สวัสดีครับ นี่คือกระทู้แรกของผม ที่อยากจะมาแบ่งปันประสบการณ์เล่าเรื่องเล่าสยองขวัญ ในช่วงที่ไม่มีอะไรทำนะครับ ผมต้องบอกกก่อนว่า ผมนั้นไม่มีเซ้นต์ในการเจอผีเลย(แล้วมาเล่าทำไม555) เพียงแต่ เคยมีประสบการณ์ร่วมกัน กับเหล่าเพื่อนๆและพี่ๆ ในช่วงเมื่อ 5ปีก่อน ซึ่งเรื่องนี้ คือเรื่องจริงนะครับ และอยากจะแบ่งปังเหตุการณ์ในวันนั้น มาเล่าให้ทุกคนฟัง....
เอาล่ะ ซึ่งผมจะแบ่งเป็น 3Part นะครับ เพราะตอนที่เขียนอยู่ก็ดึกแล้ว คิดว่าเรื่องคงยาวแน่ๆ ผมจะพยายาม เขียนให้อ่านออกมาให้ได้เข้าใจได้ง่ายที่สุดนะครับ
...5ปีที่แล้ว ผมเคยเรียนกวดทักษะ ในสาขาเรื่องการเต้นแขนงหนึ่ง ซึ่งผมได้มีโอกาสไปประกวดพร้อมกับ เพื่อน พี่ และน้อง ที่อยู่ในหลายแขนงด้วยกันที่ไม่ใช่แค่ สำหรับการเต้นอย่างเดียว ณ ตอนนั้น เราอยู่กันที่ จังหวัดปราจีนบุรีครับ เเราถึงกันประมาณ2-3ชั่วโมงจากกรุงเทพมหานคร ในช่วง และต้องอยู่ค้างที่นั่นประมาณ 7วันครับ ถือว่าเป็น ทริปเล็กๆในการเที่ยวเลยก็ว่าได้
"การแนะนำชื่อในเนื้อเรื่อง จะขออนุญาตเรียกเป็นชื่อสมมุตินะครับ"
ในสาขาเต้นด้วยกันนั้น มีผม เพื่อนอีกหนึ่งคน(เอฟ) . มีรุ่นพี่ที่เป็นรุ่นเดียวกัน 2 คน (สน , ธัน) และมีรุ่นพี่ผู้หญิงที่ไปด้วยอีกหนึ่งคน (บิว)
เราได้พักกันอยู่สถานที่หนึ่งที่เป็นโรงแรมครับ ซึ่งผมจะเหล่าที่ผมได้พูดมา เราได้ทำการประกวดเต้นกันเสร็จสิ้นในวันที่2 ครับ (วันแรกเป็น คนอื่นและทักษะแขนงอื่น) ซึ่งอาจารย์ผู้สอนได้ อนุญาตให้ออกไปเที่ยวกันได้ เสมือนกับการออกไปทิปกันในปราจีน
...พวกเรา มีรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่เคยเรียนด้วยกันตอนอยู่ที่กรุงเทพ แต่อยู่กันคนละแขนงทักษะ เค้าอยู่แขนงการดนตรี แต่พวกเราก็เคยคุยกัน และเขาเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดสำหรับพี่สน ...ซึ่ง ณ ตอนนั้น เค้าได้ลาออกไปได้เกือบหนี่งปีแล้ว เพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันกับพี่สน และไม่มีเงินในการเรียนต่อ จึงต้องกลับไปบ้านเกิด ซึ่งที่นั่นก็คือ จังหวัดปราจีนบุรีที่พวกเราอยู่กันตอนนี้นั่นเองครับ
พี่คนนี้ที่ผู้ถึงอยู่ (เอ) ผมยังสามารถติดต่อเค้าได้ทางไลน์อยู่เนื่องจากยังไม่ได้ลบเพื่อน ช่วงเวลานั้น ผมได้แชทไลน์กับพี่เอครับ (เค้าเป็นคนที่ตอบแชทไวมาก) และเมื่อคุยกัน ได้รู้ว่า โรงแรมที่อยู่กับบ้านของพี่เอนั้น อยู่ไม่ไกล้มากครับ ผมจึงได้ตัดสินไปเยีย่มพี่เอ โดยการขออาจารย์ไป โชคดีครับที่อาจารย์ก็รู้จักพี่คนนี้ ดังนั้น ผมจึงไปหาพี่เอแต่ก็จำเป็นต้องนั่งแท็กซี่ไปถึงเกือบครึ่งชั่วโมงเหมือนกันครับ
ผมได้ถามพี่สน เพื่อนที่มาด้วยกันว่า จะไปหาพี่เอกันไหม พวกเค้าตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่ไป" ผมไม่ได้ขัดใจอะไร คงเป็นเพราะเรื่องที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาและพี่เอ ส่วนผมนั้นไม่มีครับ จึงได้ออกเดินทางไปคนเดียว
และหลังจากที่ถึงบ้านพี่เอ เค้ายินดีที่จะช่วยจ่ายค่าแท็กซี่ให้ผม พี่เขาเป็นดีมากครับ เพียงแต่เป็นคนที่พูดตรง และปากร้ายไปหน่อย แต่เขามีสกิลทักษะเรื่องดการซ่อมแซมมาก เพราะ ณ ปัจจบัน เค้าทำงานรับเหมาก่อสร้างกับน้า ที่อยู่ด้วยกันคนละบ้านครับ ผมกับพี่เอได้คุยได้คุยกันเป็นเวลานาน และเล่นเกมกัน จนเกือบหนึ่งทุ่ม แต่สุดท้ายก็ตกลงกันว่า ผมจะค้างที่นี่ครับ จึงได้ติดต่อไปยังอาจารย์ เพราะพี่เอ ณ ตอนนี้ เค้าอยู่คนเดียวครับ ต้องเลี้ยงชีพด้วยตัวเองมาตลอด เค้าเองก็อยากที่จะให้ผมอยู่เป็นเพื่อนในเรื่องการเล่นเกม หรือแชร์เรื่องราวกัน
ณ ตอนดึก 4ทุ่ม...
พี่เอนั้นง่วงมากจากการเล่นเกม Dragon age : Inquisition กัน จึงได้แยกย้ายไปนอนครับ โดยที่พี่เอนั้นให้ผมนอนชั้นล่าง อยู่ไม่ไกลมากจากห้องรับแขก(และเป็นหัวครัวในเวลาเดียวกัน) ซึ่งอยู่ชั้นแรก บ้านหลังนี้มีสองชั้น ละพี่เอจะอยู่ชั้นสอง มีการสนทนานิดหน่อยครับ ในคืนนั้น
พี่เอ : คิว(ชื่อสมมุติ) วันนี้ยังไงนอนข้างล่างนะ ห้องนั้นอะ มีเตียง แต่ไม่มีแอร์นะ มีพัดลม 2ตัว ใหญ่กะเล็ก พี่ขอโทษด้วย
ผม : ไม่เป็นไรพี่ พัดลมสองตัว เย็นปลิวแล้ว55 ยิ่งวันนี้ฝนตกด้วย
พี่เอ : เอองั้นพี่ไปละ พี่จะอยู่ชั้นบน ถ้ามีอะไรบอกพี่ได้ ขึ้นมาหาเลยห้องนั้นแหละที่พี่พาไป นั่นห้องนอนพี่
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอนครับ ผมนอนไม่หลับ เพราะด้วยความที่สถานที่ไม่คุ้นเคย ก็เลยต้องใช้เวลานิดนึง นอนดูยูทูปไปเรื่อยๆ จนตอนนั้น ก็5ทุ่มแล้วครับ ผมดันอยากเข้าห้องน้ำมา จึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ที่ต้องเดินออกจากห้องนอน และมันจะอยู่ทางด้านขวาของห้องที่นอนครับ
ซึ่งตอนนั้น ผมฟังเพลงไปด้วย(How beautiful you are Inotia3 ไปเซิทฟังได้นะครับ 555) ไปทำธุระไป...
"ปึง !"
ผมได้ยินเสียงจากข้างหลังผม เสียงที่พอจะหลุดรอดเข้ามาในการฟังเพลงได้ เหมือนมีความรู้สึกว่าอะไรตีหัวผม และมันก็คาไว้อย่างงั้น (ผมกำลังหันหลังให้กับประตูครับ) ตอนนั้นตกใจมาก แล้วลองพยายามเอามือดันออก...
ปรากฏว่า เป็นประตูห้องน้ำครับ ใช่ครับ มันคือประตูห้องน้ำที่ทำจาก PVC แล้วบานพับด้านข้างของประตูนั้นหลุดออกมาทำให้มันหล่นทับใส่หัวผม (ซึ่งมันก็ไม่ได้เจ็บนะครับ สิ่งที่ประตูทับใส่ แค่ทำให้เกิดเสียงสำหรับผมแค่นั้นเอง
...และในตอนนั้น
"ฮึ ฮึ ฮึๆ"
ผมได้ยินเสียงอีกหนึ่งเสียงหลังจากที่ประตูพังใส่ผมครับ เสียงนั้นเป็นที่พอจะทำให้ได้ยินจากการฟังเพลงผมอยู่เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใคร
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกไม่ดี จึงรีบใส่กางเกงทันที และรีบหลับตาหันไปที่ประตู รีบผลักประตูออก แล้วรีบเข้าห้องนอนครับ , ล็อกประตู และหน้าต่าง , ชาร์แบตโทรศัพท์ที่กำลังฟังเพลง และหลังจากนั้น ก็รีบคลุมโปงครับ...
"ปึง !" "ฮึ ฮึๆ"
เสียงนี้ได้เกิดขึ้นอีกรอบในเวลาต่อมาไม่นานถึง2-3นาที ผมไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร แต่เสียงที่เป็นคนกำลังหัวเราะนั้น ทำให้ผมรู้ได้ว่าคือเสียงเพศไหน เพราะตอนนั้นผมได้วางโทรศัพท์ลง ถอดหูฟังแล้วรีบนอนครับ
เสียงนั้นคือเสียง ผู้หญิง ครับ เป็นเสียงที่ค่อนข้างแหลมพอสมควร ณ ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ผมยังจำได้ว่าเสียงนั้นเป็นโทนแบบไหน แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้ที่จะเปิดผ้าห่มไปดูนะครับ ด้วยความกลัวไม่กี่นาทีต่อมา ผมอยู่ๆก็หลับไป โดยที่ไม่รู้ตัว...
ณ ตอนเช้าของอีกวันหนึ่ง...
ผมได้ตื่นขึ้นมาอย่างรีบร้อน และด้วยความกลัวที่ยังจำได้อยู่ ผมเจอกับอะไร ตอนนั้นสิ่งที่ผมเห็นคือ ประตูหน้าห้องที่เป็น PVC เหมือนกันครับ ซึ่งนั่นล่ะครับชตากรรมของประตูบานนั้นก็ล้มลงมาเหมือนกัน ทำให้ผมตกใจโคตรๆ รีบดูโทรศัพท์ ตอนนั้นเป็นเวลา 8โมงครึ่งตอนเช้า
ผมรีบออกไปจากห้อง และรีบขึ้นไปปลุกพี่เอตอนนั้นครับ จึงได้บอกเหตุการณ์เรื่องของประตูทั้ง 2 บ้านนั้นไป (แต่ไม่ได้เล่าเรื่องเสียงปริศนา)
พี่เอเหมือนจะรู้ได้ทันที จึงเตรียมเหมือนกล่องสำหรับช่าง และลงไปที่ข้างล่างทันทีครับ...
ผม : มันเป็นอะไรอะพี่
พี่เอ : ตะปูตรงบานพับหลวมมากแล้ว พี่ก็ยังไม่เปลี่ยนสักที
ผม : พี่ มันเป็นไปได้อ่อ ที่ตะปูมันจะหลุดมาหมดขนาดนั้น
พี่เอ : มาหมดขนาดนั้น... ไม่หรอก พี่ใส่ตะปูไปไม่กี่ตัวเอง 555
ผม : อ่อ......
พี่เอ : บ้านเก่าแล้วอะ ชั่งมันเถอะ เดี๋ยวพี่มา ซ่อมเสร็จจะออกไปข้างนอกไปซื้อ หัวหอมก่อน มันหมด
ผม : เคพี่
หลังจากนั้น ผมได้อยู่คนเดียวในบ้านครับ ผมไม่อยากที่จะเข้าไปอยู่ที่ห้องนอนที่ผมนอนเท่าไหร่ จึงออกมาหน้าบ้านที่วันนั้นตอนเช้า ยังมีสะเก็ดฝนนิดหน่อย และไม่ร้อนด้วย ผมจึงไปนั่งเล่นตรงนั้นหน้าบ้านครับ
ผมเพิ่งจำได้ว่า เมื่อวานที่พี่เอพาไปดูห้องทั่วบ้านนั้น จริงๆ เหมือนจะยังไม่ครบทั้งบ้าน เพราะชั้นแรกพี่เอแนะนำแค่ ห้องนอนที่ผมนอน ห้องน้ำ และห้องรับแขก , ซึ่งจริงๆแล้ว มันมีทางเข้าอีกหนึ่งทางถัดไปที่อยู่จากห้องน้ำครับ ซึ่งเป็นทางเลี้ยวไปทางขวา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ถามอะไรพี่เอมากครับ จึงไม่ได้คิดจะพูดอะไร แต่ตอนนี้ชักอยากจะรู้แล้ว ว่ามันมีอะไร...
ผมไปที่จุดนั้นครับ ซึ่งหลังจากที่เลี้ยวไป มันไม่มีประตูครับ มันเป็นห้องๆนึง ที่ไม่มีประตู สามารถเข้าไปได้เลย แต่ว่าห้องนั้นไม่สามารถเปิดไฟได้ มีเพียงแต่หน้าต่าง
ห้องนั้นคือ ห้องพระครับ มีแต่พระเกจิอาจารย์ พระจีน พระอินเดียเต็มไปหมดทั้งโต๊ะครับ เป็นโต๊ะยาวๆเลย 3 มุม มีแต่พระครับ
เห็นคราวนั้นจึงไม่รีรอที่จะ ไปกราบไหว้ปกติครับ เผื่อจะให้รอดปลอดภัยจากการกลับไปที่โรงแรมบ้าง
ตอนนั้น ระหว่างที่ผมกำลังกราบไหว้พระ ผมได้รับรู้ถึงกลิ่นหนึ่งครับ เป็นกลิ่นที่เหม็นชวนตีจมูกเอามากๆ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงได้กลั้นหายใจรีบไหว้พระ และรีบลุกไป...
ก่อนที่ผมจะออกไปนั้น ผมได้สังเกตจากโต๊ะตรงกลางของห้องพระครับ คิดว่าน่าจะเป็นจุดที่นำพากลิ่นเลยล่ะ ด้วยความอยากรู้ จึงได้ไปดูครับ ก่อนที่จะออกจากห้อง แต่เพียงแค่ผมเดินไปหา ยิ่งไกล้เมื่อไหร่ กลิ่นเหม็นนั้นที่ได้กลิ่นยิ่งเหม็นตีจมูกมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ไหวครับ เลยรีบออกมาพร้อมกับเสียงผมร้อง "อือหื้อ !"
ถึงผมจะไม่ได้เห็นไกล้ขนาดนั้น แต่ก็สามารถรู้ได้ครับ ว่านั่นคือ "จดหมาย" ครับ ใช่ครับมันคือจดหมายซองเล็กๆ ที่อยู่ในกล่องไม้เล็กๆที่ไม่ได้ปิดไว้
ผมไม่อยากเข้าไปอ่าน คงเพราะมันอยู่ในห้องพระมั้งครับ ในหัวมีแต่ความสงสัย หลังจากที่พี่เอกลับมา ผมก็สนทนากับพี่เค้า รวมถึงแอบๆถามเรื่องจดหมายที่เห็นด้วย แต่พี่เอ ไม่ตอบคำถามนั้นของผมสักทีครับ หูทวนลมไปคุยอย่างอื่น ผมจึงเริ่มสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็นั่นล่ะ... ผมไม่ได้ถามอะไรออกไป มากกว่าความสงสัยที่มี...
หลังจากนั้นไม่นาน เป็นเวลา บ่าย1 ผมจึงขอตัวพี่เอกลับไปโรงแรมครับ ผมได้กลับไปโรงแรมแล้ว โดยที่พกความสงสัยอันนั้นกลับไปด้วย...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ยังมีต่อนะครับ สำหรับเรื่องนี้ ดีเทลน่าจะอีกเยอะเลยล่ะ Partนี้ถ้าคนอ่านเยอะ รอบหน้าผมจะพยายามไม่ให้เรื่องที่จะเล่า ฟังดูน่าเบื่อนะครับ ตอนนี้ เริ่มง่วงแล้ว ขอบคุณท่านพี่อ่านที่อ่านจนถึงตอนนี้นะครับ สวัสดีครับ !
"จดหมายที่อ่านไม่ได้" (เรื่องเล่าแชร์ประสบการณ์ ในวันกักตัว)
เอาล่ะ ซึ่งผมจะแบ่งเป็น 3Part นะครับ เพราะตอนที่เขียนอยู่ก็ดึกแล้ว คิดว่าเรื่องคงยาวแน่ๆ ผมจะพยายาม เขียนให้อ่านออกมาให้ได้เข้าใจได้ง่ายที่สุดนะครับ
...5ปีที่แล้ว ผมเคยเรียนกวดทักษะ ในสาขาเรื่องการเต้นแขนงหนึ่ง ซึ่งผมได้มีโอกาสไปประกวดพร้อมกับ เพื่อน พี่ และน้อง ที่อยู่ในหลายแขนงด้วยกันที่ไม่ใช่แค่ สำหรับการเต้นอย่างเดียว ณ ตอนนั้น เราอยู่กันที่ จังหวัดปราจีนบุรีครับ เเราถึงกันประมาณ2-3ชั่วโมงจากกรุงเทพมหานคร ในช่วง และต้องอยู่ค้างที่นั่นประมาณ 7วันครับ ถือว่าเป็น ทริปเล็กๆในการเที่ยวเลยก็ว่าได้
"การแนะนำชื่อในเนื้อเรื่อง จะขออนุญาตเรียกเป็นชื่อสมมุตินะครับ"
ในสาขาเต้นด้วยกันนั้น มีผม เพื่อนอีกหนึ่งคน(เอฟ) . มีรุ่นพี่ที่เป็นรุ่นเดียวกัน 2 คน (สน , ธัน) และมีรุ่นพี่ผู้หญิงที่ไปด้วยอีกหนึ่งคน (บิว)
เราได้พักกันอยู่สถานที่หนึ่งที่เป็นโรงแรมครับ ซึ่งผมจะเหล่าที่ผมได้พูดมา เราได้ทำการประกวดเต้นกันเสร็จสิ้นในวันที่2 ครับ (วันแรกเป็น คนอื่นและทักษะแขนงอื่น) ซึ่งอาจารย์ผู้สอนได้ อนุญาตให้ออกไปเที่ยวกันได้ เสมือนกับการออกไปทิปกันในปราจีน
...พวกเรา มีรุ่นพี่คนหนึ่ง ที่เคยเรียนด้วยกันตอนอยู่ที่กรุงเทพ แต่อยู่กันคนละแขนงทักษะ เค้าอยู่แขนงการดนตรี แต่พวกเราก็เคยคุยกัน และเขาเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดสำหรับพี่สน ...ซึ่ง ณ ตอนนั้น เค้าได้ลาออกไปได้เกือบหนี่งปีแล้ว เพราะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันกับพี่สน และไม่มีเงินในการเรียนต่อ จึงต้องกลับไปบ้านเกิด ซึ่งที่นั่นก็คือ จังหวัดปราจีนบุรีที่พวกเราอยู่กันตอนนี้นั่นเองครับ
พี่คนนี้ที่ผู้ถึงอยู่ (เอ) ผมยังสามารถติดต่อเค้าได้ทางไลน์อยู่เนื่องจากยังไม่ได้ลบเพื่อน ช่วงเวลานั้น ผมได้แชทไลน์กับพี่เอครับ (เค้าเป็นคนที่ตอบแชทไวมาก) และเมื่อคุยกัน ได้รู้ว่า โรงแรมที่อยู่กับบ้านของพี่เอนั้น อยู่ไม่ไกล้มากครับ ผมจึงได้ตัดสินไปเยีย่มพี่เอ โดยการขออาจารย์ไป โชคดีครับที่อาจารย์ก็รู้จักพี่คนนี้ ดังนั้น ผมจึงไปหาพี่เอแต่ก็จำเป็นต้องนั่งแท็กซี่ไปถึงเกือบครึ่งชั่วโมงเหมือนกันครับ
ผมได้ถามพี่สน เพื่อนที่มาด้วยกันว่า จะไปหาพี่เอกันไหม พวกเค้าตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่ไป" ผมไม่ได้ขัดใจอะไร คงเป็นเพราะเรื่องที่ผ่านมาระหว่างพวกเขาและพี่เอ ส่วนผมนั้นไม่มีครับ จึงได้ออกเดินทางไปคนเดียว
และหลังจากที่ถึงบ้านพี่เอ เค้ายินดีที่จะช่วยจ่ายค่าแท็กซี่ให้ผม พี่เขาเป็นดีมากครับ เพียงแต่เป็นคนที่พูดตรง และปากร้ายไปหน่อย แต่เขามีสกิลทักษะเรื่องดการซ่อมแซมมาก เพราะ ณ ปัจจบัน เค้าทำงานรับเหมาก่อสร้างกับน้า ที่อยู่ด้วยกันคนละบ้านครับ ผมกับพี่เอได้คุยได้คุยกันเป็นเวลานาน และเล่นเกมกัน จนเกือบหนึ่งทุ่ม แต่สุดท้ายก็ตกลงกันว่า ผมจะค้างที่นี่ครับ จึงได้ติดต่อไปยังอาจารย์ เพราะพี่เอ ณ ตอนนี้ เค้าอยู่คนเดียวครับ ต้องเลี้ยงชีพด้วยตัวเองมาตลอด เค้าเองก็อยากที่จะให้ผมอยู่เป็นเพื่อนในเรื่องการเล่นเกม หรือแชร์เรื่องราวกัน
ณ ตอนดึก 4ทุ่ม...
พี่เอนั้นง่วงมากจากการเล่นเกม Dragon age : Inquisition กัน จึงได้แยกย้ายไปนอนครับ โดยที่พี่เอนั้นให้ผมนอนชั้นล่าง อยู่ไม่ไกลมากจากห้องรับแขก(และเป็นหัวครัวในเวลาเดียวกัน) ซึ่งอยู่ชั้นแรก บ้านหลังนี้มีสองชั้น ละพี่เอจะอยู่ชั้นสอง มีการสนทนานิดหน่อยครับ ในคืนนั้น
พี่เอ : คิว(ชื่อสมมุติ) วันนี้ยังไงนอนข้างล่างนะ ห้องนั้นอะ มีเตียง แต่ไม่มีแอร์นะ มีพัดลม 2ตัว ใหญ่กะเล็ก พี่ขอโทษด้วย
ผม : ไม่เป็นไรพี่ พัดลมสองตัว เย็นปลิวแล้ว55 ยิ่งวันนี้ฝนตกด้วย
พี่เอ : เอองั้นพี่ไปละ พี่จะอยู่ชั้นบน ถ้ามีอะไรบอกพี่ได้ ขึ้นมาหาเลยห้องนั้นแหละที่พี่พาไป นั่นห้องนอนพี่
หลังจากนั้นก็แยกย้ายกันไปนอนครับ ผมนอนไม่หลับ เพราะด้วยความที่สถานที่ไม่คุ้นเคย ก็เลยต้องใช้เวลานิดนึง นอนดูยูทูปไปเรื่อยๆ จนตอนนั้น ก็5ทุ่มแล้วครับ ผมดันอยากเข้าห้องน้ำมา จึงลุกไปเข้าห้องน้ำ ที่ต้องเดินออกจากห้องนอน และมันจะอยู่ทางด้านขวาของห้องที่นอนครับ
ซึ่งตอนนั้น ผมฟังเพลงไปด้วย(How beautiful you are Inotia3 ไปเซิทฟังได้นะครับ 555) ไปทำธุระไป...
"ปึง !"
ผมได้ยินเสียงจากข้างหลังผม เสียงที่พอจะหลุดรอดเข้ามาในการฟังเพลงได้ เหมือนมีความรู้สึกว่าอะไรตีหัวผม และมันก็คาไว้อย่างงั้น (ผมกำลังหันหลังให้กับประตูครับ) ตอนนั้นตกใจมาก แล้วลองพยายามเอามือดันออก...
ปรากฏว่า เป็นประตูห้องน้ำครับ ใช่ครับ มันคือประตูห้องน้ำที่ทำจาก PVC แล้วบานพับด้านข้างของประตูนั้นหลุดออกมาทำให้มันหล่นทับใส่หัวผม (ซึ่งมันก็ไม่ได้เจ็บนะครับ สิ่งที่ประตูทับใส่ แค่ทำให้เกิดเสียงสำหรับผมแค่นั้นเอง
...และในตอนนั้น
"ฮึ ฮึ ฮึๆ"
ผมได้ยินเสียงอีกหนึ่งเสียงหลังจากที่ประตูพังใส่ผมครับ เสียงนั้นเป็นที่พอจะทำให้ได้ยินจากการฟังเพลงผมอยู่เหมือนกัน ผมไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใคร
ตอนนั้นเริ่มรู้สึกไม่ดี จึงรีบใส่กางเกงทันที และรีบหลับตาหันไปที่ประตู รีบผลักประตูออก แล้วรีบเข้าห้องนอนครับ , ล็อกประตู และหน้าต่าง , ชาร์แบตโทรศัพท์ที่กำลังฟังเพลง และหลังจากนั้น ก็รีบคลุมโปงครับ...
"ปึง !" "ฮึ ฮึๆ"
เสียงนี้ได้เกิดขึ้นอีกรอบในเวลาต่อมาไม่นานถึง2-3นาที ผมไม่รู้ว่ามันคือเสียงอะไร แต่เสียงที่เป็นคนกำลังหัวเราะนั้น ทำให้ผมรู้ได้ว่าคือเสียงเพศไหน เพราะตอนนั้นผมได้วางโทรศัพท์ลง ถอดหูฟังแล้วรีบนอนครับ
เสียงนั้นคือเสียง ผู้หญิง ครับ เป็นเสียงที่ค่อนข้างแหลมพอสมควร ณ ตอนนั้นจนถึงตอนนี้ ผมยังจำได้ว่าเสียงนั้นเป็นโทนแบบไหน แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้ที่จะเปิดผ้าห่มไปดูนะครับ ด้วยความกลัวไม่กี่นาทีต่อมา ผมอยู่ๆก็หลับไป โดยที่ไม่รู้ตัว...
ณ ตอนเช้าของอีกวันหนึ่ง...
ผมได้ตื่นขึ้นมาอย่างรีบร้อน และด้วยความกลัวที่ยังจำได้อยู่ ผมเจอกับอะไร ตอนนั้นสิ่งที่ผมเห็นคือ ประตูหน้าห้องที่เป็น PVC เหมือนกันครับ ซึ่งนั่นล่ะครับชตากรรมของประตูบานนั้นก็ล้มลงมาเหมือนกัน ทำให้ผมตกใจโคตรๆ รีบดูโทรศัพท์ ตอนนั้นเป็นเวลา 8โมงครึ่งตอนเช้า
ผมรีบออกไปจากห้อง และรีบขึ้นไปปลุกพี่เอตอนนั้นครับ จึงได้บอกเหตุการณ์เรื่องของประตูทั้ง 2 บ้านนั้นไป (แต่ไม่ได้เล่าเรื่องเสียงปริศนา)
พี่เอเหมือนจะรู้ได้ทันที จึงเตรียมเหมือนกล่องสำหรับช่าง และลงไปที่ข้างล่างทันทีครับ...
ผม : มันเป็นอะไรอะพี่
พี่เอ : ตะปูตรงบานพับหลวมมากแล้ว พี่ก็ยังไม่เปลี่ยนสักที
ผม : พี่ มันเป็นไปได้อ่อ ที่ตะปูมันจะหลุดมาหมดขนาดนั้น
พี่เอ : มาหมดขนาดนั้น... ไม่หรอก พี่ใส่ตะปูไปไม่กี่ตัวเอง 555
ผม : อ่อ......
พี่เอ : บ้านเก่าแล้วอะ ชั่งมันเถอะ เดี๋ยวพี่มา ซ่อมเสร็จจะออกไปข้างนอกไปซื้อ หัวหอมก่อน มันหมด
ผม : เคพี่
หลังจากนั้น ผมได้อยู่คนเดียวในบ้านครับ ผมไม่อยากที่จะเข้าไปอยู่ที่ห้องนอนที่ผมนอนเท่าไหร่ จึงออกมาหน้าบ้านที่วันนั้นตอนเช้า ยังมีสะเก็ดฝนนิดหน่อย และไม่ร้อนด้วย ผมจึงไปนั่งเล่นตรงนั้นหน้าบ้านครับ
ผมเพิ่งจำได้ว่า เมื่อวานที่พี่เอพาไปดูห้องทั่วบ้านนั้น จริงๆ เหมือนจะยังไม่ครบทั้งบ้าน เพราะชั้นแรกพี่เอแนะนำแค่ ห้องนอนที่ผมนอน ห้องน้ำ และห้องรับแขก , ซึ่งจริงๆแล้ว มันมีทางเข้าอีกหนึ่งทางถัดไปที่อยู่จากห้องน้ำครับ ซึ่งเป็นทางเลี้ยวไปทางขวา แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ถามอะไรพี่เอมากครับ จึงไม่ได้คิดจะพูดอะไร แต่ตอนนี้ชักอยากจะรู้แล้ว ว่ามันมีอะไร...
ผมไปที่จุดนั้นครับ ซึ่งหลังจากที่เลี้ยวไป มันไม่มีประตูครับ มันเป็นห้องๆนึง ที่ไม่มีประตู สามารถเข้าไปได้เลย แต่ว่าห้องนั้นไม่สามารถเปิดไฟได้ มีเพียงแต่หน้าต่าง
ห้องนั้นคือ ห้องพระครับ มีแต่พระเกจิอาจารย์ พระจีน พระอินเดียเต็มไปหมดทั้งโต๊ะครับ เป็นโต๊ะยาวๆเลย 3 มุม มีแต่พระครับ
เห็นคราวนั้นจึงไม่รีรอที่จะ ไปกราบไหว้ปกติครับ เผื่อจะให้รอดปลอดภัยจากการกลับไปที่โรงแรมบ้าง
ตอนนั้น ระหว่างที่ผมกำลังกราบไหว้พระ ผมได้รับรู้ถึงกลิ่นหนึ่งครับ เป็นกลิ่นที่เหม็นชวนตีจมูกเอามากๆ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร จึงได้กลั้นหายใจรีบไหว้พระ และรีบลุกไป...
ก่อนที่ผมจะออกไปนั้น ผมได้สังเกตจากโต๊ะตรงกลางของห้องพระครับ คิดว่าน่าจะเป็นจุดที่นำพากลิ่นเลยล่ะ ด้วยความอยากรู้ จึงได้ไปดูครับ ก่อนที่จะออกจากห้อง แต่เพียงแค่ผมเดินไปหา ยิ่งไกล้เมื่อไหร่ กลิ่นเหม็นนั้นที่ได้กลิ่นยิ่งเหม็นตีจมูกมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่ไหวครับ เลยรีบออกมาพร้อมกับเสียงผมร้อง "อือหื้อ !"
ถึงผมจะไม่ได้เห็นไกล้ขนาดนั้น แต่ก็สามารถรู้ได้ครับ ว่านั่นคือ "จดหมาย" ครับ ใช่ครับมันคือจดหมายซองเล็กๆ ที่อยู่ในกล่องไม้เล็กๆที่ไม่ได้ปิดไว้
ผมไม่อยากเข้าไปอ่าน คงเพราะมันอยู่ในห้องพระมั้งครับ ในหัวมีแต่ความสงสัย หลังจากที่พี่เอกลับมา ผมก็สนทนากับพี่เค้า รวมถึงแอบๆถามเรื่องจดหมายที่เห็นด้วย แต่พี่เอ ไม่ตอบคำถามนั้นของผมสักทีครับ หูทวนลมไปคุยอย่างอื่น ผมจึงเริ่มสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม แต่ก็นั่นล่ะ... ผมไม่ได้ถามอะไรออกไป มากกว่าความสงสัยที่มี...
หลังจากนั้นไม่นาน เป็นเวลา บ่าย1 ผมจึงขอตัวพี่เอกลับไปโรงแรมครับ ผมได้กลับไปโรงแรมแล้ว โดยที่พกความสงสัยอันนั้นกลับไปด้วย...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้