เรื่องราวชีวิตและน้ำใจอันยิ่งใหญ่มหาศาลของอัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ

น้ำใจอันยิ่งใหญ่มหาศาล อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ

เพจเปิดกล่องนิตยสารเก่า

อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณ (ปัจจุบันใช้ชื่อ "พุทธิอร ไพบูลย์สุวรรณ") ชื่อเล่น "จิ๊" เกิดเมื่อปีพุทธศักราช 2495 มีน้องชาย 1 คน พื้นเพเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่กำเนิด บิดาประกอบอาชีพนักโบราณคดี ทำงานอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ มารดาประกอบอาชีพรับราชการครู จบการศึกษาจากโรงเรียนเขมะศิริอนุสสรณ์ จากนั้นจึงเข้าศึกษาระดับชั้น มศ.4-มศ.5 ที่โรงเรียนเตรียมอุดมฯ สายศิลป์-ภาษาเยอรมัน และเข้าศึกษาชั้นอุดมศึกษาระดับปริญญาตรี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสอบชิงทุนไปศึกษาระดับปริญญาโทที่ University College เมืองคาร์ดิฟฟ์ แคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักร


ในวัยเยาว์คุณจิ๊ถูกเลี้ยงดูมาโดยมารดาเพียงลำพัง และเพราะด้วยความเป็นครูของคุณแม่ ส่งผลให้คุณจิ๊ถูกเลี้ยงดูแบบเข้มงวด ถูกวางระเบียบแบบแผนวิถีชีวิต โดยมีคุณแม่เป็นคนคอยดูแลจัดการ ในช่วงแรกคุณจิ๊ได้เข้าศึกษาอยู่ที่โรงเรียเขมะสิริอนุสสรณ์ แม้จะถูกเลี้ยงเธอในลักษณะถูกวางรูปแบบชีวิต แต่คุณจิ๊ก็มีความสุขดี เนื่องจากฐานะความเป็นอยู่ไม่ได้ยากจน ซ้ำยังเป็นเด็กกิจกรรมตัวยง ทว่าเมื่อขึ้นศึกษาในระดับชั้นมศ.4 คุณแม่ได้บอกให้เธอสอบเข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาในสาขาภาษาเยอรมัน เพื่ออนาคตข้างหน้าเนื่องจากเป็นภาษาที่มีคนศึกษาน้อย เพราะ ณ ตอนนี้เป็นสาขาที่มีการแข่งขันต่ำ อีกทั้งเมื่อเข้าวัยทำงานไปจะเป็นประโยชน์ต่อการสมัครงาน 


หลังจากจบการศึกษาระดับมัธยม คุณแม่ได้บอกให้คุณจิ๊สอบเข้ามหาวิทยาลัยในสาขาอักษรศาสตร์ จนในที่สุดเธอก็สามารถทำสำเร็จจนด้วย ทว่าการสอบในครั้งนี้ก็มีความกดดันมาก เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยได้เปิดรับเพียงแค่ 15 คนเท่านั้น กระนั้นคุณจิ๊ก็สามารถฝ่าจนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยได้ เมื่อเข้าศึกษาคุณจิ๊มีความรู้สึกไม่ค่อยชอบสายการเรียนภาษาเยอรมันมากนัก เนื่องเพราะความยาก และความน่าเบื่อหน่าย กระนั้นคุณจิ๊ก็ยังคงทำกิจกรรมเช่นเดิมที่เธอเคยทำมาตั้งแต่สมัยเด็ก

ครั้นเข้าศึกษาไปเรื่อย ๆ คุณจิ๊มีโอกาสทำกิจกรรมด้านการแสดง จากการที่บรรดารุ่นพี่เห็นแววเธอจากการร้องเพลงเชียร์ ที่คุณจิ๊ใส่ลีลาเต็มเหนี่ยวไม่มีกั๊ก ส่งผลให้รุ่นพี่ชักชวนให้เธอมาแสดงละครเวทีทางมหาวิทยาลัย โดยมีอาจารย์สดใสด พันธุมโกมล เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา คุณจิ๊เล่าว่าการทำกิจกรรมด้านการแสดงทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก และเธอก็รู้สึกชื่นชอบที่จะทำ เพราะได้ช่วยได้ทำสายงานที่หลากหลาย มากกว่าการที่เธอจะต้องไปนั่งเรียนภาษาเยอรมัน ซึ่งเธอก็ไม่ได้ชอบด้วยใจจริงแล้วมาตั้งแต่ต้น การแสดงละครเวทีของคุณจิ๊เป็นที่ถูกตาต้องใจ ถึงขั้นที่ว่ามีคนได้นำชื่อของเธอไปเขียนลงหนังสือว่า "เป็นดาวดวงใหม่ของวงการ" เลยทีเดียว


เมื่อจบการศึกษาคุณจิ๊ได้ออกมาทำงานจนมาพบกับคุณเล็ก ภัทราวดี โดยเธอได้เข้ามาทำงานเป็นเบื้องหลังละครกับทางคุณเล็ก ซึ่งคุณจิ๊มีหน้าที่คอยทำเบื้องหลังหลายอย่างมากมาย กระทั้งเมื่อละครโทรทัศน์เรื่องขบวนการคนใช้ ที่กำลังจะมีกำหนดการถ่ายทำ บทบาท "นางเอี้ยง" ซึ่งจะต้องถูกสวมบทบาทโดยครูเล็ก ครูเล็กเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา จึงจำเป็นต้องหาผู้มาสวมบทแทน โดยบทบาทนางเอี้ยงก็ถูกรับเลือกให้คุณจิ๊เป็นผู้แสดงแทน ละครโทรทัศน์เรื่องนี้โด่งดังเป็นอย่างยิ่ง ส่งผลให้ผู้คนในยุคนั้นจดจำชื่อคุณจิ๊ในฐานะของนางเอี้ยงได้เป็นอย่างดี นอกจากบทบาทการแสดง อีกหนึ่งบทบาทที่โดดเด่นของคุณจิ๊คือบทบาทพิธีกรยุคแรกของรายการเกมโชว์ชื่อดังมาตามนัดคู่กับคุณอภิชาติ หาลำเจียก โดยคุณจิ๊ได้มีโอกาสเป็นพิธีกรเนื่องจากการได้เป็นผู้ร่วมแข่งขันในรายการ จนผู้ใหญ่ของทางรายการเห็นแวว จึงชักชวนคุณจิ๊มาเป็นพิธีกร 

เพจ Vintage Gallery : Beauty Queen & Star

"ส่วนใหญ่ชีวิตนี่นะคะ มีแต่การเป็นตัวแทนค่ะ ดิฉันไม่เคยได้เป็นตัวจริง ไม่เคย ขบวนการคนใช้ นั่นก็ท้องฉันเลยได้เล่น แล้วพอเวลาที่มาเป็นพิธีกรเหมือนกัน ไม่มีใครบอก โอโหท่าทางคนนี้จะเฉลียวฉลาดคงจะเป็นพิธีกรได้ ไม่ค่ะ ไม่มีค่ะ"

บทบาทการแสดงของคุณจิ๊เป็นบทบาทรองและบทบาทสมทบ โดยบทบาทที่ถือเป็นภาพนำและเธอมักรับบทลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้ง คือบทบาทคนใช้หรือบทบาทคนปากจัด ซึ่งเธอสามารถแสดงบทอย่างนี้ได้ดีถึงบทบาทเป็นอย่างมาก ผลงานการแสดงที่เรัยกได้ว่าโดดเด่นที่สุดในระยะหลังของเธอคือบทบาทของเมี้ยน ในละครเรื่องคือหัตถาครองพิภพ ที่เธอต้องประกบคือนางเอกชื่อดังอย่างคุณจารุณี สุขสวัสดิ์ 

เพจบันเทิงไทย ในวัยเยาว์

การแสดงเรื่องคือหัตถาครองพิภพทำให้คุณจิ๊มีโอกาสสร้างความสุขในชีวิตให้แก่นางเอกของเรื่องอย่างใหญ่หลวง ในเริ่มแรกคุณเปิ้ลไม่มีท่าทีสนิทกับใครหรือเข้ามาต่อบทกับคุณจิ๊ จนเธอไม่พอใจเรียกตัวคุณเปิ้ลมาคุยว่าทำไมถึงไม่มาซักซ้อมบทด้วยกัน จากที่เริ่มแรกไม่ค่อยสนิทสนมก็ทำให้นางเอกของเรื่องเปิดใจเริ่มพูดคุยสนิทสนมกับเธอมากยิ่งขึ้น เมื่อยิ่งสนิทสนมกัน คุณเปิ้ลได้เล่าถึงเรื่องราวที่เธอพยายามตามหาคุณพ่อ แต่กลับไม่สามารถตามหาตัวคุณพ่อได้ คุณจิ๊จึงมีความคิดที่จะช่วยเหลือคุณเปิ้ลด้วยการพยายามใช้เบาะแสเท่าที่พอจะหาได้ และขอความช่วยเหลือด้านภาษาจากบรรดาเพื่อน ๆ คนรู้จักในการแปลข้อความจากภาษาไทยเป็นฝรั่งเศส จนในที่สุดคุณเปิ้ลก็ได้พบคุณพ่อที่เธออยากพบเจอมานานแสนนานจากการช่วยเหลือของคุณจิ๊ นับเป็นเรื่องราวน้ำจิตน้ำใจระหว่างเพื่อนสนิทมิตรสหายที่น่าชื่นชมมากที่สุดจริง ๆ ซึ่งเธอได้เผยแพร่เรื่องราวอันน่าประทับใจในครั้งนี้ไว้ในบทความที่มีชื่อว่า "ตามหา...พ่อให้เพื่อน"

http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2010/08/A9567235/A9567235.html

นอกจากนี้ทางด้านชีวิตส่วนตัวคุณจิ๊เคยกล่าวเอาไว้ว่าเธอเป็นคนที่ทำอะไรทำจริงทำเต็มที่ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้จากผลงานการแสดง หรือเหตุการณ์ที่เคยผ่าน ๆ มาในชีวิตของเธอ อย่างการช่วยนักแสดงรุ่นน้องตามหาพ่อแท้ ๆ อย่างไม่ลดละ แม้เบาะแสจะน้อยนิดมากก็ตาม และหากใครที่ติดตามจะทราบว่าคุณจิ๊ได้มีความสนใจทางด้านโยคะมานานสิบกว่าปีแล้ว จนเธอเปิดโรงเรียนสอนโยคะเป็นของตัวเอง เริ่มต้นจากการชักชวนของคุณตุ๊ก ดวงตาเพื่อนในวงการของเธอ จนคุณจิ๊เริ่มสนใจด้านโยคะอย่างจริงจัง

เพจแต้ว บอกอ  MODEL

เธอกล่าวว่าโยคะเป็นกิจกรรมที่ทำให้คน ๆ นั้นอยู่กับตนเอง มีจิตใจแน่วแน่ มีสมาธิ นอกจากสุขภาพร่างกายที่จะได้แล้ว สมาธิ การอยู่กับตนเองคืออีกสิ่งที่จะควบคู่กันมา เธอมีคติว่าเราควรดูแลตนเองให้ดี เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อคุณหมอหรือญาติมิตร หากจะต้องตายควรจะตายอย่างมีความสุข มิใช่ตายไปพร้อมกับความทุกข์เพราะโรคภัย แต่เรื่องที่น่าชื่นชมและควรกล่าวถึงที่สุดของเธอ คือการที่คุณจิ๊ได้เปิดบ้านอันร่มรื่นของเธอเป็นโรงทานและสถานปฏิบัติธรรม เพื่อให้ผู้คนสัญจรมารับรสพระธรรมและความร่มรื่นร่มเย็น โดยที่ไม่ต้องใช้เงิน ขอเพียงแค่บอกต่อไปก็เพียงพอแล้ว


และนอกจากที่เธอจะช่วยเหลือรุ่นน้องอย่างคุณจารุณีในการตามหาพ่อแล้ว เธอยังช่วยเป็นกาวประสานใจให้คุณเปิ้ลและคุณแม่ที่ไม่ลงรอยให้กลับมาคืนดีกันอีกครั้ง ท้ายที่สุดนี้เปิ้ล จารุณี นางเอกสาวที่เคยได้รับการช่วยเหลืออันใหญ่ยิ่งจากคุณจิ๊ เคยเอ่ยปากในสัมภาษณ์บทหนึ่งว่าหากคุณจิ๊ อัจฉราพรรณต้องการให้เธอช่วยเหลืออะไรแล้วเธอนั้นจะพยายามช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ และไม่คิดแม้แต่จะลังเล ชั่วชีวิตของคุณจิ๊ผ่านการช่วยเหลือผู้คนไว้อย่างมากมาย ทั้งทางกายและทางจิตใจ ซึ่งหลายครั้งการช่วยเหลือของเธอก็มีคุณค่าต่อคนผู้นั้นอย่างมหาศาล หากเรื่องราวบุญบาปชาติหน้ามีจริง พวกเราก็ได้แต่ขอให้บุญกุศลที่เธอเคยช่วยเหลือผู้อื่นไว้ หนุนส่งให้เธอมีแต่ความสุขความเจริญด้วยเถิด

ด้วยรักเป็นอย่างยิ่ง.

สวัสดี.

ภาพประสบการณ์การแสดงอันสุดยอดและทรงเกียรติที่สุดในชีวิตของคุณจิ๊ https://praew.com/people/84358.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
  

เห็นรูปนี้ที่มี  สมเด็จพระเทพฯ เสด็จบนเวทีแล้วน่าสนใจเลยไปค้นข้อมูลมาให้    ขอลงประกอบบทความให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นนะครับ


#อักษรจรัสรุ่น 37
อัจฉราพรรณ ไพบูลย์สุวรรณอักษรจรัส อบ. 37
  
ความทรงจำ

ไม่มีอะไรเป็นเรื่องบังเอิญ จะเดินเส้นทางไหนก็ต้องมาจบที่เส้นทางนี้

ไม่เคยคิดจะเป็นนักแสดง แต่เมื่อสอบเข้าคณะอักษรศาสตร์  จุฬาฯ     ทดลองเรียนวิชาต่าง ๆ มากมาย มันน่ากลัวจนตัวเนื้อสั่น ยาก และไม่เข้าใจ   จนมาฟังเลคเชอร์อาจารย์สดใส  พันธุมโกมล ใช่เลยต้องวิชานี้ที่ฉันชอบ

มีความสุขทุกครั้งที่เรียนและเมื่อแสดงบนเวที

เมื่อจบวิชานี้  ก็มาทำงานกับวิชานี้ชั่วชีวิต มีเรื่องราวหลากหลายให้จดจำ และประทับใจ

ที่สุดของที่สุดต้องเป็นการแสดงครั้งนี้

ละครเวที " ล่ามดี"  ในงาน เทวาลัยรำฤก  รอบพิเศษแสดงที่ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา หาทุนสำหรับคณะอักษรศาสตร์

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตร   ฉันมีบทพูดสักห้าประโยค  ท่องแล้วท่องอีก แสดงหน้าพระที่นั่งลืมบทไม่ได้  ในเรื่องฉันเป็นคนคุมอยู่หน้าเคาน์เตอร์ในลอบบี้โรงแรม    มีนักท่องเที่ยวเข้าออกมากมาย  ก็พูดบทไปตามเรื่องราว  แล้วบรรยากาศและอารมณ์ ร่วมสบายๆ กับคนดูตรงนั้น  เราก็ได้โยนการแสดงไปให้คนดูด้วย  ทั้งที่ไม่มีในบท  

เราบอกว่าดูโน่นสิ  นักท่องเที่ยวมากมายมาจากไหนกันนะเนี่ย ด้วยน้ำหนักของเสียงและกระแสที่ลุ้น นั่นใครล่ะนั้น  นั่นใครๆๆๆ  มากันมากมาย ใครๆๆๆ     ส่งบทนี้ไปถึงพระองค์ท่าน

จากที่ประทับท่านเสด็จขึ้นบนเวทีเลย ทรงมีพระเมตตาอย่างมาก ทรงเป็นกำลังใจ  ให้กับนักแสดง

เมื่อประทับบนเวที  รับสั่งภาษาจีนยืดยาว  เราฟังกันไม่รู้เรื่องเลยสรุปว่า

อ้อ ทัวร์จีน  ทรงมีพลังอย่างมากมายมหาศาลรับสั่งต่อเนื่องไม่หยุดเลย

เราก็บอกอะไรนะ พูดอะไร ฟังไม่รู้เรื่อง  คราวนี้รับสั่งรายการอาหารจีนยาวเหยียด

เราก็เลยอุทารณ์ขึ้นมาว่า  โอ้ว ของกินล้วนๆๆ  พระองค์ท่านก็ยังรับสั่งต่อ คนดูทั้งหัวเราะ

ทั้งร้องกรี๊ดสนั่นหวั่นไหวยิ่งกว่าดูคอนเสิร์ต

พอเสียงซาลงพวกเราทั้งหมดบนเวทีก็ก้มลงหมอบกราบที่พระบาท

คนดูทั้งหมดปรบมือกึกก้องยาวนานถวายเจ้านาย  ที่ทรงพระสรวลตลอดเวลา

เป็นค่ำคืนที่ทรงคุณค่าจดจำไม่เคยลืม

พระเมตตาจากเจ้านาย

ขอจงทรงพระเจริญ
ความคิดเห็นที่ 3


"ก็คือเราต้องอยู่บนแมตผ้าหรือเสื่อที่ปูตลอดใช่ไหม แล้วเราก็ต้องฟังครู ดังนั้นเราต้องมีสติ ครูบอกว่ายืนตัวตรง เท้าชิดกัน ยืดตัวขึ้น หายใจ ตามองกระจก ยกแขนขึ้น ฉะนั้น ใจเราก็จะไม่นึกถึงเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องเดี๋ยวเย็นนี้กินอะไรดี หรือเดี๋ยวออกไปรถจะติดหรือเปล่า เพราะมันคิดอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าคิด เราก็ไม่สามารถทำตามที่ครูสั่ง

แล้วเวลาที่ฝึกโยคะ เขาก็มักจะสอนไว้ว่า อยู่บนที่ของตัวเองเท่านั้น ไม่แข่งขันและไม่เปรียบเทียบ ถ้าเกิดเราแข่งขันปุ๊บ เราก็มองคนโน้นคนข้างๆ ซึ่งส่วนมากคนเรามักจะไม่อยู่กับตัวเอง จะไปอยู่กับคนอื่นตลอดเวลา ทำไมเขาทำท่าได้เยอะ ฉันทำไม่ได้เลยอย่างนี้ แล้วก็เปรียบเทียบ ทำไมเขาทำได้มากเลย ทำไมฉันยังทำไม่ได้เลย เราก็จะฝึกอย่างไม่มีความสุข"

ขอขอบพระคุณภาพจากเพจย้อนเวลา ในความทรงจำ
และขอขอบพระคุณบทสัมภาษณ์จาก
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9580000076788
ความคิดเห็นที่ 1


"ส่วนใหญ่ชีวิตนี่นะคะ มีแต่การเป็นตัวแทนค่ะ ดิฉันไม่เคยได้เป็นตัวจริง ไม่เคย ขบวนการคนใช้ นั่นก็ท้องฉันเลยได้เล่น แล้วพอเวลาที่มาเป็นพิธีกรเหมือนกัน ไม่มีใครบอก โอโหท่าทางคนนี้จะเฉลียวฉลาดคงจะเป็นพิธีกรได้ ไม่ค่ะ ไม่มีค่ะ"

ขอขอบพระคุณภาพจากเพจภาพจากหนังสือเรื่องย่อละครไทย
ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 5
หากชอบใจกดบวก กดแสดงความรู้สึกให้กระทู้นี้ขึ้นเป็นกระทู้แนะนำ เพื่อให้สมาชิกจากห้องอื่น ๆ พบเห็นเรื่องราวดารานักแสดงรุ่นเก่าได้มากยิ่งขึ้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่