สวัสดีค่ะ วันนี้เรามีเรื่องจะมาเล่า.....
ด้วยความที่เราเป็นคนมีปากแต่ไม่พูด เป็นคนตรงมีปากแต่เห็นอะไรที่ไม่ใช่หรือไม่โอเคแล้วเราจะใส่เลย มันไม่ใช่เราถ้าเมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้คิดว่าโตแล้ว เงียบดีกว่าเอาความนิ่งเข้าใส่เลือกที่จะไม่มีปัญหา เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ทำหน้าที่ของเราดีกว่าเราเป็นยังไงเรารู้ดีแก่ใจของเรา คือเราเป็นคนที่ถ้าใครทำดีจริงใจด้วย มีหมดก็ให้หมด เต็ม 100% ให้แล้วไม่เคยได้คิดไม่เคยหวังผลตอบแทน แต่ถ้าเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่รู้สึกว่าเหนื่อยรู้สึกว่าพอให้แล้วคนนั้นมีอะไรมาให้เสียความรู้สึกมากๆเราก็จะออกมาละจบไม่อธิบายไม่มีแม้แต่คำว่าเสียดาย จะเอาเราไปพูดแบบไหนกับใครเรื่องของเขา ไม่มีอะไรมาทำเราได้เพราะเราทำเต็มที่สุดแล้ว เรารู้อะไรควรทำไม่ควรทำ ทำแบบนี้กับใครหรือคนนั้นนะคนนี้นะแล้วจะเหมาะสม เราเป็นคนเรียนรู้คน สังเกตคน เราจึงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์นั้นๆได้
มีปากแต่ไม่พูด วันนี้ขอพูดหน่อยแล้วกันนะคะ.....
เราลงทุนขายของกับแฟน (เป็นเงินทุนของแอ๋มเองหมดเลยนะคะ) ตอนแรกขายน้ำก็พอไปได้ ขายบ้างหยุดบ้าง เพราะเรามานั่งคิดนอนคิดตลอด ทบทวนว่า ขายน้ำนี่ได้น้อยนะเราต้องทำยังไงดีก็คิดๆค้นหาในกูเกิ้ล จนรู้สึกว่าถ้าขายอันนี้น่าจะโอเค เราตัดสินใจขายเนื้อย่างไส้อั่วหมูปิ้ง ผลลัพธ์ออกมาคือดีค่ะขายดี เราก็ดีใจ แต่มันไม่แค่นั้น วันไหนขายไม่ดี ร้อนก็ร้อน คนขายของคนลงทุนทุกคนเป็นค่ะพอขายไม่ได้ก็ต้องมีเครียดนิดๆ ไหนจะพอขายได้ต้องมาคิดเรื่องเงินเงินเก็บเงินอันนี้ซื้อของมาขายต่อ เพราะมันยังไม่ลงตัว มันทุนต่อทุนค่ะ ทำยังไงให้ไปรอด เราคิดทุกวัน ตกเย็นเก็บของล้างของอีก ใช่ทั้งแรงทั้งหัวสมองคิดว่าการขายของมันเหนื่อยมั๊ยคะ ? เราพยายามคิดหาวิธีที่ได้ตัง
อย่างเช่น กระเป๋าเราสั่งมา 50 ใบ เป็นเงินทั้งหมด 5,700 บาท (เงินแม่เราค่ะ เรายืมแม่) เสื้อผ้าของเราที่ไม่ใส่แล้วหรือยังใส่อยู่เราก็เอาไลฟขาย บุหรี่ไฟฟ้าของอะไรต่างๆที่ใช้แล้วขายได้เราก็ขาย รวมๆทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าขายได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ได้ค่ะ เพื่ออะไรเพื่อเก็บเป็นเงินทุนขายของเพื่อให้มีเงินเก็บค่ะ เพราะเงินเก็บของเราหมดแล้ว
ต้องบอกก่อนว่าบ้านเรามีธุรกิจประดับยนต์ 4 สาขา ก็คือดีทุกคนก็รู้นะคะ มีตังแต่ถ้าเงินหมด เราขอพ่อขอแม่ไม่ได้นะคะ ถ้าไม่ทำงานแลกไม่ต้องขอ แค่ 100 200 ก็บ่นแล้วค่ะ เพราะที่บ้านเราสอนว่าถ้าอยากได้เงินต้องช่วยทำงานที่ร้านแลกจะได้เท่าไหร่ก็แล้วแต่จะได้รู้ว่าเงินกว่าจะได้มันต้องเหนื่อยต้องปวดหัวใช้สมองแค่ไหน บางทีกลับไปหาแม่ที่ร้านไปไม่ได้ไปหาเฉยๆนะคะ ไปเพราะจะไปทำงานที่ร้านเอาเงินค่ะ พอตกเย็นก็กลับมาบ้านแฟน คือเราทำทุกอย่างจริงๆค่ะ เพื่ออะไรเหรอคะเพื่อเอาเงินมาลงทุนมาสร้างอนาคตกับแฟน มาจุนเจือในบ้านแฟน
ที่เงินเก็บหมดเพราะเรายอมเอาเงินเก็บของเรามาจ่ายค่าบ้านที่ค้างไว้ให้บ้านแฟนค่ะ รวมทั้งหมด 48,000 บาท แต่เราไม่ได้ให้ทีเดียวนะคะ เราทยอยโอนทีละหมื่นเพราะทำงานทุกวันเก็บเงินมาสมทบ แบบประมานว่า มีอยู่ 20,000 โอนไปให้บ้านแฟน 10,000 เราก็เหลืออยู่ 10,000 แล้วก็ทำงานเก็บสมทบกับ 10,000 ที่เรามีอยู่ แบบนี้ค่ะ จนครบ 48,000 แล้วเราก็บอกว่าไม่ต้องคืนหนู แล้วเงินเก็บเราที่เหลือก็ยังมีอยู่
เราก็เอาไว้ใช้ไว้กินของเรา แต่เวลาแม่แฟนบอกอยากได้อะไรไม่มีเงินซื้อให้แม่หน่อยหรือหลานอยากได้อะไรเราก็ซื้อให้ บางทีซื้อของกินเข้าบ้านแฟนทีหมด 2,000 กว่าบาท เราให้เราไม่เคยได้คิดเลยนะคะ ให้ก็คือให้ ให้ด้วยความเต็มใจ พอเราไม่มีเงินเงินเหลือน้อยแล้ว
เราก็ขายกระเป๋าขายเสื้อผ้าได้ พอได้มา อย่างมีเงิน 300 เราต้องคิดแล้วว่า เรามีอยู่ 200 เพราะว่าค่าน้ำโค้กที่กินทุกวันค่ากินแฟนอีก ตรงนี้เราก็โอเค แสดงว่าเราวางแผนไว้ว่าวันนี้ได้มา 300 เก็บแค่ 200 เราก็บอกแฟนไว้แล้ว แต่พอมันมีอะไรให้เราต้องเปลี่ยนสุดท้ายไม่ได้เก็บ คือเราก็เซ็ง อย่างเช่นขายบุหรี่ไฟฟ้าได้พันกว่าบาท เราขายเพราะเราจะเอาเงินไปลงเนื้อย่างสั่งเค้าไว้แล้วต้องโอน ขายได้เราก็ลงมากินข้าว สักแป๊ปนึงแม่แฟนก็ถามว่ามีเงินในบัญชี 200 มั๊ยโอนจ่ายค่ามิสทีนให้แม่หน่อย เดี๋ยววันที่ 20 แม่คืน เราก็โอเคได้ค่ะก็โอนไป เพราะเราคิดว่ายังมีค่ากระเป๋าที่ได้มาอีกแต่พอได้มาจริงๆก็คือไม่พอยอดที่จะโอนไปลงค่าเนื้อย่างมาขายเราก็หายืมคนอื่นยืมพี่น้องฝั่งเรายืมแม่เรา (แต่แม่เค้าโอนคืนเราแล้วนะคะ) เพราะเราจะรอวันที่ 20 หรือวันที่ 10 กว่าๆก็คงไม่ได้ เพราะเราต้องลงของขาย หรือแบบเราอยู่บ้านลงมา แม่แฟนเค้าว่างเค้าก็จะเอาของในลาซาด้ามาให้ดูแล้วก็พูดประมานว่าแม่อยากได้อันนี้แอ๋ม เนี่ยมันดีนะ แม่ดูอยู่ แต่เราไม่พูดอะไร จะให้เราพูดเหมือนแรกๆว่าเดี๋ยวหนูซื้อให้ก็คงไม่ได้เพราะไม่มีเงินเก็บ พอเราไม่พูด ผ่านไปสักพักใหญ่หรือนานเท่าไหร่แม่ก็จะเอามาให้เราดูอีกพูดอีก คือจะเป็นแบบนี้ตลอดค่ะ ขายของได้ได้เงินมาจะเก็บก็ไม่ได้เก็บหรือได้เก็บน้อย เพราะแม่แฟนขอเล็กขอน้อยตลอดค่ะ เราก็ไม่ได้คิดอะไร เราคิดแต่ว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเราขายของได้เราก็ได้เงินอีก แต่บ่อยๆเข้าเราก็ไม่ไหวค่ะ เพราะเราเป็นคนหาเงินกว่าจะพูดไลฟสดได้กว่าจะคุยกว่าจะขายได้มันเหนื่อยมันปวดหัวนะคะ ขายไปจะเก็บเงินไปสรุปก็ยังไม่มีเงินเก็บคือคนเก็บเงินลงทุน เราอยากกินยำถุง 50 60 บาทเราบอกแฟนแต่เราไม่กินค่ะ เราว่าเปลืองตัง โคโลนเราหมดนานมากแล้ว เราก็ไม่ซื้อค่ะเปลืองตัง เพราะเรารู้ว่ามันไม่ใช่แค่เราอยากเก็บเงินแต่เรารู้ว่าถ้าถ้าบางทีต้องให้ต้องจ่ายอะไรจุกจิกกับแม่แฟนล่ะ แฟนอีกล่ะ บ้างทีมันเหนื่อยค่ะ เราก็ท้อเป็น
อย่างเรากับแฟนช่วยกันทำเคาเตอร์ไม้ขายน้ำใหม่ ทั้งขัดไม้ ทาสีแดดร้อนมาก แต่แม่แฟนเดินออกมากลับพูดว่า‘เหม็นนี่จะฆ่าแม่กันให้ตายเลยรึไง’ แทนที่จะเดินมาปิดประตูกระจกไปเลยหรือพูดว่าเหนื่อยมั๊ย อะไรมั๊ย ไม่พูดค่ะ ทั้งที่เรากับแฟนช่วยกันเพื่อที่จะให้มันสำเร็จและออกมาดี
และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเราตั้งใจซื้อเพราะเห็นว่าแม่ปวดขา ขาไม่มีแรง เวลาไม่มีใครอยู่บ้าน เค้าไปทำงานกัน เวลาหลานอยากกินขนมจะได้ไม่ต้องปั่นจักรยานไม่ต้องรอคนที่บ้าน จะได้ขี่สกู๊ตเตอร์ออกไปสบายๆ แต่ปรากฎว่าไม่เป็นแบบนั้นค่ะ สรุปจะเอาอะไรจะกินอะไรก็ต้องรอคนในบ้าน สกู๊ตเตอร์ส่วนใหญ่ก็จอดไว้ คนในบ้านจะจับก็กลัวพัง เราก็ได้จับบ้างเวลาแม่แฟนเค้าใช้ไปซื้อของให้เค้า
แล้วเรื่องล่าสุด เรากับแฟนขายของกันเก็บร้านกลับเข้ามาบ้าน ก็ต้องล้างของเก็บของให้เสร็จ เพราะเรารู้ว่าเราต้องรีบปั่นจักรยานไปซื้อกับข้าว เพราะตอนนั้นมันเป็นว่า 2 ทุ่มเกือบครึ่งแล้ว ไหนจะต้องรีบไปเอาปลั๊กไฟที่ร้านแม่เราอีก แต่กำลังเก็บของล้างของวุ่นๆกันอยู่ แม่แฟนก็มาใช้ให้ลูกชายเค้าตัดไม้ให้ใส่ช่องใต้เก้าอี้ว่างๆ (เพื่อที่จะได้ปล่อยกระต่ายออกมาวิ่งนอกกรงได้) ลูกชายเค้าก็ไม่ได้พูดอะไรก็คือเดี๋ยวจะทำให้ พอเก็บของล้างของเสร็จแล้ว ลูกชายเค้าก็จะมาทำให้ แต่ลูกชายพูดว่า ‘จะตัดทำไม ฟิวเจอร์บอร์ดก็เอามากั้นได้’ แล้วลูกชายก็เดินไปหยิบแผ่นไม้ที่ไม่ต้องตัดเพื่อที่จะเอามาวางให้ดูว่ามันปิดช่องนั้นได้โดยที่ไม่ต้องตัดไม้เลย แล้วแม่แฟนก็บอกว่า ‘ไม่เอามันสกปรก ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องมายุ่ง เดี๋ยว_ูทำของ_ูเอง ‘ (คือไม้มันก็ไม่ได้สกปรกมันก็ไม้เหมือนกันทั่วไป) พอแม่พูดแบบนั้นลูกชายเค้าก็ขึ้นมาบนห้อง มาช่วยเราเก็บห้องเก็บของนับตังที่ขายของเสร็จ ลูกชายเค้าก็เปิดประตูห้องเดินลงไป ลูกชายเค้าได้ได้ยินว่าแม่ตัวเองคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ พูดประมานว่า ‘ไม่มีน้ำใจกันเลย มันเห็นเรานั่งทำก็เดินผ่านกันไปเหมือนไม่สนใจทำเฉยๆกัน’ แล้วลูกชายเค้าได้ยินเลยเถียงแม่ตัวเองกลับไปว่า ‘ ทำไมพูดแบบนี้ คิดว่าเหนื่อยมั๊ยทำงานขายของเก็บของงกๆก็เห็นอยู่ ‘ แม่เค้าเลยพูดขึ้นมาว่า ‘อ๋อ ขายของไม่เหนื่อยหรอก ขายของแค่นี้บอกเหนื่อยจะไปทำไรกิน’ ลูกชายเค้าเลยเถียงกลับไปว่า ‘ขนาดแม่ยืนล้างจานแม่ยังเหนื่อยเลย’ แล้วแฟนเราก็เดินออกไปหน้าบ้าน แต่เราอยู่ข้างบนเราได้ยินหมด แล้วแม่แฟนก็พูดขึ้นมาว่า ‘ใช้แค่นี้ใช้ไม่ได้เวลาอยากกินอะไรก็ทำให้กิน แม่อยากกินอันนี้ก็ทำให้อยากได้อะไรก็หาให้ทุกอย่าง’ แล้วมาพูดว่าขนาดล้างจานยังเหนื่อย ก็_ูไม่สบายมั๊ย’ เราได้ยินเราเลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่ตั้งแต่เอาไปพูดในโทรศัพท์กับคนอื่นเรายังเคยเห็นแม่แฟนทะเลาะกับลูกชายเค้าแล้วก็โพสเฟสบุ๊คแต่เค้าลบไป ทั้งที่แม่แฟนก็เคยบอกเราว่าเวลาเราทะเลาะกับลูชายเค้าไม่ต้องไปเล่าไปโพสมันดูไม่ดี แต่เค้าก็ทำ และอีกอย่างเรารู้สึกว่าคำว่า ขายของไม่เหนื่อยหรอกถ้าเหนื่อยจะไปทำมาหากินอะไร ใช่ค่ะแค่นี้มันไม่เหนื่อยหรอก ถึงเหนื่อยแต่ก็ไม่ถึงตาย แต่ที่ลูกชายเค้าพูดว่าเหนื่อย คือกำลังจะบอกให้แม่เค้าเห็นว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องเอาไปพูดขนาดนั้นก็เห็นอยู่ว่าเก็บของกันมางกๆ ใครๆก็บ่นเหนื่อยกันทั้งนั้นค่ะเวลาทำอะไรหรือทำงาน หรือถ้าแบบนี้เวลาใครบ่นเหนื่อยก็ไม่ต้องไปทำอะไรกินกันแล้วใช่มั๊ยคะ และคำที่แม่แฟนพูดว่า อยากกินอะไรก็ทำให้กินอยากได้อะไรก็ทำให้ เราได้ยินแล้วรู้สึกไม่โอเค กับข้าวตอนเย็น 3 อย่างก็ซื้อทุกวัน แม่แฟนไม่ต้องทำกับข้าวเลยค่ะ มีที่เค้าทำเองบ้างแต่ก็ไม่เคยได้ไปเอ่ยปากขอเค้า แบบประมานว่า อยากกินผัดกระเพราทำให้กินหน่อย ไข่เจียวทำให้กินหน่อยมีแต่อยากกินก็ทอดเองหรือแฟนเราก็ทอดเองนะคะ ยกเว้นแต่จะมีไข่เจียวอยู่บนโต๊ะแล้วเท่านั้น แล้วตอนเช้าหรือตอนกลางวันถ้าไม่มีไรกินก็เจียวไข่ เรารู้สึกว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องเอาเรื่องกินมาพูด ต่อให้จะพูดกับลูกหรือจะพูดกับเราหรือใครคนอื่นก็ไม่ควรพูด เพราะแม่แทบจะไม่ได้ทำกับข้าวทุกวัน เวลาอยากได้อะไรอยากซื้ออะไรก็ยังต้องรอคนในบ้านมีสกู๊ตเตอร์ก็ไม่ขี่ออกไป ถ้าแม่ทำกับข้าวทุกวันก็โอเคก็คงไม่ว่าอะไร แล้วเรื่องพูดว่าล้างจานที่เหนื่อยเพราะไม่สบายขนาดไม่สบายแม่ล้างจานก็ยังเหนื่อยแล้วถ้าแม่ออกไปยกของตั้งร้านปั่นจักรยานเอาของไปมาแม่ก็คงจะเป็นลมแล้วถูกมั๊ยคะ แล้วกับลูกแข็งแรงดีให้ยืนล้างจานก็ไม่เหนื่อย แต่แค่ลูกบ่นว่าขายของเหนื่อยแม่ก็พูดว่าเหนื่อยแล้วจะไปทำไรกิน มองกลับกันนะคะ สิ่งเบาแม่บอกเหนื่อยแต่ถ้าสิ่งหนักแม่คงไม่ไหว แต่กับลูกสิ่งเบาลูกก็ทำสบายๆแต่สิ่งหนักลูกแค่บ่นเหนื่อยแต่ไม่ได้บอกว่าทำไม่ไหว เพราะฉะนั้นจะมาพูดว่าแค่นี้เหนื่อยจะไปทำไรกินแบบนี้ไม่ถูกนะคะ
และอย่างตอนกลางวันซักรองเท้าหลานตากไว้หน้าบ้าน คือสักใกล้มืดก็เก็บได้แล้วค่ะ แต่นี่พอสองสามทุ่มหลานเพิ่งจะเก็บยุงก็จะเข้าบ้าน พี่ชายแฟนเราแค่บอกว่าทำไมมาเก็บตอนนี้อยู่วันทั้งวันไม่เก็บยุงก็เข้า แม่แฟนตอบว่า ‘ไม่ทำอย่าปากดี’ พี่ชายแฟนเราเลยตอบกลับไปว่า ‘หาให้ใช้อย่าพูดมาก’ คือเอาตามหลักความเป็นจริง อยู่บ้านไม่ได้ทำงานอย่างน้อยก็มีงานบ้านล้างจานเลี้ยงหลานเก็บของเล่นหลานค่ะ คืออยู่บ้านก็มีหน้าที่ค่ะ แต่คงไม่หนักเท่าคนที่ทำงานนอกบ้านต้องสนทนากับคนอื่นก็ปวดหัวมากพอแล้ว บางทีถ้าเป็นตอนช่วงเราอยู่ตกเย็นเราก็ล้างจานกรอกน้ำเต็มทุกขวด แม่ไม่ได้ทำอะไรนอนเล่นโทรศัพท์ก็ยังบ่นปวดหัวบ่นเหนื่อยเลยค่ะ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
พอวันรุ่งขึ้นคือเมื่อวันก่อน ก่อนเราจะไปหาแม่เราก็โพสประมานว่า คนที่ชีวิตมีแต่ให้ให้แล้วเค้าไม่เคยพูด แต่คนจะพูดแม้กระทั่งเรื่องกินก็พูดประมาณนี้ แต่เราไม่คุยกับแม่แฟนเลยวันนั้น แต่แม่เค้าส่งรูปอะไรมาก็ไม่รู้เรายุ่งไม่ได้เปิดดูมาเปิดอีกทีคือเค้าโอนเงินค่ามิสทีนกับกระเป๋าคืนเรา เราเคยบอกแฟนว่าจะไม่เอาแต่ด้วยความที่ไม่ได้คุยกับแม่แฟนแล้วเค้าโอนมาเราก็โอเคแล้ว เราไปหาแม่ก็ซื้อของกับแม่เรา เราก็ได้ไปแม็คโคร เราก็นึกถึงซื้อของกิน โบโลน่าแพ็คใหญ่ 1 แพ็ค ไส้กรอกชีส 2 แพ็ค มาม่าเกาหลี 4 ซอง โจ๊ก 12 ซองยกแพ็ค ขนมปัง 2 กล่อง ทุเรียนแพ็คนึง พอเรากลับมาประมาน 2 -3 ทุ่ม เราเดินถือของเข้าบ้านละบอกหลานว่า ฟ้าป้าซื้อของขนมมาฝาก เราก็วางไว้ที่โต๊ะกินข้าว ละเราก็ออกมาล้างของช่วยแฟน เราจะลองดูไง ปกติคือแม่แฟนก็จะลุกมาว่าซื้อไรมาบ้างก็จะเก็บจะถามหลานว่ากินมั๊ย แต่ไม่ค่ะไม่จับไม่ดูเลย จนเค้าขึ้นบ้านนอน เราก็เข้าบ้านก็วางคาถุงไว้เหมือนเดิม เราก็ไม่เก็บค่ะเราขึ้นห้อง จนพ่อมากินข้าวพ่อก็ให้พี่ชายแฟนเดินขึ้นมาบอกว่าลงไปเก็บของด้วย คือเราไม่เข้าใจคือของซื้อมาขนาดนั้นก็คือ
เรื่องปัญหาแม่แฟน ควรทำยังไงดีคะ
ด้วยความที่เราเป็นคนมีปากแต่ไม่พูด เป็นคนตรงมีปากแต่เห็นอะไรที่ไม่ใช่หรือไม่โอเคแล้วเราจะใส่เลย มันไม่ใช่เราถ้าเมื่อก่อนอาจจะใช่ แต่ตอนนี้คิดว่าโตแล้ว เงียบดีกว่าเอาความนิ่งเข้าใส่เลือกที่จะไม่มีปัญหา เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่า ทำหน้าที่ของเราดีกว่าเราเป็นยังไงเรารู้ดีแก่ใจของเรา คือเราเป็นคนที่ถ้าใครทำดีจริงใจด้วย มีหมดก็ให้หมด เต็ม 100% ให้แล้วไม่เคยได้คิดไม่เคยหวังผลตอบแทน แต่ถ้าเรารู้สึกว่ามันไม่ใช่รู้สึกว่าเหนื่อยรู้สึกว่าพอให้แล้วคนนั้นมีอะไรมาให้เสียความรู้สึกมากๆเราก็จะออกมาละจบไม่อธิบายไม่มีแม้แต่คำว่าเสียดาย จะเอาเราไปพูดแบบไหนกับใครเรื่องของเขา ไม่มีอะไรมาทำเราได้เพราะเราทำเต็มที่สุดแล้ว เรารู้อะไรควรทำไม่ควรทำ ทำแบบนี้กับใครหรือคนนั้นนะคนนี้นะแล้วจะเหมาะสม เราเป็นคนเรียนรู้คน สังเกตคน เราจึงปรับตัวเข้ากับสถานการณ์นั้นๆได้
มีปากแต่ไม่พูด วันนี้ขอพูดหน่อยแล้วกันนะคะ.....
เราลงทุนขายของกับแฟน (เป็นเงินทุนของแอ๋มเองหมดเลยนะคะ) ตอนแรกขายน้ำก็พอไปได้ ขายบ้างหยุดบ้าง เพราะเรามานั่งคิดนอนคิดตลอด ทบทวนว่า ขายน้ำนี่ได้น้อยนะเราต้องทำยังไงดีก็คิดๆค้นหาในกูเกิ้ล จนรู้สึกว่าถ้าขายอันนี้น่าจะโอเค เราตัดสินใจขายเนื้อย่างไส้อั่วหมูปิ้ง ผลลัพธ์ออกมาคือดีค่ะขายดี เราก็ดีใจ แต่มันไม่แค่นั้น วันไหนขายไม่ดี ร้อนก็ร้อน คนขายของคนลงทุนทุกคนเป็นค่ะพอขายไม่ได้ก็ต้องมีเครียดนิดๆ ไหนจะพอขายได้ต้องมาคิดเรื่องเงินเงินเก็บเงินอันนี้ซื้อของมาขายต่อ เพราะมันยังไม่ลงตัว มันทุนต่อทุนค่ะ ทำยังไงให้ไปรอด เราคิดทุกวัน ตกเย็นเก็บของล้างของอีก ใช่ทั้งแรงทั้งหัวสมองคิดว่าการขายของมันเหนื่อยมั๊ยคะ ? เราพยายามคิดหาวิธีที่ได้ตัง
อย่างเช่น กระเป๋าเราสั่งมา 50 ใบ เป็นเงินทั้งหมด 5,700 บาท (เงินแม่เราค่ะ เรายืมแม่) เสื้อผ้าของเราที่ไม่ใส่แล้วหรือยังใส่อยู่เราก็เอาไลฟขาย บุหรี่ไฟฟ้าของอะไรต่างๆที่ใช้แล้วขายได้เราก็ขาย รวมๆทั้งกระเป๋าเสื้อผ้าขายได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็ได้ค่ะ เพื่ออะไรเพื่อเก็บเป็นเงินทุนขายของเพื่อให้มีเงินเก็บค่ะ เพราะเงินเก็บของเราหมดแล้ว
ต้องบอกก่อนว่าบ้านเรามีธุรกิจประดับยนต์ 4 สาขา ก็คือดีทุกคนก็รู้นะคะ มีตังแต่ถ้าเงินหมด เราขอพ่อขอแม่ไม่ได้นะคะ ถ้าไม่ทำงานแลกไม่ต้องขอ แค่ 100 200 ก็บ่นแล้วค่ะ เพราะที่บ้านเราสอนว่าถ้าอยากได้เงินต้องช่วยทำงานที่ร้านแลกจะได้เท่าไหร่ก็แล้วแต่จะได้รู้ว่าเงินกว่าจะได้มันต้องเหนื่อยต้องปวดหัวใช้สมองแค่ไหน บางทีกลับไปหาแม่ที่ร้านไปไม่ได้ไปหาเฉยๆนะคะ ไปเพราะจะไปทำงานที่ร้านเอาเงินค่ะ พอตกเย็นก็กลับมาบ้านแฟน คือเราทำทุกอย่างจริงๆค่ะ เพื่ออะไรเหรอคะเพื่อเอาเงินมาลงทุนมาสร้างอนาคตกับแฟน มาจุนเจือในบ้านแฟน
ที่เงินเก็บหมดเพราะเรายอมเอาเงินเก็บของเรามาจ่ายค่าบ้านที่ค้างไว้ให้บ้านแฟนค่ะ รวมทั้งหมด 48,000 บาท แต่เราไม่ได้ให้ทีเดียวนะคะ เราทยอยโอนทีละหมื่นเพราะทำงานทุกวันเก็บเงินมาสมทบ แบบประมานว่า มีอยู่ 20,000 โอนไปให้บ้านแฟน 10,000 เราก็เหลืออยู่ 10,000 แล้วก็ทำงานเก็บสมทบกับ 10,000 ที่เรามีอยู่ แบบนี้ค่ะ จนครบ 48,000 แล้วเราก็บอกว่าไม่ต้องคืนหนู แล้วเงินเก็บเราที่เหลือก็ยังมีอยู่
เราก็เอาไว้ใช้ไว้กินของเรา แต่เวลาแม่แฟนบอกอยากได้อะไรไม่มีเงินซื้อให้แม่หน่อยหรือหลานอยากได้อะไรเราก็ซื้อให้ บางทีซื้อของกินเข้าบ้านแฟนทีหมด 2,000 กว่าบาท เราให้เราไม่เคยได้คิดเลยนะคะ ให้ก็คือให้ ให้ด้วยความเต็มใจ พอเราไม่มีเงินเงินเหลือน้อยแล้ว
เราก็ขายกระเป๋าขายเสื้อผ้าได้ พอได้มา อย่างมีเงิน 300 เราต้องคิดแล้วว่า เรามีอยู่ 200 เพราะว่าค่าน้ำโค้กที่กินทุกวันค่ากินแฟนอีก ตรงนี้เราก็โอเค แสดงว่าเราวางแผนไว้ว่าวันนี้ได้มา 300 เก็บแค่ 200 เราก็บอกแฟนไว้แล้ว แต่พอมันมีอะไรให้เราต้องเปลี่ยนสุดท้ายไม่ได้เก็บ คือเราก็เซ็ง อย่างเช่นขายบุหรี่ไฟฟ้าได้พันกว่าบาท เราขายเพราะเราจะเอาเงินไปลงเนื้อย่างสั่งเค้าไว้แล้วต้องโอน ขายได้เราก็ลงมากินข้าว สักแป๊ปนึงแม่แฟนก็ถามว่ามีเงินในบัญชี 200 มั๊ยโอนจ่ายค่ามิสทีนให้แม่หน่อย เดี๋ยววันที่ 20 แม่คืน เราก็โอเคได้ค่ะก็โอนไป เพราะเราคิดว่ายังมีค่ากระเป๋าที่ได้มาอีกแต่พอได้มาจริงๆก็คือไม่พอยอดที่จะโอนไปลงค่าเนื้อย่างมาขายเราก็หายืมคนอื่นยืมพี่น้องฝั่งเรายืมแม่เรา (แต่แม่เค้าโอนคืนเราแล้วนะคะ) เพราะเราจะรอวันที่ 20 หรือวันที่ 10 กว่าๆก็คงไม่ได้ เพราะเราต้องลงของขาย หรือแบบเราอยู่บ้านลงมา แม่แฟนเค้าว่างเค้าก็จะเอาของในลาซาด้ามาให้ดูแล้วก็พูดประมานว่าแม่อยากได้อันนี้แอ๋ม เนี่ยมันดีนะ แม่ดูอยู่ แต่เราไม่พูดอะไร จะให้เราพูดเหมือนแรกๆว่าเดี๋ยวหนูซื้อให้ก็คงไม่ได้เพราะไม่มีเงินเก็บ พอเราไม่พูด ผ่านไปสักพักใหญ่หรือนานเท่าไหร่แม่ก็จะเอามาให้เราดูอีกพูดอีก คือจะเป็นแบบนี้ตลอดค่ะ ขายของได้ได้เงินมาจะเก็บก็ไม่ได้เก็บหรือได้เก็บน้อย เพราะแม่แฟนขอเล็กขอน้อยตลอดค่ะ เราก็ไม่ได้คิดอะไร เราคิดแต่ว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวเราขายของได้เราก็ได้เงินอีก แต่บ่อยๆเข้าเราก็ไม่ไหวค่ะ เพราะเราเป็นคนหาเงินกว่าจะพูดไลฟสดได้กว่าจะคุยกว่าจะขายได้มันเหนื่อยมันปวดหัวนะคะ ขายไปจะเก็บเงินไปสรุปก็ยังไม่มีเงินเก็บคือคนเก็บเงินลงทุน เราอยากกินยำถุง 50 60 บาทเราบอกแฟนแต่เราไม่กินค่ะ เราว่าเปลืองตัง โคโลนเราหมดนานมากแล้ว เราก็ไม่ซื้อค่ะเปลืองตัง เพราะเรารู้ว่ามันไม่ใช่แค่เราอยากเก็บเงินแต่เรารู้ว่าถ้าถ้าบางทีต้องให้ต้องจ่ายอะไรจุกจิกกับแม่แฟนล่ะ แฟนอีกล่ะ บ้างทีมันเหนื่อยค่ะ เราก็ท้อเป็น
อย่างเรากับแฟนช่วยกันทำเคาเตอร์ไม้ขายน้ำใหม่ ทั้งขัดไม้ ทาสีแดดร้อนมาก แต่แม่แฟนเดินออกมากลับพูดว่า‘เหม็นนี่จะฆ่าแม่กันให้ตายเลยรึไง’ แทนที่จะเดินมาปิดประตูกระจกไปเลยหรือพูดว่าเหนื่อยมั๊ย อะไรมั๊ย ไม่พูดค่ะ ทั้งที่เรากับแฟนช่วยกันเพื่อที่จะให้มันสำเร็จและออกมาดี
และสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเราตั้งใจซื้อเพราะเห็นว่าแม่ปวดขา ขาไม่มีแรง เวลาไม่มีใครอยู่บ้าน เค้าไปทำงานกัน เวลาหลานอยากกินขนมจะได้ไม่ต้องปั่นจักรยานไม่ต้องรอคนที่บ้าน จะได้ขี่สกู๊ตเตอร์ออกไปสบายๆ แต่ปรากฎว่าไม่เป็นแบบนั้นค่ะ สรุปจะเอาอะไรจะกินอะไรก็ต้องรอคนในบ้าน สกู๊ตเตอร์ส่วนใหญ่ก็จอดไว้ คนในบ้านจะจับก็กลัวพัง เราก็ได้จับบ้างเวลาแม่แฟนเค้าใช้ไปซื้อของให้เค้า
แล้วเรื่องล่าสุด เรากับแฟนขายของกันเก็บร้านกลับเข้ามาบ้าน ก็ต้องล้างของเก็บของให้เสร็จ เพราะเรารู้ว่าเราต้องรีบปั่นจักรยานไปซื้อกับข้าว เพราะตอนนั้นมันเป็นว่า 2 ทุ่มเกือบครึ่งแล้ว ไหนจะต้องรีบไปเอาปลั๊กไฟที่ร้านแม่เราอีก แต่กำลังเก็บของล้างของวุ่นๆกันอยู่ แม่แฟนก็มาใช้ให้ลูกชายเค้าตัดไม้ให้ใส่ช่องใต้เก้าอี้ว่างๆ (เพื่อที่จะได้ปล่อยกระต่ายออกมาวิ่งนอกกรงได้) ลูกชายเค้าก็ไม่ได้พูดอะไรก็คือเดี๋ยวจะทำให้ พอเก็บของล้างของเสร็จแล้ว ลูกชายเค้าก็จะมาทำให้ แต่ลูกชายพูดว่า ‘จะตัดทำไม ฟิวเจอร์บอร์ดก็เอามากั้นได้’ แล้วลูกชายก็เดินไปหยิบแผ่นไม้ที่ไม่ต้องตัดเพื่อที่จะเอามาวางให้ดูว่ามันปิดช่องนั้นได้โดยที่ไม่ต้องตัดไม้เลย แล้วแม่แฟนก็บอกว่า ‘ไม่เอามันสกปรก ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องมายุ่ง เดี๋ยว_ูทำของ_ูเอง ‘ (คือไม้มันก็ไม่ได้สกปรกมันก็ไม้เหมือนกันทั่วไป) พอแม่พูดแบบนั้นลูกชายเค้าก็ขึ้นมาบนห้อง มาช่วยเราเก็บห้องเก็บของนับตังที่ขายของเสร็จ ลูกชายเค้าก็เปิดประตูห้องเดินลงไป ลูกชายเค้าได้ได้ยินว่าแม่ตัวเองคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ พูดประมานว่า ‘ไม่มีน้ำใจกันเลย มันเห็นเรานั่งทำก็เดินผ่านกันไปเหมือนไม่สนใจทำเฉยๆกัน’ แล้วลูกชายเค้าได้ยินเลยเถียงแม่ตัวเองกลับไปว่า ‘ ทำไมพูดแบบนี้ คิดว่าเหนื่อยมั๊ยทำงานขายของเก็บของงกๆก็เห็นอยู่ ‘ แม่เค้าเลยพูดขึ้นมาว่า ‘อ๋อ ขายของไม่เหนื่อยหรอก ขายของแค่นี้บอกเหนื่อยจะไปทำไรกิน’ ลูกชายเค้าเลยเถียงกลับไปว่า ‘ขนาดแม่ยืนล้างจานแม่ยังเหนื่อยเลย’ แล้วแฟนเราก็เดินออกไปหน้าบ้าน แต่เราอยู่ข้างบนเราได้ยินหมด แล้วแม่แฟนก็พูดขึ้นมาว่า ‘ใช้แค่นี้ใช้ไม่ได้เวลาอยากกินอะไรก็ทำให้กิน แม่อยากกินอันนี้ก็ทำให้อยากได้อะไรก็หาให้ทุกอย่าง’ แล้วมาพูดว่าขนาดล้างจานยังเหนื่อย ก็_ูไม่สบายมั๊ย’ เราได้ยินเราเลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่ใช่ตั้งแต่เอาไปพูดในโทรศัพท์กับคนอื่นเรายังเคยเห็นแม่แฟนทะเลาะกับลูกชายเค้าแล้วก็โพสเฟสบุ๊คแต่เค้าลบไป ทั้งที่แม่แฟนก็เคยบอกเราว่าเวลาเราทะเลาะกับลูชายเค้าไม่ต้องไปเล่าไปโพสมันดูไม่ดี แต่เค้าก็ทำ และอีกอย่างเรารู้สึกว่าคำว่า ขายของไม่เหนื่อยหรอกถ้าเหนื่อยจะไปทำมาหากินอะไร ใช่ค่ะแค่นี้มันไม่เหนื่อยหรอก ถึงเหนื่อยแต่ก็ไม่ถึงตาย แต่ที่ลูกชายเค้าพูดว่าเหนื่อย คือกำลังจะบอกให้แม่เค้าเห็นว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องเอาไปพูดขนาดนั้นก็เห็นอยู่ว่าเก็บของกันมางกๆ ใครๆก็บ่นเหนื่อยกันทั้งนั้นค่ะเวลาทำอะไรหรือทำงาน หรือถ้าแบบนี้เวลาใครบ่นเหนื่อยก็ไม่ต้องไปทำอะไรกินกันแล้วใช่มั๊ยคะ และคำที่แม่แฟนพูดว่า อยากกินอะไรก็ทำให้กินอยากได้อะไรก็ทำให้ เราได้ยินแล้วรู้สึกไม่โอเค กับข้าวตอนเย็น 3 อย่างก็ซื้อทุกวัน แม่แฟนไม่ต้องทำกับข้าวเลยค่ะ มีที่เค้าทำเองบ้างแต่ก็ไม่เคยได้ไปเอ่ยปากขอเค้า แบบประมานว่า อยากกินผัดกระเพราทำให้กินหน่อย ไข่เจียวทำให้กินหน่อยมีแต่อยากกินก็ทอดเองหรือแฟนเราก็ทอดเองนะคะ ยกเว้นแต่จะมีไข่เจียวอยู่บนโต๊ะแล้วเท่านั้น แล้วตอนเช้าหรือตอนกลางวันถ้าไม่มีไรกินก็เจียวไข่ เรารู้สึกว่าเรื่องแค่นี้ทำไมต้องเอาเรื่องกินมาพูด ต่อให้จะพูดกับลูกหรือจะพูดกับเราหรือใครคนอื่นก็ไม่ควรพูด เพราะแม่แทบจะไม่ได้ทำกับข้าวทุกวัน เวลาอยากได้อะไรอยากซื้ออะไรก็ยังต้องรอคนในบ้านมีสกู๊ตเตอร์ก็ไม่ขี่ออกไป ถ้าแม่ทำกับข้าวทุกวันก็โอเคก็คงไม่ว่าอะไร แล้วเรื่องพูดว่าล้างจานที่เหนื่อยเพราะไม่สบายขนาดไม่สบายแม่ล้างจานก็ยังเหนื่อยแล้วถ้าแม่ออกไปยกของตั้งร้านปั่นจักรยานเอาของไปมาแม่ก็คงจะเป็นลมแล้วถูกมั๊ยคะ แล้วกับลูกแข็งแรงดีให้ยืนล้างจานก็ไม่เหนื่อย แต่แค่ลูกบ่นว่าขายของเหนื่อยแม่ก็พูดว่าเหนื่อยแล้วจะไปทำไรกิน มองกลับกันนะคะ สิ่งเบาแม่บอกเหนื่อยแต่ถ้าสิ่งหนักแม่คงไม่ไหว แต่กับลูกสิ่งเบาลูกก็ทำสบายๆแต่สิ่งหนักลูกแค่บ่นเหนื่อยแต่ไม่ได้บอกว่าทำไม่ไหว เพราะฉะนั้นจะมาพูดว่าแค่นี้เหนื่อยจะไปทำไรกินแบบนี้ไม่ถูกนะคะ
และอย่างตอนกลางวันซักรองเท้าหลานตากไว้หน้าบ้าน คือสักใกล้มืดก็เก็บได้แล้วค่ะ แต่นี่พอสองสามทุ่มหลานเพิ่งจะเก็บยุงก็จะเข้าบ้าน พี่ชายแฟนเราแค่บอกว่าทำไมมาเก็บตอนนี้อยู่วันทั้งวันไม่เก็บยุงก็เข้า แม่แฟนตอบว่า ‘ไม่ทำอย่าปากดี’ พี่ชายแฟนเราเลยตอบกลับไปว่า ‘หาให้ใช้อย่าพูดมาก’ คือเอาตามหลักความเป็นจริง อยู่บ้านไม่ได้ทำงานอย่างน้อยก็มีงานบ้านล้างจานเลี้ยงหลานเก็บของเล่นหลานค่ะ คืออยู่บ้านก็มีหน้าที่ค่ะ แต่คงไม่หนักเท่าคนที่ทำงานนอกบ้านต้องสนทนากับคนอื่นก็ปวดหัวมากพอแล้ว บางทีถ้าเป็นตอนช่วงเราอยู่ตกเย็นเราก็ล้างจานกรอกน้ำเต็มทุกขวด แม่ไม่ได้ทำอะไรนอนเล่นโทรศัพท์ก็ยังบ่นปวดหัวบ่นเหนื่อยเลยค่ะ เราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
พอวันรุ่งขึ้นคือเมื่อวันก่อน ก่อนเราจะไปหาแม่เราก็โพสประมานว่า คนที่ชีวิตมีแต่ให้ให้แล้วเค้าไม่เคยพูด แต่คนจะพูดแม้กระทั่งเรื่องกินก็พูดประมาณนี้ แต่เราไม่คุยกับแม่แฟนเลยวันนั้น แต่แม่เค้าส่งรูปอะไรมาก็ไม่รู้เรายุ่งไม่ได้เปิดดูมาเปิดอีกทีคือเค้าโอนเงินค่ามิสทีนกับกระเป๋าคืนเรา เราเคยบอกแฟนว่าจะไม่เอาแต่ด้วยความที่ไม่ได้คุยกับแม่แฟนแล้วเค้าโอนมาเราก็โอเคแล้ว เราไปหาแม่ก็ซื้อของกับแม่เรา เราก็ได้ไปแม็คโคร เราก็นึกถึงซื้อของกิน โบโลน่าแพ็คใหญ่ 1 แพ็ค ไส้กรอกชีส 2 แพ็ค มาม่าเกาหลี 4 ซอง โจ๊ก 12 ซองยกแพ็ค ขนมปัง 2 กล่อง ทุเรียนแพ็คนึง พอเรากลับมาประมาน 2 -3 ทุ่ม เราเดินถือของเข้าบ้านละบอกหลานว่า ฟ้าป้าซื้อของขนมมาฝาก เราก็วางไว้ที่โต๊ะกินข้าว ละเราก็ออกมาล้างของช่วยแฟน เราจะลองดูไง ปกติคือแม่แฟนก็จะลุกมาว่าซื้อไรมาบ้างก็จะเก็บจะถามหลานว่ากินมั๊ย แต่ไม่ค่ะไม่จับไม่ดูเลย จนเค้าขึ้นบ้านนอน เราก็เข้าบ้านก็วางคาถุงไว้เหมือนเดิม เราก็ไม่เก็บค่ะเราขึ้นห้อง จนพ่อมากินข้าวพ่อก็ให้พี่ชายแฟนเดินขึ้นมาบอกว่าลงไปเก็บของด้วย คือเราไม่เข้าใจคือของซื้อมาขนาดนั้นก็คือ