หนัง Escape Plan ภาคแรก ดึงดูดคนดูด้วยการเอา Sylvester Stallone มาเจอกับ Arnold Schwarzenegger เป็นครั้งแรกของสองพระเอกนักบู๊แห่งยุค 80-90 ที่โคจรมาเป็นคู่ปรับกันในหนัง โดยคอนเซ็ปท์หนังคือการใช้สมองอันชาญฉลาดวางแผนแหกคุกบวกกับฉากแอ็คชั่นมันส์ๆ หนังก็จะมีความสนุกพอประมาณ ก่อนที่จะทำภาคสองออกมาด้วยการร่วมทุนกับประเทศจีน ซึ่งยังคงคอนเซ็ปท์เดิมอยู่ แต่ไม่มีความสดใหม่ พอมาภาคสาม เป็นภาคที่ไม่ค่อยมีข่าวคราวสักเท่าไหร่ อยู่ดีๆ ก็โผล่มาจากไหนไม่รู้ ซึ่งผมก็ยังหวังจะเห็นอะไรจากภาคนี้พอสมควร


เรื่องราวต่อเนื่องจากภาคสอง ซึ่งหลังจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเรย์ เบรสลิน ถูกว่าตามล่าเพื่อล้างแค้นจากลูกชายของหุ้นส่วนเก่า แถมเรื่องนี้ยังไปเกี่ยวข้องกับลูกสาวที่ถูกลักพาตัว ของเจ้าพ่อเทคโนโลยีแห่งฮ่องกงจากคุกลัตเวียที่น่าเกรงขาม ซึ่งทำให้แฟนสาวของเบรสลินก็ถูกจับเช่นกัน เรย์ จึงต้องรวมทีมงานเพื่อเข้าไปช่วยเหลือคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ออกมาให้ได้


หนังได้ จางจิน หรือ พี่โป้ โยคีเพลย์บอย ของฮ่องกง มาร่วมรับบทนำเป็นหนึ่งในทีมของ เรย์ ที่เข้าไปช่วยแฟนสาวของเขาที่ถูกลักพาตัวไป ดูเผินๆ หนังเรื่องนี้มีความน่าสนุกอยู่พอสมควร ซึ่งถ้าเราไม่รู้จัก Escape Plan มาก่อนตั้งสองภาค เรื่องนี้จะเหมือนหนังแอ็คชั่นชิงตัวประกันเรื่องหนึ่งที่ดูเพลินๆ ไปได้ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้น เพราะ Escape Plan ที่เราเคยรู้จัก มันคือหนังที่มีการใช้มันสมอง และความชำนาญทางด้านเทคโนโลยี บวกกับความชำนาญทางด้านการวางแผนแหกคุกของ เรย์ เบรสลิน เป็นตัวชูโรง แต่กับภาคสามนี้ ไม่มีส่วนนี้อยู่เลย เรียกว่าหายไปจากเนื้อเรื่องหนังเลยด้วยซ้ำ หนังดันไปโฟกัสเรื่องของแอ็คชั่นชิงตัวประกันเต็ม 100% ซึ่งสำหรับผมมันน่าผิดหวังมาก


คุกที่เคยเป็นสถานที่ที่สำคัญในการเดินเรื่องมาทั้งสองภาค กลายเป็นตัวประกอบที่จางและไม่มีบทบาทที่สุดของเรื่องไปเลย การที่หนังใช้โลเคชั่นเป็นคุกที่ดูลึกลับซับซ้อน มันไม่ได้มีผลอะไรต่อการที่พระเอกบุกเข้าไปช่วยตัวประกันเลย ซึ่งทีมพระเอกแอบเข้าไปได้ง่ายมาก มีตัวละครตัวนึง เดินเข้าไปแบบทื่อๆ เลยด้วยซ้ำ พอดูแล้วผมก็ได้แต่บ่นกับตัวเองว่า WTF มันคืออะไร ไหนคือหนังแหกคุกแบบใช้สมองที่เคยดูมา นี่มันหนังแอ็คชั่นเกรดบีชัดๆ


ตัวละครในเรื่อง นอกจาก เรย์ แล้ว ตัวละครอื่นๆ บทบาทน้อยมาก อาจจะมี จางจิน ที่บทเด่นพอสมควร น่าจะเป็นเพราะหนังอยากบุกตลาดจียและฮ่องกง ก็เลยต้องชูตัวละครตัวนี้ กับ Dave Bautista ที่ดูจะมีอะไรบ้างเล็กน้อย แต่ตัวละครตัวอื่นแทบไม่มีบทบาทสำคัญกับหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวร้ายของเรื่อง นอดจากจะเป็นดาราที่ไม่คุ้นหน้าแล้ว บทของตัวร้ายยังกระจอกสิ้นดี แทบจะไม่มีอะไร


พอดูจบแล้ว ผมรู้สึกเสียดายคอนเซ็ปท์หนังที่สร้างไว้ตั้งสองภาคและอยากจะไว้อาลัยให้ภาคสามอย่างสุดซึ้ง หนังที่เคยแสดงความฉลาดและความชำนาญของพระเอก กลายมาเป็นหนังเด็กงอแง จะแก้แค้นให้พ่ออย่างเดียว แถมยังใส่พ่อคนนั้นคนนี้เข้ามาเลอะเทอะไปหมด พ่อกับลูกสาวที่โดนลักพาตัว ตัวร้ายที่ออกมาพูดทำนองใครฆ่าท่านพ่อ ข้าจะแก้แค้นสิบปีไม่สาย โดยที่ในเรื่องหนังยังเหมือนจะกัดจิกเนื้อเรื่องตัวเองด้วยซ้ำ ว่าทำไมมีแต่พ่อใครไม่รู้เต็มไปหมด แถมตอนท้าย เรย์ ยังมาเล่าเรื่องพ่อให้ตัวร้ายฟังอีก เพื่ออะไรแว๊ะะะ กลายเป็นหนังอะไรก็ไม่รู้ไม่มีจุดยืนในความเป็น Escape Plan ไปซะแล้ว จบกัน...

ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ  >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/