เป็นเครื่องบินรุ่นที่มีปัญหาตั้งแต่การวางแผนเปิดเส้นทาง มีการทักท้วงจากการบินไทยเอง(อันนี้ก็น่าเห็นใจทางการบินไทยเหมือนกัน) แต่ก็ไปหาซื้อมาเพื่อจะเปิดเส้นทางบินใหม่ตามแผนงาน ตอนซื้อก็มีการทักท้วงเรื่องขั้นตอนจากหน่วยงานที่ตรวจสอบว่าขั้นตอนการปฏิบัติเหมือนจะมีปัญหาทั้ง สตง และ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช)
เป็นเครื่องบินรุ่นที่กินน้ำมัน แต่สมัยนั้นราคาน้ำมันราคาไม่ได้สูงตอนจะซื้อก็ยังดูจะคุ้มทุนที่จะทำการบิน พอเริ่มรับเข้ามาน้ำมันก็ขึ้นเอาๆ จนบินไปก็ขาดทุน เอามาจอดไว้มีแค่ค่าบำรุงรักษา ยังจะขาดทุนน้อยกว่า
ที่น่าสังเกตคือสายการบินสิงคโปร์ก็ซื้อรุ่นนี้มาด้วย บินเส้นทางไกลด้วย พบว่าขาดทุนจากการกินน้ำมัน สุดท้ายก็รับเครื่องบินมาแค่ส่วนนึง(น่าจะครึ่งนึง) และหยุดรับส่วนที่เหลือจากทั้งหมดเกือบๆ 20 ลำ แล้วเราก็รับเครื่องบินมาในช่วงที่สิงคโปร์เจอปัญหาและกำลังจะส่งคืนแล้วด้วย
สุดท้ายมาจอดทิ้งแน่นอนพยายามขายออก แต่เนื่องจากใครๆ ก็รู้ถึงปัญหาเลยขายออกยาก แต่สิงคโปร์ถือว่าทำได้ดีกว่าในส่วนนี้ที่นอกจากจะไม่รับเครื่องส่วนที่เหลือแล้ว ยังสามารถขายคืนเครื่องที่รับมา แต่ก็มีเงื่อนไขว่าซื้อเครื่องจาก AIrbus มาอีกหลายลำ ซึ่งไทยเราอาจจะยังไม่มีแผนซื้อใหม่เลยทำแบบเดียวกันก็ไม่ได้ และขนาดของสายการบิน อัตราการดำเนินงาน กำไร ต่างกันมากด้วย
เครื่องบินไฟลท์นี่ทั้ง 8 ลำ ตอนซื้อมาราคาตามข่าวน่าจะลำละ 8000 ล้านบาท ขายออกไปราคาลำละ 500 ล้านบาท
มาขายได้เมื่อปีก่อนนี่เอง อันนี้ถือว่ายังมีโชคอยู่นิดหน่อย นี่ถ้ายังจอดทิ้งไว้จนถึงช่วงนี้ น่าจะได้ปลูกสาระแหน่จริงเหมือนที่ใครๆ ประชดไว้ !!!
ยิ่งหาอ่านย้อนหลัง จะพอเห็นสาเหตุว่าการที่การบินไทยมาถึงจุดนี้ ส่วนนึงก็เพราะการบริหารจัดการภายในเอง อีกส่วนก็ฝ่ายการเมืองที่มีส่วนเช่นกัน จริงๆ ถ้าไม่เจอโรคระบาด การบินไทยกำลังทำแผนฟื้นฟูอยู่ก่อนแล้ว และกำลังจะซื้อเครื่องบินอีกล๊อตใหญ่ๆ ด้วย เอาเข้าสิ วนลูปแบบเดิม อันนี้ก็ถือว่ายังพอมีโชคที่โควิดมาเปิดแผลเสียก่อน ไม่งั้นคงมีเงินภาษีทุ่มลงไปอีกเยอะ
ตามอ่านข่าวการบินไทยย้อนหลังมา ถือว่ายังมีโชคอยู่บ้างที่ขายเครื่องบินรุ่น A340 ออกไปได้เมื่อปีก่อน
เป็นเครื่องบินรุ่นที่กินน้ำมัน แต่สมัยนั้นราคาน้ำมันราคาไม่ได้สูงตอนจะซื้อก็ยังดูจะคุ้มทุนที่จะทำการบิน พอเริ่มรับเข้ามาน้ำมันก็ขึ้นเอาๆ จนบินไปก็ขาดทุน เอามาจอดไว้มีแค่ค่าบำรุงรักษา ยังจะขาดทุนน้อยกว่า
ที่น่าสังเกตคือสายการบินสิงคโปร์ก็ซื้อรุ่นนี้มาด้วย บินเส้นทางไกลด้วย พบว่าขาดทุนจากการกินน้ำมัน สุดท้ายก็รับเครื่องบินมาแค่ส่วนนึง(น่าจะครึ่งนึง) และหยุดรับส่วนที่เหลือจากทั้งหมดเกือบๆ 20 ลำ แล้วเราก็รับเครื่องบินมาในช่วงที่สิงคโปร์เจอปัญหาและกำลังจะส่งคืนแล้วด้วย
สุดท้ายมาจอดทิ้งแน่นอนพยายามขายออก แต่เนื่องจากใครๆ ก็รู้ถึงปัญหาเลยขายออกยาก แต่สิงคโปร์ถือว่าทำได้ดีกว่าในส่วนนี้ที่นอกจากจะไม่รับเครื่องส่วนที่เหลือแล้ว ยังสามารถขายคืนเครื่องที่รับมา แต่ก็มีเงื่อนไขว่าซื้อเครื่องจาก AIrbus มาอีกหลายลำ ซึ่งไทยเราอาจจะยังไม่มีแผนซื้อใหม่เลยทำแบบเดียวกันก็ไม่ได้ และขนาดของสายการบิน อัตราการดำเนินงาน กำไร ต่างกันมากด้วย
เครื่องบินไฟลท์นี่ทั้ง 8 ลำ ตอนซื้อมาราคาตามข่าวน่าจะลำละ 8000 ล้านบาท ขายออกไปราคาลำละ 500 ล้านบาท
มาขายได้เมื่อปีก่อนนี่เอง อันนี้ถือว่ายังมีโชคอยู่นิดหน่อย นี่ถ้ายังจอดทิ้งไว้จนถึงช่วงนี้ น่าจะได้ปลูกสาระแหน่จริงเหมือนที่ใครๆ ประชดไว้ !!!
ยิ่งหาอ่านย้อนหลัง จะพอเห็นสาเหตุว่าการที่การบินไทยมาถึงจุดนี้ ส่วนนึงก็เพราะการบริหารจัดการภายในเอง อีกส่วนก็ฝ่ายการเมืองที่มีส่วนเช่นกัน จริงๆ ถ้าไม่เจอโรคระบาด การบินไทยกำลังทำแผนฟื้นฟูอยู่ก่อนแล้ว และกำลังจะซื้อเครื่องบินอีกล๊อตใหญ่ๆ ด้วย เอาเข้าสิ วนลูปแบบเดิม อันนี้ก็ถือว่ายังพอมีโชคที่โควิดมาเปิดแผลเสียก่อน ไม่งั้นคงมีเงินภาษีทุ่มลงไปอีกเยอะ