Growth Mindset vs Fixed Mindset วิธีคิดแบบเติบโตและวิธีคิดแบบตายตัว
วิธีคิดที่เปลี่ยนความล้มเหลว เปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นของขวัญ เป็นกำลังใจให้เราพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ คุณสมบัติหรือทักษะที่เรามี เช่น ความฉลาด ความรู้ความสามารถ เราสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ได้จากความพยายาม เราฉลาดรอบรู้ขึ้นได้ ขอเพียงแค่เราไม่เสียกำลังใจในวันที่ล้มเหลว และคิดว่ามันคือช่วงเวลาที่เราจะได้เรียนรู้ บทเรียนจากความผิดพลาด
สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ในบทความนี้
ทำไมวิธีคิดแบบเติบโตจึงสร้างโอกาสได้มากกว่า
รู้จักความแตกต่างของวิธีคิดแบบตายตัวและวิธีคิดแบบเติบโต
คนเรามีวิธีคิด มีอยู่ 2 ประเภท คือคนที่มีวิธีคิดแบบตายตัว และคนที่มีวิธีคิดแบบเติบโต
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวคือคนที่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงได้
คนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตคือคนที่เชื่อว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เสมอ
คำชมที่เด็กได้รับจากผู้ใหญ่ คำชมจะส่งผลให้เด็กคิดแบบตายตัวและหลีกเลี่ยงความท้าทาย
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวต้องการพิสูจน์ตัวเอง คนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตต้องการพัฒนาตนเอง
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวจะมองว่าความล้มเหลวคือหายนะ แต่คนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตจะมองว่ามันคือโอกาส
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวไม่คิดว่าเค้าสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ แต่มองว่าความผิดพลาดเป็นหลักฐานว่าพ่ายแพ้และไม่ดีพอ และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวมักจะต้องการความมั่นใจ และพยายามรักษาความมั่นใจนั้นไว้ โดยการโทษคนอื่น หาขอแก้ตัว โกง จะไม่หาทางหรือคิดวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ฝึกฝนพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น มองว่าตัวเองเป็นได้แค่นี้
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวมักจะหลีกเลี่ยงปัญหา เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยาก ท้าทาย เค้าจะมองว่ามันเป็นความเสี่ยง
Growth Mindset และ Fixed Mindset
ในโลกนี้มีคนอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกคือคนที่เปิดกว้างที่จะเรียนรู้ กับคนที่ปิดกั้นตัวเองจากการเรียนรู้ วิธีคิดที่แตกต่างทั้งสองแบบนี้ส่งผลกระทบกับมุมมองที่มีต่อโลกและคนรอบตัวเรา Carol ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Mindset เค้าได้ค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของวิธีคิดทั้งสองแบบ สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ในบทความนี้คือความจำเป็นที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด
หนังสือ Mindset มีแปลเป็นภาษาไทยใช้ชื่อว่า ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา : Mindset หาซื้อได้ตามร้านซีเอ็ด หรือ ร้านนายอินทร์
เราจะสังเกตได้ว่าบางคนจะฉลาดกว่าคนอื่นๆ เป็นคนที่มีความคิดมากกว่าคนทั่วไป และเราก็มักจะเข้าใจว่าความแตกต่างนี้เกิดจากสภาพแวดล้อมและยีนส์ของแต่ละคน แต่ก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อคุณสมบัติที่แตกต่างในแต่ละคน รวมถึงวิธีคิดแบบตายตัวและวิธีคิดแบบเติบโต
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวคือคนที่เชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คนเหล่านี้ไม่เชื่อว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหรือกลายเป็นคนที่ฉลาดมากขึ้นได้ และยังเป็นคนที่มักจะต้องการพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอ ตอนเด็กๆ ครูหรือพ่อแม่ต่างก็มีส่วนทำให้เรามีวิธีคิดแบบตายตัว
ส่วนคนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตคือคนที่เชื่อว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติได้เรื่อยๆ เชื่อว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค
คนเราคิดแตกต่างกันยังไง
เราแต่ละคนต่างก็มีความสามารถในการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต สมองเราพัฒนาได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราแต่ละคนอาจจะเกิดมาด้วยยีนส์ที่แตกต่างกัน ทำให้บางคนมีคุณสมบัติ มีพื้นฐานที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยอมรับว่า ประสบการณ์ การฝึกฝน ความพยายาม จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนประสบผลสำเร็จ
The major factor in whether people achieve expertise is not some fixed prior ability, but purposeful engagement.–Robert Sternberg
ในช่วงเริ่มต้นของชีวิต คนที่ฉลาดที่สุดในตอนแรกๆ ไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในตอนท้าย
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัว มักจะด่วนตัดสินว่า ตัวเองมีปัญญา มีความพยายาม มีความสามารถอยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น เป็นคนที่ไม่ว่าในสถานการณ์อะไรก็ตาม มักจะกังวลอยู่เสมอว่า ด้วยปัญญาและด้วยคุณสมบัติของตัวเองที่มีอยู่เท่านี้ เราจะทำได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้คนอื่นจะมองว่าเราเป็นคนไร้ความสามารถหรือเปล่า เราจะถูกมองข้ามหรือเปล่า เราจะรู้สึกว่าเป็นคนที่พ่ายแพ้หรือเปล่า
ส่วนคนที่มีวิธีคิดแบบเติบโต เชื่อว่าคุณสมบัติพื้นฐานของแต่ละคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้จากความพยายาม ถึงแม้ว่าคนเราจะเริ่มต้นไม่เท่ากัน แต่ทุกคนสามารถพัฒนาและเติบโตด้วยการฝึกฝนและเรียนรู้จากประสบการณ์ ตลอดเวลาหลายปีที่พยายามมุ่งมั่นฝึกฝน คนเหล่านี้เชื่อว่าศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่ปกปิดจุดอ่อนของตัวเอง แต่แก้ไขและเอาชนะมัน คนเหล่านี้ไม่สนใจที่จะลองทำตามสิ่งที่ถูก แต่ประสบการณ์การลองผิดจะผลักดันและทำให้เรียนรู้ได้มากกว่า
ความมุ่งมั่นพยายามทำ ท้าทายตัวเอง ยึดมั่นอยู่กับมันถึงแม้ว่าจะยังทำได้ไม่ดีก็ตาม สิ่งนี้เป็นเครื่องหมายของคนที่คิดแบบเติบโต เป็นวิธีคิดที่จะทำให้เราเติบโตขึ้นได้ถึงแม้ว่าจะต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก
เราไม่มีอะไรที่ต้องเสีย ถึงแม้ว่าเราจะยังทำไม่ได้ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีความสามารถ แต่โรมก็ไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว ตัวเราเองก็เช่นกัน
จากการสำรวจกลุ่มคนที่ทำงาน Creative พบว่าสิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จในงาน คือการที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ล้มเลิกง่ายๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของคนที่คิดแบบเติบโต
ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ทักษะ เช่น ความน่าเชื่อถือ ความร่วมมือ การเอาใจใส่ หรือทักษะการเข้าสังคม คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัว จะสนใจแต่ว่าคนอื่นๆ จะมองเรายังไง แต่คนที่คิดแบบเติบโตจะสนใจแต่การพัฒนาตนเอง
การเรียนรู้ การพิสูจน์ความสามารถ และความสำเร็จ
มันมีทางให้เราเลือก วิธีคิดก็เป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและอยู่ในใจเรา เราสามารถเปลี่ยนใจได้ ลองคิดดูว่าถ้าเราเปลี่ยนใจ เปลี่ยนวิธีคิด มันจะนำพาเราไปได้ไกลแค่ไหน
เด็กทารกไม่ได้สนใจว่าจะทำผิดพลาด หรือไม่กังวลว่าคนอื่นๆ จะหัวเราะเยาะ เด็กทารกเรียนรู้ที่จะยืน ถึงแม้ว่าจะล้มลง เรียนรู้ที่จะเดิน และก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น
แต่หลังจากที่เด็กเริ่มเรียนรู้ที่จะประเมินตัวเอง ก็จะกลายเป็นคนที่กลัวความล้มเหลว กลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นเด็กไร้ความสามารถ ไม่ฉลาด และในที่สุดก็ทำให้ไม่สนใจเรียนรู้
เด็กที่คิดแบบตายตัวต้องการความมั่นใจ และทำแต่สิ่งที่ตัวเองมั่นใจว่าทำได้ แต่สำหรับเด็กที่คิดแบบเติบโต ความสำเร็จคือการได้ผลักดันตัวเอง คือการที่ได้เรียนรู้และกลายเป็นคนฉลาดขึ้นเรื่อยๆ
เด็กที่คิดแบบเติบโตจะมองว่าความสำเร็จคือการได้เรียนรู้ มองหาโอกาสที่จะได้เรียนรู้ แต่เด็กที่คิดแบบตายตัว จะไม่ต้องการเปิดเผยปมด้วย หรือจุดอ่อนของตัวเอง แต่ต้องการรู้สึกแค่ว่าเป็นคนฉลาด ถูกมองว่าเป็นคนเก่ง
Growth Mindset vs Fixed Mindset วิธีคิดแบบเติบโตและวิธีคิดแบบตายตัว(1)
วิธีคิดที่เปลี่ยนความล้มเหลว เปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้กลายเป็นของขวัญ เป็นกำลังใจให้เราพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ คุณสมบัติหรือทักษะที่เรามี เช่น ความฉลาด ความรู้ความสามารถ เราสามารถสร้างสิ่งเหล่านี้ได้จากความพยายาม เราฉลาดรอบรู้ขึ้นได้ ขอเพียงแค่เราไม่เสียกำลังใจในวันที่ล้มเหลว และคิดว่ามันคือช่วงเวลาที่เราจะได้เรียนรู้ บทเรียนจากความผิดพลาด
สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ในบทความนี้
ทำไมวิธีคิดแบบเติบโตจึงสร้างโอกาสได้มากกว่า
รู้จักความแตกต่างของวิธีคิดแบบตายตัวและวิธีคิดแบบเติบโต
คนเรามีวิธีคิด มีอยู่ 2 ประเภท คือคนที่มีวิธีคิดแบบตายตัว และคนที่มีวิธีคิดแบบเติบโต
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวคือคนที่ไม่เชื่อว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลงได้
คนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตคือคนที่เชื่อว่าคนเราสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เสมอ
คำชมที่เด็กได้รับจากผู้ใหญ่ คำชมจะส่งผลให้เด็กคิดแบบตายตัวและหลีกเลี่ยงความท้าทาย
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวต้องการพิสูจน์ตัวเอง คนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตต้องการพัฒนาตนเอง
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวจะมองว่าความล้มเหลวคือหายนะ แต่คนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตจะมองว่ามันคือโอกาส
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวไม่คิดว่าเค้าสามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ แต่มองว่าความผิดพลาดเป็นหลักฐานว่าพ่ายแพ้และไม่ดีพอ และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวมักจะต้องการความมั่นใจ และพยายามรักษาความมั่นใจนั้นไว้ โดยการโทษคนอื่น หาขอแก้ตัว โกง จะไม่หาทางหรือคิดวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ฝึกฝนพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น มองว่าตัวเองเป็นได้แค่นี้
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวมักจะหลีกเลี่ยงปัญหา เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยาก ท้าทาย เค้าจะมองว่ามันเป็นความเสี่ยง
Growth Mindset และ Fixed Mindset
ในโลกนี้มีคนอยู่ 2 ประเภท ประเภทแรกคือคนที่เปิดกว้างที่จะเรียนรู้ กับคนที่ปิดกั้นตัวเองจากการเรียนรู้ วิธีคิดที่แตกต่างทั้งสองแบบนี้ส่งผลกระทบกับมุมมองที่มีต่อโลกและคนรอบตัวเรา Carol ผู้เขียนหนังสือเรื่อง Mindset เค้าได้ค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับข้อดีและข้อเสียของวิธีคิดทั้งสองแบบ สิ่งที่เราจะได้เรียนรู้ในบทความนี้คือความจำเป็นที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด
หนังสือ Mindset มีแปลเป็นภาษาไทยใช้ชื่อว่า ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา : Mindset หาซื้อได้ตามร้านซีเอ็ด หรือ ร้านนายอินทร์
เราจะสังเกตได้ว่าบางคนจะฉลาดกว่าคนอื่นๆ เป็นคนที่มีความคิดมากกว่าคนทั่วไป และเราก็มักจะเข้าใจว่าความแตกต่างนี้เกิดจากสภาพแวดล้อมและยีนส์ของแต่ละคน แต่ก็ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อคุณสมบัติที่แตกต่างในแต่ละคน รวมถึงวิธีคิดแบบตายตัวและวิธีคิดแบบเติบโต
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัวคือคนที่เชื่อว่าตัวเองไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คนเหล่านี้ไม่เชื่อว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติหรือกลายเป็นคนที่ฉลาดมากขึ้นได้ และยังเป็นคนที่มักจะต้องการพิสูจน์ตัวเองอยู่เสมอ ตอนเด็กๆ ครูหรือพ่อแม่ต่างก็มีส่วนทำให้เรามีวิธีคิดแบบตายตัว
ส่วนคนที่มีวิธีคิดแบบเติบโตคือคนที่เชื่อว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนคุณสมบัติได้เรื่อยๆ เชื่อว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตได้ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรค
คนเราคิดแตกต่างกันยังไง
เราแต่ละคนต่างก็มีความสามารถในการเรียนรู้ได้ตลอดชีวิต สมองเราพัฒนาได้ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเราแต่ละคนอาจจะเกิดมาด้วยยีนส์ที่แตกต่างกัน ทำให้บางคนมีคุณสมบัติ มีพื้นฐานที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยอมรับว่า ประสบการณ์ การฝึกฝน ความพยายาม จะเป็นสิ่งที่ทำให้คนประสบผลสำเร็จ
The major factor in whether people achieve expertise is not some fixed prior ability, but purposeful engagement.–Robert Sternberg
ในช่วงเริ่มต้นของชีวิต คนที่ฉลาดที่สุดในตอนแรกๆ ไม่ได้หมายความว่าจะกลายเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในตอนท้าย
คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัว มักจะด่วนตัดสินว่า ตัวเองมีปัญญา มีความพยายาม มีความสามารถอยู่ในระดับหนึ่งเท่านั้น เป็นคนที่ไม่ว่าในสถานการณ์อะไรก็ตาม มักจะกังวลอยู่เสมอว่า ด้วยปัญญาและด้วยคุณสมบัติของตัวเองที่มีอยู่เท่านี้ เราจะทำได้หรือเปล่า ถ้าทำไม่ได้คนอื่นจะมองว่าเราเป็นคนไร้ความสามารถหรือเปล่า เราจะถูกมองข้ามหรือเปล่า เราจะรู้สึกว่าเป็นคนที่พ่ายแพ้หรือเปล่า
ส่วนคนที่มีวิธีคิดแบบเติบโต เชื่อว่าคุณสมบัติพื้นฐานของแต่ละคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ สามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้จากความพยายาม ถึงแม้ว่าคนเราจะเริ่มต้นไม่เท่ากัน แต่ทุกคนสามารถพัฒนาและเติบโตด้วยการฝึกฝนและเรียนรู้จากประสบการณ์ ตลอดเวลาหลายปีที่พยายามมุ่งมั่นฝึกฝน คนเหล่านี้เชื่อว่าศักยภาพที่แท้จริงของตัวเองเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่ปกปิดจุดอ่อนของตัวเอง แต่แก้ไขและเอาชนะมัน คนเหล่านี้ไม่สนใจที่จะลองทำตามสิ่งที่ถูก แต่ประสบการณ์การลองผิดจะผลักดันและทำให้เรียนรู้ได้มากกว่า
ความมุ่งมั่นพยายามทำ ท้าทายตัวเอง ยึดมั่นอยู่กับมันถึงแม้ว่าจะยังทำได้ไม่ดีก็ตาม สิ่งนี้เป็นเครื่องหมายของคนที่คิดแบบเติบโต เป็นวิธีคิดที่จะทำให้เราเติบโตขึ้นได้ถึงแม้ว่าจะต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก
เราไม่มีอะไรที่ต้องเสีย ถึงแม้ว่าเราจะยังทำไม่ได้ในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีความสามารถ แต่โรมก็ไม่ได้สร้างได้ในวันเดียว ตัวเราเองก็เช่นกัน
จากการสำรวจกลุ่มคนที่ทำงาน Creative พบว่าสิ่งที่ทำให้ประสบความสำเร็จในงาน คือการที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ล้มเลิกง่ายๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติของคนที่คิดแบบเติบโต
ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ทักษะ เช่น ความน่าเชื่อถือ ความร่วมมือ การเอาใจใส่ หรือทักษะการเข้าสังคม คนที่มีวิธีคิดแบบตายตัว จะสนใจแต่ว่าคนอื่นๆ จะมองเรายังไง แต่คนที่คิดแบบเติบโตจะสนใจแต่การพัฒนาตนเอง
การเรียนรู้ การพิสูจน์ความสามารถ และความสำเร็จ
มันมีทางให้เราเลือก วิธีคิดก็เป็นความเชื่ออย่างหนึ่ง และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและอยู่ในใจเรา เราสามารถเปลี่ยนใจได้ ลองคิดดูว่าถ้าเราเปลี่ยนใจ เปลี่ยนวิธีคิด มันจะนำพาเราไปได้ไกลแค่ไหน
เด็กทารกไม่ได้สนใจว่าจะทำผิดพลาด หรือไม่กังวลว่าคนอื่นๆ จะหัวเราะเยาะ เด็กทารกเรียนรู้ที่จะยืน ถึงแม้ว่าจะล้มลง เรียนรู้ที่จะเดิน และก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น
แต่หลังจากที่เด็กเริ่มเรียนรู้ที่จะประเมินตัวเอง ก็จะกลายเป็นคนที่กลัวความล้มเหลว กลัวว่าจะถูกมองว่าเป็นเด็กไร้ความสามารถ ไม่ฉลาด และในที่สุดก็ทำให้ไม่สนใจเรียนรู้
เด็กที่คิดแบบตายตัวต้องการความมั่นใจ และทำแต่สิ่งที่ตัวเองมั่นใจว่าทำได้ แต่สำหรับเด็กที่คิดแบบเติบโต ความสำเร็จคือการได้ผลักดันตัวเอง คือการที่ได้เรียนรู้และกลายเป็นคนฉลาดขึ้นเรื่อยๆ
เด็กที่คิดแบบเติบโตจะมองว่าความสำเร็จคือการได้เรียนรู้ มองหาโอกาสที่จะได้เรียนรู้ แต่เด็กที่คิดแบบตายตัว จะไม่ต้องการเปิดเผยปมด้วย หรือจุดอ่อนของตัวเอง แต่ต้องการรู้สึกแค่ว่าเป็นคนฉลาด ถูกมองว่าเป็นคนเก่ง