“การบินไทย” เดินหน้ายกระดับประสบการณ์การเดินทางแบบพรีเมี่ยมทวงคืนมาร์เก็ตแชร์ ล่าสุดเตรียมหยุดให้บริการที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาสทุกเส้นทาง พร้อมปรับที่นั่งชั้นธุรกิจให้หรูหราขึ้น ชี้เป็นไปตามเทรนด์ธุรกิจการบินทั่วโลก สายการบินยักษ์ใหญ่ “อเมริกันแอร์ไลน์-เตอร์กิช-โอมานแอร์” ประกาศยุติให้บริการชั้นเฟิร์สคลาสไปก่อนแล้ว เครื่องบินฝูงใหม่ของ “เอมิเรตส์-กาตาร์” ก็ไม่มีเช่นกัน เผยเทคโนโลยี-การออกแบบที่นั่งเครื่องบินในอนาคตสุดล้ำ เก้าอี้ชั้นธุรกิจมีความสะดวก สบาย หรูหรา เทียบชั้นเฟิร์สคลาส ผู้โดยสารไม่ต้องจ่ายแพง ขณะที่สายการบินมีโอกาสสร้างมาร์จิ้นและแข่งขันในตลาดโลกได้
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าการบินไทยมีแผนยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้กับผู้โดยสารในทุกชั้นโดยสารให้มีความสะดวกสบาย ผ่านการลงทุนอัพเกรดเครื่องบินในฝูงบินทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพ และมีขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ รวมถึงสร้างทางเลือกให้ผู้โดยสารทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในฐานะสายการบินแห่งชาติ (Home Base) ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ยกเลิก “เฟิรสต์คลาส” ทุกเส้นทาง
นายชายกล่าวว่า หลังจากที่การบินไทยกลับมามีความแข็งแกร่งด้านการเงิน พ้นจากแผนฟื้นฟูกิจการ และกลับเข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯอีกครั้งได้สำเร็จ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญหลังจากนี้คือ การมุ่งยกระดับบริการภายในเครื่องบินให้มีมาตรฐาน ทั้งในส่วนของเก้าอี้ที่นั่ง อาหาร ระบบความบันเทิงบนเครื่องบิน (In-Flight Entertainment) เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีให้กับผู้โดยสารจากทั่วโลก
โดยตามแผนระยะ 2-3 ปีข้างหน้า การบินไทยจะปรับโครงสร้างที่นั่งภายในห้องโดยสารของฝูงบินทั้งหมดให้มี 3 ชั้นบริการ ประกอบด้วย 1.ชั้นธุรกิจ (Business Class) 2.ชั้นประหยัดพรีเมี่ยม (Premuim Economy) และ 3.ชั้นประหยัด (Economy) โดยจะยกเลิกให้บริการชั้นโดยสารเฟิรสต์คลาส (First Class) หรือชั้นโดยสารชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นชั้นบริการพิเศษสุด ที่มีที่นั่งกว้าง ปรับเป็นที่นอนได้ พร้อมอาหาร เครื่องดื่ม และบริการระดับพรีเมี่ยม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มของธุรกิจการบินทั่วโลก
“ที่ผ่านมาสายการบินรายใหญ่ของโลกก็ทยอยยกเลิกชั้นโดยสารเฟิรสต์คลาสไปแล้ว และปรับให้เหลือสูงสุดแค่ชั้นธุรกิจเช่นกัน อาทิ อเมริกันแอร์ไลน์ สายการบินหลักของสหรัฐอเมริกา เตอร์กิชแอร์ไลน์ สายการบินประจำชาติของตุรกี โอมานแอร์ สายการบินประจำชาติโอมาน แอร์นิวซีแลนด์ สายการบินประจำชาติของนิวซีแลนด์ มาเลเซียแอร์ไลน์ สายการบินประจำชาติมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งในส่วนของการบินไทยนั้นได้ทยอยยกเลิกไประยะหนึ่งแล้ว ปัจจุบันเหลือให้บริการอยู่ 2-3 เส้นทาง เช่น กรุงเทพฯ-ลอนดอน กรุงเทพฯ-นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น” นายชายกล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกสบายที่มากกว่าที่นั่งชั้นธุรกิจ การบินไทยจะติดตั้งที่นั่งที่มีความพรีเมี่ยมมากกว่าชั้นธุรกิจ สำหรับให้บริการแถวหน้าสุดในทุกเส้นทางบินเข้ามาทดแทน เพื่อเพิ่มทางเลือกอีกระดับหนึ่ง
ส่ง A320-A321 ปูพรมระดับภูมิภาค
นายชายกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้การบินไทยได้เริ่มต้นที่การปรับห้องโดยสารและโครงสร้างที่นั่งของฝูงบินลำตัวแคบ Airbus A320 จำนวน 20 ลำ จากเดิมที่เป็นชั้นประหยัด (Economy) ทั้งหมดเป็นแบบมี 2 ชั้นบริการ ประกอบด้วย ที่นั่งชั้นธุรกิจ (Royal Silk Class) ที่มีพนักพิงปรับเอนได้สูงสุดถึง 8 นิ้ว ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถนั่งในท่าที่สบายยิ่งขึ้นจำนวน 12 ที่นั่ง และชั้นประหยัดจำนวน 144 ที่นั่ง พร้อมการติดตั้งระบบความบันเทิงบนเที่ยวบินผ่านเครือข่ายไร้สาย ซึ่งจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2568 นี้
และในช่วงปลายปีนี้การบินไทยมีแผนรับมอบเครื่องบิน Airbus A321neo รุ่นใหม่ จำนวน 2 ลำ และปี 2569 อีก 15 ลำ โดยฝูงบิน Airbus A321neo ทั้ง 17 ลำดังกล่าวนี้ จะเป็นหัวใจสำคัญของแผนยกระดับฝูงบิน เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ออกแบบห้องโดยสารที่ตอบโจทย์ผู้โดยสารพรีเมี่ยมมาพร้อมอยู่แล้ว อาทิ ที่นั่งชั้นธุรกิจที่ปรับเอนราบได้เต็มที่ ผังที่นั่งที่ออกแบบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสะดวกในการเข้าถึงทางเดิน เป็นต้น
“เรามองว่าเครื่องบินของทุกสายการบินเป็น Mass Product จุดที่แข่งขันกันคือบริการบนไฟลต์บิน เช่น ที่นั่ง ความบันเทิงบนเครื่อง อาหาร บริการของลูกเรือ ดังนั้น การมาของเครื่องบิน Airbus A321neo และการปรับโฉมใหม่ของ Airbus 320 จึงเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับการบินไทยในการช่วงชิงตลาดเส้นทางภูมิภาคได้อย่างดี” นายชายกล่าว
อีก 2-3 ปีพร้อมแข่งขันในระดับโลก
นายชายกล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนี้ ในระยะ 2 ปีข้างหน้าการบินไทยยังมีการปรับปรุงเครื่องบินลำตัวกว้างโบอิ้ง B 777-300 ER จำนวน 14 ลำ โดยติดตั้งที่นั่งชั้นบิสซิเนสใหม่พร้อมประตูส่วนตัว รวมถึงที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยม (Premium Economy) และที่นั่งชั้นประหยัดแบบใหม่ รวมถึงเครื่องแอร์บัส A350 จำนวน 20 ลำ ที่มีแผนติดตั้งนวัตกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับห้องโดยสาร เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางระดับพรีเมี่ยมให้แก่ผู้โดยสารในเส้นทางบินระยะไกล โดยจะเริ่มการปรับปรุงในปี 2571
ขณะที่เครื่องบินโบอิ้ง 787 Dreamliner ลำใหม่ จำนวน 45 ลำ ที่มีแผนรับมอบในอนาคนนั้น จะเริ่มรับมอบชุดแรกจำนวน 9 ลำ ในปี 2571 ซึ่งเครื่องบินใหม่ทั้งหมดที่จะเข้ามานี้ก็จะไม่มีชั้นเฟิรสต์คลาสเช่นกัน และจะเป็นชั้นผู้โดยสารเหมือนกันทั้งลอต รวมถึงเครื่องบินลำใหม่ที่จะจัดหาเข้ามาเพิ่มในอนาคตด้วย
“ตามแผนการพัฒนาอัพเกรดโครงสร้างที่นั่งสายการบินนี้ จะทำให้ผลิตภัณฑ์ภายในเครื่องบินของการบินไทยทั้งหมดมีความคงที่ เหมือน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด” นายชายกล่าว
ตั้งเป้าปี’72 มาร์เก็ตแชร์ 35%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการบินไทยยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในปี 2576 การบินไทยจะมีเครื่องบินทั้งหมดรวม 150 ลำ รวม 4 แบบ แบ่งเป็น เครื่องบินลำตัวกว้าง 98 ลำ และลำตัวแคบ 52 ลำ โดยมีประเภทเครื่องบิน ประกอบด้วย โบอิ้ง B777-300ER จำนวน 15 ลำ แอร์บัส A350 จำนวน 17 ลำ โบอิ้งตระกูล B787 Dreamliner จำนวน 66 ลำ และแอร์บัส A320/A321neo รวมจำนวน 52 ลำ
“ปัจจุบันการบินไทยมีเครื่องบินจำนวน 78 ลำ ประกอบด้วย เครื่องบินลำตัวกว้าง 58 ลำ ลำตัวแคบ 20 ลำ ประเภทเครื่องบิน 6 แบบ” นายชายกล่าว และว่าในระยะสั้นนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้างเพิ่มเติมอีกจำนวน 8-10 ลำ (เช่าประมาณ 6 ปี) เพื่อรองรับการบินระยะไกล เพื่อนำมาใช้ในช่วงปี 2570-2571 ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอบอร์ดพิจารณา
ทั้งนี้ มีเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในฐานะสายการบินแห่งชาติ (Home Base) กลับมาในระดับ 35% ภายในปี 2572 และกลับไปอยู่ในระดับ 42% ใกล้เคียงกับที่เคยทำได้ในปี 2556 (ฝูงบิน 100 ลำ)
ที่นั่งชั้นธุรกิจเทียบชั้นเฟิรสต์คลาส
ด้านนายกิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การบินไทยได้ทยอยลดจำนวนที่นั่งชั้นโดยสารเฟิรสต์คลาสตั้งแต่ยุติการให้บริการด้วยเครื่องแอร์บัส A380 และเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 ในช่วงวิกฤตโควิด ทำให้ปัจจุบันยังมีที่นั่งชั้นเฟิรสต์คลาสบริการบนเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวน 3 ลำ ให้บริการในเส้นทางกรุงเทพฯ-ลอนดอน (อังกฤษ) และกรุงเทพฯ-นาริตะ (ญี่ปุ่น) ซึ่งตามแผนปรับโปรดักต์ให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมดของการบินไทย จะทยอยยกเลิกให้บริการทั้งหมดในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ นอกจากเป็นการปรับตัวตามเทรนด์ของธุรกิจทั่วโลกแล้ว ด้วยเทคโนโลยี ดีไซน์ และการออกแบบของโรงงานผลิตที่นั่งเครื่องบิน ทำให้ที่นั่งชั้นธุรกิจในอนาคตมีความทันสมัย สะดวก สบาย ไม่น้อยกว่า หรือเทียบเท่ากับที่นั่งเฟิรสต์คลาสในอดีต โดยเฉพาะที่นั่งที่ติดตั้งไว้แถวหน้าสุดของชั้นธุรกิจที่มีความพรีเมี่ยมกว่าที่นั่งชั้นธุรกิจทั่วไป ยิ่งทำให้ผู้โดยสารไม่มีความจำเป็นที่ต้องจ่ายในราคาสูงอีกต่อไป ขณะเดียวกัน ยังทำให้สายการบินสามารถบริหารตัวเลขกำไรที่ดีขึ้นด้วย เพราะด้วยความทันสมัยของที่นั่งชั้นธุรกิจ ทำให้แนวโน้มความต้องการที่นั่งชั้นเฟิรสต์คลาสลดลงไปด้วยเช่นกัน...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ :
https://www.prachachat.net/tourism/news-1881096
‘การบินไทย’ จ่อเลิกเฟิร์สคลาส อัพชั้นธุรกิจแข่งระดับโลก
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่าการบินไทยมีแผนยกระดับประสบการณ์การเดินทางให้กับผู้โดยสารในทุกชั้นโดยสารให้มีความสะดวกสบาย ผ่านการลงทุนอัพเกรดเครื่องบินในฝูงบินทั้งหมดให้มีประสิทธิภาพ และมีขีดความสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ รวมถึงสร้างทางเลือกให้ผู้โดยสารทั่วโลก โดยมีเป้าหมายเพิ่มส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในฐานะสายการบินแห่งชาติ (Home Base) ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ยกเลิก “เฟิรสต์คลาส” ทุกเส้นทาง
นายชายกล่าวว่า หลังจากที่การบินไทยกลับมามีความแข็งแกร่งด้านการเงิน พ้นจากแผนฟื้นฟูกิจการ และกลับเข้ามาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯอีกครั้งได้สำเร็จ หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญหลังจากนี้คือ การมุ่งยกระดับบริการภายในเครื่องบินให้มีมาตรฐาน ทั้งในส่วนของเก้าอี้ที่นั่ง อาหาร ระบบความบันเทิงบนเครื่องบิน (In-Flight Entertainment) เพื่อสร้างประสบการณ์การเดินทางที่ดีให้กับผู้โดยสารจากทั่วโลก
โดยตามแผนระยะ 2-3 ปีข้างหน้า การบินไทยจะปรับโครงสร้างที่นั่งภายในห้องโดยสารของฝูงบินทั้งหมดให้มี 3 ชั้นบริการ ประกอบด้วย 1.ชั้นธุรกิจ (Business Class) 2.ชั้นประหยัดพรีเมี่ยม (Premuim Economy) และ 3.ชั้นประหยัด (Economy) โดยจะยกเลิกให้บริการชั้นโดยสารเฟิรสต์คลาส (First Class) หรือชั้นโดยสารชั้นหนึ่ง ซึ่งเป็นชั้นบริการพิเศษสุด ที่มีที่นั่งกว้าง ปรับเป็นที่นอนได้ พร้อมอาหาร เครื่องดื่ม และบริการระดับพรีเมี่ยม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับแนวโน้มของธุรกิจการบินทั่วโลก
“ที่ผ่านมาสายการบินรายใหญ่ของโลกก็ทยอยยกเลิกชั้นโดยสารเฟิรสต์คลาสไปแล้ว และปรับให้เหลือสูงสุดแค่ชั้นธุรกิจเช่นกัน อาทิ อเมริกันแอร์ไลน์ สายการบินหลักของสหรัฐอเมริกา เตอร์กิชแอร์ไลน์ สายการบินประจำชาติของตุรกี โอมานแอร์ สายการบินประจำชาติโอมาน แอร์นิวซีแลนด์ สายการบินประจำชาติของนิวซีแลนด์ มาเลเซียแอร์ไลน์ สายการบินประจำชาติมาเลเซีย เป็นต้น ซึ่งในส่วนของการบินไทยนั้นได้ทยอยยกเลิกไประยะหนึ่งแล้ว ปัจจุบันเหลือให้บริการอยู่ 2-3 เส้นทาง เช่น กรุงเทพฯ-ลอนดอน กรุงเทพฯ-นาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น” นายชายกล่าว และว่า
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการความสะดวกสบายที่มากกว่าที่นั่งชั้นธุรกิจ การบินไทยจะติดตั้งที่นั่งที่มีความพรีเมี่ยมมากกว่าชั้นธุรกิจ สำหรับให้บริการแถวหน้าสุดในทุกเส้นทางบินเข้ามาทดแทน เพื่อเพิ่มทางเลือกอีกระดับหนึ่ง
ส่ง A320-A321 ปูพรมระดับภูมิภาค
นายชายกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้การบินไทยได้เริ่มต้นที่การปรับห้องโดยสารและโครงสร้างที่นั่งของฝูงบินลำตัวแคบ Airbus A320 จำนวน 20 ลำ จากเดิมที่เป็นชั้นประหยัด (Economy) ทั้งหมดเป็นแบบมี 2 ชั้นบริการ ประกอบด้วย ที่นั่งชั้นธุรกิจ (Royal Silk Class) ที่มีพนักพิงปรับเอนได้สูงสุดถึง 8 นิ้ว ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถนั่งในท่าที่สบายยิ่งขึ้นจำนวน 12 ที่นั่ง และชั้นประหยัดจำนวน 144 ที่นั่ง พร้อมการติดตั้งระบบความบันเทิงบนเที่ยวบินผ่านเครือข่ายไร้สาย ซึ่งจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2568 นี้
และในช่วงปลายปีนี้การบินไทยมีแผนรับมอบเครื่องบิน Airbus A321neo รุ่นใหม่ จำนวน 2 ลำ และปี 2569 อีก 15 ลำ โดยฝูงบิน Airbus A321neo ทั้ง 17 ลำดังกล่าวนี้ จะเป็นหัวใจสำคัญของแผนยกระดับฝูงบิน เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ออกแบบห้องโดยสารที่ตอบโจทย์ผู้โดยสารพรีเมี่ยมมาพร้อมอยู่แล้ว อาทิ ที่นั่งชั้นธุรกิจที่ปรับเอนราบได้เต็มที่ ผังที่นั่งที่ออกแบบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสะดวกในการเข้าถึงทางเดิน เป็นต้น
“เรามองว่าเครื่องบินของทุกสายการบินเป็น Mass Product จุดที่แข่งขันกันคือบริการบนไฟลต์บิน เช่น ที่นั่ง ความบันเทิงบนเครื่อง อาหาร บริการของลูกเรือ ดังนั้น การมาของเครื่องบิน Airbus A321neo และการปรับโฉมใหม่ของ Airbus 320 จึงเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับการบินไทยในการช่วงชิงตลาดเส้นทางภูมิภาคได้อย่างดี” นายชายกล่าว
อีก 2-3 ปีพร้อมแข่งขันในระดับโลก
นายชายกล่าวต่อไปอีกว่า นอกจากนี้ ในระยะ 2 ปีข้างหน้าการบินไทยยังมีการปรับปรุงเครื่องบินลำตัวกว้างโบอิ้ง B 777-300 ER จำนวน 14 ลำ โดยติดตั้งที่นั่งชั้นบิสซิเนสใหม่พร้อมประตูส่วนตัว รวมถึงที่นั่งชั้นประหยัดพรีเมี่ยม (Premium Economy) และที่นั่งชั้นประหยัดแบบใหม่ รวมถึงเครื่องแอร์บัส A350 จำนวน 20 ลำ ที่มีแผนติดตั้งนวัตกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับห้องโดยสาร เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางระดับพรีเมี่ยมให้แก่ผู้โดยสารในเส้นทางบินระยะไกล โดยจะเริ่มการปรับปรุงในปี 2571
ขณะที่เครื่องบินโบอิ้ง 787 Dreamliner ลำใหม่ จำนวน 45 ลำ ที่มีแผนรับมอบในอนาคนนั้น จะเริ่มรับมอบชุดแรกจำนวน 9 ลำ ในปี 2571 ซึ่งเครื่องบินใหม่ทั้งหมดที่จะเข้ามานี้ก็จะไม่มีชั้นเฟิรสต์คลาสเช่นกัน และจะเป็นชั้นผู้โดยสารเหมือนกันทั้งลอต รวมถึงเครื่องบินลำใหม่ที่จะจัดหาเข้ามาเพิ่มในอนาคตด้วย
“ตามแผนการพัฒนาอัพเกรดโครงสร้างที่นั่งสายการบินนี้ จะทำให้ผลิตภัณฑ์ภายในเครื่องบินของการบินไทยทั้งหมดมีความคงที่ เหมือน และเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด” นายชายกล่าว
ตั้งเป้าปี’72 มาร์เก็ตแชร์ 35%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการบินไทยยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวในปี 2576 การบินไทยจะมีเครื่องบินทั้งหมดรวม 150 ลำ รวม 4 แบบ แบ่งเป็น เครื่องบินลำตัวกว้าง 98 ลำ และลำตัวแคบ 52 ลำ โดยมีประเภทเครื่องบิน ประกอบด้วย โบอิ้ง B777-300ER จำนวน 15 ลำ แอร์บัส A350 จำนวน 17 ลำ โบอิ้งตระกูล B787 Dreamliner จำนวน 66 ลำ และแอร์บัส A320/A321neo รวมจำนวน 52 ลำ
“ปัจจุบันการบินไทยมีเครื่องบินจำนวน 78 ลำ ประกอบด้วย เครื่องบินลำตัวกว้าง 58 ลำ ลำตัวแคบ 20 ลำ ประเภทเครื่องบิน 6 แบบ” นายชายกล่าว และว่าในระยะสั้นนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างการจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้างเพิ่มเติมอีกจำนวน 8-10 ลำ (เช่าประมาณ 6 ปี) เพื่อรองรับการบินระยะไกล เพื่อนำมาใช้ในช่วงปี 2570-2571 ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอบอร์ดพิจารณา
ทั้งนี้ มีเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) สำหรับผู้โดยสารที่เดินทางผ่านท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในฐานะสายการบินแห่งชาติ (Home Base) กลับมาในระดับ 35% ภายในปี 2572 และกลับไปอยู่ในระดับ 42% ใกล้เคียงกับที่เคยทำได้ในปี 2556 (ฝูงบิน 100 ลำ)
ที่นั่งชั้นธุรกิจเทียบชั้นเฟิรสต์คลาส
ด้านนายกิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการพาณิชย์ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การบินไทยได้ทยอยลดจำนวนที่นั่งชั้นโดยสารเฟิรสต์คลาสตั้งแต่ยุติการให้บริการด้วยเครื่องแอร์บัส A380 และเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 ในช่วงวิกฤตโควิด ทำให้ปัจจุบันยังมีที่นั่งชั้นเฟิรสต์คลาสบริการบนเครื่องบินโบอิ้ง 777 จำนวน 3 ลำ ให้บริการในเส้นทางกรุงเทพฯ-ลอนดอน (อังกฤษ) และกรุงเทพฯ-นาริตะ (ญี่ปุ่น) ซึ่งตามแผนปรับโปรดักต์ให้เป็นรูปแบบเดียวกันทั้งหมดของการบินไทย จะทยอยยกเลิกให้บริการทั้งหมดในอนาคตอันใกล้นี้
ทั้งนี้ นอกจากเป็นการปรับตัวตามเทรนด์ของธุรกิจทั่วโลกแล้ว ด้วยเทคโนโลยี ดีไซน์ และการออกแบบของโรงงานผลิตที่นั่งเครื่องบิน ทำให้ที่นั่งชั้นธุรกิจในอนาคตมีความทันสมัย สะดวก สบาย ไม่น้อยกว่า หรือเทียบเท่ากับที่นั่งเฟิรสต์คลาสในอดีต โดยเฉพาะที่นั่งที่ติดตั้งไว้แถวหน้าสุดของชั้นธุรกิจที่มีความพรีเมี่ยมกว่าที่นั่งชั้นธุรกิจทั่วไป ยิ่งทำให้ผู้โดยสารไม่มีความจำเป็นที่ต้องจ่ายในราคาสูงอีกต่อไป ขณะเดียวกัน ยังทำให้สายการบินสามารถบริหารตัวเลขกำไรที่ดีขึ้นด้วย เพราะด้วยความทันสมัยของที่นั่งชั้นธุรกิจ ทำให้แนวโน้มความต้องการที่นั่งชั้นเฟิรสต์คลาสลดลงไปด้วยเช่นกัน...
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.prachachat.net/tourism/news-1881096