® GeForce RTX™ 2060 . Video memory: 6GB GDDR6 VRAM
- 15.6” OLED 4K (3840 x 2160) 16:9 touchscreen . 5mm-thin bezel with 89% screen-to-body ratio . 178° wide-view technology 100% DCI-P3
- RAM 32GB 2666MHz DDR4
- 1TB PCIe® Gen3 x4 Intel® Optane™ Memory H10
- พอร์ตเชื่อมต่อ
1 x Thunderbolt™ 3 USB-C™ (up to 40Gbps and DisplayPort)
2 x USB 3.1 Gen 2 Type-A (up to 10Gbps)
1 x Standard HDMI 2.0
1 x Audio combo jack
1 x DC-in
- Keyboard Full-size backlit with 1.4mm key travel
- ScreenPad Plus . 14” 4K (3840 x 1100) touch display . 178˚ wide-view technology
- TouchPad . Precision touchpad (PTP) technology supports up to four-finger smart gestures
- NumberPad Integrated LED-backlit numeric keypad on touchpad
- IR CAMERA
- Wi-Fi Intel Wi-Fi 6 with Gig+ performance (802.11ax)
Bluetooth® . Bluetooth 5.0
- ASUS SonicMaster stereo audio system with surround-sound; smart amplifier for maximum audio performance
Array microphone with Cortana and Alexa voice-recognition support
3.5mm headphone jack
Long-travel voice coils for improved low-frequency response
Certified by Harman Kardon
Height: 2.4cm (0.94 inches) Width: 35.9cm (14.13 inches)
Depth: 24.6cm (9.68 inches) Weight: 2.5kg (5.51 pounds)
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้