สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
ถ้าเราเป็นผู้ชาย เราคงเบื่อผู้หญิงแบบคุณเจ้าของกระทู้อะค่ะถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆเข้า ขอโทษที่ต้องพูดตรงๆนะคะ
แต่เงินแค่ 100 บาท แลกกับการที่ไม่ต้องวนกลับเข้าไปปั๊มบัตรจอดรถใหม่ทั้งๆที่รถจ่ออยู่หน้าเกทแล้ว มันเสียไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอคะ?
แล้วไม่นึกสภาพตอนที่เขาต้องจอดรถรอคุณไปปั๊ม แล้วดันมีรถคันอื่นมาจ่อหลังรอออกอยู่เหมือนกันบ้างหรอคะ?
คราวนี้ไม่ใช่เสียเวลาแค่คุณ แต่ยังไปเบียดเบียนเวลาของคนอื่นอีก ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะดูเห็นแก่ตัวมากเลยนะคะ
เราว่าทุกคนรู้ค่าของเงินค่ะ มากน้อยแตกต่างกันไปตามสภาวะและประสบการณ์ของแต่ละคน
ไม่มีใครอยากเสียเงินในสิ่งที่เลี่ยงได้จริงๆหรอกค่ะ โดยเฉพาะเรื่องบัตรจอดรถ ซึ่งถ้าปั๊มก็จะไม่ต้องเสียเนี่ย
แต่ในเมื่อลืมกันทั้งคู่และอยู่ในสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ การยอมจ่ายแบบไม่คิดเล็กคิดน้อยมันส่งผลดีกว่าการงกแบบไม่ถูกกาละเทศะนะคะ
แล้วเราตามอ่านที่คุณจขกท.คอมเม้นไว้ว่า เมื่อก่อนแฟนใช้ของแบรนด์เนม แต่เดี๋ยวนี้ยอมเปลี่ยน ยอมไม่ใช้ เพราะคุณเป็นคนประหยัด
เราอ่านแล้วรู้เลยว่าทัศนคติทางด้านการเงินของคุณเป็นแบบไหน ซึ่งคุณก็ไม่ได้ผิดที่คุณคิดแบบนั้นนะ
แต่แค่อยากบอกเอาไว้ว่านั่นอาจจะไม่ใช่ทัศนคติที่นำมาซึ่งความสุขเท่าไหร่ ไม่ว่าจะกับตัวคุณเองหรือกับคนข้างตัวคุณก็ตาม
คนประหยัด ไม่ได้หมายความว่ารอบตัวเขาจะต้องเต็มไปด้วยของราคาถูก หรือใช้ชีวิตด้วยการปล่อยให้เงินหลุดรอดกระเป๋าสตางค์ออกไปให้น้อยที่สุด
คนประหยัด คือคนที่รู้ว่าเวลาไหนควรจ่าย เวลาไหนไม่ควรจ่าย และเมื่อจ่ายมาแล้ว จะได้ประโยชน์จากมันยังไงบ้างต่างหากค่ะ
กล้าพูดเลยว่า เราเป็นคนนึงที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนประหยัด เราวางแผนการเงินในทุกๆทาง แบ่งเก็บ แบ่งใช้ไม่ขาดตกบกพร่อง
เราไม่ชอบให้ตัวเองเสียเงินในเรื่องที่ไม่สมควรจะเสีย แต่เมื่อถึงคราวต้องเสียแบบเลี่ยงไม่ได้ เราก็ยินดีจ่ายมันออกไปอย่างไม่ติดค้างในใจ
เราประหยัดด้วยการใช้ของใช้รอบตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ยาสีฟันจนหมด ใช้โลชั่น ครีมอาบน้ำ หรืออื่นๆใดๆจนหยดสุดท้ายถึงจะทิ้ง
รู้ว่าเป็นคนทานน้อยกว่าปริมาณปกติที่ร้านทำ เลยเลือกทำอาหารเอง เพื่อประหยัดเงินที่ต้องเสียไปกับข้าวที่เราทานไม่หมดแล้วโดนเททิ้งไปเปล่าๆ
เราไม่เคยเปิดไฟหรือเสียบปลั๊กอะไรที่ไม่ใช้ทิ้งไว้ เพราะไม่อยากเสียค่าไฟไปแบบเปล่าประโยชน์
แต่กลับกัน เราสามารถจ่ายเงินหลักแสนได้โดยไม่ลังเล เพื่อซื้อกระเป๋าที่เราชอบและเราจะใช้มันไปได้อีกตราบนานเท่านานเพียงแค่ใบเดียว
เราไม่เสียดายเงินที่ซื้อรองเท้าคู่ละ 2-3 หมื่นบาทเลย เพราะเรารู้ว่ามันให้ประโยชน์กับเรายังไง เรามีความสุขแค่ไหนที่ได้ใส่มันในทุกๆวัน
แต่ในขณะเดียวกัน เราจะเสียดายเงินมาก ถ้าซื้อของไม่กี่สิบบาท แต่มันกลับใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มกับค่าตัวของมันเลย
ทำให้รอบตัวของเรามีแต่สิ่งที่เรารักมันจริงๆ และสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้ทั้งนั้นเลย แล้วไม่ใช่แค่เราที่แฮปปี้ แฟนเราก็แฮปปี้ไปกับเราเหมือนกัน
เพราะทั้งคู่เคารพกันในเรื่องรสนิยม ไม่กล่าวว่าเวลาอีกคนซื้ออะไรแพงๆ เพราะเรารู้และเชื่อใจว่าเขาได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาแล้ว
ถ้าสิ่งที่อีกฝ่ายชอบและซื้อ มันไม่ได้นำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่ครอบครัว ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน และยังมีเงินเก็บที่จัดสรรไว้อย่างดีแล้ว
แล้วอะไรคือข้อเสียล่ะคะ? อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนๆนึงต้องยอมละทิ้งสิ่งที่ตัวเองชอบทั้งๆที่ไม่ได้มีผลเสียอะไร เพียงเพราะแค่อีกฝ่ายเป็นคนงกด้วย?
แบบนั้นความสุขในชีวิตคู่คืออะไรล่ะคะ? ขึ้นอยู่กับว่าจะประหยัดกันได้มากขนาดไหน แค่นั้นเองหรอ?
แต่เงินแค่ 100 บาท แลกกับการที่ไม่ต้องวนกลับเข้าไปปั๊มบัตรจอดรถใหม่ทั้งๆที่รถจ่ออยู่หน้าเกทแล้ว มันเสียไม่ได้ขนาดนั้นเลยหรอคะ?
แล้วไม่นึกสภาพตอนที่เขาต้องจอดรถรอคุณไปปั๊ม แล้วดันมีรถคันอื่นมาจ่อหลังรอออกอยู่เหมือนกันบ้างหรอคะ?
คราวนี้ไม่ใช่เสียเวลาแค่คุณ แต่ยังไปเบียดเบียนเวลาของคนอื่นอีก ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณจะดูเห็นแก่ตัวมากเลยนะคะ
เราว่าทุกคนรู้ค่าของเงินค่ะ มากน้อยแตกต่างกันไปตามสภาวะและประสบการณ์ของแต่ละคน
ไม่มีใครอยากเสียเงินในสิ่งที่เลี่ยงได้จริงๆหรอกค่ะ โดยเฉพาะเรื่องบัตรจอดรถ ซึ่งถ้าปั๊มก็จะไม่ต้องเสียเนี่ย
แต่ในเมื่อลืมกันทั้งคู่และอยู่ในสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ การยอมจ่ายแบบไม่คิดเล็กคิดน้อยมันส่งผลดีกว่าการงกแบบไม่ถูกกาละเทศะนะคะ
แล้วเราตามอ่านที่คุณจขกท.คอมเม้นไว้ว่า เมื่อก่อนแฟนใช้ของแบรนด์เนม แต่เดี๋ยวนี้ยอมเปลี่ยน ยอมไม่ใช้ เพราะคุณเป็นคนประหยัด
เราอ่านแล้วรู้เลยว่าทัศนคติทางด้านการเงินของคุณเป็นแบบไหน ซึ่งคุณก็ไม่ได้ผิดที่คุณคิดแบบนั้นนะ
แต่แค่อยากบอกเอาไว้ว่านั่นอาจจะไม่ใช่ทัศนคติที่นำมาซึ่งความสุขเท่าไหร่ ไม่ว่าจะกับตัวคุณเองหรือกับคนข้างตัวคุณก็ตาม
คนประหยัด ไม่ได้หมายความว่ารอบตัวเขาจะต้องเต็มไปด้วยของราคาถูก หรือใช้ชีวิตด้วยการปล่อยให้เงินหลุดรอดกระเป๋าสตางค์ออกไปให้น้อยที่สุด
คนประหยัด คือคนที่รู้ว่าเวลาไหนควรจ่าย เวลาไหนไม่ควรจ่าย และเมื่อจ่ายมาแล้ว จะได้ประโยชน์จากมันยังไงบ้างต่างหากค่ะ
กล้าพูดเลยว่า เราเป็นคนนึงที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนประหยัด เราวางแผนการเงินในทุกๆทาง แบ่งเก็บ แบ่งใช้ไม่ขาดตกบกพร่อง
เราไม่ชอบให้ตัวเองเสียเงินในเรื่องที่ไม่สมควรจะเสีย แต่เมื่อถึงคราวต้องเสียแบบเลี่ยงไม่ได้ เราก็ยินดีจ่ายมันออกไปอย่างไม่ติดค้างในใจ
เราประหยัดด้วยการใช้ของใช้รอบตัวให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ยาสีฟันจนหมด ใช้โลชั่น ครีมอาบน้ำ หรืออื่นๆใดๆจนหยดสุดท้ายถึงจะทิ้ง
รู้ว่าเป็นคนทานน้อยกว่าปริมาณปกติที่ร้านทำ เลยเลือกทำอาหารเอง เพื่อประหยัดเงินที่ต้องเสียไปกับข้าวที่เราทานไม่หมดแล้วโดนเททิ้งไปเปล่าๆ
เราไม่เคยเปิดไฟหรือเสียบปลั๊กอะไรที่ไม่ใช้ทิ้งไว้ เพราะไม่อยากเสียค่าไฟไปแบบเปล่าประโยชน์
แต่กลับกัน เราสามารถจ่ายเงินหลักแสนได้โดยไม่ลังเล เพื่อซื้อกระเป๋าที่เราชอบและเราจะใช้มันไปได้อีกตราบนานเท่านานเพียงแค่ใบเดียว
เราไม่เสียดายเงินที่ซื้อรองเท้าคู่ละ 2-3 หมื่นบาทเลย เพราะเรารู้ว่ามันให้ประโยชน์กับเรายังไง เรามีความสุขแค่ไหนที่ได้ใส่มันในทุกๆวัน
แต่ในขณะเดียวกัน เราจะเสียดายเงินมาก ถ้าซื้อของไม่กี่สิบบาท แต่มันกลับใช้ประโยชน์ได้ไม่คุ้มกับค่าตัวของมันเลย
ทำให้รอบตัวของเรามีแต่สิ่งที่เรารักมันจริงๆ และสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขได้ทั้งนั้นเลย แล้วไม่ใช่แค่เราที่แฮปปี้ แฟนเราก็แฮปปี้ไปกับเราเหมือนกัน
เพราะทั้งคู่เคารพกันในเรื่องรสนิยม ไม่กล่าวว่าเวลาอีกคนซื้ออะไรแพงๆ เพราะเรารู้และเชื่อใจว่าเขาได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาแล้ว
ถ้าสิ่งที่อีกฝ่ายชอบและซื้อ มันไม่ได้นำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่ครอบครัว ไม่ต้องกู้หนี้ยืมสิน และยังมีเงินเก็บที่จัดสรรไว้อย่างดีแล้ว
แล้วอะไรคือข้อเสียล่ะคะ? อะไรคือสิ่งที่ทำให้คนๆนึงต้องยอมละทิ้งสิ่งที่ตัวเองชอบทั้งๆที่ไม่ได้มีผลเสียอะไร เพียงเพราะแค่อีกฝ่ายเป็นคนงกด้วย?
แบบนั้นความสุขในชีวิตคู่คืออะไรล่ะคะ? ขึ้นอยู่กับว่าจะประหยัดกันได้มากขนาดไหน แค่นั้นเองหรอ?
ความคิดเห็นที่ 30
คิดแต่จะประหยัด แต่รถจ่อตรงทางออกแล้ว
ถ้าจะวิ่งไปแสตมป์บัตรต้องทำยังไง
ให้สามี จอดรถคาไว้ ที่ป้อมทางออก
แล้วคุณวิ่งเหงื่อซกไปเอา
ระยะเวลาที่รอคุณ
เกิดมีรถจะออก
มาต่อท้ายรถสามีคุณ นี่ทำยังไง
คงขลุกขลักน่าดู
เงิน 100 ในเคสนี้ ไม่ใช่แค่ค่าจอดรถ
แต่มันคือจ่ายเพื่อแก้ปัญหา
เค้าอาจไม่อยากให้คุณเหนื่อย วิ่งล่กๆ ไปก็ได้
เค้าอาจจะเกรงใจ รถที่จะต่อท้ายก็ได้
เกิดเจอคู่ครองเป็นผู้ชายขี้เหนียว
มาชี้ให้คุณวิ่งไปเอาบัตรแสตมป์ให้ได้
บางทีคุณอาจไม่พอใจก็ได้
บางจังหวะก็ปล่อยผ่านเถอะ
มันคือ ลืม
คุณเองถ้าตึงมากก็อย่าสั่งเค้า
เคสนี้ เพราะคุณก็ลืมเหมือนกัน
ยิ่งถ้ารู้ว่าเค้าสุรุ่ยสุร่าย ทำไมถึงไว้ใจ
ไม่ช่วยมองกำกับ ลงจากรถก็ถามเค้าสักทีนึง
เอาบัตรแสตมป์มารึยัง
ออกจากธนาคารไม่สังเกตว่าเค้าแสตมป์รึยัง
คนเป็นภรรยา หูตาต้องไว
แถมตอนแรก ก่อนจะสตาร์ทรถ พอรู้ว่าลืม
คุณก็ประเมินแล้วว่าคง 20-50 บาท ชิลๆ
แสดงว่าการลืมเอาบัตรมันไม่ได้ซีเรียสอะไร
บังเอิญมันผิดที่คาดการณ์เท่านั้น
ทำไมเพ่งโทษเอาแต่กับสามี
ขยายความผิดให้ใหญ่โต
คนเราเป็นสามีภรรยากัน
มันคือคู่คิดคู่ทุกข์คู่ยาก
มีผิดร่วมรับผิด
มีสุขร่วมแบ่งปัน
มีทุกข์ร่วมแบ่งเบา
มีปัญหาเล็กๆน้อยๆไม่คาดฝัน
ปล่อยผ่านให้เป็นกำไรชีวิตเถอะคุณ
คุณอยู่ในจุดที่เสียเงิน 100 แบบไม่คาดฝัน
ก็ไม่กระทบการดำเนินชีวิต กระทบแค่จิตใจ
ต้องขอบคุณฐานะการเงินคุณขอบคุณคู่ชีวิตคุณ
เก็บพลังงานทั้งกายใจ
ไว้สู้กับปัญหาใหญ่ๆ ดีกว่า
ถ้าจะวิ่งไปแสตมป์บัตรต้องทำยังไง
ให้สามี จอดรถคาไว้ ที่ป้อมทางออก
แล้วคุณวิ่งเหงื่อซกไปเอา
ระยะเวลาที่รอคุณ
เกิดมีรถจะออก
มาต่อท้ายรถสามีคุณ นี่ทำยังไง
คงขลุกขลักน่าดู
เงิน 100 ในเคสนี้ ไม่ใช่แค่ค่าจอดรถ
แต่มันคือจ่ายเพื่อแก้ปัญหา
เค้าอาจไม่อยากให้คุณเหนื่อย วิ่งล่กๆ ไปก็ได้
เค้าอาจจะเกรงใจ รถที่จะต่อท้ายก็ได้
เกิดเจอคู่ครองเป็นผู้ชายขี้เหนียว
มาชี้ให้คุณวิ่งไปเอาบัตรแสตมป์ให้ได้
บางทีคุณอาจไม่พอใจก็ได้
บางจังหวะก็ปล่อยผ่านเถอะ
มันคือ ลืม
คุณเองถ้าตึงมากก็อย่าสั่งเค้า
เคสนี้ เพราะคุณก็ลืมเหมือนกัน
ยิ่งถ้ารู้ว่าเค้าสุรุ่ยสุร่าย ทำไมถึงไว้ใจ
ไม่ช่วยมองกำกับ ลงจากรถก็ถามเค้าสักทีนึง
เอาบัตรแสตมป์มารึยัง
ออกจากธนาคารไม่สังเกตว่าเค้าแสตมป์รึยัง
คนเป็นภรรยา หูตาต้องไว
แถมตอนแรก ก่อนจะสตาร์ทรถ พอรู้ว่าลืม
คุณก็ประเมินแล้วว่าคง 20-50 บาท ชิลๆ
แสดงว่าการลืมเอาบัตรมันไม่ได้ซีเรียสอะไร
บังเอิญมันผิดที่คาดการณ์เท่านั้น
ทำไมเพ่งโทษเอาแต่กับสามี
ขยายความผิดให้ใหญ่โต
คนเราเป็นสามีภรรยากัน
มันคือคู่คิดคู่ทุกข์คู่ยาก
มีผิดร่วมรับผิด
มีสุขร่วมแบ่งปัน
มีทุกข์ร่วมแบ่งเบา
มีปัญหาเล็กๆน้อยๆไม่คาดฝัน
ปล่อยผ่านให้เป็นกำไรชีวิตเถอะคุณ
คุณอยู่ในจุดที่เสียเงิน 100 แบบไม่คาดฝัน
ก็ไม่กระทบการดำเนินชีวิต กระทบแค่จิตใจ
ต้องขอบคุณฐานะการเงินคุณขอบคุณคู่ชีวิตคุณ
เก็บพลังงานทั้งกายใจ
ไว้สู้กับปัญหาใหญ่ๆ ดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 51
คุณบอกสามีไม่ให้ใช้แบรนด์เนม เพราะคุณไม่ชอบ ไม่เห็นค่า
คุณให้ลูกเรียนนานาชาติ เพราะคุณมองว่ามันคุ้มค่า
ตัวคุณเงินเดือน 3 หมื่น? (จากกท.เก่าที่คุณตั้ง) สามี 3 แสน
ค่าเรียนนานาชาติน่าจะไม่ใช่เงินคุณ สามีคุณยังจ่ายโดยไม่ขัด
สามีจะจ่าย 100 นึง แลกกับความสะดวก คุณไม่พอใจมาก
ทุกอย่างหมุนรอบตัวคุณหรอคะ ความสุขสามีไม่มองบ้างหรือ
ตึงมาก ระวังเตลิดนะ สมัยนี้ยิ่งออกนอกลู่นอกทางได้ง่ายด้วย
คุณให้ลูกเรียนนานาชาติ เพราะคุณมองว่ามันคุ้มค่า
ตัวคุณเงินเดือน 3 หมื่น? (จากกท.เก่าที่คุณตั้ง) สามี 3 แสน
ค่าเรียนนานาชาติน่าจะไม่ใช่เงินคุณ สามีคุณยังจ่ายโดยไม่ขัด
สามีจะจ่าย 100 นึง แลกกับความสะดวก คุณไม่พอใจมาก
ทุกอย่างหมุนรอบตัวคุณหรอคะ ความสุขสามีไม่มองบ้างหรือ
ตึงมาก ระวังเตลิดนะ สมัยนี้ยิ่งออกนอกลู่นอกทางได้ง่ายด้วย
ความคิดเห็นที่ 60
เท่าที่อ่านมา แนะนำ จขกท.ไปหาจิตแพทย์บ้างนะครับ ผมไม่ได้ประชด ผมว่าคุณกำลังมีความเครียดสะสมจนมีปัญหาแล้ว จขกท.มีความคิดวนเวียน และจุกจิกกับเรื่องไม่เป็นเรื่องบ่อยๆมันส่งผลกระทบระยะยาวครับ เห็นว่าคุณทำงานด้านจัดซื้อ หากคุณสร้าง toxicate environment ให้คนรอบตัวและที่ทำงานโดยไม่รู้ตัวงานนี้จะเป็นเรื่องใหญ่กว่าเยอะครับ ผู้ชายไม่ได้คิดน้อยครับ มันคือความเป็นเหตุเป็นผลปกติแต่คุณมองไม่เห็นเพราะความเครียดครับ เดี๋ยวจะเป็นโรคอื่นๆตามมาครับ ปรึกษาจิตแพทย์ ทำตามคำแนะนำ ชีวิตจะดีขึ้นครับ ด้วยความเป็นห่วงครับ
ความคิดเห็นที่ 3
เราเป็นแฟน จขกท เราก็โกรธค่ะ จขกท มองเห็นค่าของเงินมากกว่าค่าของเวลา เราเป็นคนหวงเวลา ถ้าคิดว่าเสียเงินเล็กน้อย แล้วประหยัดเวลาได้มาก เรายอมเสียเงินค่ะ
จขกท ถ้าเสียดายเงิน ลองคิดแบบนี้นะคะ ให้คิดเวลาเป็นเงิน คิดว่าใน 1 ชั่วโมง จขกท สาทารถหาเงินได้กี่บาท สมมติชั่วโมงนึงหาได้ 200 แต่มัวเสียเวลาวิ่งไปสแตมป์บัตร เพราะเสียดายส่วนต่าง 60 บาทที่ต้องเสียเพิ่ม แบบนี้ จขกท ไม่เสียดาย 200 บาทที่จะหามาได้เหรอคะ ซึ่งเวลาตรงนั้นบางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นตัวเงิน แต่มันสบาย ไม่ต้องเหนื่อยวนรถไปหาที่จอด ไปต่อคิวรอแสตมป์บัตร กลับไปที่รถ ขึ้นรถ สตาร์ทรถอีก แทนที่ จะได้ขึ้นไป ไปถึงบ้านหรือถึงร้านอาหารเรียบร้อยแล้ว
ไอ้ประหยัดมันก็เป็นเรื่องดีค่ะ แต่อยากให้มองเวลาที่ต้องเสียไปด้วย เทียบดูอย่างไหนคุ้มกว่ากัน ก็เลือกอย่างนั้นค่ะ
เห็นที่เล่ามาแค่เรื่องเดียวนะคะเราเลยแนะนำแบบนี้ ถ้าแบบแฟน จขกท เป็นคนใช้ของแพงเกินจำเป็น เสื้อผ้ารองเท้ามือถือแพง ๆ เกินจำเป็นจนไม่มีเงินเก็บ อันนี้แนะนำให้แยกกระเป๋า ไม่ก็เลิกกันเลย เพราะทัศนคติด้านการเงินต่างกันเกินไป คบกันยาว ๆ จะทะเลาะกันใหญ่โตแน่ ๆ ค่ะ
จขกท ถ้าเสียดายเงิน ลองคิดแบบนี้นะคะ ให้คิดเวลาเป็นเงิน คิดว่าใน 1 ชั่วโมง จขกท สาทารถหาเงินได้กี่บาท สมมติชั่วโมงนึงหาได้ 200 แต่มัวเสียเวลาวิ่งไปสแตมป์บัตร เพราะเสียดายส่วนต่าง 60 บาทที่ต้องเสียเพิ่ม แบบนี้ จขกท ไม่เสียดาย 200 บาทที่จะหามาได้เหรอคะ ซึ่งเวลาตรงนั้นบางทีมันอาจจะไม่ได้เป็นตัวเงิน แต่มันสบาย ไม่ต้องเหนื่อยวนรถไปหาที่จอด ไปต่อคิวรอแสตมป์บัตร กลับไปที่รถ ขึ้นรถ สตาร์ทรถอีก แทนที่ จะได้ขึ้นไป ไปถึงบ้านหรือถึงร้านอาหารเรียบร้อยแล้ว
ไอ้ประหยัดมันก็เป็นเรื่องดีค่ะ แต่อยากให้มองเวลาที่ต้องเสียไปด้วย เทียบดูอย่างไหนคุ้มกว่ากัน ก็เลือกอย่างนั้นค่ะ
เห็นที่เล่ามาแค่เรื่องเดียวนะคะเราเลยแนะนำแบบนี้ ถ้าแบบแฟน จขกท เป็นคนใช้ของแพงเกินจำเป็น เสื้อผ้ารองเท้ามือถือแพง ๆ เกินจำเป็นจนไม่มีเงินเก็บ อันนี้แนะนำให้แยกกระเป๋า ไม่ก็เลิกกันเลย เพราะทัศนคติด้านการเงินต่างกันเกินไป คบกันยาว ๆ จะทะเลาะกันใหญ่โตแน่ ๆ ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ขอวิธีทำใจเวลาแฟนใช้เงินไม่คิด?