ตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือ ตอนที่ 5

       





                      กลับมารีวิวสานต่อประสบการณ์การท่องเที่ยวในทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือกันอีกนะครับ   ห่างหายการเขียนต่อตอนนี้ไปเป็นแรมปี    โดยกระทู้ที่เขียนเล่าประสบการณ์ในการท่องเที่ยวของผมในตอนที่ 5  นี้จะเป็นการขี่รถไปเที่ยวชมป่าปราสาทสมโบร์ไพรกุกในจังหวัดกำปงธมของประเทศกัมพูชาในวันที่  9  ของทริปนี้นะครับ 
 
                      ถามว่าทำไมอยากเล่าเรื่องราวตอนนี้ต่อ  ก็เพราะว่าตอนวางแผนทริปอยู่ที่บ้านผมเองสืบเสาะหาข้อมูลภาษาไทยจากห้องบลูเพลนเนตใน pantip  หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ เพื่อใช้เตรียมตัวก็เห็นว่ายังไม่มีใครเคยเขียนเรื่องราวของการเที่ยวชมป่าปราสาทสมโบร์ไพรกุกเลย  ทั้ง ๆ ที่กลุ่มปราสาทแห่งนี้ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกแห่งล่าสุดของประเทศกัมพูชา    ผมจึงอยากแบ่งปันเรื่องราวของการท่องเที่ยวชมป่าปราสาทสมโบร์ไพรกุกนี้ให้ผู้ที่สนใจได้ใช้เป็นประโยชน์ในการวางแผนเที่ยวกันนะครับ หรือใช้เป็นคู่มือนำชมปราสาทก็ได้ แล้วคุณจะได้รู้ว่ากัมพูชาไม่ได้มีดีแค่เสียมเรียบ กับพนมเปญเท่านั้น
 
                      ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับการเดินทางท่องเที่ยวของผมในทริปตะลุยเดี่ยวขี่รถเที่ยวดะอีสานตอนใต้ต่อกัมพูชาตอนเหนือ  13  วัน  กันก่อนนะครับ
วันที่ 1 :   เดินทางจากกรุงเทพฯ – บุรีรัมย์ เที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอเมืองบุรีรัมย์
วันที่ 2  :  เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอละหานทราย โนนดินแดง และปะคำ และชมการแสดงแสงสีเสียง
               ในงานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง
วันที่ 3  :  เที่ยวปราสาทหินในเขตบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ และอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ และร่วมชมขบวนแห่ประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง
วันที่ 4  :  เที่ยวปราสาทหินในเขตอำเภอปราสาท สังขะ และบัวเชดของจังหวัดสุรินทร์
วันที่ 5  :  เดินทางจากสุรินทร์ไปจังหวัดสระแก้ว และเที่ยวปราสาทหินในจังหวัดสระแก้ว
วันที่ 6  :  เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดสระแก้ว (ต่อ)
วันที่ 7  :  เดินทางไปเมืองเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา และเที่ยวปราสาทหินในเมืองเสียมเรียบ
วันที่ 8  :  เที่ยวปราสาทหินกลุ่มหริหราลัย และปราสาทหินรายทางระหว่างทางจากเสียมเรียบไปกำปงธม
วันที่ 9  :  เที่ยวกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกที่เมืองกำปงธม
วันที่ 10  :  เดินทางไปเมืองพระตะบอง และเที่ยวปราสาทหินในเมืองพระตะบอง
วันที่ 11  :  เที่ยวปราสาทหินและสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองพระตะบอง
วันที่ 12  :  เที่ยวกลุ่มปราสาทหินบันทายฉมาร์ที่เมืองบันเตียเมียนเจย
วันที่ 13  :  เที่ยวเก็บตกในเมืองพระตะบอง และเดินทางกลับบ้าน

วันที่ 9  :  เที่ยวกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกที่เมืองกำปงธม

                        วันนี้ออกเดินทางจากโรงแรมที่พักในเมืองกำปงธมขี่รถมุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อไปชมไฮไลต์ของทริปนี้กัน  นั่นเอง  กลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก หรือป่าปราสาท    ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่ผมพักไปราว  37  ก.ม.  ใช้เวลาขี่รถไปราว  45  นาทีได้



                  สภาพถนนที่ขี่รถจากเมืองกำปงธมไปยังกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกเป็นทางราดยางโดยเป็นถนนเส้นเดียวกับทางไปจังหวัดเปรี๊ยะวิเฮียร   เมื่อขี่รถมาถึงทางแยกในภาพก่อนเข้าเมืองกำปงธมจะเจอทางแยกไปปราสาทสมโบร์ไพรกุก  ให้ขี่รถแยกมาที่ถนนเลนขวามือ  ส่วนเลนทางซ้ายจะไปเมืองเสียบเรียบ


                                                                         (เครดิตภาพจาก Google  Street  View)

                        ขี่รถต่อมาราว  10  ก.ม. จะเจอทางแยกขวามือของถนนเข้าไปยังกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก  จุดนี้จะมีป้ายภาษาอังกฤษบอกทางเข้า
แต่หากตรงไปจะไปยังจังหวัดเปรี๊ยะวิเฮียร   ถ้าใครอยากเที่ยวปราสาทเป็นเส้นทางวงกลมก็สามารถเที่ยวเชื่อมต่อไปยังปราสาทพระขรรค์ที่กำปงสวาย และปราสาทเขาพระวิหารจากเส้นทางนี้ได้ 

 
                                                                         (เครดิตภาพจาก Google  Street  View)

                         ขี่รถจากทางแยกไปราว  15  ก.ม. ได้  ก่อนถึงสะพานข้ามไปเขตพื้นที่มรดกโลกกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก  จะเห็นป้อมสีแดงฝั่งขวาของถนนใกล้กับเชิงสะพาน   ป้อมตรงนี้เป็นจุดจำหน่ายตั๋วเข้าชมกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก  ราคาอยู่ที่  10  ดอลลาร์ หรือ  320 บาท  แต่ตอนนี้ทางการกัมพูชายังไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจบัตรเข้าชมปราสาทเหมือนกับกลุ่มปราสาทขอมในเมืองเสียมเรียบ   เพราะที่นี่เพิ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่นานภายหลังที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งที่ 3  ของประเทศกัมพูชามาไม่นาน

  


                                                             หน้าตาของบัตรเข้าชมกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก



                         เมื่อขี่รถข้ามสะพานมาแล้ว   ถนนในช่วงเขตพื้นที่มรดกโลกกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกจะเป็นทางดินที่เกลี่ยให้เรียบเป็นตลอดจนสุดเขตของพื้นที่ปราสาท  เหมือนทางการกัมพูชาต้องการอนุรักษ์ให้สภาพโดยรอบของปราสาทอยู่ในป่าและเป็นแบบดั้งเดิมมากที่สุด

  

                         ขี่รถผ่านกลุ่มปราสาทเล็กปราสาทน้อยรายทางมาจนถึงทางโค้งจะเจอกับลานจอดรถทางด้านขวามือ และเพิงร้านค้าขายอาหารและเครื่องดื่ม   ตรงนี้คือจุดจอดรถของปราสาทสมโบร์ไพรกุก  ให้เราจอดรถตรงนี้สะดวกสุดเพราะมีร้านค้าและห้องน้ำพร้อม  เดินไปขวาของร้านค้าอีก 200  เมตรก็จะเห็นปราสาทสมโบร์ไพรกุกแล้ว  



                         ก่อนที่เราจะไปชมปราสาทสมโบร์ไพรกุก   เรามาเรียนรู้ประวัติความเป็นมากันก่อนว่าสำคัญอย่างไรต่อประวัติศาสตร์กัมพูชา  นักวิชาการส่วนใหญ่เชื่อว่าพื้นที่กลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกนี้เดิมก็คือศูนย์กลางของอาณาจักรเจนละ  อาณาจักรขอมรุ่นที่ 2  ที่มีความเจริญรุ่งเรืองสืบต่อมาจากอาณาจักรฟูนัน  สถาปนาขึ้นโดยพระเจ้าอีศานวรมันที่ 1   มีพระมหากษัตริย์ปกครองรวม  12  พระองค์   เจริญรุ่งเรืองราว 200  กว่าปี  ระหว่าง พ.ศ.1093 - 1331   ก่อนที่พระเจ้าชัยวรมันที่ 2  จะสร้างศูนย์กลางอำนาจแห่งใหม่ที่เมืองพระนคร หรือเมืองเสียมเรียบ  จึงนับเป็นยุคจักรวรรดิขอม หรือขอมเมืองพระนครนั่นเอง   นามเดิมของพิ้นที่กลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกก็คือ  อีศานปุระ  



                         ในช่วงที่อาณาจักรเจนละเจริญรุ่งเรืองไปแผ่ขยายอำนาจไปในคาบสมุทรอินโดจีน  ได้พิชิตฟูนันได้สำเร็จและยังได้เคยส่งทูตไปเจริญไมตรีกับจีนในสมัยราชวงศ์สุย    ช่วงตอนปลายของอาณาจักร  อาณาจักรเจนละได้แบ่งเป็น  2  ส่วนคือ  เจนละบกและเจนละน้ำมาจากความขัดแย้งภายในราชสำนักและความอ่อนแอทางการปกครองของกษัตริย์ในช่วงหลัง ๆ จนสุดท้ายอาณาจักรได้ล่มสลายลงเพราะถูกกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทร์ของอาณาจักรศรีวิชัยเข้าโจมตีและยึดอีศานปุระได้สำเร็จและประหารกษัตริย์ของเจนละได้สำเร็จ   เป็นอันปิดฉากของอาณาจักรเจนละลง




                          กลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกคือประจักษ์พยานของความรุ่งเรืองทางอารยธรรมของชนชาติขอมในยุคอาณาจักรเจนละ  จึงทำให้องค์การยูเนสโกได้ประกาศรับรองให้กลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมแห่งล่าสุดของประเทศกัมพูชาเมื่อปี  พ.ศ. 2560  โดยใช้ชื่อว่า  แหล่งโบราณคดีสมโบร์ไพรกุก (Sambor  Prei  Kuk  Site)

       


                          การเที่ยวชมกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกควรใช้เวลาอย่างต่ำครึ่งวัน  ยกเว้นผู้ที่ชื่นชอบชมโบราณสถานและชอบหามุมแปลก ๆ สวย ๆ ถ่ายภาพโบราณสถานอาจต้องเพิ่มเวลาชมปราสาทเป็น  1  วันเต็ม ๆ นะครับ   ลักษณะของปราสาทที่นี่จะไม่ได้มีขนาดใหญ่โตเหมือนปราสาทขอมในเมืองเสียบเรียบ  ปราสาททั้งหมดก่อด้วยอิฐยกเว้นบางส่วนเช่น ทับหลังและเสาประดับกรอบประตูจะสลักด้วยหินทราย   การชมปราสาทที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนเราผจญภัยในป่าแล้วมาเจอปราสาทลึกลับที่ซ่อนตัวอยู่ในสุมทุมพุ่มไม้ในผืนป่าคล้าย ๆ บรรยากาศการเที่ยวชมกลุ่มปราสาทเกาะแกร์ที่ผมเคยไปชมมาเมื่อ 4  ปีก่อนเลย

     
    
                          ปราสาทขอมที่สมโบร์ไพรกุกมีรูปลักษณ์หน้าตาที่แตกต่างไปจากปราสาทขอมแห่งอื่น ๆ ที่เห็นได้ชัดก็คือ  ตัวปราสาทที่ก่อในผังแปดเหลี่ยม และการนิยมสลักลวดลายเป็นอาคารทรงวิมานอยู่บนผนังอิฐด้านนอกของปราสาท  หรือแม้กระทั่งการประดับซุ้มกุฑุที่มีรูปบุคคลโผล่ออกมาครึ่งตัวในซุ้มประดับอยู่ที่ผนังและชั้นเชิงของหลังคาปราสาทก็เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแปลกตาที่ไม่สามารถหาชมได้ที่ไหนเท่าที่นี่   โดยการเที่ยวชมกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุกให้ทั่วต้องแบ่งโซนของปราสาทในการชมออกเป็น  2  กลุ่มหลัก ๆ  


                                                     ที่มาจากหนังสือนักล่าปราสาท  เที่ยวโบราณสถานขอมนอกเมืองพระนคร

                          กลุ่มแรกคือ  กลุ่มปราสาทประธาน   ซึ่งจัดเป็นหัวใจสำคัญของกลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก  ประกอบด้วย  กลุ่มปราสาทสมโบร์ไพรกุก  (N)    กลุ่มปราสาทตาว (C)    และ  กลุ่มปราสาทเยียปวน (S)   โดยกลุ่มปราสาทหนึ่ง ๆ ก็ประกอบด้วยปราสาทบริวารรอบรายใกล้ ๆ อีกหลายหลัง   ตัวอักษรภาษาอังกฤษในวงเล็บหลังชื่อปราสาทแสดงทิศที่ตั้งของปราสาทและเป็นการเรียกขานชื่อของกลุ่มปราสาทนั่นเอง
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่