[SR] พรีวิว OPPO Reno3 Pro กล้องหน้าคู่ชัดสุด 44MP กล้องหลัง 4 ตัว 64MP !


 
OPPO Reno3 Pro เปิดตัวในประเทศไทยด้วยสเปคที่มาพร้อมกับ MTK P95 พร้อมกับกล้องหน้าคู่ครั้งแรกในโลกที่มาพร้อมกับความละเอียด 44MP ที่เยอะที่สุดในตอนนี้ จะมาพร้อมกับหน้าจอ ขนาด 6.4″ อัตราส่วน 20:9 และสัดส่วน 91.5% ครับเป็นหน้าจอปกติไม่ใช่หน้าจอโค้ง ส่วนเรื่องลำโพงก็ยังทำได้ดี ระบบเสียงรองรับ Hi-Res ด้วยเช่นกัน ส่วนงานออกแบบ ดีไซน์มีความบางเบามากขึ้นเยอะ แต่ที่รู้สึกแตกต่างกับก่อนๆ คืองานออกแบบเปลี่ยนไปทั้งหมดเลยสำหรับเจ้า OPPO Reno3 Pro ในครั้งนี้ครับ ส่วนทางด้านการใช้งานคร่าวๆ อุปกรณ์อะไรในกล่องมีอะไรบ้างมาชมกันเลยครับสำหรับ OPPO Reno3 Pro ในประเทศไทยเราเอามาให้ชมกันทั้ง 2 สีสวยงามแตกต่างกันไป
 

 

 
OPPO Reno3 Pro มาพร้อมกับใช้งาน CPU Media tek Helio P95 12nm octa-core พร้อมกับการใช้งาน GPU PowerVR GM 94446 ร่วมกับ RAM 8GB LPDDR4X  และใช้งาน UFS 2.1 ในความจุ 256GB ครับ ส่วนทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูกล้องหน้าคู่ Dual Punch-Hole มาพร้อมกับขนาด 6.4″ ในอัตราส่วน 20:9 และสัดส่วนต่อตัวเครื่อง 91.5% ใช้หน้าจอ Super AMOLED Display FHD+ ส่วนกล้องหน้ามาพร้อมกับกล้องคู่ 44MP พร้อมกับ 2MP ในการวัดระยะครับ ถือว่าเป็นกล้องหน้าที่เยอะที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้ ส่วนทางกล้องหลังนั้น ให้มา 4 ตัวพร้อมกับ ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 และระบบ PDAF และ กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และซูมแบบออปติคอล 2 เท่า ส่วนใน กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 119.9 องศา  และ กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Mono 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และ  ในเรื่องของแบตนั้นมาพร้อมกับ  VOOC Flash Charge 4.0 พร้อมแบตเตอรี่ใหญ่ขนาด 4,025 mAh ส่วนเรื่องของเสียงนั้นรองรับระบบเสียง รองรับ Hi-Res Audio ด้วยในการฟังผ่านหูฟัง ส่วนเรื่องของราคา 18,990 บาทครับ พร้อมในประเทศไทยนั้น มา 3 สี 
 

 

 
UNBOX
 
ตัวกล่องนั้นเป็นสีเขียวและมีเขียนชื่อรุ่นอะไรปกติครับซึ่งตัวกล่องข้างในนั้นจะเป็นสีขาวครับ อุปกรณ์ในกล่องนั้นให้มาครบทั้ง หูฟัง ที่ชาร์จ 30W VOOC Flash Charge 4.0  ชาร์จ 20 นาที ได้แบต 50% และ มีเคสใสแถมมาให้รวมถึงตัวฟิล์มของหน้าจอก็ติดมาให้แล้วเรียบร้อยครับผม
 
    - ตัวเครื่อง OPPO Reno3 Pro
    - สายชาร์จ USB-C
    - หัวชาร์จ 30W VOOC Flash Charge 4.0
    - หูฟัง Earbuds แบบ รู 3.5 มม.
    - เคสใส TPU
    - คู่มือ พร้อม ที่จิ้มซิม
    - ฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้ว
 

 
ที่ชาร์จในรุ่นนี้ให้ที่ชาร์จที่รองรับการชาร์จ 30W  VOOC 4.0 มาให้เลยไม่ต้องไปซื้อเพิ่มอะไรตัวที่ชาร์จมีขนาดใหญ่พอประมาณครับ รูปทรงสี่เหลี่ยม และเป็นขาแบน 2 ขาครับส่วนสายชาร์จนั้นเป็นสายแบบ USB-C สีขาวที่ให้มา
 

 

 
ตัวเคสถ้าเทียบกับ Reno รุ่นก่อนๆถือว่ามีความแตกต่างกันพอสมควรครับในรุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้งานเคสใส TPU ธรรมดาไม่ได้มีการใช้เคสหนังแข็งอะไรแบบรุ่นก่อนแล้วครับ ตัวเคสสีใสปกติ พร้อมกับคลุมทั้งตัวเครื่องด้านหลังทั้งหมด ส่วนขอบเครื่องในส่วนหน้าจอนั้นทั้ง 4 มุมมีการนูนขึ้นมาปกป้องหน้าจอรวมถึงมีเว้าตรงขอบลำโพงด้านบน ความหนาของเคสกลางๆกำลังดีครับไม่ได้ทำให้ตัวเครื่องหนักเกินไปและไม่ได้หนาเกินจำเป็นด้วยครับ
 

 

 
ตัวเคสนั้นในเรื่องของตามขอบกล้องและหน้าจอสามารถครอบคลุมได้ทั้งหมด ในส่วนของด้านหน้านั้นจะมีขอบเครื่องทั้ง 4 มุมโผล่ขึ้นมาทำให้ปกป้องได้ดีเวลาวางหน้าคว่ำครับ และช่วยในการตกกระแทกได้ดีเป็นเคสแถมที่ดีแต่ในเรื่องของงานออกแบบยังเป็นเรียบๆพลาสติก TPU ครับมีป้องกันระดับนึงใช้ได้ ตัวกล้องหลังนั้นตัวเคสไม่ได้คลุมมาเกินตัวเลนส์เท่าไรครับ เลยทำให้เวลาวางคว่ำต้องระวังกันนิดหน่อยสำหรับตัวเคสที่แถมมาให้กับ OPPO Reno3 Pro
 

 
DESIGN
 
งานออกแบบในรุ่นนี้ถือว่าเมื่อใช้งานสัมผัสดูแล้วอย่างแรกที่รู้สึกเลยก็คือความเบาและบางที่ทำได้ดีครับคือรู้สึกเลยว่ามันพกพาได้ง่าย เบากว่ารุ่นเดิมชัดเจนและมีความบางขึ้น อาจจะด้วยการใช้งานกล้องหน้าแบบเจาะรูทำให้ไม่ต้องมีระบบอะไรทำให้หนักเครื่องครับ ส่วนเรื่องรูปทรงและงานออกแบบในภาพรวมนั้นจับถนัดมือมีความโค้งมนในส่วนของขอบซ้ายขวาได้ดีครับ ตัวเครื่องจะออกแนวยาวๆและแคบเลยช่วยให้เวลาจับถือได้เยอะมากครับในการพกพาส่วนสีนั้นจะมี 3 สีหลักๆคือ สีในรีวิวสีฟ้า Auroral Blue, สีดำ Midnight Black,และ สีขาว Sky White ครับ
 

 
หน้าจอในส่วนของรุ่นนี้มาพร้อมกับหน้าจอแบบเจาะรูคู่ Dual Punch-hole Display มาพร้อมกับขนาด 6.4″ ในอัตราส่วน 20:9 และสัดส่วนต่อตัวเครื่อง 91.5% ใช้หน้าจอ Super AMOLED Display FHD+ ในเรื่องของความสว่างสามารถทำได้สูงสุดถึง 1200 NITS เลยทีเดียว ใช้งาน Corning Gorilla Glass 5 แต่จริงๆแอบเสียดายหน้าจอเต็มๆแบบรุ่นก่อนเหมือนกัน
 

 
หน้าจอในส่วนของขอบด้านบนนั้นถือว่าบางเท่าๆกับขอบซ้าย ขวา จะเห็นว่าเป็นหน้าจอเจาะรูแบบคู่ Dual Punch- Hole ที่มีกล้องหน้า 2 ตัว  และส่วนขอบด้านบนนั้นจะเป็นขอบลำโพง และพวกเซนเซอร์นั้นจะแฝงอยู่ตรงขอบๆครับ กล้องหน้าในรุ่นนี้ให้มาที่ 44 ล้านพิกเซล พร้อมกับ รูรับแสง f2.4 พร้อมกับอีกตัวคือ 2 ลายพิกเซลสำหรับจับระยะ
 

 
หน้าจอในส่วนข้างล่างนั้นขอบส่วนสีดำนั้นมีความบางพอสมควรครับและสามารถใช้งานการควบคุมแบบเต็มหน้าจอ หรือ จะเป็นแบบปุ่มปกติได้ ส่วนขอบหน้าจอๆรอบๆนั้นถือว่าบางพอสมควรเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนๆถือว่าใกล้เคียงกัน
 

 
ในส่วนขอบเครื่องในด้านล่างนั้นจะเป็นที่อยู่ของรู 3.5 มม. และ รูไมค์ รวมถึงให้ USB-C มา และตัวลำโพงหลักนั้นจะอยู่ในส่วนด้านขวาของเครื่องตามภาพครับ ในรุ่นนี้จะเป็นลำโพง 1 ตัวแต่ตัวหลักนั้นจะเป็นส่วนขอบขอบด้านล่าง
 

 
ส่วนขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Power ที่มีการขีดเส้นสีเขียวมาให้ครับตำแหน่งอยู่เยื้องไปทางข้างบนครับเป็นตำแหน่งที่พอดีเวลาถือ ส่วนขอบเครื่องไล่สีตามเฉดสีของเครื่องและฝาหลังน้ำเงินเข้มไปฟ้าอ่อนๆครับผม จะเห็นว่ากล้องหลังนั้นนูนนิดหน่อยจะไม่ได้นูนเยอะมากเท่าตัว FindX2 5G เพราะตัวนั้นจะมีเลนส์พิเศษเลยทำให้กินพื้นที่มากกว่านั้นเองครับ เลยทำให้ตัวนี้เลยทำให้รวมๆกำลังดีไม่ได้นูนเยอะเกินไป
 

 
ส่วนของขอบบนนั้นจะเป็นที่อยู่ของไมค์ตัดเสียง ส่วนขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นโทนสีอ่อนปัดเงาครับจะโทนสีคนละแบบกับส่วนด้านล่าง ส่วนความหนาบางเบานั้นรุ่นนี้ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดีเลยแหละ
 

 
ในส่วนของขอบเครื่องฝั่งซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิมที่รองรับการใช้งาน 2 ซิม และรองรับ Micro-SD ครับส่วนเรื่องปุ่ม เพิ่ม ลดเสียงนั้น แยกปุ่มกันและอยู่ในตำแหน่งกำลังดี ขอบเครื่องจะเห็นว่ามีการไล่สีแบบเดียวกับฝาหลัง
 

 
ฝาหลังการออกแบบเปลี่ยนมาใช้การวางกล้องมุมเครื่องพร้อมกับรูปทรงตัวเครื่องที่มีความเหลี่ยมมากขึ้น วางกล้องมุมเครื่องเรียงกันพร้อมมีความนูนพอประมาณ โลโก้วางแนวนอนแตกต่างกับตระกูล Reno ก่อนหน้าชัดเจนครับ สีที่เรารีวิวนั้นจะเป็น Aurora Blue มีการไล่สีสวยงามน้ำเงินไปฟ้าอมเขียวครับ มีการเล่นแสงแบบมุมเครื่องเป็นแฉกไปทางมุมกล้องวัสดุฝาหลังเป็นกระจกโค้งลงทั้ง 2 ด้านพร้อมกับมีการเคลือบเลเยอร์สีในมีสะท้อนสวยงามได้ตามภาพ
 

 
กล้องหลังมาพร้อมกับดีไซน์ที่เปลี่ยนไปจากรุ่น Reno ก่อนหน้าแบบเยอะมากครับจริงๆแอบชอบรุ่นเก่ามากกว่าในการซ่อนกล้องให้เรียบเนียนไปกับตัวเครื่องพร้อม O-dot แต่ในรุ่นนี้เปลี่ยนมาใช้กล้องแบบเดียวกับรุ่นพี่ Find X2 5G เลยทั้งตำแหน่งการวางและรูปทรงครับ กล้องหลังวางเรียง 4 ตัว พร้อมกับความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 และระบบ PDAF และ กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และซูมแบบออปติคอล 2 เท่า ส่วนใน กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล 119.9 องศา รูรับแสง f/2.2 และ กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Mono 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ส่วนไฟแฟลชนั้นวางในกรอบสี่เหลี่ยมเป็นโมดูลเดียวกันและมีความนูนนิดๆ
 

 
SPEC
 
    - Android 10 ครอบทับด้วย Color OS 7
    - หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ (1080 x 2400 พิกเซล) Contrast Ration 2400000 : 1 ค่าสว่างสูงสุด 1200 nits อัตราส่วน 20:9 Corning Gorilla Glass 5
    - CPU Media Tek Helio P95 12nm Octa Core
    - GPU PowerVR GM 94446
    - STORAGE  256 GB USF 2.1
    - RAM 8 GB LPDDR4X
    - กล้องหลัง 4 ตัว ความละเอียดสูงสุด 64 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.7 และระบบ PDAF และ กล้องตัวที่ 2 เลนส์ Telephoto 13 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 และซูมแบบออปติคอล 2 เท่า ส่วนใน กล้องตัวที่ 3 เลนส์ Ultra Wide 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 119.9 องศา  และ กล้องตัวที่ 4 เลนส์ Mono 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 รองรับ Hybrid Zoom 5X Digital Zoom 20X
    - กล้องหน้า 2 ตัว 44 ล้านพิกเซล f/2.4 + 2 ล้านพิกเซล
    - แบตเตอรี่ 4,025 mAh + 30W VOOC Flash Charge 4.0
    - พอร์ตเชื่อมต่อ USB-C  2.0
    - Bluetooth  5.0
    - รองรับช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. Hi-Res Audio
 

 
SCREEN
 
หน้าจอในรุ่นนี้เป็นการออกแบบหน้าจอแบบเจาะรูคู่ Dual Punch-hole Display มาพร้อมกับขนาด 6.4″ ในอัตราส่วน 20:9 และสัดส่วนต่อตัวเครื่อง 91.5% จริงๆยังแอบคิดถึงหน้าจอเต็ม ของตระกูล Reno ก่อนๆเหมือนกันครับ หน้าจอใช้งาน Super AMOLED Display FHD+ และ  Corning Gorilla Glass 5 ให้ความสว่างมากถึง 800 nit และความสว่างสูงสุด 1,200 nit รองรับการแสดงผลถนอมสายตา strobe flash-free ในเรื่องของการสัมผัสเวลาเล่นเกมหรืออะไรพวกนี้นั้นรองรับได้สบายครับ ความไวความหน่วงนั้นไม่มีเลยซึ่งถือว่าดีสำหรับใครที่เน้นในเรื่องนี้ ส่วนตัวหน้าจอจากที่ลองทั้งเรื่องของการสู้แสงและมุมมองถือว่าใช้งานได้ดีและรวมถึงโทนสีมิติของภาพนั้นทำได้ดีคุณภาพสูงเหมือนเดิม
 
ชื่อสินค้า:   OPPO Reno3 Pro
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่