ทริปตามล่าหาหิมะ
*** ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะค่ะว่านี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของเรา ขาดตกบกพร่องอะไรไปต้องขอโทษเพื่อน ๆ ด้วย เจ้าของกระทู้ไปญี่ปุ่นมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่รู้สึกประทับใจกับทริปนี้เป็นที่สุดเลยอยากลองมารีวิวให้เพื่อน ๆ ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกันกับเราและไม่สามารถลางานได้หลายวัน แต่อยากที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นและได้เจอหิมะตกสักครั้งในชีวิต
>>> มาเริ่มกันเลยค่ะ
ทริปนี้เกิดขึ้นได้จากการที่เราอยากเจอหิมะตกเพราะไปญี่ปุ่นมาก่อนหน้า 2 ครั้ง ไม่เคยเจอเลย เจอแต่หิมะเก่า ๆ ก่อนหน้านี้เราไปโตเกียว เกียวโต โอซาก้า และ ฮอกไกโด แต่ช่วงเวลาที่เราไป คือ วันหยุดสงกรานต์ที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราพอที่จะอาศัยช่วงวันหยุดนั้นมาลาต่อเนื่องเพิ่มลาสัก 2 - 3 วัน ก็ยังไม่น่าเกลียดหรือมีปัญหาสักเท่าไร เพราะช่วงนั้นพนักงานก็จะลากันเยอะ พูดง่าย ๆ มีเพื่อนลาดีกว่า จึงทำให้ไม่เจอหิมะตกเพราะเดือนเมษายนไม่ใช่ช่วงที่ญี่ปุ่นจะมีการตกของหิมะ หลายคนอาจสงสัยว่าไปช่วงวันหยุดปีใหม่ก็ได้นิ ปลายธันวาคมต้นมกราคม มนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็มีงบไม่มากนัก ช่วงนั้นเราคิดว่าตั๋วแพงเกินกว่าที่เราจะรับได้ และ อีกอย่างบริษัทเราให้หยุดปีใหม่แค่ 31 และ 1 เท่านั้น
>>> จากนั้นเราก็ได้เริ่มคุยกับแฟนเราให้เขาพาเราไปเที่ยวญี่ปุ่นหน่อยแต่ว่าครั้งนี้เราจะไปเมืองไหนดีล่ะที่จะได้เจอหิมะตกและต้องไปช่วงไหนและต้องลางานกี่วัน จะลาได้ไหม ตกลงเราก็ได้ที่ที่จะไปกันจากการแนะนำของเพื่อนในออฟฟิต เพราะเพื่อนคนนี้ได้จองตั๋วเพื่อจะไปเที่ยวชิราคาวาโกะช่วง 19 ก.พ. 2563 เป็นช่วงทีเพื่อนเราคิดว่างานทางด้านบัญชีของเขาน้อยและจะเจอหิมะตกและฟลูสวยงาม สรุปเราก็ได้ตกลงที่จะไปที่นี้เหมือนกันกับเพื่อน ก็เตรียมดูวันที่จะไปและดูตั๋วเครื่องบิน สรุปเราก็ได้วันที่เราจะไป คือ วันที่ 6 - 10 ก.พ. 2563 ซึ่งเราคิดว่าเราจะลาแค่ 2 วัน ลาแค่วันศุกร์ กับ วันจันทร์ เที่ยวแค่ 3 วัน สำหรับเมืองเล็ก ๆ และ ได้เจอหิมะเราพอใจแล้วแค่นี้กลับบ้านได้เลย 555 หลังจากนั้นแฟนเราก็จองตั๋วเรียบร้อย แต่เราเลือกที่จะไม่บินตรง เลือกที่จะไปต่อเครื่องที่เวียดนาม เพราะถ้าบินตรงเราจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แต่เราไม่อยากไปเพราะที่ทำงานเราอยู่ใกล้กับสุวรรณภูมิ เลิกงานแล้วไปสนามบินได้เลย โดยที่ไม่ต้องลางานเพื่อเผื่อเวลาไปดอนเมือง เครื่องเราออกตอน 1 ทุ่ม
>>> ก่อนถึงวันเดินทางเราลุ้นหิมะตกมาก โดยปกติแล้ว ต้นเดือน ก.พ. ที่เราจะไปทุกปียังไงก็มีหิมะและเจอหิมะตก แต่ปีนี้เหมือนเราจะโชคร้าย ญี่ปุ่นประกาศว่าหิมะตกน้อยที่สุดในรอบ 60 ปี ทำให้เรารู้สึกเซงมาก ว่าจะไม่เจอหิมะตก และแล้วความเซงก็ยังไม่หมด มีโรคโควิด 19 แพร่ระบาดเข้าไปอีกจ้าา ก่อนถึงกำหนดวันเดินทางเราลุ้นหิมะตกเปิดดูกล้องไลฟ์สดอัพเดทหิมะตกทุกวัน จนเราถอดใจและทำใจเลยว่า ต้องไม่เจอหิมะตกแน่ ๆ
พอสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันเดินทางใคร ๆ ก็ทักและเตือนเราว่าไม่ให้เราเดินทางไปญี่ปุ่น เนื่องจากโรคโควิด 19 กำลังเริ่มแพร่ระบาดที่ญี่ปุ่นมากขึ้น แต่เราไม่ฟัง เราคิดแค่ว่าตราบใดที่ยังไม่มีการสั่งห้ามหรือสายการบินยกเลิกเที่ยวบินยังไงเราก็จะไป ((ลุ้นหิมะตก แล้วยังต้องมาระแวงโรคระบาดเข้าไปอีก))
รีวิวเที่ยวนาโกย่า ทาคายาม่า 5 วัน 4 คืน backpack สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่ลางานไม่ค่อยได้ (6 - 10 ก.พ. 63)
ทริปตามล่าหาหิมะ
*** ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนนะค่ะว่านี่เป็นกระทู้รีวิวแรกของเรา ขาดตกบกพร่องอะไรไปต้องขอโทษเพื่อน ๆ ด้วย เจ้าของกระทู้ไปญี่ปุ่นมาครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่รู้สึกประทับใจกับทริปนี้เป็นที่สุดเลยอยากลองมารีวิวให้เพื่อน ๆ ที่เป็นมนุษย์เงินเดือนเหมือนกันกับเราและไม่สามารถลางานได้หลายวัน แต่อยากที่จะไปเที่ยวญี่ปุ่นและได้เจอหิมะตกสักครั้งในชีวิต
>>> มาเริ่มกันเลยค่ะ
ทริปนี้เกิดขึ้นได้จากการที่เราอยากเจอหิมะตกเพราะไปญี่ปุ่นมาก่อนหน้า 2 ครั้ง ไม่เคยเจอเลย เจอแต่หิมะเก่า ๆ ก่อนหน้านี้เราไปโตเกียว เกียวโต โอซาก้า และ ฮอกไกโด แต่ช่วงเวลาที่เราไป คือ วันหยุดสงกรานต์ที่มนุษย์เงินเดือนอย่างเราพอที่จะอาศัยช่วงวันหยุดนั้นมาลาต่อเนื่องเพิ่มลาสัก 2 - 3 วัน ก็ยังไม่น่าเกลียดหรือมีปัญหาสักเท่าไร เพราะช่วงนั้นพนักงานก็จะลากันเยอะ พูดง่าย ๆ มีเพื่อนลาดีกว่า จึงทำให้ไม่เจอหิมะตกเพราะเดือนเมษายนไม่ใช่ช่วงที่ญี่ปุ่นจะมีการตกของหิมะ หลายคนอาจสงสัยว่าไปช่วงวันหยุดปีใหม่ก็ได้นิ ปลายธันวาคมต้นมกราคม มนุษย์เงินเดือนอย่างเราก็มีงบไม่มากนัก ช่วงนั้นเราคิดว่าตั๋วแพงเกินกว่าที่เราจะรับได้ และ อีกอย่างบริษัทเราให้หยุดปีใหม่แค่ 31 และ 1 เท่านั้น
>>> จากนั้นเราก็ได้เริ่มคุยกับแฟนเราให้เขาพาเราไปเที่ยวญี่ปุ่นหน่อยแต่ว่าครั้งนี้เราจะไปเมืองไหนดีล่ะที่จะได้เจอหิมะตกและต้องไปช่วงไหนและต้องลางานกี่วัน จะลาได้ไหม ตกลงเราก็ได้ที่ที่จะไปกันจากการแนะนำของเพื่อนในออฟฟิต เพราะเพื่อนคนนี้ได้จองตั๋วเพื่อจะไปเที่ยวชิราคาวาโกะช่วง 19 ก.พ. 2563 เป็นช่วงทีเพื่อนเราคิดว่างานทางด้านบัญชีของเขาน้อยและจะเจอหิมะตกและฟลูสวยงาม สรุปเราก็ได้ตกลงที่จะไปที่นี้เหมือนกันกับเพื่อน ก็เตรียมดูวันที่จะไปและดูตั๋วเครื่องบิน สรุปเราก็ได้วันที่เราจะไป คือ วันที่ 6 - 10 ก.พ. 2563 ซึ่งเราคิดว่าเราจะลาแค่ 2 วัน ลาแค่วันศุกร์ กับ วันจันทร์ เที่ยวแค่ 3 วัน สำหรับเมืองเล็ก ๆ และ ได้เจอหิมะเราพอใจแล้วแค่นี้กลับบ้านได้เลย 555 หลังจากนั้นแฟนเราก็จองตั๋วเรียบร้อย แต่เราเลือกที่จะไม่บินตรง เลือกที่จะไปต่อเครื่องที่เวียดนาม เพราะถ้าบินตรงเราจะต้องไปขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แต่เราไม่อยากไปเพราะที่ทำงานเราอยู่ใกล้กับสุวรรณภูมิ เลิกงานแล้วไปสนามบินได้เลย โดยที่ไม่ต้องลางานเพื่อเผื่อเวลาไปดอนเมือง เครื่องเราออกตอน 1 ทุ่ม
>>> ก่อนถึงวันเดินทางเราลุ้นหิมะตกมาก โดยปกติแล้ว ต้นเดือน ก.พ. ที่เราจะไปทุกปียังไงก็มีหิมะและเจอหิมะตก แต่ปีนี้เหมือนเราจะโชคร้าย ญี่ปุ่นประกาศว่าหิมะตกน้อยที่สุดในรอบ 60 ปี ทำให้เรารู้สึกเซงมาก ว่าจะไม่เจอหิมะตก และแล้วความเซงก็ยังไม่หมด มีโรคโควิด 19 แพร่ระบาดเข้าไปอีกจ้าา ก่อนถึงกำหนดวันเดินทางเราลุ้นหิมะตกเปิดดูกล้องไลฟ์สดอัพเดทหิมะตกทุกวัน จนเราถอดใจและทำใจเลยว่า ต้องไม่เจอหิมะตกแน่ ๆ
พอสัปดาห์สุดท้ายก่อนวันเดินทางใคร ๆ ก็ทักและเตือนเราว่าไม่ให้เราเดินทางไปญี่ปุ่น เนื่องจากโรคโควิด 19 กำลังเริ่มแพร่ระบาดที่ญี่ปุ่นมากขึ้น แต่เราไม่ฟัง เราคิดแค่ว่าตราบใดที่ยังไม่มีการสั่งห้ามหรือสายการบินยกเลิกเที่ยวบินยังไงเราก็จะไป ((ลุ้นหิมะตก แล้วยังต้องมาระแวงโรคระบาดเข้าไปอีก))