จากกระทู้พวกนี้ในอดีต
https://pantip.com/topic/34400744
https://pantip.com/topic/35405107
ตอนนี้ผ่านมาหลายปี ผมทำงานได้เงินเดือนดีประมาณนึง จากที่ตอนนั้นเครียดๆ เงินเดือนน้อย
ผมก็ดิ้นรนจนถีบรายได้ตัวเอง ขึ้นมาอยู่ในช่วงหลายหมื่นได้ ช่วยเหลือแม่ เดือนละ 14000 โดยเฉลี่ยมาตลอด 60 เดือน
*** โดยโดนแม่ด่าว่า สารพัด เพราะเค้าไม่เคยพอ***
(ส่วนตัวผมเอง ต้องกินอยู่ ซ่อมรถ ประกันชีวิต คือรับผิดชอบตัวเอง 100%)
ผมกู้ กยศ.เรียน ผมไม่มีแม้แต่มอไซค์จะขี่ไปเรียน(มีขี่ปีสุดท้าย คันละ 7000 พ่อเอาเงินมาให้) ผมอยุ่หอห้องพัดลม
ในขณะเดียวกันช่วงเวลานั้น แม่กับพ่อเลี้ยงรายได้รวมกัน
8-9 หมื่น/เดือน แม่ผมไปเที่ยว เกาหลี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกงมาเก๊า ไปประเทศละหลายรอบ ยันล่องเรื่องเดินสมุทร
ขับรถคันเป็นล้านมาตลอดชีวิต ใช้มือถือเครื่องละ 2 หมื่น โดยเวลาไปเที่ยวกัน ทิ้งผมไว้เฝ้าบ้าน ใช่ไมตอแล เค้าเลี้ยงผมมาแบบนั้น
ดังนั้นประเมินจากคุณภาพชีวิตผม
ผมจึงคิดว่าเดือนละ 14000(โดยเฉลี่ย) ผมทำให้เค้าดีที่สุดแล้ว
**แม่ผมเปนประเภท ติดแชร์ลุกโซ่ ติดนั่งสบาย ถ้ามีเงินคือก็จะไม่ทำงาน ชอบลงทุนแบบโง่ๆให้เค้าโกงทีละเปนแสนๆ
ลูกเต้า ญาติพี่น้องห้ามไม่ฟัง ด่าอย่างเดียว แต่พอพลาดก็ขว้างงูไม่พ้นคอ หันมาหยิบยืมคนโน้นคนนี้มั่วไปหมด
แล้วไม่มีดุลพินิจเรื่องเงินเลยแบบเป็นศูนย์ ทั้งแม่ทั้งพ่อเลี้ยง ตอนถูกจ้างออกจากงาน
เค้าสองคนสามารถนั่งว่างอยู่บ้านได้ เปนปี โดยไม่ทำงานเลย
จากนั้นพอเงินชดเชยหมด ค่อยหากู้ยืมเงิน เพื่อเอาไปทำทุนทำมาหากิน โดยให้เหตุผลสั้นๆว่า "อยากพักอ่ะทำไม"
แล้วก็หันมาด่าผมว่า เปนลูกที่ไม่ดี ไม่สามารถให้เค้าอยู่สบายๆ ได้
เรื่องตลกเกี่ยวกับดุลพินิจการเงินที่ขำไม่ออก 2 เรื่อง ที่ใครฟังก็เหวอ คือ
1.ผมจะไปเที่ยวอเมริกากับแฟน ซึ่งแฟนออกค่าใช้จ่าย 70% ผมออกแค่ 30% เพราะผมเงินน้อยกว่า
ตอนนั้นแม่เพิ่งออกจากงานมานั่งว่าง มีเงินติดตัวมาไม่กี่แสน(แต่รายจ่ายเดือนละเกือบแสน)
แกบอกวาแกจะไปด้วย ให้ผมออกเงินให้แกด้วย ครึ่งนึง ผมบอกว่าผมยังเอาตัวไม่รอด
ต้องให้แฟนออกตั้ง 70% ของทริป ผมจะเอาที่ไหนไปให้แม่ ไหนจะวีซ่าที่แม่น่าจะไม่ผ่านชัวร์ๆ
เพราะทั้งเรื่องว่างงาน หนี้สิ้น บูโร อายุ และขาดสปอนเซอร์ด้วย
เค้าโกรธครับ เค้าหาว่าผมจะไปสวีทกันสองคนที่อเมริกา กลัวเค้าไปเปนก้างขวางคอ ก็นะ ไม่รุ้จะพุดอะไรต่อเลยครับ
** เหตุการณ์ที่ 1 เป็นอดีตไปแล้ว ผมไม่ได้พาแม่ไปด้วยนะครับ เค้าโกรธผมไป 2 เดือน **
2.ปี 2021 แม่มีโครงการจะไปงานแต่งเพื่อนครับ แต่งานแต่งจัดที่โน่นครับ สวีเดน.. ผมถามว่าเอาเงินจากไหนไป
เค้าบอกว่า ผมกะแฟนเริ่มทำธุรกิจนี่ ปีหน้าก็คงเป็นช่วงที่ไปได้สวยแล้วงั้นก็ช่วยออกให้บ้างบางส่วนแล้วกัน
ละก็เค้าอาจจะเอาทรัพย์บางอย่าง ไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อผสมใช้ในการณ์นี้ด้วย ผมนี่แบบบสูดหายใจลึกๆ แม่ม พูดไม่ออกจริงๆ
ผมกะแฟนตอนไปเมกา รายได้มากกว่าแม่รวมกับพ่อเลี้ยงตอนนี้ไป 2-3 เท่าได้ ซึ่งตอนนั้นได้ไปแบบฟลุ๊คๆ เพราะเจอ
ตั๋วราคาถูกกว่าไปญี่ปุ่น กินอยุ่ก็แบบโคตรประหยัด ส่วนตัวญี่ปุ่นผมยังไม่เคยมีปัญญาได้ไปเลยครับ
แต่แม่ผมไปมา 6 รอบแล้ว (เห้อออ)
**เหตุการณ์ที่ 2 เป็นอนาคต ก็จะไม่ให้อีกเหมือนกันครับ เตรียมตัวรับ Impact ระรอกใหม่อยู่ **
เห็นแฟนผม วุฒิดี การงานดี ก็ด่าผมว่า ไม่รักดี เลยหาเงินได้ไม่เท่าแฟน
นี่ขนาดผมเรียนม.รัฐ คณะประเภทวิชาชีพ สอบเอง ด้วยซ้ำนะ ยังไม่พอ..(มันดีไม่เท่าแฟนไง)
แฟนผมรายได้หลักแสน และเป็นอาชีพที่มีสิทธิก้าวหน้าไปถึงหลักหลายแสนไม่ยาก พีคๆ อาจจะ 7 หลัก
แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนั้นได้ ซึ่งผมยอมรับเลยว่าต้นทุนที่มีและสมองตัวผมเองไม่สามารถ
ก็๋นั่นแหล่ะครับ เอาง่ายๆ คึอแม่พาลไปเรื่อย อะไรก็ได้ให้ตัวเองไม่ผิด
รถยนต์คันละเปนล้านนั่นก็อีก ที่สุดท้ายแม่จะขาย เพื่อเอามาใช้หนี้ (เก็บของในบ้านขายกินหมด)
ผมก็สงสารกลัวแกคิดถึง เลยอาสาซื้อต่อ ขอผ่อนเดือนละ10000 บ. เพื่อเอามาใช้ต่อเอง เป็นเวลา 50 เดือน (ซื้อต่อ 5 แสน)
**ตัวอย่าง ถามว่าทำไมจะฆ่าตัวตาย เมื่อช่วงปี 59-60 ช่วงนั้นผมหาเงินได้เยอะ แม่ก็จะเอาเงินจากผมทีละ 2-7 หมื่น แล้วแต่โอกาส
อ้างว่า เงินไม่พอใช้ (ซึ่งแม่ก็ยืมคนโน้นคนนี้ ญาติๆ มา หลักล้านแล้ว ก็ไม่พอสนองชีวิตเค้า) แล้วก็งานแม่ กับพ่อเลี้ยง
ก็ไม่รู้ทำมาหากินยังไง ต้องมาดึงเงินจากผมทุกเดือน เหมือนทำงานแล้วขาดทุนเข้าเนื้อ ผมได้อะไรมา เหมือน
พยายามหาอุบายมาขอไปหมด ถึงขนาดโกหก ว่ามีคนจะกู้เงินก็เคย แต่แล้วก็มายอมรับทีหลังว่าเอาเงินไปใช้เอง
ปัญหาตอนนี้คือ ผมส่งรถให้แม่มาปกติทุกเดือน แต่ด้วยความว่ารถมันเริ่มเก่า อายุรถเข้าปีที่ 10 ตอนนี้ มันเริ่มจะซ่อม
ผมเลยคิดว่า ผมจะเอารถไปขาย ดาวน์ 0% ซื้อใหม่ แล้วเอาเงินขายรถไปปิดบัตร แล้วเหลือแต่ส่งรถอย่างเดียว
ซึ่งดอกเบี้ยรถ ก็ถุกกว่าดอกบัตรมาก ประเด็นคือ พอแม่รู้ว่าจะขายรถ แกเลยขอเงินก้อน บอกว่าเดือดร้อนไม่พอใช้ (ทั้งปีอ่ะ)
ผมก็บอกเค้าว่ามันผิดเงื่อนไขที่ตกลงกันทีแรกนะ.. และผมไม่ได้ขายเพราะรวย
แต่ขายเพราะผมต้องปรับโครงสร้างหนี้/รายจ่าย รถคันเดิมกินน้ำมันมาก(7-8โลลิตร) เก่าแล้ว ผมจะไปใช้รถที่ประหยัดกว่านี้
แต่แกไม่เข้าใจ แบบเหมือนแกล้งโง่ไม่เข้าใจมากกว่า แกเอาแต่พูดว่า ขายรถแล้วจะแบ่งเงินแม่เท่าไร
ใน 2 วันมานี้แกพูดมา 4 รอบ นอนหลับ ตื่นมา ก็พูดอีก ซ้ำๆ แบบนี้
จนผมถามว่า ถ้าเปลี่ยนใจไม่ขาย ก็คือไม่ทวงเงินถูกมั้ย ก็อยู่ได้? แต่ทำไมพอรู้ว่าจะมีแหล่งที่มาของเงิน ถึงต้องจะเอา
เค้าก็เฉไฉ ไปอีกว่า กลัวกุจะเอาเงินหรือไง ถึงเปลี่ยนใจไม่ขาย ผมก็เอ้า....งงไปดิ
เค้าก็เริ่มตัดพ้อว่าผมเนรคุณ พอเริ่มเถียงกันรุนแรงก็กลายเปนส่งข้อความไลน์มาด่าไม่หยุด จะไล่ผมออกจากบ้าน
คือง่ายๆ เค้าต้องการเงินก้อนส่วนต่างที่เหลือยอดค้างอยู่ ทั้งหมด ทันที ที่ผมขายรถได้
คือแม่ผม เค้าบริหารเงินไม่ดี เงินยืมญาติมา 1.3 ล้าน ละลายไปหมดแล้ว ยังไม่มีปัญญาหาใช้คืนสักบาท
ผมคิดว่ากะอีแค่ 2 แสน ที่เหลือค้างอยู่ ที่เค้าจะเอาจากผม ให้ไป แค่ 2 เดือนก็หมด
ผมมีความคิดเลยว่าผมจะไม่ส่งให้เค้าแล้ว แต่ผมจะเก็บไว้ให้เค้าตอนเค้าหมดแรงทำงานแทน ไม่งั้นเค้าใช้เงินหมดตัวแน่ๆ
เค้าบอกผมเปนลูกที่ สาระเลว เห้ คือสารพัดคำหยาบจะสาดมา แฟนก็ได้แต่ปลอบ แต่ก็พูดไรมากไม่ได้
เค้าฟุ้งซ่านขนาดโทรไปคุยกะแฟนผม เรื่องจะออกรถ เชิงเหมือนหยั่งเสียงเรื่องเงินน่ะแหล่ะ
ทั้งที่ ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยโทรหาแฟนผมเลย เหมือนแบบคลั่ง หิวเงิน อยากได้เงินก้อนมากๆ
จนตอนนี้เครียดกันไปหมด ทั้งผม ทั้งแฟน คือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะขายรถก็กลัวเค้าจะงอแง ร้องเอาเงินให้ได้
แล้วนี่เพิ่งไลน์มาว่าจะไล่ออกจากบ้าน ซึ่งเค้าก็ เคยทำบ่อยๆ สมัยผมเรียน ถ้าไม่ถุกใจเถียงกัน
ก็คือไล่จริงๆ ไล่ไปอยู่กับญาติบ้าง ไล่ไปนอนหอเพื่อนบ้าง ไล่แบบเปลี่ยนกุญแจบ้านเลย
โชคดี ที่ช่วง4-5ปีก่อนหน้านี้ ผมไปทำงานต่างจังหวัดไปอยุ่หอเองมาหลายปี จนตอนนี้กลับมาอยุ่กะเค้าได้ไม่กี่เดือน เพราะ
ต้องการลดรายจ่าย หางานแถวบ้านทำ ซึ่งพอเกิดเรื่องแบบนี้มันไม่ makesense เลยที่จะต้องออกไปอยู่หออีก
เพียงเพื่อต้องการประชดกัน ในสถานการณ์ เศรษฐกิจแบบนี้ ทั้งที่มีบ้านอยู่แล้ว
โดนแม่ขูดรีดหนักมาก ทำไงดีครับ เคยเครียด จนเกือบฆ่าตัวตาย ต้องหาจิตแพทย์ ทำงานมา 5 ปีให้แม่ไปเกือบล้านแล้ว
https://pantip.com/topic/34400744
https://pantip.com/topic/35405107
ตอนนี้ผ่านมาหลายปี ผมทำงานได้เงินเดือนดีประมาณนึง จากที่ตอนนั้นเครียดๆ เงินเดือนน้อย
ผมก็ดิ้นรนจนถีบรายได้ตัวเอง ขึ้นมาอยู่ในช่วงหลายหมื่นได้ ช่วยเหลือแม่ เดือนละ 14000 โดยเฉลี่ยมาตลอด 60 เดือน
*** โดยโดนแม่ด่าว่า สารพัด เพราะเค้าไม่เคยพอ***
(ส่วนตัวผมเอง ต้องกินอยู่ ซ่อมรถ ประกันชีวิต คือรับผิดชอบตัวเอง 100%)
ผมกู้ กยศ.เรียน ผมไม่มีแม้แต่มอไซค์จะขี่ไปเรียน(มีขี่ปีสุดท้าย คันละ 7000 พ่อเอาเงินมาให้) ผมอยุ่หอห้องพัดลม
ในขณะเดียวกันช่วงเวลานั้น แม่กับพ่อเลี้ยงรายได้รวมกัน
8-9 หมื่น/เดือน แม่ผมไปเที่ยว เกาหลี ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น ฮ่องกงมาเก๊า ไปประเทศละหลายรอบ ยันล่องเรื่องเดินสมุทร
ขับรถคันเป็นล้านมาตลอดชีวิต ใช้มือถือเครื่องละ 2 หมื่น โดยเวลาไปเที่ยวกัน ทิ้งผมไว้เฝ้าบ้าน ใช่ไมตอแล เค้าเลี้ยงผมมาแบบนั้น
ดังนั้นประเมินจากคุณภาพชีวิตผม
ผมจึงคิดว่าเดือนละ 14000(โดยเฉลี่ย) ผมทำให้เค้าดีที่สุดแล้ว
**แม่ผมเปนประเภท ติดแชร์ลุกโซ่ ติดนั่งสบาย ถ้ามีเงินคือก็จะไม่ทำงาน ชอบลงทุนแบบโง่ๆให้เค้าโกงทีละเปนแสนๆ
ลูกเต้า ญาติพี่น้องห้ามไม่ฟัง ด่าอย่างเดียว แต่พอพลาดก็ขว้างงูไม่พ้นคอ หันมาหยิบยืมคนโน้นคนนี้มั่วไปหมด
แล้วไม่มีดุลพินิจเรื่องเงินเลยแบบเป็นศูนย์ ทั้งแม่ทั้งพ่อเลี้ยง ตอนถูกจ้างออกจากงาน
เค้าสองคนสามารถนั่งว่างอยู่บ้านได้ เปนปี โดยไม่ทำงานเลย
จากนั้นพอเงินชดเชยหมด ค่อยหากู้ยืมเงิน เพื่อเอาไปทำทุนทำมาหากิน โดยให้เหตุผลสั้นๆว่า "อยากพักอ่ะทำไม"
แล้วก็หันมาด่าผมว่า เปนลูกที่ไม่ดี ไม่สามารถให้เค้าอยู่สบายๆ ได้
เรื่องตลกเกี่ยวกับดุลพินิจการเงินที่ขำไม่ออก 2 เรื่อง ที่ใครฟังก็เหวอ คือ
1.ผมจะไปเที่ยวอเมริกากับแฟน ซึ่งแฟนออกค่าใช้จ่าย 70% ผมออกแค่ 30% เพราะผมเงินน้อยกว่า
ตอนนั้นแม่เพิ่งออกจากงานมานั่งว่าง มีเงินติดตัวมาไม่กี่แสน(แต่รายจ่ายเดือนละเกือบแสน)
แกบอกวาแกจะไปด้วย ให้ผมออกเงินให้แกด้วย ครึ่งนึง ผมบอกว่าผมยังเอาตัวไม่รอด
ต้องให้แฟนออกตั้ง 70% ของทริป ผมจะเอาที่ไหนไปให้แม่ ไหนจะวีซ่าที่แม่น่าจะไม่ผ่านชัวร์ๆ
เพราะทั้งเรื่องว่างงาน หนี้สิ้น บูโร อายุ และขาดสปอนเซอร์ด้วย
เค้าโกรธครับ เค้าหาว่าผมจะไปสวีทกันสองคนที่อเมริกา กลัวเค้าไปเปนก้างขวางคอ ก็นะ ไม่รุ้จะพุดอะไรต่อเลยครับ
** เหตุการณ์ที่ 1 เป็นอดีตไปแล้ว ผมไม่ได้พาแม่ไปด้วยนะครับ เค้าโกรธผมไป 2 เดือน **
2.ปี 2021 แม่มีโครงการจะไปงานแต่งเพื่อนครับ แต่งานแต่งจัดที่โน่นครับ สวีเดน.. ผมถามว่าเอาเงินจากไหนไป
เค้าบอกว่า ผมกะแฟนเริ่มทำธุรกิจนี่ ปีหน้าก็คงเป็นช่วงที่ไปได้สวยแล้วงั้นก็ช่วยออกให้บ้างบางส่วนแล้วกัน
ละก็เค้าอาจจะเอาทรัพย์บางอย่าง ไปเข้าไฟแนนซ์เพื่อผสมใช้ในการณ์นี้ด้วย ผมนี่แบบบสูดหายใจลึกๆ แม่ม พูดไม่ออกจริงๆ
ผมกะแฟนตอนไปเมกา รายได้มากกว่าแม่รวมกับพ่อเลี้ยงตอนนี้ไป 2-3 เท่าได้ ซึ่งตอนนั้นได้ไปแบบฟลุ๊คๆ เพราะเจอ
ตั๋วราคาถูกกว่าไปญี่ปุ่น กินอยุ่ก็แบบโคตรประหยัด ส่วนตัวญี่ปุ่นผมยังไม่เคยมีปัญญาได้ไปเลยครับ
แต่แม่ผมไปมา 6 รอบแล้ว (เห้อออ)
**เหตุการณ์ที่ 2 เป็นอนาคต ก็จะไม่ให้อีกเหมือนกันครับ เตรียมตัวรับ Impact ระรอกใหม่อยู่ **
เห็นแฟนผม วุฒิดี การงานดี ก็ด่าผมว่า ไม่รักดี เลยหาเงินได้ไม่เท่าแฟน
นี่ขนาดผมเรียนม.รัฐ คณะประเภทวิชาชีพ สอบเอง ด้วยซ้ำนะ ยังไม่พอ..(มันดีไม่เท่าแฟนไง)
แฟนผมรายได้หลักแสน และเป็นอาชีพที่มีสิทธิก้าวหน้าไปถึงหลักหลายแสนไม่ยาก พีคๆ อาจจะ 7 หลัก
แต่คงไม่ใช่ทุกคนที่ทำแบบนั้นได้ ซึ่งผมยอมรับเลยว่าต้นทุนที่มีและสมองตัวผมเองไม่สามารถ
ก็๋นั่นแหล่ะครับ เอาง่ายๆ คึอแม่พาลไปเรื่อย อะไรก็ได้ให้ตัวเองไม่ผิด
รถยนต์คันละเปนล้านนั่นก็อีก ที่สุดท้ายแม่จะขาย เพื่อเอามาใช้หนี้ (เก็บของในบ้านขายกินหมด)
ผมก็สงสารกลัวแกคิดถึง เลยอาสาซื้อต่อ ขอผ่อนเดือนละ10000 บ. เพื่อเอามาใช้ต่อเอง เป็นเวลา 50 เดือน (ซื้อต่อ 5 แสน)
**ตัวอย่าง ถามว่าทำไมจะฆ่าตัวตาย เมื่อช่วงปี 59-60 ช่วงนั้นผมหาเงินได้เยอะ แม่ก็จะเอาเงินจากผมทีละ 2-7 หมื่น แล้วแต่โอกาส
อ้างว่า เงินไม่พอใช้ (ซึ่งแม่ก็ยืมคนโน้นคนนี้ ญาติๆ มา หลักล้านแล้ว ก็ไม่พอสนองชีวิตเค้า) แล้วก็งานแม่ กับพ่อเลี้ยง
ก็ไม่รู้ทำมาหากินยังไง ต้องมาดึงเงินจากผมทุกเดือน เหมือนทำงานแล้วขาดทุนเข้าเนื้อ ผมได้อะไรมา เหมือน
พยายามหาอุบายมาขอไปหมด ถึงขนาดโกหก ว่ามีคนจะกู้เงินก็เคย แต่แล้วก็มายอมรับทีหลังว่าเอาเงินไปใช้เอง
ปัญหาตอนนี้คือ ผมส่งรถให้แม่มาปกติทุกเดือน แต่ด้วยความว่ารถมันเริ่มเก่า อายุรถเข้าปีที่ 10 ตอนนี้ มันเริ่มจะซ่อม
ผมเลยคิดว่า ผมจะเอารถไปขาย ดาวน์ 0% ซื้อใหม่ แล้วเอาเงินขายรถไปปิดบัตร แล้วเหลือแต่ส่งรถอย่างเดียว
ซึ่งดอกเบี้ยรถ ก็ถุกกว่าดอกบัตรมาก ประเด็นคือ พอแม่รู้ว่าจะขายรถ แกเลยขอเงินก้อน บอกว่าเดือดร้อนไม่พอใช้ (ทั้งปีอ่ะ)
ผมก็บอกเค้าว่ามันผิดเงื่อนไขที่ตกลงกันทีแรกนะ.. และผมไม่ได้ขายเพราะรวย
แต่ขายเพราะผมต้องปรับโครงสร้างหนี้/รายจ่าย รถคันเดิมกินน้ำมันมาก(7-8โลลิตร) เก่าแล้ว ผมจะไปใช้รถที่ประหยัดกว่านี้
แต่แกไม่เข้าใจ แบบเหมือนแกล้งโง่ไม่เข้าใจมากกว่า แกเอาแต่พูดว่า ขายรถแล้วจะแบ่งเงินแม่เท่าไร
ใน 2 วันมานี้แกพูดมา 4 รอบ นอนหลับ ตื่นมา ก็พูดอีก ซ้ำๆ แบบนี้
จนผมถามว่า ถ้าเปลี่ยนใจไม่ขาย ก็คือไม่ทวงเงินถูกมั้ย ก็อยู่ได้? แต่ทำไมพอรู้ว่าจะมีแหล่งที่มาของเงิน ถึงต้องจะเอา
เค้าก็เฉไฉ ไปอีกว่า กลัวกุจะเอาเงินหรือไง ถึงเปลี่ยนใจไม่ขาย ผมก็เอ้า....งงไปดิ
เค้าก็เริ่มตัดพ้อว่าผมเนรคุณ พอเริ่มเถียงกันรุนแรงก็กลายเปนส่งข้อความไลน์มาด่าไม่หยุด จะไล่ผมออกจากบ้าน
คือง่ายๆ เค้าต้องการเงินก้อนส่วนต่างที่เหลือยอดค้างอยู่ ทั้งหมด ทันที ที่ผมขายรถได้
คือแม่ผม เค้าบริหารเงินไม่ดี เงินยืมญาติมา 1.3 ล้าน ละลายไปหมดแล้ว ยังไม่มีปัญญาหาใช้คืนสักบาท
ผมคิดว่ากะอีแค่ 2 แสน ที่เหลือค้างอยู่ ที่เค้าจะเอาจากผม ให้ไป แค่ 2 เดือนก็หมด
ผมมีความคิดเลยว่าผมจะไม่ส่งให้เค้าแล้ว แต่ผมจะเก็บไว้ให้เค้าตอนเค้าหมดแรงทำงานแทน ไม่งั้นเค้าใช้เงินหมดตัวแน่ๆ
เค้าบอกผมเปนลูกที่ สาระเลว เห้ คือสารพัดคำหยาบจะสาดมา แฟนก็ได้แต่ปลอบ แต่ก็พูดไรมากไม่ได้
เค้าฟุ้งซ่านขนาดโทรไปคุยกะแฟนผม เรื่องจะออกรถ เชิงเหมือนหยั่งเสียงเรื่องเงินน่ะแหล่ะ
ทั้งที่ ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยโทรหาแฟนผมเลย เหมือนแบบคลั่ง หิวเงิน อยากได้เงินก้อนมากๆ
จนตอนนี้เครียดกันไปหมด ทั้งผม ทั้งแฟน คือ กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะขายรถก็กลัวเค้าจะงอแง ร้องเอาเงินให้ได้
แล้วนี่เพิ่งไลน์มาว่าจะไล่ออกจากบ้าน ซึ่งเค้าก็ เคยทำบ่อยๆ สมัยผมเรียน ถ้าไม่ถุกใจเถียงกัน
ก็คือไล่จริงๆ ไล่ไปอยู่กับญาติบ้าง ไล่ไปนอนหอเพื่อนบ้าง ไล่แบบเปลี่ยนกุญแจบ้านเลย
โชคดี ที่ช่วง4-5ปีก่อนหน้านี้ ผมไปทำงานต่างจังหวัดไปอยุ่หอเองมาหลายปี จนตอนนี้กลับมาอยุ่กะเค้าได้ไม่กี่เดือน เพราะ
ต้องการลดรายจ่าย หางานแถวบ้านทำ ซึ่งพอเกิดเรื่องแบบนี้มันไม่ makesense เลยที่จะต้องออกไปอยู่หออีก
เพียงเพื่อต้องการประชดกัน ในสถานการณ์ เศรษฐกิจแบบนี้ ทั้งที่มีบ้านอยู่แล้ว