คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เนื้อความที่คุณยกมานั้น คือ ค่าชดเชยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน
มาตรา ๑๑๘ ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างดังต่อไปนี้
(๑) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ไม่ครบหนึ่งปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
“ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน”
ความส่วนนี้ใช้สำหรับกรณีลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน หรือรายวัน
เช่น ลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายจำนวน 30 วัน ซึ่งในที่นี้คือ 15,000 บาท
หรือลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 350 บาท นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย = 350 x 30 = 10,500 บาท
“ไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย”
ตรงนี้ใช้สำหรับลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างตามผลงาน เช่น ลูกจ้างโรงงานเย็บผ้าที่คิดค่าจ้างเป็นรายชิ้นที่สามารถทำได้ในแต่ละวัน (ซึ่งในแต่ละวันอาจทำได้มากน้อยไม่เท่ากัน)
ค่าชดเชยต้องนับรวมโดยยึดจากค่าจ้างในช่วง 30 วันสุดท้าย ที่ลูกจ้างทำได้
และอีกกรณีหนึ่ง คือ ลูกจ้างตำแหน่งพนักงานขายที่ได้รับค่าจ้างปกติและคอมมิชชันซึ่งเป็นผลตอบแทนจากการขาย จะได้รับค่าชดเชยสองส่วน
ขอเปลี่ยนเรทค่าชดเชยเป็น 90 วัน ตาม 118 (2) แล้วกัน
สมมติลูกจ้างได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 15,000 บาท และถูกเลิกจ้างในวันที่ 30 เมษายน 2563
เมื่อนับย้อนกลับขึ้นไป 90 วัน ลูกจ้างได้คอมมิชชันในเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2563 จำนวน 1,000 บาท 1,500 บาท และ 2,000 บาท ตามลำดับ
ก็จะได้
1. ค่าชดเชยจากค่าจ้างตามปกติ คือ 15,000 x 3 เท่า (หรือ 90 วัน) = 45,000 บาท ทดเอาไว้ก่อน
2. คอมมิชชันบวกทบย้อนหลังกลับไป 90 วัน คือ 1,000 + 1,500 + 2,000 = 4,500 บาท เอาไปรวมกับส่วนแรก
จะได้ค่าชดเชย 45,000 + 4,500 = 49,000 บาท
มาตรา ๑๑๘ ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างดังต่อไปนี้
(๑) ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่ไม่ครบหนึ่งปี ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย
“ให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายสามสิบวัน”
ความส่วนนี้ใช้สำหรับกรณีลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน หรือรายวัน
เช่น ลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน เดือนละ 15,000 บาท นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยเท่ากับค่าจ้างอัตราสุดท้ายจำนวน 30 วัน ซึ่งในที่นี้คือ 15,000 บาท
หรือลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายวัน วันละ 350 บาท นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชย = 350 x 30 = 10,500 บาท
“ไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงานสามสิบวันสุดท้ายสำหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย”
ตรงนี้ใช้สำหรับลูกจ้างที่ได้รับค่าจ้างตามผลงาน เช่น ลูกจ้างโรงงานเย็บผ้าที่คิดค่าจ้างเป็นรายชิ้นที่สามารถทำได้ในแต่ละวัน (ซึ่งในแต่ละวันอาจทำได้มากน้อยไม่เท่ากัน)
ค่าชดเชยต้องนับรวมโดยยึดจากค่าจ้างในช่วง 30 วันสุดท้าย ที่ลูกจ้างทำได้
และอีกกรณีหนึ่ง คือ ลูกจ้างตำแหน่งพนักงานขายที่ได้รับค่าจ้างปกติและคอมมิชชันซึ่งเป็นผลตอบแทนจากการขาย จะได้รับค่าชดเชยสองส่วน
ขอเปลี่ยนเรทค่าชดเชยเป็น 90 วัน ตาม 118 (2) แล้วกัน
สมมติลูกจ้างได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 15,000 บาท และถูกเลิกจ้างในวันที่ 30 เมษายน 2563
เมื่อนับย้อนกลับขึ้นไป 90 วัน ลูกจ้างได้คอมมิชชันในเดือนกุมภาพันธ์ - เมษายน 2563 จำนวน 1,000 บาท 1,500 บาท และ 2,000 บาท ตามลำดับ
ก็จะได้
1. ค่าชดเชยจากค่าจ้างตามปกติ คือ 15,000 x 3 เท่า (หรือ 90 วัน) = 45,000 บาท ทดเอาไว้ก่อน
2. คอมมิชชันบวกทบย้อนหลังกลับไป 90 วัน คือ 1,000 + 1,500 + 2,000 = 4,500 บาท เอาไปรวมกับส่วนแรก
จะได้ค่าชดเชย 45,000 + 4,500 = 49,000 บาท
แสดงความคิดเห็น
สอบถาม พี่ๆ HR หน่อยครับ // มีข้อสงสัยนิดหน่อย
ตามข้อด้านบนครับ
คำว่า "พนักงาน หรือลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี บริษัทฯ จะจ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตรา 30 วันสุดท้าย หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงาน 30 วันสุดท้าย" อันนี้คือเกี่ยวกันใช่ไหมครับ
แล้วคำว่า "หรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณเป็นหน่วย" อันนี้ เกี่ยวข้องกับ คำว่า "...หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทำงาน 30 วันสุดท้าย.." ไหมครับ ผมสงสัยอยู่ครับ
และคำว่า "โดยคำนวณเป็นหน่วย" พอจะอธิบาย มีตัวอย่างประกอบไหม ครับ ผมงง ไปหมดละ
สุดท้ายนี้ขอบคุณพี่ที่เข้ามาตอบนะครับ