มีสายจากนักกินเจ้าของวลี
"เสียดายคนกินไม่ได้อ่าน" เอ๊ะ!ไม่ใช่สิ ต้องเป็น "เสียดายคนอ่านไม่ได้กิน"
"อาสามไปกินโอมากาเสะกันไหม"
"กินอะไรนะ "มาเอากูเซ่" ร้านหัวร้อนนักเลงเหรอ?"
"ก็อาหารญี่ปุ่นที่กินเป็นเซ็ทตามแต่เชพจัดมาไง พอดีมีหลุดจองสองที่พรุ่งนี้ 
15 คอร์สลดจาก 3599++ เหลือ 1999++ สนไหมอาสาม" 
คิดหนักเพราะเดือนนี้กับเดือนหน้าทำงานครึ่งเดียว รับเงินเดือนครึ่งเดียว
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะโควิด 19 คงได้กินราคานี้ยาก สำหรับร้าน Tenyuu Grand
ปากซอยสาทร 6 ซึ่งเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นระดับ Hi-end ที่ใช้วัตถุดิบระดับพรีเมี่ยมส่งตรงจากญี่ปุ่น
วันพฤหัสฯ เป็นวันหยุดงาน และเป็นคนใจง่าย จึงตอบกลับไปว่า "เอาก็เอาเซ่"
วันพฤหัสฯ ที่ 28-5-20 แวะกิน "ไช้เถ่าก๊วย"  ป้าแจ๋ สไตล์ผัดไทยใส่กุ้งสดตัวเบ้อเริ่มสองตัว 50 บาท
ที่หน้าศาลเจ้าพรหมเมศ ข้างบีทีเอสสะพานตากสิน จากนั้นเดินสำรวจร้านย่านยานนาวา





14.20 น. นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส จากสถานีสะพานตากสินไปสถานีช่องนนทรี



ออกจากสถานีทางด้านทางออกที่ 5 ซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่างสถานีช่องนนทรี 
กับสถานีรถโดยสารด่วนพิเศษ BRT สถานีสาทร โดยมีสะพานงาช้างข้ามแยกสาทร-นราธิวาสไปที่ BRT
ไม่ว่าจะมาเวลาไหนและวันใด ๆ สะพานงาช้างยังคงเป็นจุดที่ผู้คนพากันมาถ่ายภาพ
และได้รับความนิยมในการใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์และโฆษณา รวมถึงถ่ายภาพรับปริญญาและพรีเว็ดดิ้ง
แม้ว่าปัจจุบัน จะมีป้ายโฆษณาบนอาคารเอ็มไพร์ มาเบียดเบียนความสวยงามก็ตาม







ลงจากสะพานงาช้างทางด้านถนนสาทรเหนือ ซึ่งอยู่ฝั่งซ้ายมุ่งหน้าไปแยกวิทยุ





ผ่านอาคารสาทรธานี กองบังคับการกองปราบปราม 
แผนกการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
ผ่านอาคารแสงทองธานี ไปถึงโรงแรม Evergreen Laurel กรุงเทพ 
ปากซอยสาทร 6 หรือซอยพิพัฒน์ (สีลมซอย 3)
รอจังหวะสัญญานไฟแดง เพื่อข้ามทางม้าลายไปอีกฝั่งของสาทรซอย 6




 


ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้าน Tenyuu Grand
Tenyuu แปลว่าความมั่งคั่งจากสวรรค์



ร้านเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 9.00-22.00 น.



มีที่จอดรถกว้างขวาง จอดได้หลายสิบคัน



อาคารชั้นเดียวทางด้านซ้ายติดซอยสาทร 6 เป็นส่วนของ Omakase ระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยม





ซุ้มประตูหน้าทางเดินไปสู่ทางเข้าร้าน 
ออกแบบผสมผสานระหว่างซุ้มประตูญี่ปุ่นโทริอิ (Torii) และหลังคาหน้าจั่วแบบไทย



ส่วนที่นั่งภายนอกร้าน



ห้องนี้น่าจะเคยเป็นห้องกระจก 
สำหรับลูกค้าที่มาเป็นกลุ่มใหญ่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เพราะติดเครื่องปรับอากาศ
แต่ปัจจุบันถอดกระจกออก และปรับเป็นที่นั่งรออาหาร สำหรับพนักงานแอพฯ ต่าง ๆ



ตัวร้านเดิมเป็นบ้านเก่าอายุเกินร้อยปีของเจ้าของร้าน



โปรโมชั่นต่าง ๆ ช่วงนี้







ก่อนเข้าตัวร้านมีจุดวัดอุณหภูมิ และที่เหยีบกดเจลล้างมือก่อนเข้าไปในร้าน



ตู้แช่ Kagoshima A4 King of Wagyu



Bafun Uni ไข่หอยเม่นญี่ปุ่น สายพันธุ์บาฟุน 
ที่มีสีเข้มและรสชาติหวานกว่าพันธุ์มุราซากิ (Murasaki)
ที่นี่ใช้ยี่ห้อ Ogawa จากฮ็อกไกโด



ข้าวอบปูทาราบะแถมหม้อ 
โปรโมชั่นที่ทำให้ทางร้านปวดหัว เพราะมีลูกค้าสั่งร้อยหม้อหาหม้อไม่ครบ



บริการส่งอาหารของทางร้าน



เข้าสู่ส่วนรับประทานอาหาร



ซูชิบาร์กั้นแผงพลาสติกอะคริลิกหนา เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างกัน
แผงกั้นระยะห่างออกแบบอย่างดี ใช้ไม้และสีแบบเดียวกับเคาน์เตอร์เข้าชุดกัน ดูกลมกลืน
ไม่ใช้ท่อพีวิซีต้อข้อเป็นโครง แล้วขึงด้วยแผ่นพลาสติกใสใช้ห่อของ ดูแปลกแยก



ตู้แช่เนื้อปลาชนิดต่าง ๆ





Kinmedai หรือปลากะพงแดงตาโตสีทอง 
กินแบบนึ่งซีอิ๊วเนื้อขาว แต่ถ้ากินดิบแบบซาชิมิเนื้อขาวอมชมพู



เครื่องดื่มเลือกชาข้าวฟ่างร้อน 80++ บาท



เชฟกล่าวต้อนรับและแนะนำตัว ร้านนี้ใช้เชฟคนไทยล้วน
ซึ่งปัจจุบันมีความรู้และฝีมือไม่แพ้เชฟญี่ปุ่น โดยเฉพาะร้านที่เน้นลูกค้าคนไทย
การมีเชฟเป็นคนไทย โดยเฉพาะซูชิบาร์ เชฟคนไทยสื่อสารกับคนไทยได้ดีกว่าเชฟญี่ปุ่น
โดยเฉพาะการหยอกมุกสร้างความเฮฮากับลูกค้าคนไทยอย่างไหลลื่น เชฟคนไทยทำได้ดีกว่า
วันนี้เชฟอาจจะพูดน้อยลงหน่อย เพราะแม้จะใส่หน้ากากอนามัยและเฟซชิล รวมทั้งสวมถุงมือทั้งสองข้าง
ก็อาจเกิดการฟุ้งกระจายของละอองฝอย ต้องเซฟลูกค้าไว้ก่อน
ผู้ร่วมอุดมการกิน ซึ่งเชี่ยวชาญอาหารญี่ปุ่นบอกว่า กว่า 90% ของพ่อครัวคนไทยร้านอาหารญี่ปุ่น
ส่วนใหญ่มาจาก 2 อุ คือ อุบลฯ และอุดรฯ และกล่าวไม่ผิด เพราะได้รับการยืนยัน
จากเชฟทั้ง 5 คนของร้านนี้ ว่ามาจากทั้งอุบลฯ และอุดรฯ แต่มาจากอุดรฯ มากกว่า



ชุดที่จะกินวันนี้ คือ ชุด A ทั้งหมด 15 อย่าง (คอร์ส)
ปกติคนละ 3,500++ เป็นเงิน 4,236 บาท 
แต่ช่วงนี้ ที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน และยังไม่กำหนดวันสิ้นสุด จ่ายเพียง 1,999++ บาท เป็นเงิน 2,353 บาท



วัตถุดิบสำหรับการทำโอมากาเสะวันนี้ 
รวมถึงเห็ดทรัฟเฟิ้ลสีดำราคาแพง เรียงรายในกล่องไม้ญี่ปุ่น



เชฟขออนุญาตนำเสนออาหาร เริ่มด้วยคอร์สที่ 1 ซุปยอดอ่อนบัวญี่ปุ่น (Junsai)
-จุนไซเป็นพืชน้ำประเภทบัวชนิดหนึ่ง ที่ยอดอ่อนมีเมือกใสเหมือนวุ้นเคลือบอยู่
มีความกรอบอร่อย สามารถกินสดได้โดยจิ้มซอสถั่วเหลือง ทั้งแบบธรรมดาและแบบเปรี้ยว
กว่า 90% ของจุนไซ ที่รับประทานในญี่ปุ่นนั้น ผลิตในตำบลมิทาเนะ (Mitane) จังหวัดอากิตะ (Akita)
เก็บเกี่ยวต้นจุนไซในช่วง 4 เดือน ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมเท่านั้น 
โดยมีผู้หญิงพายเรือออกไปเก็บเกี่ยว ซึ่งมีชื่อเรียกหญิงเหล่านี้ว่า "ซึมิโกะ"
http://www.akita-gt.org/stay/welcome_greentourism_Akita/movie_thai/junsai.html
-เมือกที่ห่อหุ้มจุนไซอุดมไปด้วยสารโพลีแซกคาไรด์ ที่มีใยอาหารสูง ช่วยบำรุงกระเพาะอาหาร 
และช่วยให้เจริญอาหารได้ดี นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยสารโหลีฟินอล ในปริมาณเดียวกับชาเขียว
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการแก่ก่อนวัย นอกจากนี้ จากการศึกษายังพบว่า
สารสกัดจากจุนไซ จะทำให้เซลลูไลต์ หรือไขมันที่อยู่ใต้ผิวหนังจางลงอีกด้วย
https://today.line.me/th/pc/article/จุนไซ”+หน่ออ่อนของบัว+อาหารแปลกตาที่มีคุณค่าอย่างน่าแปลกใจ-vGlgk0
ซุปจุนใสเสิร์ฟในแก้วก้านยาวใบเล็ก เริ่มจากเติมน้ำต้มจุนไซ และจุนไซซึ่งมองเห็นเป็นหน่อสีเขียวสั้น ๆ ลงไปในแก้ว
ใส่อูนิ หรือไข่หอยเม่นตามลงไป 2 ชิ้น



เติมซอสพอนสึลงไปเล็กน้อย



วางถ้วยบนชามใส่น้ำแข็งบด บีบมะนาวญี่ปุ่นลงไปเล็กน้อย





และขูดผิวมะนาวญี่ปุ่นใส่ลงไปเล็กน้อย



ตกแต่งชามน้ำแข็งด้วยใบไม้พร้อมเสิร์ฟ
ภาพมุมบนทำให้เห็นหน่อจุนไซสีเขียว





วิธีกิน ในเมื่อไม่มีช้อนเล็กมาให้ แสดงว่าน่าจะยกซด
แต่ก่อนซดเชฟบอกให้ใช้ตะเกียบคนก่อนจนทุกอย่างเข้ากัน
แล้วจึงยกดื่ม ได้ความกรอบของวุ้นจุนไซ หอมมันไข่หอนเม่น Bafun Uni
รสเปรี้ยวที่เพิ่มเข้าไป ช่วยเปิดต่อมรับรส กระตุ้นความอยากอาหาร 
เป็นการเรียกน้ำย่อย เป็นการเตรียมตัวสำหรับคอร์สต่อไป