https://pantip.com/topic/39209856
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่1
https://pantip.com/topic/39231196
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่2 บัตรพนักงาน
https://pantip.com/topic/39246353
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่3 ไม่กลัวผีบ้างหรอ
https://pantip.com/topic/39308525
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่4 กลิ่นแรก
https://pantip.com/topic/39759463
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่5 จุดเริ่มต้นของกลิ่น
ผมติดอยู่ในนี้มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ถึงมันจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สำคัญอะไรกับชีวิตของผมอีกต่อไป แม้ร่างกายมันจะพยายามประท้วงด้วยการบอกให้รับรู้ถึงความหิวมากเพียงไร แต่มันก็ไม่สามารถลดความตั้งใจ ในสิ่งที่ผมกำลังจะทำลงไปได้
ความมืดมิดภายในนี้มันไม่สามารถทำให้ใจผมกลัวอะไรได้อีก แต่ความมืดมิดภายในจิตใจต่างหาก ที่มันส่งผลให้ผมลงมาอยู่ภายในแท็งก์น้ำแห่งนี้ ความร้อนภายในแท็งก์อากาศที่เบาบางมันกำลังค่อยๆ ที่จะฆ่าผมให้ตายอย่างช้าๆ แต่นั่นมันเป็นการตายจากร่างกายไปเท่านั้น ซึงแท้ที่จริงแล้ว ตัวตนของผมน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงแค่ว่าจิตวิญญาณที่คงอยู่นี้ต่างหากที่รอการปลดปล่อย ให้เป็นอิสระ ความเปลี่ยวเหงาและเดียวดายในความมืดมันช่างไม่ต่างอะไรกับตอนที่ตัวผมนั้น ได้อยู่ข้างนอกแท็งก์น้ำใบนี้ ถึงผมจะได้ทำงานและได้พบเจอกับผู้คนที่ร่วมงานด้วยกันตั้งมากมาย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความเปลี่ยวเหงาที่อยู่เบื้องลึกของจิตใจได้คลายเหงา หรือแม้แต่กับแม่ที่เลี้ยงดูผมมาเองตั้งแต่เด็ก ก็ยังไม่สามารถที่จะช่วยเยียวยาความรู้สึกที่ดีให้กับผมได้
ในสังคมที่ทำกับผมเป็นเหมือนกับตัวประหลาด การที่ไม่ได้ ถูกยอมรับตัวตนในสังคม
มันทำให้เจ็บปวด แต่บาดแผลทางใจที่บาดลึกลงไปมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากคนในสังคม
แต่มันกลับเป็นคนในครอบครัวของผมต่างหาก
แม่ครับแม่คงผิดหวังมากใช่ไหมครับ ที่ผมไม่ได้เป็นคนดังที่แม่หวัง ผมไม่ได้เป็นในสิ่งที่แม่อยากให้ผมเป็น และผมเองก็ไม่สามารถเป็นในสิ่งที่ ตัวผมเองนั้นอยากที่จะเป็นได้ ทางออกที่ดีสำหรับผมในตอนนี้ ผมอยากที่จะปลดปล่อยดวงวิญญาณ ดวงนี้ให้เป็นอิสระไปเสียที่
ตลอดเวลาในชีวิตผมได้หวังและรอให้ใครสักคน ที่จะเข้ามาเยียวยาและรักษาในจิตใจอันแสนบอบช้ำให้ได้ดีดังเดิม จนถึง ณ นาทีนี้ก่อนที่ผมจะหมดลมหายใจ ก็ยังคงรอ และหวัง หวังว่าใครสักคน ใครสักคน ที่จะขึ้นมา ช่วยฉุดผมออกไปจาก ขุมนรกภายในจิตใจเสียที่
“ช่างต้น ช่างต้น ป้าว่าน้ำที่เราใช้ภายในอาคารนี้มันมีกลิ่นแปลกๆ นะ”
“กลิ่น อะไรละป้า”
“มันเหมือนจะมีกลิ่นเน่าๆ เหม็น เหมือนน้ำมันไม่ค่อยสะอาดเลยนะ”
“โอยยยย ป้าไม่มีอะไรหรอก น้ำมาจากในแท็งก์เหล็กข้างบน มันเป็นของใหม่นะ จะไปมีกลิ่นเหม็นได้ยังไง คิดมากไปเองละป้า”
“ช่างต้น ไม่ใช่แค่ป้านะที่ว่าได้กลิ่น พวกพนักงานออฟฟิศที่ทำงานกันภายในตัวตึกนี้ เขาก็พูดๆ กันเยอะนะ ไม่ใช่แค่ชั้น สามสิบ นะที่ว่าน้ำมีกลิ่นเหม็น ชั้นอื่นๆ ก็ด้วย ยังไงฝากช่างต้นลองไปดูสักหน่อย”
“แท็งก์มันยังใหม่อยู่ จะมีกลิ่นเหม็นเน่าได้ยังไงยกเว้นแต่จะมีตัวอะไรตกลงไปตายแล้วละป้า
อืม อืม เดี๋ยวจะลองดูให้ละกัน”
ช่างต้นก็ได้แต่เดินกลับไปที่แผนกซ่อมบำรุ่ง ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว เขารู้สึกหงุดหงิดกับปัญหาที่ป้าแม่บ้านได้แจ้งมาให้กับเขารับทราบ งานดูแลภายในตัวอาคารแห่งที่เขาทำอยู่ก็มีมากมายก่ายกองอยู่แล้ว ทั้งปัญหาน้ำรั่วซึม ไฟฟ้า แอร์ไม่เย็น จิปาถะ ที่เขาต้องคอยดูแล สิ่งเหล่านี้มันช่างรบกวนจิตใจของเขาเสียจริงๆ
“พี่วันครับ ป้าแม่บ้านแจ้งมาว่าน้ำที่เราใช้กันภายในอาคารมีกลิ่นเหม็นครับ”
“อ่าว แล้วป้าแกเขียนเป็นเอกสารแจ้งซ่อม มาที่แผนกเรารึเปล่าละ ถ้าไม่มีแจ้งปากเปล่าแบบนี้เราไปทำอะไร
ให้ไม่ได้หรอกนะ”
“ไม่มีครับพี่”
“อ่อ ถ้าไม่มีก็ช่างมัน”
“เอ่อต้นๆ ต้น ที่ให้ไปดูระบบไฟฟ้าที่ชั้นสามสิบเป็นยังไงบ้าง”
“ก็รอ หัวหน้าฝ่ายดูแลอาคารเซ็นซื้อ อะไหล่ มาเปลี่ยนอยู่นะพี่”
“พี่ยุทธนะหรอ........................อืมแกหายไปไหนนะ หลายวันละไม่เจอแกเลย”
“แกคงไปดูงานที่ ต่างประเทศรึเปล่า นี้ก็ติดต่อแกไม่ได้เลย ตั้งแต่หลังจากเริ่มเปิดระบบภายในอาคาร ก็หลายวันแล้ว จะให้เซ็นเอกสารให้สักหน่อย แต่ช่างมันเถอะ ทำงานตามหน้าที่จะช้าหรือเร็วเราก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม กินข้าวดีกว่าหิวแล้วนะพี่”
ในขณะที่ต้นกำลังจะไปกินข้าว ต้นก็ได้ลุกขึ้นไปที่อ้างล้างมือภายในแผนก แต่แล้วเขาก็ได้พบกับความผิดปกติบางอย่าง เมื่อเขาได้เปิดน้ำออกมาจากก๊อก
“เฮ้ยยยยยย พี่วัน นี่มันอะไรกันวะพี่ มีเหมือนเป็นเส้นผมไหลออกมาจากก๊อกน้ำนะพี่ โอโห น้ำนี้มีกลิ่นเหม็นจริงๆ พี่ เหม็นจนจะอ้วกเลย’ ’
ต้นพยายามที่จะยกมือขึ้นมาป้องปิดจมูกเพื่อที่ไม่อยากจะได้กลิ่นเหม็น แต่พอยกมือขึ้นมาถึงบริเวณที่จมูกเขาก็ได้รับกลิ่นที่เหม็นเน่า คาวเลือดคาวหนอง มันมีกลิ่นติดมาที่มือของเขา
ถึงตอนนี้ความรู้สึก มวลท้องพะอืดพะอม ผสมกับกลิ่นที่เหม็นเน่าติดอยู่ที่มือ จนเขาแทบอยากจะถอดมือทั้งสองข้างโยนทิ้งไป
อ้วกก อ้วกกกก ต้นอ้วกออกมาที่อ่างล้างมือ
“อ่าวๆ อ่าว ไอ้ต้นเป็นอะไรวะ............ทำอย่างงี้พี่กินข้าวไม่ลงเลยวะ”
“อ้วก.....พี่ มาดูเส้นผมนี้ ............น้ำนี้มันเหม็นจริงๆ”
“เฮ้ย.............อ่อวะ นี่มันน้ำอะไรฉะนี้มันเหม็นได้ขนาดนี่ ไอ้ต้นไปห่างๆ พี่เลย มือเอ็งเหม็นมากเหม็นจนจะอ้วกละ เอ็งไปเอาน้ำในขวดล้างไม้ล้าง มือแล้วล้างอ่างให้สะอาดนะ เดี๋ยวคงต้องขึ้นไปดูน้ำในแท็งก์กันหน่อยแล้ววะ”
หลังจากที่ต้น ได้ล้างไม้ล้างมือเสร็จแล้วเขาก็ได้เดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า เพื่อที่จะไปดูในแท็งก์น้ำว่ามีอะไรอยู่ในนั้น มันถึงได้ทำให้น้ำนั้นส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา
เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งการที่ต้องขึ้นมาบนดาดฟ้าในช่วงเวลาตอนเที่ยงๆ แบบนี้แทนที่เขาจะได้พักทานอาหารกลางวัน แต่กลับต้องขึ้นมาถูกแดดเผาบนดาดฟ้ามันก็ไม่น่ารื่นรมย์สักเท่าไรนัก แต่จะทำยังไงได้ก็เมื่อเขาเป็นเพียงแค่พนักงานระดับปฏิบัติการเมื่อหัวหน้าสั่งเขาก็จำเป็นจะต้องทำตาม
“ต้น ต้น ว.1”
เสียงเรียก วิทยุสื่อสารจากพี่วันเรียกหาต้น ดังขึ้น
“บนดาดฟ้า กำลังจะขึ้นไปบนแท็งก์น้ำแล้ว”
แสงแดดที่แผดเผามาตอนกลางวันในที่กลางแจ้งแบบนี้มันทำให้การทำงานของต้นนั้นมันช่างยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก ก็ด้วยที่เขาต้องค่อยๆ ปีนบันไดขึ้นไปบนแท็งก์น้ำมือที่จับราวเหล็กของบันไดมันก็ร้อนแสนร้อน อีกทั้งไหนจะเหงื่อที่ไหลไปทั่วทั้งตัวในตอนนี้เขาอยากกลับเข้าไปนั่งตากแอร์ที่ห้องพักภายในแผนก เหลือเกิน แต่เขาก็คงยังไม่รู้หรอกว่าในอนาคตข้างหน้ากำลังมีอะไรรอเขาอยู่
ต้นค่อยๆ ใช้มือดึงเปิดฝาแท็งก์น้ำขึ้นมา ถึงแม้ว่าฝาแท็งก์นั้นจะร้อนมากแค่ไหนเขาก็พยายามรีบที่จะเปิดมันออกมาให้ได้ และจะรีบกำจัดตัวต้นเหตุ หรืออะไรก็ตามที่มันเป็นเหตุที่ทำให้มันเกิดกลิ่นเหม็นนั้นขึ้นมา
เมื่อฝาถูกเปิดออกกลิ่นเหม็นเน่าช้ำเลือดช้ำหนอง ที่เขาคุ้นเคยก็ลอยขึ้นมาตีไปที่หน้าของเขา เขาได้แต่กลั้นหายใจเบือนหน้าหนีไม่อาจที่จะมองลงไปภายในแท็งก์น้ำนั้นได้เลย
แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วเขาได้แต่กลั้นหายใจแล้วก้มมองลงไปภายในแท็งก์ แล้วเขาก็ได้เห็นกับสิ่งที่เป็นต้นเหตุของกลิ่น มันเป็นภาพที่เขาไม่อยากที่จะจดจำไปเลยในตลอดชีวิต
“พี่วัน พี่วัน แจ้งเหตุ 241 ภายในแท็งก์น้ำ .......โอ้ก...อ้วกกกกกก”
“เฮ้ย ....ชิปหาย.......แล้วไง”
วันรีบขึ้นไปดูเหตุการณ์ด้วยตัวเองที่ชั้นดาดฟ้า เขาแทบจะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ต้นนั้นรายงานขึ้นมา เมื่อเขาได้ขึ้นมาถึงบนดาดฟ้า เขาเห็นเจ้าต้นกำลัง ยืนหลบแดดใต้เงาของแท็งก์น้ำ
“พี่ขึ้นไปดูเลย พี่ขึ้นไปดูเองเลย ผมไม่ไหวแล้ว”
ต้นบอกกับพี่วันด้วยท่าที ที่รู้สึกกระอักกระอวล และมวลท้องไปหมดแถมทั้งยังหายใจติดขัดไม่ค่อยจะสะดวกอีกด้วย
“อ่อ อ่อใจเย็นๆ ใจเย็น เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
วันรีบปีนขึ้นไปบนแท็งก์น้ำโดยที่ใจเขามุ่งมั่นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงได้
แต่แล้วเมื่อเขาเดินขึ้นมาถึงบริเวณใกล้กับฝาแท็งก์กลิ่นเหม็นเน่าก็ลอยโชยขึ้นมา แต่มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้ประสาทรับรู้เรื่องกลิ่นของวันทำงานได้ เขาไม่ได้สนใจกลิ่นที่เหม็นเน่านี้อีกต่อไปสมาธิของเขาจดจ่อ กับสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าเสียมากกว่า
อากาศบนดาดฟ้าตอนเที่ยงนั้นร้อนแค่ไหน วันไม่อาจรับรู้ได้เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นมันทำให้ตัวเขาเย็นวาบขนลุกไปทั้งตัวมือและเท้าของเขาถึงกับ หมดเรี่ยวแรง
เขาได้เห็น ใบหน้าของใครก็ไม่อาจทราบได้ เน่าเฟะบวมอืดผิดรูปผิดร่าง ผิวหนังก็เริ่มเปื่อยเน่าจนไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ดวงตาที่ขาวขุ่นไร้ซิ่งตาดำจากใบหน้าของศพ นั้นกำลังจ้องมองดูมาที่หน้าของวันอยู่เช่นกัน มันทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ๆ
“พี่วัน พี่วัน เอายังไงดีพี่”
เสียงเรียกจากต้น ทำให้วันกลับมามีสติอีกครั้ง
อืม................................ง อ้วกกกกกกกกกกกกกกกก
เมื่อสติของวันกลับมาประสาทรับรู้ภายในร่างกายก็กลับเข้ามาทำหน้าที่อย่างเป็นปกติ เขาทั้งเหม็นเน่า และอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะพยายามรวบรวมสติให้กลับมาได้อีกครั้ง
“ต้น เอ็งรีบไปปิด วาล์วน้ำจากแท็งก์นี้ แล้วไปเปิดระบบน้ำสำรอง ให้ใช้กันภายในตัวอาคารเสียก่อน”
“ได้ๆ ครับพี่ วัน”
ต้นรีบไปจัดการตามที่ พี่วันสั่ง หลังจากนั้น สักครู่พวกเขาทั้งสองคนก็มายืนคุยกันเพื่อที่จะหาทางจัดการกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
“เอายังไงต่อดี ละพี่วัน เราไปรีบแจ้งตำรวจ ให้พวกมูลนิธิมาเอาศพออกไปดีไหมพี่”
“เอ็งจะบ้าหรอ ถ้ารีบไปแจ้งความ ตำรวจนักข่าวก็คงจะต้องแห่กันมาแน่ๆ ทีนี้ละได้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศแน่ๆ ตึกก็เพิ่งเปิดใช้งาน ถ้ามามีข่าวเสียๆ หายๆ แบบนี้มีหวังคนที่เขาทำสัญญาเช่าตึกเอาไว้แล้วคงได้ยกเลิกสัญญากันทั้งตึกแน่ๆ”
“แต่พี่นี้มันก็ไม่ใช่ตึกของพ่อแม่เราสักหน่อย ถ้าเขายกเลิกสัญญาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย
แต่นี้มันมีคนตายอยู่ในแท็งก์น้ำอยู่นะ จะปล่อยเอาไว้แบบนี้หรอ”
“อ่อ!!!!! มันไม่ใช่ตึกของพ่อของแม่เรา..............แต่บริษัทเราดูแลระบบภายในอาคารแห่งนี้การที่ปล่อยให้มีการใช้น้ำเน่าจากศพคนตาย มันจะเป็นเหตุให้เจ้าของตึกก็คงมาฟ้องร้องกับ บริษัทเรา ที่นี้ละ กะกูได้ตกกันงานแน่ ไหนถ้าตำรวจมันเข้ามา มันก็สืบหาข้อมูลคนตายคงต้องขอดูกล้องวงจรปิดในมุมต่างๆ อีก ก็รู้ไม่ใช่หรอ ว่ากล้องวงจรปิดที่พวกเราติดกันเอาไว้ บางตัวเราก็ใช้เป็นกล้องดำมี่ไม่ได้ใส่กล้องเอาไว้จริงๆ เงินค่าส่วนต่างของกล้องนั้นพวกเราก็แบ่งกันใช้ไปแล้วจำไม่ได้หรือไง ไหนจะพวกกล้องแอบถ่าย ที่เอาไว้แอบดูข้อมูลของบริษัทต่างๆ แล้วเอาไปขายอีกละ นั้นละถ้าตำรวจเขาสืบไปสืบมาแล้วมาเจอเข้า กะกูคงได้ติดคุกแน่”
“เอาไงดี เอาไงดี กันละพี่วัน............งั้นเราต้องรีบบอกพี่ยุทธแล้วจะหาทางแก้ไขกันยังไงดี”
ท่าทีและน้ำเสียงของต้นเริ่มกระวนกระวายร้อนรน กับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น
กลิ่นในที่แคบ ตอน กลิ่นสุดท้าย
https://pantip.com/topic/39209856
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่1
https://pantip.com/topic/39231196
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่2 บัตรพนักงาน
https://pantip.com/topic/39246353
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่3 ไม่กลัวผีบ้างหรอ
https://pantip.com/topic/39308525
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่4 กลิ่นแรก
https://pantip.com/topic/39759463
กลิ่นในที่แคบ ตอนที่5 จุดเริ่มต้นของกลิ่น
ผมติดอยู่ในนี้มานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ถึงมันจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สำคัญอะไรกับชีวิตของผมอีกต่อไป แม้ร่างกายมันจะพยายามประท้วงด้วยการบอกให้รับรู้ถึงความหิวมากเพียงไร แต่มันก็ไม่สามารถลดความตั้งใจ ในสิ่งที่ผมกำลังจะทำลงไปได้
ความมืดมิดภายในนี้มันไม่สามารถทำให้ใจผมกลัวอะไรได้อีก แต่ความมืดมิดภายในจิตใจต่างหาก ที่มันส่งผลให้ผมลงมาอยู่ภายในแท็งก์น้ำแห่งนี้ ความร้อนภายในแท็งก์อากาศที่เบาบางมันกำลังค่อยๆ ที่จะฆ่าผมให้ตายอย่างช้าๆ แต่นั่นมันเป็นการตายจากร่างกายไปเท่านั้น ซึงแท้ที่จริงแล้ว ตัวตนของผมน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงแค่ว่าจิตวิญญาณที่คงอยู่นี้ต่างหากที่รอการปลดปล่อย ให้เป็นอิสระ ความเปลี่ยวเหงาและเดียวดายในความมืดมันช่างไม่ต่างอะไรกับตอนที่ตัวผมนั้น ได้อยู่ข้างนอกแท็งก์น้ำใบนี้ ถึงผมจะได้ทำงานและได้พบเจอกับผู้คนที่ร่วมงานด้วยกันตั้งมากมาย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความเปลี่ยวเหงาที่อยู่เบื้องลึกของจิตใจได้คลายเหงา หรือแม้แต่กับแม่ที่เลี้ยงดูผมมาเองตั้งแต่เด็ก ก็ยังไม่สามารถที่จะช่วยเยียวยาความรู้สึกที่ดีให้กับผมได้
ในสังคมที่ทำกับผมเป็นเหมือนกับตัวประหลาด การที่ไม่ได้ ถูกยอมรับตัวตนในสังคม
มันทำให้เจ็บปวด แต่บาดแผลทางใจที่บาดลึกลงไปมันไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากคนในสังคม
แต่มันกลับเป็นคนในครอบครัวของผมต่างหาก
แม่ครับแม่คงผิดหวังมากใช่ไหมครับ ที่ผมไม่ได้เป็นคนดังที่แม่หวัง ผมไม่ได้เป็นในสิ่งที่แม่อยากให้ผมเป็น และผมเองก็ไม่สามารถเป็นในสิ่งที่ ตัวผมเองนั้นอยากที่จะเป็นได้ ทางออกที่ดีสำหรับผมในตอนนี้ ผมอยากที่จะปลดปล่อยดวงวิญญาณ ดวงนี้ให้เป็นอิสระไปเสียที่
ตลอดเวลาในชีวิตผมได้หวังและรอให้ใครสักคน ที่จะเข้ามาเยียวยาและรักษาในจิตใจอันแสนบอบช้ำให้ได้ดีดังเดิม จนถึง ณ นาทีนี้ก่อนที่ผมจะหมดลมหายใจ ก็ยังคงรอ และหวัง หวังว่าใครสักคน ใครสักคน ที่จะขึ้นมา ช่วยฉุดผมออกไปจาก ขุมนรกภายในจิตใจเสียที่
“ช่างต้น ช่างต้น ป้าว่าน้ำที่เราใช้ภายในอาคารนี้มันมีกลิ่นแปลกๆ นะ”
“กลิ่น อะไรละป้า”
“มันเหมือนจะมีกลิ่นเน่าๆ เหม็น เหมือนน้ำมันไม่ค่อยสะอาดเลยนะ”
“โอยยยย ป้าไม่มีอะไรหรอก น้ำมาจากในแท็งก์เหล็กข้างบน มันเป็นของใหม่นะ จะไปมีกลิ่นเหม็นได้ยังไง คิดมากไปเองละป้า”
“ช่างต้น ไม่ใช่แค่ป้านะที่ว่าได้กลิ่น พวกพนักงานออฟฟิศที่ทำงานกันภายในตัวตึกนี้ เขาก็พูดๆ กันเยอะนะ ไม่ใช่แค่ชั้น สามสิบ นะที่ว่าน้ำมีกลิ่นเหม็น ชั้นอื่นๆ ก็ด้วย ยังไงฝากช่างต้นลองไปดูสักหน่อย”
“แท็งก์มันยังใหม่อยู่ จะมีกลิ่นเหม็นเน่าได้ยังไงยกเว้นแต่จะมีตัวอะไรตกลงไปตายแล้วละป้า
อืม อืม เดี๋ยวจะลองดูให้ละกัน”
ช่างต้นก็ได้แต่เดินกลับไปที่แผนกซ่อมบำรุ่ง ด้วยอารมณ์ที่ขุ่นมัว เขารู้สึกหงุดหงิดกับปัญหาที่ป้าแม่บ้านได้แจ้งมาให้กับเขารับทราบ งานดูแลภายในตัวอาคารแห่งที่เขาทำอยู่ก็มีมากมายก่ายกองอยู่แล้ว ทั้งปัญหาน้ำรั่วซึม ไฟฟ้า แอร์ไม่เย็น จิปาถะ ที่เขาต้องคอยดูแล สิ่งเหล่านี้มันช่างรบกวนจิตใจของเขาเสียจริงๆ
“พี่วันครับ ป้าแม่บ้านแจ้งมาว่าน้ำที่เราใช้กันภายในอาคารมีกลิ่นเหม็นครับ”
“อ่าว แล้วป้าแกเขียนเป็นเอกสารแจ้งซ่อม มาที่แผนกเรารึเปล่าละ ถ้าไม่มีแจ้งปากเปล่าแบบนี้เราไปทำอะไร
ให้ไม่ได้หรอกนะ”
“ไม่มีครับพี่”
“อ่อ ถ้าไม่มีก็ช่างมัน”
“เอ่อต้นๆ ต้น ที่ให้ไปดูระบบไฟฟ้าที่ชั้นสามสิบเป็นยังไงบ้าง”
“ก็รอ หัวหน้าฝ่ายดูแลอาคารเซ็นซื้อ อะไหล่ มาเปลี่ยนอยู่นะพี่”
“พี่ยุทธนะหรอ........................อืมแกหายไปไหนนะ หลายวันละไม่เจอแกเลย”
“แกคงไปดูงานที่ ต่างประเทศรึเปล่า นี้ก็ติดต่อแกไม่ได้เลย ตั้งแต่หลังจากเริ่มเปิดระบบภายในอาคาร ก็หลายวันแล้ว จะให้เซ็นเอกสารให้สักหน่อย แต่ช่างมันเถอะ ทำงานตามหน้าที่จะช้าหรือเร็วเราก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม กินข้าวดีกว่าหิวแล้วนะพี่”
ในขณะที่ต้นกำลังจะไปกินข้าว ต้นก็ได้ลุกขึ้นไปที่อ้างล้างมือภายในแผนก แต่แล้วเขาก็ได้พบกับความผิดปกติบางอย่าง เมื่อเขาได้เปิดน้ำออกมาจากก๊อก
“เฮ้ยยยยยย พี่วัน นี่มันอะไรกันวะพี่ มีเหมือนเป็นเส้นผมไหลออกมาจากก๊อกน้ำนะพี่ โอโห น้ำนี้มีกลิ่นเหม็นจริงๆ พี่ เหม็นจนจะอ้วกเลย’ ’
ต้นพยายามที่จะยกมือขึ้นมาป้องปิดจมูกเพื่อที่ไม่อยากจะได้กลิ่นเหม็น แต่พอยกมือขึ้นมาถึงบริเวณที่จมูกเขาก็ได้รับกลิ่นที่เหม็นเน่า คาวเลือดคาวหนอง มันมีกลิ่นติดมาที่มือของเขา
ถึงตอนนี้ความรู้สึก มวลท้องพะอืดพะอม ผสมกับกลิ่นที่เหม็นเน่าติดอยู่ที่มือ จนเขาแทบอยากจะถอดมือทั้งสองข้างโยนทิ้งไป
อ้วกก อ้วกกกก ต้นอ้วกออกมาที่อ่างล้างมือ
“อ่าวๆ อ่าว ไอ้ต้นเป็นอะไรวะ............ทำอย่างงี้พี่กินข้าวไม่ลงเลยวะ”
“อ้วก.....พี่ มาดูเส้นผมนี้ ............น้ำนี้มันเหม็นจริงๆ”
“เฮ้ย.............อ่อวะ นี่มันน้ำอะไรฉะนี้มันเหม็นได้ขนาดนี่ ไอ้ต้นไปห่างๆ พี่เลย มือเอ็งเหม็นมากเหม็นจนจะอ้วกละ เอ็งไปเอาน้ำในขวดล้างไม้ล้าง มือแล้วล้างอ่างให้สะอาดนะ เดี๋ยวคงต้องขึ้นไปดูน้ำในแท็งก์กันหน่อยแล้ววะ”
หลังจากที่ต้น ได้ล้างไม้ล้างมือเสร็จแล้วเขาก็ได้เดินขึ้นไปบนชั้นดาดฟ้า เพื่อที่จะไปดูในแท็งก์น้ำว่ามีอะไรอยู่ในนั้น มันถึงได้ทำให้น้ำนั้นส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมา
เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อีกทั้งการที่ต้องขึ้นมาบนดาดฟ้าในช่วงเวลาตอนเที่ยงๆ แบบนี้แทนที่เขาจะได้พักทานอาหารกลางวัน แต่กลับต้องขึ้นมาถูกแดดเผาบนดาดฟ้ามันก็ไม่น่ารื่นรมย์สักเท่าไรนัก แต่จะทำยังไงได้ก็เมื่อเขาเป็นเพียงแค่พนักงานระดับปฏิบัติการเมื่อหัวหน้าสั่งเขาก็จำเป็นจะต้องทำตาม
“ต้น ต้น ว.1”
เสียงเรียก วิทยุสื่อสารจากพี่วันเรียกหาต้น ดังขึ้น
“บนดาดฟ้า กำลังจะขึ้นไปบนแท็งก์น้ำแล้ว”
แสงแดดที่แผดเผามาตอนกลางวันในที่กลางแจ้งแบบนี้มันทำให้การทำงานของต้นนั้นมันช่างยากลำบากยิ่งขึ้นไปอีก ก็ด้วยที่เขาต้องค่อยๆ ปีนบันไดขึ้นไปบนแท็งก์น้ำมือที่จับราวเหล็กของบันไดมันก็ร้อนแสนร้อน อีกทั้งไหนจะเหงื่อที่ไหลไปทั่วทั้งตัวในตอนนี้เขาอยากกลับเข้าไปนั่งตากแอร์ที่ห้องพักภายในแผนก เหลือเกิน แต่เขาก็คงยังไม่รู้หรอกว่าในอนาคตข้างหน้ากำลังมีอะไรรอเขาอยู่
ต้นค่อยๆ ใช้มือดึงเปิดฝาแท็งก์น้ำขึ้นมา ถึงแม้ว่าฝาแท็งก์นั้นจะร้อนมากแค่ไหนเขาก็พยายามรีบที่จะเปิดมันออกมาให้ได้ และจะรีบกำจัดตัวต้นเหตุ หรืออะไรก็ตามที่มันเป็นเหตุที่ทำให้มันเกิดกลิ่นเหม็นนั้นขึ้นมา
เมื่อฝาถูกเปิดออกกลิ่นเหม็นเน่าช้ำเลือดช้ำหนอง ที่เขาคุ้นเคยก็ลอยขึ้นมาตีไปที่หน้าของเขา เขาได้แต่กลั้นหายใจเบือนหน้าหนีไม่อาจที่จะมองลงไปภายในแท็งก์น้ำนั้นได้เลย
แต่ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้แล้วเขาได้แต่กลั้นหายใจแล้วก้มมองลงไปภายในแท็งก์ แล้วเขาก็ได้เห็นกับสิ่งที่เป็นต้นเหตุของกลิ่น มันเป็นภาพที่เขาไม่อยากที่จะจดจำไปเลยในตลอดชีวิต
“พี่วัน พี่วัน แจ้งเหตุ 241 ภายในแท็งก์น้ำ .......โอ้ก...อ้วกกกกกก”
“เฮ้ย ....ชิปหาย.......แล้วไง”
วันรีบขึ้นไปดูเหตุการณ์ด้วยตัวเองที่ชั้นดาดฟ้า เขาแทบจะไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ต้นนั้นรายงานขึ้นมา เมื่อเขาได้ขึ้นมาถึงบนดาดฟ้า เขาเห็นเจ้าต้นกำลัง ยืนหลบแดดใต้เงาของแท็งก์น้ำ
“พี่ขึ้นไปดูเลย พี่ขึ้นไปดูเองเลย ผมไม่ไหวแล้ว”
ต้นบอกกับพี่วันด้วยท่าที ที่รู้สึกกระอักกระอวล และมวลท้องไปหมดแถมทั้งยังหายใจติดขัดไม่ค่อยจะสะดวกอีกด้วย
“อ่อ อ่อใจเย็นๆ ใจเย็น เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
วันรีบปีนขึ้นไปบนแท็งก์น้ำโดยที่ใจเขามุ่งมั่นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่น่าจะเป็นเรื่องจริงได้
แต่แล้วเมื่อเขาเดินขึ้นมาถึงบริเวณใกล้กับฝาแท็งก์กลิ่นเหม็นเน่าก็ลอยโชยขึ้นมา แต่มันก็ไม่สามารถที่จะทำให้ประสาทรับรู้เรื่องกลิ่นของวันทำงานได้ เขาไม่ได้สนใจกลิ่นที่เหม็นเน่านี้อีกต่อไปสมาธิของเขาจดจ่อ กับสิ่งที่เขาเห็นอยู่ตรงหน้าเสียมากกว่า
อากาศบนดาดฟ้าตอนเที่ยงนั้นร้อนแค่ไหน วันไม่อาจรับรู้ได้เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาเห็นมันทำให้ตัวเขาเย็นวาบขนลุกไปทั้งตัวมือและเท้าของเขาถึงกับ หมดเรี่ยวแรง
เขาได้เห็น ใบหน้าของใครก็ไม่อาจทราบได้ เน่าเฟะบวมอืดผิดรูปผิดร่าง ผิวหนังก็เริ่มเปื่อยเน่าจนไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ดวงตาที่ขาวขุ่นไร้ซิ่งตาดำจากใบหน้าของศพ นั้นกำลังจ้องมองดูมาที่หน้าของวันอยู่เช่นกัน มันทำให้เขาตกอยู่ในภวังค์ๆ
“พี่วัน พี่วัน เอายังไงดีพี่”
เสียงเรียกจากต้น ทำให้วันกลับมามีสติอีกครั้ง
อืม................................ง อ้วกกกกกกกกกกกกกกกก
เมื่อสติของวันกลับมาประสาทรับรู้ภายในร่างกายก็กลับเข้ามาทำหน้าที่อย่างเป็นปกติ เขาทั้งเหม็นเน่า และอาเจียนออกมาอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะพยายามรวบรวมสติให้กลับมาได้อีกครั้ง
“ต้น เอ็งรีบไปปิด วาล์วน้ำจากแท็งก์นี้ แล้วไปเปิดระบบน้ำสำรอง ให้ใช้กันภายในตัวอาคารเสียก่อน”
“ได้ๆ ครับพี่ วัน”
ต้นรีบไปจัดการตามที่ พี่วันสั่ง หลังจากนั้น สักครู่พวกเขาทั้งสองคนก็มายืนคุยกันเพื่อที่จะหาทางจัดการกับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้
“เอายังไงต่อดี ละพี่วัน เราไปรีบแจ้งตำรวจ ให้พวกมูลนิธิมาเอาศพออกไปดีไหมพี่”
“เอ็งจะบ้าหรอ ถ้ารีบไปแจ้งความ ตำรวจนักข่าวก็คงจะต้องแห่กันมาแน่ๆ ทีนี้ละได้เป็นข่าวดังไปทั่วประเทศแน่ๆ ตึกก็เพิ่งเปิดใช้งาน ถ้ามามีข่าวเสียๆ หายๆ แบบนี้มีหวังคนที่เขาทำสัญญาเช่าตึกเอาไว้แล้วคงได้ยกเลิกสัญญากันทั้งตึกแน่ๆ”
“แต่พี่นี้มันก็ไม่ใช่ตึกของพ่อแม่เราสักหน่อย ถ้าเขายกเลิกสัญญาก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย
แต่นี้มันมีคนตายอยู่ในแท็งก์น้ำอยู่นะ จะปล่อยเอาไว้แบบนี้หรอ”
“อ่อ!!!!! มันไม่ใช่ตึกของพ่อของแม่เรา..............แต่บริษัทเราดูแลระบบภายในอาคารแห่งนี้การที่ปล่อยให้มีการใช้น้ำเน่าจากศพคนตาย มันจะเป็นเหตุให้เจ้าของตึกก็คงมาฟ้องร้องกับ บริษัทเรา ที่นี้ละ กะกูได้ตกกันงานแน่ ไหนถ้าตำรวจมันเข้ามา มันก็สืบหาข้อมูลคนตายคงต้องขอดูกล้องวงจรปิดในมุมต่างๆ อีก ก็รู้ไม่ใช่หรอ ว่ากล้องวงจรปิดที่พวกเราติดกันเอาไว้ บางตัวเราก็ใช้เป็นกล้องดำมี่ไม่ได้ใส่กล้องเอาไว้จริงๆ เงินค่าส่วนต่างของกล้องนั้นพวกเราก็แบ่งกันใช้ไปแล้วจำไม่ได้หรือไง ไหนจะพวกกล้องแอบถ่าย ที่เอาไว้แอบดูข้อมูลของบริษัทต่างๆ แล้วเอาไปขายอีกละ นั้นละถ้าตำรวจเขาสืบไปสืบมาแล้วมาเจอเข้า กะกูคงได้ติดคุกแน่”
“เอาไงดี เอาไงดี กันละพี่วัน............งั้นเราต้องรีบบอกพี่ยุทธแล้วจะหาทางแก้ไขกันยังไงดี”
ท่าทีและน้ำเสียงของต้นเริ่มกระวนกระวายร้อนรน กับปัญหาที่กำลังเกิดขึ้น